นิยายเรื่องใหม่จ้า "อรุณสวัสดิ์ มาลีพร " ตอนต่อ 2
จำนวนคนเข้าชม : 2555 ครั้ง

ตอนที่  31

 

ตรีขับรถกลับบ้านด้วยความรู้สึกช่องว่างในทรวงอกโล่งโถงคล้ายกับไม่มีอะไรอยู่ที่นั่น  มันแตกต่างจากทุกวันที่หัวใจของเขาจะเต็มอิ่ม  กระตือรือร้นด้วยไฟแห่งคนหนุ่มที่จะออกไปทำงานกับคดีที่ท้าทาย  มีบางอย่างในทรวงอกเขาหายไป  แต่คิดไม่ออกว่ามันคืออะไร  มันมีภาพเบญจาหมดสติในอ้อมแขนของเขาผุดขึ้นมาในความคิดเต็มที่ 

 

รูปร่างอรชรแตกต่างจากสาวอเมริกันผมทองตาสีน้ำเงินทั่วไปเบญจาตัวเล็กเหมาะเจาะกับอ้อมแขนเขาราวกับเธอถูกออกแบบมาสำหรับเขาโดยเฉพาะ  เขาไม่เคยสังเกตมาก่อนว่าริมฝีปากเธอดูจิ้มลิ้ม น่ารักขนาดนี้  ตรีสะบัดหน้าตัวเองแรง ๆ หนึ่งครั้ง  เฮ้ย...นี่เป็นน้องสาวของเพื่อนนะ... เสียงนี้พูดกับเขามาตลอดเวลาที่เขาเห็นเบญจาวิ่งรอบ ๆ ตัวเขาตั้งแต่เธอเป็นวัยรุ่นทีนเอจ

 

เวลานี้เบญจาก็ยังเป็นวัยรุ่นอยู่.....ไม่ ...อีกเพียงไม่กี่เดือนเบญจาก็จะเรียนจบจากมหาวิทยาลัยแล้ว  นั่นจะมีความหมายอะไรเบนเป็นน้องสาวของเพื่อน  ตรีบอกตัวเองมันมีอะไรแปลก ๆ ตั้งแต่เมื่อคืนที่เขาได้พบมาลี  และวันนี้เธอก็โกรธเขาใหญ่โตจนเล่นงานเขาหนักขนาดกระโดดเข้าต่อยตรีลูบคางตนเองอย่างใช้ความคิด  แล้วเกือบสะดุ้ง  เธอคงเจ็บน่าดูที่ถูกหมัดของเขาที่บังเอิญปัดไปโดนขนาดหมดสติไปวูบหนึ่ง

 

เขาไม่น่าเชื่อเธอยอมกลับออกมาโดยไม่พาเธอไปให้หมอตรวจสักหน่อยว่าอาการเธอเป็นอย่างไรบ้าง  คิดแล้วตรีหักพวงมาลัยบังคับรถให้เลี้ยวกลับไปเส้นทางเดิม เขาบอกกับตัวเองว่าอาชีพทนายความของเขาทำให้เขาคิดอย่างรอบคอบถ้าเผื่อเธอเป็นอะไรไปก็ถือว่าเขาไม่ได้ละเลย  เขาขับรถข้ามสะพานบรู๊คลินออกจากแมนฮัตตันไปอีกครั้ง

 

หมดเวลาเข้าออกในมหาวิทยาลัยแล้วครับขอให้คุณกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้เวลาหกนาฬิกา   ยามรักษาการหน้าประตูแจ้งกับตรีอย่างสุภาพที่สุด

 

คือว่าผมจะเข้าไปดูน้องสาวของผมที่หอพักหญิงเธอาจจะไม่สบาย  ตรีพยายามอธิบาย  อีกฝ่ายส่ายหน้าอย่างรู้ทัน   พวกเขาสบายดีไม่ต้องห่วงและกำลังหลับฝันถึงสวรรค์อยู่คุณอย่าเข้าไปรบกวนพวกเธอเลย   คุณรู้ได้ยังไงในเมื่อ เมื่อสักครู่ผมเพิ่งจะพาเธอเข้าไปอาการของเธอดูน่าเป็นห่วง    งั้นเหรอ  เขาถามเสียงยานคางอย่างเยาะเย้ย  ยังไม่เห็นมีใครเรียกเก้าหนึ่งหนึ่งให้มารับสักคน  ตรีทุบรถอย่างขัดใจ   โธ่เว้ย...ผมเป็นทนายความนะไม่ทำอะไรผิดกฏหมายหรอกน่า

 

งั้นผมก็เป็นประธานาธิบดี  ยามพูดไปหัวเราะไปเมื่อเอาไม้กระบองเคาะที่กระจกรถของตรี  ถอยรถออกไปซะก่อนที่ผมจะเรียกตำรวจสายตรวจให้เขามาที่นี่ว่าคุณพยายามบุกรุกในยามวิกาล  ผมไม่ได้บุกรุกเมื่อหัวค่ำผมยังเข้าไปได้    แต่เวลานี้ห้ามผ่านแล้วจะไปไหมหรือว่าผมต้องเตือนอีกครั้งว่า

 

ก็ได้...ก็ได้...  ตรีขบฟันแล้วถอยหลังรถออกมาห่างจากแนวประตูรั้วทางเข้ามหาวิทยาลัยเซ็นท์แคลกลับรถแล้วแล่นไปตามแนวรั้วห่างออกไป  จากถนนสายนอกที่ถูกกั้นด้วยรั้วเหล็กแหลมสูงสามารถมองเห็นด้านหลังหอพักหญิงของเบญจาในดงเชอร์รี่ใบโกร๋นได้ชัดเจน  ตรีจอดรถจนชิดแนวรั้ว  เมื่อแหงนมองคะเนความสูงของรั้วเหล็กที่มีปลายยอดแหลมคล้ายหอกแล้วไม่สู้การที่เห็นด้านหลังของหอพักก็ทำให้ยากที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ

 

เขาตัดสินใจทันทีเปิดไฟส่องหน้ารถสว่างจ้าแล้วเอื้อมมือเข้าไปกดแตรรถถี่ ๆ แรง ๆ สามสี่ครั้งแล้วไปเกาะรั้วตะโกนเข้าไป   เบญจา....เบญจา  แล้วเขากลับไปกดแตรรถอีกครั้งเหมือนเดิมก่อนกลับไปตะโกนเสียงลั่นทุ่งอีกครั้งคราวนี้ได้ผลทุกหน้าต่างที่เห็นของห้องพักด้านหลังเปิดไฟพรึบขึ้นมา

 

เบญจา...เบน...เบน  มีคนมาทุบประตูเรียกที่ห้องของเบญจากับเพื่อที่อยู่ทางด้านหน้าของหอพักอลิสกระโดดจากเตียงไปเปิดประตูตะคอดใส่คนมาทุบประตู    มีอะไร  คนมาทุบประตูมีหลอดพลาสติกม้วนผมเต็มหัวแยกเขี้ยวตอบกลับมา  ไปดูอะไรที่ห้องฉันสิ

 

ทำไม... อลิสเตรียมตัวไปดู  แต่อีกฝ่ายคว้าแขนเอาไว้  โน้น..ต้องเบน   เบญจาตวัดผ้าห่มออกจาตัวก้าวลงจากเตียง   มีอะไร   มีไอ้หนุ่มที่ไหนไม่รู้มาเปิดไฟกดแตรตะโกนเรียกเธอที่ริมรั้วหลังตึกเราน่ะสิ  เบญจาตาสว่างกระโจนผ่านเพื่อนที่มาตมข้ามทางเดินไปยังห้องของคนมาตามเข้าห้องนั้นแล้วไปที่หน้าต่างที่สามารถมองเห็นข้างหลังตึกได้  ที่นั่นก่อนที่เธอจะเปิดหน้าต่างก็ได้ยินเสียงเหมือนเชียร์จากหน้าต่างห้องอื่น ๆ แถวนั้นดังรอดเข้ามาให้ได้ยินแล้ว

 

คนหล่อชื่ออะไรจ๊ะ     เบนไม่อยู่ลอลี่ได้ไหม    ฉันชื่อโมน่ายังว่างอยู่นะจ๊ะ  เบญจายกขอบหน้าต่างกระจกกันลมขึ้นตะโกนแว้ดออกไป  หยุดได้แล้ว  เสียงจากฟากของเธอเงียบกริบไปนิดหนึ่ง   เบนมาแล้ว มีคนอุทาน  เบญจาชะโงกออกมานอกหน้าต่างมองไปยังหน้าต่างบานอื่น ที่เต็มไปด้วยเพื่อนร่วมหอพักที่ชะโงกหน้าออกมาโบกผ้าให้กับคนที่ยืนเกาะรั้วข้างนอกอยู่  เบญจา ตรีตะโกนข้ามเข้ามาอีก  คุณจะทำอะไร  เบญจาตะโกนถามเขา

 

ผมอยากรู้ว่าคุณเป็นอย่างไรบ้าง  เสียงของตรีกังวาลข้ามความมืดมา  เบญจากลอกตาด้วยความสุดปัญยาจะจัดการกับเขา  ฉันสบายดี  เธอตะโกนกลับไป  ไปซะ     จริง ๆ นะว่าสบายดี  เขายังไม่ยอมเชื่อง่าย ๆ   อย่าส่งเสียงดัง  เบญจาเอ็ดเขาอย่างเหลืออด  อยากให้คนอื่นเรียกตำรวจหรือยังไง     พวกเราจะไม่เรียกตำรวจ    อย่ากลัวเลยพวกเราชอบเขานะ  มีสองเสียงแทรกดังมาจากหน้าต่างถัดไปทางซ้ายสองสามบาน

 

ขอบคุณ ครับผม  ตรีโบกมือตะโกนตอบสาว ๆ พวกนั้นราวกับเป็นดาราตอบรับผู้ชมในการแสดงสด  มีเสียงเฮให้การสนับสนุนเขาเพียบ  เบญจาอยากซัดหน้าผากตัวเองด้วยความขัดใจที่พวกเขาสนุกกันโดยไม่คำนึงถึงความอับอายของเธอ  เอาล่ะพอที...คุณตรีก็เห็นแล้วว่าฉันสบายดี...คราวนี้กลับไปซะที

 

ทำไมคุณต้องโกรธผมด้วย  ฉันไม่ได้โกรธ  เบญจาร้องอย่างโกรธ ๆ  ใช่เธอโกรธแหงเสียงแบบนี้  เสียงจากหน้าต่างข้างขวาขัดขึ้น  เบญจาหันไปเอ็ดเพื่อน หยุดซะทีนี่ไม่สนุกนะ     ผมแค่อยากรู้ว่าต้องพาคุณไปหาหมอไหม  ตรียังเซ้าซี้ไม่เลิก

 

ไม่ต้อง...  เบญจากระแทกเสียงแล้วชะโงกหน้าไปเอ็ดเพื่อน ๆ    พวกเธอเงียบไปซะไม่ต้องไปส่งเสริมเขาถ้าพวกเธอไม่ช่วยกันไล่เขาไปอีกไม่นานคงมีคนหออื่นโทร.เรียกตำรวจแล้วเขาคงได้นอนในห้องขังแน่เอาไหม  ใบหน้าตามหน้าต่างห้องทั้งหลายหดหายเข้าไปจนหมดสิ้น    ลาก่อนพ่อรูปหล่อ  ยังมีเสียงลอยลมเล็ดรอดออกมาให้ได้ สิ้นเสียงเฮเล็ก ๆ

 

สร้างความอับอายสุดชีวิตให้กับเบญจาอย่างหวังเลยว่าต่อไปนี้เธอจะพบความสงบสุขเพื่อน ๆ ต้องจับเรื่องนี้มาล้อเธอไม่เลิกแน่  เธอชะโงกออกไปจัดการตัวการก่อน   การแสดงเลิกแล้วคุณทนายความตรีเชิญคุณกลับไปได้แล้ว

 

ท่าทางคุณคงไม่ต้องการหมอจริงด้วย เพราะเสียงดังขนาดนี้ได้ต้องแข็งแรงมาก    จะไปไหม  คราวนี้เสียงแว้ดแหลมสูง      ไปก็ได้   ตรีตะโกนตอบมา  แต่พรุ่งนี้ผมจะกลับมาอีก  ยังไม่ทันที่เบญจาจะตะโกนตอบว่าไม่ต้องมาก็มีเสียงแหลมเล็กจากห้องข้าง ๆ ตะโกนกลับไปอย่างอ่อนหวาน

 

ฉันจะรอคุณด้วยใจจดจ่อที่สุดค่ะ  เบญจาหันไปตวาดเพื่อนขี้เล่นที่ไม่ยอมโผล่หน้าออกมา  เบียบไปเลยลอลี่ถ้าไม่อยากให้ฉันหักคอเธอ แล้วหันกลับไปที่ริมรั้วอีกครั้ง  ไปได้แล้วก่อนที่ฉันจะเรียกตำรวจมาไล่    ไปก็ได้  ตรีตะโกนแล้วก็เดินไปขึ้นรถ  เขารู้ดีว่าเขาอยู่นานจนอยู่ในข่ายเสียงอย่างที่เบญจาพูดว่าหออื่นที่อยู่ข้างเคียงคงโทร.ตามเก้าหนึ่งหนึ่งบาทีพวกเขากำลังมาก็ได้ เขาควรไปได้แล้ว

 

มันมีความรู้สึกแปลกที่กระตุ้นบางอย่างในอกเขาขึ้นมาให้เต็มอื่มทั้งที่ก่อนหน้าที่จะมาเห็นหน้าเธอเหมือนมันกลวงที่ข้างใน  มันนานเท่าไหร่แล้วนะนับตั้งแต่เป็นวัยรุ่นที่เขาเคยทำอะไรบ้าระห่ำอย่างนี้  เบญจามองไฟท้ายรถที่แล่นหายลับไปในความมืดด้วยความอ่อนใจก่อนจะหันกลับเข้ามาในห้องที่มีเพื่อนของเธอโขยงใหญ่จ้องอยู่

 

เธออยากจะกระโจนหน้าต่างแล้วตามไปบีบคอตรีที่ทิ้งเธอไว้กับปัญหาเบ้อเริ่ม   บอกมานะว่าเขาเป็นใคร  มีเสียงถามพร้อมกันสามสี่เสียง  มิน่าเธอไม่ยอมมองหนุ่มหออื่นเลย  มีคนตั้งข้อสังเกตด้วย  เบญจาโบกมือแล้วพยายามเบียดเพื่อนที่ขวางเพื่อออกจากห้องนี้กลับยังห้องของเธอทุกคนยังตามมาตื้อไม่เลิก    เขาเป็นใคร   บอกหน่อยน่า  มีคนตามมานั่งบนเตียงของเธอด้วย  เบญจาผลักคนที่นั่งให้ตกเตียงไป

 

เธอไม่อยากรู้จักเขาหรอกเน่า เชื่อฉันเถอะ    พวกเราจำได้นะว่าเขาเป็นคนเดียวกันกับคนที่อุ้มเธอมาส่งเมื่อกี้  เบญจาขึงตาให้เพื่อนทุกคน  เลิกซักถามฉันซะที....ฉันต้องการพักผ่อน  แค่ตอบว่าเขาเป็นใครแล้วพวกเราจะไป  ข้องต่อรองสุดท้ายทำให้เบญจาขบฟัน   ก็ได้เขาคือคนโง่  เธอย้ำคำตอบเดิมที่เคยตอบไปแล้ว

 

ตรีจามครั้งหนึ่ง เมื่อเขาเปิดประตูบ้านตนเองเข้าไป  มีคนเปิดไฟสว่างขึ้นที่ทางเดิน   ยังไม่นอนอีกหรือครับพ่อ  ตรีทักจี๋ จิงฉวน  ที่ออกมาจากห้องรับแขก  ทำไมแกกลับมาดึกจัง  จิงฉวนถาม  ผมไปธุระมาสองสามที่ครับ     ไม่ได้ไปที่บ้านของจักรกับฉัตรมาหรือ  คำถามของ จิงฉวน ทำให้ตรีเกือบสะดุ้ง

 

เขาลืมสนิทว่าเขาไปที่บ้านของจักรและฉัตรเพื่อพบมาลีด้วยเรื่องอะไรเขาใช้เวลาทั้งช่วงเย็นจนเกือบครึ่งคืนไปกับสาวน้อยเบญจา  จำไม่ได้ว่าเขาตั้งใจไปเยี่ยมมาลีเพื่อขอสานไมตรีกับเธอ  หกเจ็ดชั่วโมงที่ผ่านมาไม่มีมาลีในสมองของเขานอกจากเบญจา  สีหน้าประหลาดของลูกชาย ทำให้จิงฉวนพยักหน้า

 

ไม่เป็นไร ถ้าแกไม่ได้ไปที่บ้านนั้นพรุ่งนี้ก็ยังมีโอกาส  เขาเดินผ่านลูกชายแล้วตบไหล่ให้กำลังใจ  พรุ่งนี้ก็ได้  ตรีพยักหน้าแล้วก็เดินไปยังห้องนอนของตน   เขาไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้ของจิงฉวนนั้นยาวไกลมากสำหรับเขาและมาลี

 

ตอนที่ 32

 

จักรตบพุงตนเองจนเกิดเสียงดังคล้ายถังน้ำดังกร๊องอย่างอารมณ์ดี  คิดไม่ถึงเลยว่าภัตตาคารของเพวกเราจะทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้ถ้าขืนใครเรียกอะไรขึ้นมาอีกจานฉันมีหวัง   กินไม่เหลือเหมือนเดิม อริสาต่อให้สามีด้วยความหมั่นไส้  แต่ไม่ทิ้งแววแห่งความรักมาลีพรมองพวกเขาด้วยความประทับใจ  ฉัตรยกถ้วยน้ำชาจีนขึ้นจิบช้า ๆ เคียงข้างลินดาที่ยังเซ้าซี้ถามไอริณเรื่องหลานสาวตัวน้อยที่ไม่ได้มา

 

พวกเขาบางครั้งก็ยังหันไปคุยกับคุณย่าไฉ่ฝ่งบ้าง  แต่ศิลากับอาคมดูเหมือนจะมีเรื่องบางอย่างที่ซุบซิบกันไม่เลิกบางทีก็แวว ๆ ว่าเป็นเรื่องการตลาดกับการเงินของพวกเขา  มาลีพรอยกาจะถอนใจด้วยความโล่งอกที่ในที่สุดเธอก็จะได้แต่งงาน  คิดแล้วน้ำตาซึมมันเป็นความปรารถนาของเธอที่ไหนกัน เมื่อเดือนที่แล้วเธอยังอยู่ที่ประเทศไทยมีความคิดว่าตรนเองจะเป็นอิสระจากมาลีไปเป็นนักทำขนมปังตามความฝันชะตาพลักผันให้เธอต้องมาใช้ชื่อมาลีอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้าที่เธอไม่รู้จักและยังต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่รักเธอ  มีมืออุ่น ๆ เลื่อนมากุมมือเธอเอาไว้บีบหนักแน่นถ่ายเทความอบอุ่นให้กับเธอ

 

ไม่สบายหรือ  ไฉ่ฝ่งถามด้วยความห่วงใย  เธอก้มหน้าลงส่ายหน้านิด ๆ   อยากได้อะไรอีกไหม  ขอบคุณค่ะหนูอิ่มแล้วค่ะ  อย่าวิตกกังวลไปเลยย่าเข้าใจดีสาว ๆ ทุกคนก็จะวิตกก่อนแต่งงานกันทุกคนพอยุ่ง ๆ สักพักเรื่องเตรียมงานแล้วหนูจะลืมไปเอง  ย่าไฉ่ฝ่งพูดตามที่ตนเองเข้าใจ   แล้วพวกเราทุกคนจะช่วยหนูให้ผ่านพ้นเรื่องนี้ไปด้วยดี ลินดารับรองอีกคน

 

นี่ก็ดึกแล้ว  ไฉ่ฝ่งชวนลูกหลาน  เรากลับบ้านกันเถอะ  ทุกคนจึงลุกขึ้นจากโต๊ะ  ฉัตรตบไหล่ลูกชาย  แกพาคุณย่ากับมาลีไปส่งที่บ้านที  อ้าวไม่ไปพร้อมกันหรือ ไฉ่ฝ่งถาม  ผมจะต้องไปดูซิงสาขาสามกับสาขาห้าก่อนกลับครับ  ฉัตรตอบจักรก็พยักหน้ารับ

 

ผมจะพาอริสาไปดูซิง  สาขาสองกับสาขาสี่    พวกเราคงอยู่ไม่ดึกไปกว่านี้หรอกค่ะคุณแม่  ลินดารับรองอาคมจึงขอตัวพาไอริณแยกกลับไปก่อน  ศิลาพาไฉ่ฝ่งและมาลีพรแลับบ้านกันตามลำพัง

 

ย่าอนุญาตให้ลากันสองสามนาทีตอนมาลีไปส่งแกที่หน้าประตู  ไฉ่ฝ่งพูดขึ้นเมื่อเดินเข้ามาถึงห้องของท่านแล้ว  ศิลาอยากหัวเราะกับสีหน้าที่จริงจังของย่า แต่ไม่กล้า เพราะท่านคงซัดเขาแล้วจะเปลี่ยนคำอนุญาตเป็นอย่างอื่น  แหม...คุณย่าพวกเราเป็นคู่หมั้นกันแล้วนะครับตั้งแต่มาลีกับผมตกลงใจแต่งงานกันไม่ต้องเข้มงวดก็ได้นะครับ

 

ไฉ่ฝ่งนิ่วหน้าให้หลานชาย  ไม่ต้องมาทำเสียงออกอ้อนฉันตราบใดที่พวกแกยังไม่ได้แต่งงานกันเรียบร้อยฉันก็ถือว่ามาลียังอยู่ในปกครองของฉันห้ามทำในสิ่งที่ฉันไม่ชอบ    คร๊าบผม...ไปส่งผมหน่อย  ศิลาตอบแล้วเข้าไปโอบไหล่มาลีพรคิดจะลากให้เธอไปส่งเขาที่หน้าบ้านแต่เธอผลักอกเขาออก  ฉันคิดว่าคุณหาทางกลับไปได้เองได้โดยที่ไม่ต้องให้ฉันไปส่งก็ได้  เขาเบิกตามองเธอด้วยแววขัน

 

ใช่นี่เป็นบ้านของครอบครัวผม ผมรู้ทางออกดี แต่มันเป็นธรรมเนียมที่คุณต้องส่งคู่หมั้นตัวเองที่ประตูนะจริงไหมครับคุณย่า  ตอนท้ายเขาหันไปขอกำลังสนับสนุนจากไฉ่ฝ่ง  คุณย่าค่ะ...  มาลีพรคิดจะคัดค้านเขาไฉ่ฝ่งพเยิดหน้าให้

 

ไปเถอะ....ไม่ต้องมาอายย่า แต่ต้องตามสัญญานะห้ามอยู่นาน  ศิลาคว้าข้อมือลากเธอให้เดินตามเขาออกไปหลังจากที่เขาลาย่าตนเองตามทำเนียมไปแล้ว  มาลีพรพยายามยื้อมือของเธอคืนมาแต่สู้แรงดึงของเขาไม่ได้จนต้องแทบวิ่งลงบันไดอย่างรีบ

 

ปล่อยฉันหรือไม่ก็หยุดเดินถ้าคุณไม่อยากลากฉันกลิ้งตกบันได  เธอร้องกับเขาอย่างเหลืออด  เขาไม่ปล่อยมือจากเธอแต่ก็ยอมเดินช้าลงจนทั้งสองมาหยุดยืนอยู่หน้าโถงเล็ก ๆ ทางออกจากบ้านและที่หน้าประตูห้องรับแขก   เวลานี้ทุกคนในครอบครัวของคุณต้องคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงไม่ดีที่ไปนวดหลังคุณบนเตียงของคุณ  เธอพูดกับเขาเสียงกระซิบไม่อยากให้ไฉ่ฝ่งได้ยินเรื่องนี้  คุณจะกรุณาช่วยอธิบายกับพวกเขาไหมว่าคุณแกล้งฉัน  ศิลารั้งครั้งเดียวทั้งสองเข้าไปในห้องรับแขกที่ปิดไฟมืดมีเพียงแสงไฟนิดเดียวจากโคมข้างถนนเบื้องนอกลอดผ่านรอยแยกของผ้าม่านในห้องด้านติดถนนใหญ่เข้ามาพอให้มองเห็นว่ามีสิ่งใดอยู่ภายในห้องได้ราง ๆ ศิลากระซิบที่ข้างหูของเธอ

 

แล้วผมจะอธิบายทุกอ่างให้ทุกคนเข้าใจหลังจากเราแต่งงานกันแล้ว  ลมหายใจอบอุ่นด้วยกลิ่นบรั่นดีอ่อนที่เขาดื่มหลังอาหารส่งกระแสความร้อนผ่าวเข้าสู่กระแสเลือดของเธอได้อย่างไม่น่าเชื่อทำให้ไม่รู้สึกหนาวเย็นทั้งที่ยังไม่ได้เปิดเครื่องทำความร้อนในห้องนี้เลย  มาลีพรพยายามรวบรวมความคิดของตัวเองที่กระเจิดกระเจิงไปกับอารมณ์อ่อนไหวกับความใกล้ชิดกับเขา

 

คุณร้ายกาจมากคุณศิลา...    ผมรู้... เขากระซิบตอบเสียงแผ่ว  แต่ถ้าคุณ.... เธอพยายามคิดว่าควรจะพูดทำความเข้าใจอะไรกับเขา แต่สติของเธอไม่อาจจคิดอะไร คล่องตัวนัก  ทำไม   คุณฝืนใจตัวเองให้แต่งงานกับฉัน...ทำ...มะ  เขาไม่ยอมให้เธอพูดจบปากร้อนผ่าวของเขาประทับจุมพิตเธออย่างรวดเร็วรุนแรงบดปากนุ่มให้เธอกลืนเสียงตนเองเข้าไปในลำคอ

 

มาลีพรอยากผลักอกเขาออกแต่ไม่ทำเธอกำไหล่แข็งกระด้าง  เขาด้วยนิ้วเรียวในวันนี้เขาจูบเธอถึงสองครั้งแล้ว  มันเหมือนพลิกโลกของเธอให้สะเทือนสะท้านให้ทั่วอย่างไม่เคยมีใครทำมาได้ก่อนพอเขาถอนปากขึ้นจากปากนุ่มแดงระเรื่อด้วยแรงบดขยี้จุมพิตที่ร้อนแรง  ทำไมคุณจึงฝืนในแต่งงานกับ...ฉะ...  เธอถามเขาย้ำคำถามเดิมด้วยเสียงสั่นเครือ  ศิลาก็จูบเธออีกครั้งจนเธอแทบหมดแรงจากความร้อนแรงของจุมพิตที่เขามอบให้แก่เธอ

 

ก่อนที่เขาจะถอนใบหน้าขึ้น  แล้วพูดกับเธอด้วยเสียงจริงจัง  ใครที่ฝืนใจตัวเองคงจูบคุณไม่ได้อย่างนี้หรอก  มาลีพรกลืนน้ำลาย  เธออยากเถียงแต่จนด้วยคำพูดเธอไม่ประสบการณืเรื่องนี้มากเท่าเขานี่นาศิลาเชยคางเธอขึ้นให้มองเขาในเงามืด  เธอไม่เห็นอะไรนอกจากแววตาที่วาววามอ่านไม่ออก

 

อย่าคิดอะไมากเราจะแต่งงานกันคุณจะได้เป็นเจ้าสาวตามอย่างที่คุณตั้งใจมาจากเมืองไทยแล้วผมก็จะดูแลคุณตามสัญญา  ไม่ใช่ด้วยความรัก.....มาลีพรต่อประโยคนี้ด้วยความเจ็บปวดในใจ  เธอไม่มีทางเลือก....น้ำตาซึมมาคลอที่ดวงตา  ศิลาไม่เห็นเพราะเขามัว แต่ปราบปลื้มกับชัยชนะของเขาและความอิ่มเอมที่ได้จุมพิตเธอ  มาลีพรผลักไหล่เขาเบา ๆ

 

คุณต้องไปแล้วนะคะไม่อย่างนั้นคุณย่าจะไม่พอใจ  เขายิ้มไม่คิดจะดื้อดึงอีก  บางทีเธอคงจะเหนื่อย เพราะวันนี้มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นในชีวิตของเธอเขาควรเห็นใจเธอ  ยังมีเวลาอีกทั้งชีวิตที่จะอยู่กับเธอหลังพวกเขาแต่งงานกัน  ศิลาปล่อยมือคลายจากร่างของเธอแล้วคว้ามือให้เธอเดินตามเขาออกไปที่ประตูหน้า

 

วันนี้คุณเหนื่อยมามาก  เขาบอกกับเธอเบา ๆ ควรพักได้แล้ว  มาลีพรยืนนิ่งมองเขาเปิดประตูบ้านชั้นนนอกออกไปแล้วหันกลับเข้ามาอีกครั้งทำให้เธอสะดุ้งด้วยความระแวง  มันแปลกที่เขารู้สึกแสลงใจที่เธอสะดุ้งตกใจคิดกลัวสัมผัสจากเขา  มีอะไรอีกไหมค่ะ คุณศิลา  เธอถามเขาค่อย ๆ เขาพยักหน้ารับ  พรุ่งนี้เช้าผมจะมารับคุณไปซื้อแหวนหมื้นและแหวนแต่งงานกันตอนสิบโมงเช้า

 

คือว่า... เธอคิดไม่ออกว่าจะบอกปัดเขาอย่างไร  มันคือองค์ประกอบสำคัญของการแต่งงาน  เขาเตือนเธออย่าได้คิดปฏิเสธ  มาลีพรจำใจพยักหน้ารับ  เขาเชยคางเธอให้สบตาเขาด้วยปลายนิ้ว  เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน...หลับให้สบายฝันดีในคืนนี้แล้วไปเลือกแหวนวงที่สวยที่สุดของก้านกันในวันพรุ่งนี้  เขาก้มลงจูบที่ริมฝีปากของเธอเบา ๆ แว๊บเดียวก็ผละออก  ราตรีสวัสดิ์ มาลี

 

ชื่อของมาลีทำให้เธอเกือบผงะด้วยความตกใจ  แต่ศิลาไม่ทันสังเกตเขาหันหลังเดินออกไปแล้วงับประตูปิดทั้งสองชั้นอย่างหนาแน่นน้ำตาร้อน ๆ ไหลรินจากดวงตาของมาลีพร  เธอจะทำอย่างไรดี...เรื่องมันไปไกลกว่าที่จะคิดย้อนกลับหรือเธอไม่อยากย้อนกลับเองเธอกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายที่เธอรักในชื่อของผู้หญิงอื่น   ไม่....ฉันไม่อาจโกหกเขาได้  เธอร้องแล้ววิ่งไปเปิดประตูบ้านถลาวิ่งออกไปข้างนอกบ้าน

 

บนถนนเงียบกริบอย่างเมืองกรุงใหญ่ ๆ ทั่วโลกคือมีแสงสว่างในความมืดด้วยโคมไฟฟ้าของท้องถนนที่จะเห็นรถผ่านไปบนถนนตัดข้างหน้าไกลสักคัน  เธอตัดสินใจนานเกินไปเขากลับไปซะแล้ว  มาลีพรเดินระทดระทวยกลับเข้าบ้านด้วยความเศร้าสร้อย  บางทีพรุ่งนี้..เมื่อพบเขาเธอจะบอกความจริงเรื่องมาลี

 

เขาอาจจะเลิกล้มการแต่งงานถ้าเขารู้ความจริงว่าเธอไม่ใช่มาลี  คิดแล้วทำให้หัวใจของมาลีพรเจ็บแปลบเหมือนถูกเข็มเล่มใหญ่แทง  คืนนี้นจึงเป็นคืนแห่งความทรมานสำหรับเธออย่างที่สุดที่จะข่มตาหลับและสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็มาปรากฏในความฝัน  มาลีมาเพื่อทวงเอาสิทธิ์ของเจ้าสาวคืนจากเธอ มันทรมานเธอตลอดคืนด้วยมือของมาลีที่ยื้อศิลาไปจากเธอ  ส่งผลให้เช้าวันรุ่งขึ้นเธอหดหู่ใจอย่างที่สุดในตำแหน่งว่าที่เจ้าสาว

 

ตอนที่  33

 

ห้านาฬิกาของวันใหม่มาเยือน  บางคนอาจจะยังมีเวลาเหลืออีก ให้ลาความฝันในคืนที่ผ่านมาอย่างอ้อยอิ่ง  แต่คนในครอบครัวของไฉ่ฝ่งตื่นเพื่อเริ่มกิจวัตรประจำวันตามปกติกันแล้ว  มาลีพรได้ยินเสียงฝีเท้าที่เบามากเดินผ่านห้องของเธอลงไปชั้นล่าง  จำได้ว่าครั้งแรกที่เธอมาพักยังครอบครัวนี้ ทุกเช้าลินดาจะลงไปทำอาหารเช้าที่ครัวสำหรับคนทั้งบ้าน  และเปิดประตูรับสาวใช้คนจีนที่จะมาทำหน้าที่ทำความสะอาดบ้านและซักรีดเสื้อผ้าในเวลาตีห้าครึ่งทุกวัน 

 

มาลีพรสลัดผ้าห่มผืนหนาออกจากตัว ไอเย็นของอากาศพุ่งเข้ามาจับตัวจนหนาวสั่งต้องรีบคว้าเสื้อไหมพรมตัวหนามาสวม  เธอสะท้านอยู่ครู่หนึ่งกว่าเสื้อตัวนี้จะเก็บความร้อนในร่างกายเอาไว้ได้ให้พออุ่นเล็กน้อย  รีบไปห้องน้ำแปรงฟันล้างหน้าแล้วรีบเช็ดให้แห้ง ก่อนละเลงโลชั่นทาผิวที่แห้งผากได้ฉับพลันอย่างไม่น่าเชื่อ  โฮ้ย...หนาวอะไรอย่างนี้  เธองึมงำ

 

เมื่อคืนเธอก็ไม่ได้อาบน้ำแค่ล้างหน้าแปรงฟัน  แล้วเข้านอนขนาดฝันร้ายยังไม่มีเหงื่อออกให้ใบหน้ามันเลย  คิดถึงมาลีแล้วทำให้มาลีพรหดหู่ใจอีกครั้ง  พอออกจากห้องน้ำเกือบตีห้าครึ่งแล้วเมื่อได้ยินเสียงถอดกลอนประตูหน้าบ้าน  จึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า  สวมกางเกงผ้าเนื้อสำลีแนบเนื้อทับด้วยกางเกงยีนส์ อย่างที่เบญจาแนะนำว่าจะทำให้อุ่นกว่าสวมกางเกงยีนส์ตัวเดียว  สวมเสื้อผ้าฝ้ายตัวเก่าจากเมืองไทย  ทับด้วยเสื้อไหมพรหมแคชเมียร์ที่ศิลาซื้อให้แล้วรีบลงไปที่ห้องครัว

 

พบลินดากับหมิงสาวใช้ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่มาทำหน้าที่ผู้ช่วยแม่บ้าน  จ่าว...มิสมาลี  หมิงทักอย่างคุ้นเคย   จ่าว...หมิงเจ่  มาลีพรตอบกลับไปด้วยภาษาแมนดารินเช่นกันก่อนหันไปหาลินดา  อรุณสวัสดิ์ค่ะ  ป้าลินดา  ลินดายิ้มให้เธออย่างเอ็นดู  หนูควรหัดเรียกฉันว่าแม่ได้แล้วนะ เพราะหนูหมั้นกับศิลาแล้ว

 

มาลีพรหน้าแดงด้วยความเขินอายแต่ก็เชื่อฟัง  ค่ะคุณแม่  หมิงหูผึ่งทันที  คู่หมั้นของนายศิลา  ลินดาจึงอธิบายกับสาวใช้จากจีนแผ่นดินใหญ่  เมื่อวานคุณมาลีรับปากจะแต่งงานกับลูกชายคนเล็กของฉันน่ะสิหมิง  ข่าวใหญ่หมิงคิดด้วยความตื่นเต้น  เธอจะต้องกระจายข่าวนี้ในหมู่สาวใช้จากจีนแผ่นดินใหญ่ที่มาทำงานอยู่ตามบ้านชาวจีนโพ้นทะเลในนิวยอร์กให้ทั่ว  ยินดีด้วยค่ะคุณมาลี  หมิงแสดงความยินดีกับมาลีพร  ทำให้เธอเขินมาก  ขอบคุณแต่วันนี้คุณป้า...เอ่อ...คุณแม่ทำอะไรเป็นอาหารเช้าค่ะ มีอะไรให้หนูช่วยไหมค่ะ  มาลีพรรีบเปลี่ยนเรื่องพูดกัน 

 

ลินดาแสนเป็นปลื้มที่ถูกเรียกว่าแม่  วันนี้มีโจ๊กแปะก้วยต้มฟองเต้าหูในซุปน้ำกระดูกหมูกินกับบะจ่างไส้ไข่เค็มกับเห็ดหอมผัดหมูสามชั้น  หม้อโจ๊กกำลังเดือดส่งกลิ่นหอมฉุย ของแปะก้วยกับน้ำกระดูกหมู  มาลีพรหน้าแหยไปนิดหนึ่ง เพราะเธอทำอาหารยาก ๆ แบบนี้ไม่เป็น

 

หนูทำไม่เป็นค่ะ  ลินดาส่ายหน้า   โจ๊กน่ะ...สุกนานแล้ว เพราะแค่จับทุกอย่างใส่เข้าไปแล้วตุ๋นไฟไปเรื่อย ๆ ส่วนบะจ่างแม่เอามาจากร้านของพวกเราที่ทำขายประจำแช่แข็งเอามาละลายในไมโครเวฟก่อนกินเอานึ่งน้ำเดือดไม่ให้มันเละก็เป็นอันเสร็จ  แล้วมีอะไรให้หนูทำไหมค่ะ  มาลีพรพยายามเสนอตัวช่วย  ลินดามองเวลาที่หกนาฬิกาแล้ว

 

ไปช่วยแม่จัดโต๊ะก็ได้เช้านี้ทุกคนลงมากินอาหารเช้าเร็ว  เพราะต้องออกไปทำธุระข้างนอกกัน  มาลีพรเดินตามลินดาเข้าไปในห้องกินข้าวทิ้งให้หมิงทำความสะอาดเครื่องใช้อยู่ในครัวเองตามลำพัง  มาลีพรเปิดตู้เก็บถ้วยชามออกอย่างคุ้นเคยหยิบชามและเครื่องใช้ออกมาเรียงจัดบนโต๊ะตามจำนวนคนในบ้านอย่างคล่องแคล่ว

 

เธอยังจัดไม่เสร็จดีไฉ่ฝ่ง ก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับอริสาตามด้วยจักรและฉัตร  ตื่นเช้ากันทุกคน  ไฉ่ฝ่งทักด้วยความพึงพอใจที่เห็นมาลีในห้อง  สวัสดีค่ะคุณย่า  มาลีพรทักแล้วหันไปทักคนอื่น ๆ จนครบรีบเดินเข้าไปรับมือไฉ่ฝ่งพาเดินมานั่งที่หัวโต๊ะ  หนูสอบผ่าน  อริสาแอบกระซิบใส่หูมาลีพรเมื่อเดินผ่านเข้ามา  เพราะย่าชอบคนตื่นเช้าไม่ขี้เกียจ 

 

ค่ะ  มาลีพรยิ้มเขินนิด ๆ หมิงยกหม้อโจ๊กเข้ามาตั้งที่โต๊ะบนผ้ากันความร้อนแล้วกลับออกไป  ไม่ต้องมีใครสอนมาลีพรรีบจับทัพพีตักโจ๊กเสิร์ฟให้กับทุกคนเมื่อหมิงกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับจานใส่บะจ่างควันฉุยผ่านใบบะจ่างที่ห่อและมัดด้วยเชือก ลอยเป็นสายขึ้นมาให้เห็น 

 

เสียงกริ่งที่หน้าประตูก็ดังขึ้น  หมิงไปดูทีว่าใครมา แต่เช้าอย่างนี้  ลินดาสั่งหมงิเมื่อรับจาใส่บะจ่างมาตั้งกลางโต๊ะ  อรสาไปหยิบกรรไกรเพื่อใช้ในการตัดเชือกมัดบะจ่างมาวางไว้ข้างจานเลิกคิ้ว  ศิลาหรือเปล่า   ไม่น่าจะใช่...เพราะศิลาต้องไปตลาดไท  ฉัตรตอบพี่สะใภ้  

 

ใครนะ  จักรรำพึงเมื่อตักโจ๊กเข้าปากกินช้า ๆ   จิ๋นกู  ไฉ่ฝ่งตอบ  ฉันเรียกให้เขามาที่นี่เอง  จริงสิ  ลินดาร้องขึ้น  พวกเราต้องจัดเตรียมเรื่องการแต่งงานให้กับมาลีและศิลาต้องใช้ให้จิ๋นกูไปทำงานไม่อย่างนั้นไม่ทันแน่  จิ๋นกูก้าวนำหน้าหมิงเข้ามาในห้อง

 

ยินดี..ยินดี...ทุก ๆ คน  จิ๋นกูพูดแสดงความยินดีพร้อมยกมือซ้ายกำมือขวาที่กำเอาไว้เขย่าแสดงความยินดีตามประเพณีจีนหลาย ๆ ครั้งตามทำเนียบการทักทายของคนจีนผู้รู้งานว่าให้พูดแต่คำเป็นมงคล เพราะบ้านนี้จะมีงานมงคล  มานั่งกินโจ๊กกันจิ๋นกู  ไฉ่ฝ่งชี้ไปที่นั่งข้างซ้ายที่จักรลุกเลื่อนไปนั่งอีกฟากอย่างรู้ดีว่ามารดาอยากพูดอะไรกับจิ๋นกูเรื่องงานสำคัญของครอบครัว

 

หมิงหยิบถ้วยชามมาตั้งให้กับจิ๋นกู  ในที่สุดก็ตกลงใจกันได้แล้วสินะหนูมาลี  จิ๋นกูถามแต่ไม่รอคำตอบก็รีบหันไปหาไฉ่ฝ่งอย่างเป็นการเป็นงาน  ต้องจัดงานพิธีเต็มที่นะไฉ่ฝ่งหยี่ยี้  เพราะช่วยงานคนมาเยอะแยะจะต้องแจกบัตรเชิญให้ครบทุกคน

 

คิดว่าอย่างนั้น ไฉ่ฝ่งรับปาก  ผมจะพิมพ์บัตรเชิญในวันนี้เองครับว่า แต่กำหนดวันไหนแน่ ๆ ฉัตรถาม    ศิลาบอกว่าอีกสองอาทิตย์มันตรงวันอะไรน้า....อ่อ...วันที่สิบธันวาคม  จักรช่วยน้องชายนับ  จิ๋นกูโบกมือ  ไม่ได้ ไม่ได้  แต่งงานต้องดูฤกษ์ดูเวลาเอาดวงไปผูกกันจะได้อยู่กันยืดยาวมีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมืองไปหาฤกษ์ก่อนแล้วค่อยกำหนดวันแต่งงาน  มาลีพรเบิกตาแล้วพูดขึ้นว่า

 

งั้นเราไปทำอย่างนั้นกัน  ไม่ได้...ไม่ได้  ฉัตรร้องเรียนแบบเสียงของจิ๋นกูคัดค้านขึ้น  เราจะต้องจัดงานแต่งงานให้ตรงวันที่นายศิลากำหนด   ทำไม  จิ๋นกูสงสัย  ลินดาดึงแขนไม่ให้มาลีพรพูด  ไฉ่ฝ่งโบกมือ ไม่ต้องเถียงกัน  จิ๋นกูผู้ชำนาญการจัดงานแต่งงาน งานศพโกนผมไฟ  เด็กแรกเกิดรวมไปถึงรับจ้างร้องไห้หน้างานศพนิ่วหน้าอย่างไม่สบายใจ

 

การแต่งงานต้องฤกษ์ งามยามดีจะทำให้ลูกหลานเจริญอยู่กันยืด     นี่ก็ปลายปี...  ไฉ่ฝ่งพูด  ฤกษ์แต่งงานดีทั้งเดือนธันวาคม วันไหนก็แต่งได้ทั้งนั้นและความจริง พวกเขาน่ะดวงสมพงศ์กันดีนะ ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเจอกันถือว่าเป็นวาสนาที่ดีแล้ว เอาตามที่ลูกชายบอกนั่นล่ะจิ๋นกู  ในเมื่อประมุขของครอบครัวตัดสินใจอย่างนี้จิ๋นกูจนปัญญาที่จะเถียง  ใครว่าคนพวกนี้หัวโบราณบางคนก็ตามใจตัวเองเหมือนกันหนักนิดเบาหน่อย ตามใจลูกค้า จะดีกวาตามใจตัวเองจะมีงานเข้ามาให้ทำไม่ขาดสายและครอบครัวนี้จ่ายงามมาก

 

แต่คนอื่นยกเว้นมาลีพรรู้ดีว่าไฉ่ฝ่งตัดสินใจเช่นนี้เพราะไม่อยากขัดใจหลานชายจอมดื้อที่หากมีอะไรมาสะดุดใจอาจจะเปลี่ยนความคิดแล้วคราวนี้แผนที่วางไว้ว่าจะให้ศิลาแต่งงานต้องมีปัญหาแน่  ผมจะไปพิมพ์บัตรเชิญ  ฉัตรย้ำอีกครั้ง

 

เราจะเชิญแขกเท่าไรดีครับแม่ จักรถาม    ทุกคนที่เรารู้จัก  ไฉ่ฝ่งตอบ  เพราะนี่คือหลานที่ฉันรัก  มาลีพรชักเวียนหัวกับข้อตกลงที่ใหญ่โตมโหฬารเช่นนี้  แล้วเรื่องหารหารล่ะ  อริสาถามขึ้น 

ใช้ซิงสาขาหนึ่งสิปิดร้านหนึ่งวันเลี้ยงแต่งงานหลานฉันทั้งทีจักรไปดูทีนะ  ไฉ่ฝ่งสั่งลูกชายอย่างรื่นเริงงานมงคลทำให้คนแก่อารมณ์ดีและมีชีวิตชีวามันจะต่ออายุให้ยืนยาวไปอีกหลาย ๆ ปี

 

เราจะต้องดูเรื่องชุดแต่งงานของมาลี  ลินดาเสนอ     ลินดาไปจัดการ  มีคำสั่งอนุญาตมาอีก  ฉันจะช่วยไปดูด้วย  อริสาอาสาจะช่วย  เราจะต้องพาเบญจาไปตัดเสื้อผ้าด้วย  แล้วทุกคนก็พูดถึงการแต่งงานที่เหมือนเาภูเขาลูกมหึมามาวางตรงหน้าของมาลีพรเธอไม่คิดมาก่อนเลยว่างานแต่งงานจะยุ่งยากขนาดนี้

 

พวกเราไปกันเถอะ  อยู่ ๆ ไฉ่ฝ่งก็ชวนขึ้นดื้อ ๆ  ไปไหนค่ะ  มาลีพรยังตามไม่ทัน  ก็ไปทำงานประจำกันน่ะสิ  ฉัตรพูด   เราจะพาหนูไปดูภัตตาคารซิงของเราท้งห้าแห่งอย่างน้อยเรียกว่าเป็นการเรียนรู้ธุรกิจของพวกเราว่ามีอะไรบ้าง  ลินดาพูดขึ้น  ต่อไปหนูจะได้เป็นเจ้าของ  นี่คือครั้งแรกที่มาลีพรเรียนรู้ว่าคนในครอบครัวทำงานเป็นทีมอย่างรู้ใจกันแค่คนหนึ่งพูดประโยคเดียวอีกคนก็เข้าใจแล้วต่อเรื่องได้หมด

 

แต่คุณศิลา นัดว่าจะมารับหนู  ไปดูแหวนหมั้นกันเวลาสิบโมงค่ะ  เธอรีบบอกเพราะไม่อยากให้มีการผิดพลาดเกิดขึ้น  ใจหนึ่งจริง ๆ ในส่วนลึกเธอไม่อยากไปดูทรัพย์สมบัติของพวกเขามันเป็นมโนธรรมส่วนลึกเตือนว่าเธอไม่มีสิทธิ์ เพราะเธอสวมรอยแอบอ้างมา   ทุกคนยักไหล่

 

ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น  ไฉ่ฝ่งบอก  เราโทร.บอกศิลาได้ว่าพวกเราไปที่ไหน  เขาจะตามไปเองนั่นล่ะ  แล้วทุกคนก็เคลื่อนขบวนออกจากบ้านไปอย่างรื่นเริงยินดี

 

ตอนที่ 34

 

มาลีพรเรียนรู้ในเวลาไม่ช้าว่าทำไมมาลีจึงยอมทิ้งรากฐานที่เมืองไทยเพื่อมาแต่งงานกับผู้ชายที่ตนเองไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน  ภัตตาคารซิงทั้งห้าสาขาเลิศหรูตกแต่งแบบจีนราชวงศ์ชิงที่นิยมไม้ฉลุลายสี่เหลี่ยมซ้อนกันเป็นวงกรุพื้นลายด้วยสีแดง  พื้นปูพรมแดงรับกับผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา  เพราะพวกเขาบริการคนมีฐานะที่นิยมอาหารจีนราคาแพงไม่ใช่บะหมี่ผัดข้าวผัดจานด่วนอย่างที่คนอเมริกันฮิตกินแบบง่าย ๆ ราคาถูก แต่นี่เป็นร้านอาหารมีระดับคนรวยเท่านั้นที่จะเข้ามารับบริการ  พวกเขามีพนักงาน แต่ละสาขาหลายสิบคนและมีผู้จัดการคอยควบคุมดูแล  ไฉ่ฝ่งสั่งให้จักรพาไปส่งที่ซิงสาขาสามในย่านถนนเลขที่ห้าสิบเจ็ดที่ตั้งของร้านค้าราคาแพงทั้งหลายแหล่  จักรจอดรถที่หน้าถนนใหญ่ให้แล้วรีบไปเปิดประตูรถให้มารดา

 

มาลีพรรีบก้าวลงจากรถมารอรับไฉ่ฝ่ง  แม่จะอยู่ที่สาขานี้กับมาลีรอให้ศิลามารับเองเจ้าไม่ต้องมารับหรอก  ไฉ่ฝ่งบอกกับจักรและอริสาที่จะไปดูงานที่ปั๊มน้ำมันของพวกเขา มาลีพรรีบมาประคองไฉ่ฝ่งเดินเข้าลานกว้างของตึกบีบีไปยังชั้นใต้ดินที่เข้าได้ทางด้านหน้าร้านอาหารซิงสาขาสามอยู่ข้างล่างนั่นเอง  ผู้จักการร้านนี้เป็นคนไทยเชื้อสายจีนชื่อ นวัต

 

สวัสดีครับท่านประธาน  นวัต โค้งให้กับไฉ่ฝ่ง  นี่คือมาลีคู่หมั้นของศิลา  ไฉ่ฝ่งแนะนำ  นวัตเบิกตาแวบเดียวแล้วก็น้อมศีรษะให้  ยินดีที่รู้จักครับผม นวัต เป็นผู้จัดการสาขานี้ครับคุณมาลี   พาเราไปดูรอบ ๆ สิอีกไม่นานร้านจะเปิดบริการรอบกลางวันแล้วไม่ใช่หรือ  ไฉ่ฝ่งสั่ง

 

นวัตพาไปตรวจห้องครัวที่สะอาดมากเครื่องใช้วาววับทุกชิ้นตลอดจนแผนกจัดเก็บอาหารสดอาหารแห้งและไปหยุดที่แผนกการเงิน  ทุกวันเราจะมาตรวจระบบการบริหารและรายได้จากที่นี่  ไฉ่ฝ่งสอนมาลีพร เอออออย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก

 

ภัตตาคารที่ประสพความสำเร็จไม่เจ๊งเพราะสามสิ่ง  ไฉ่ฝ่งพูดไปเรื่อย ๆ หนึ่งเป็นที่น่าเชื่อถือของลูกค้าเรื่องบริการดีอาหารอร่อย สองจัดซื้อด้วยตนเองอย่างที่หนูเห็นศิลาคุมสายนั้นอยู่ส่วนใหญ่การรั่วไหลจะมาจากที่นั่นแค่เราอุดมันด้วยการให้ศิลาไปทำงานนี้  เธอเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่าเขาคือหนึ่งในหัวใจของธุรกิจของครอบครัวของเขาในส่วนจัดซื้อ

 

สามการควบคุมคนในร้านอย่างใกล้ชิดให้พวกเขาไม่เหลวไหลเท่านี้เราก็จะรวย  ไฉ่ฝ่งจบการสอนเพียงแค่นี้   หนูคิดว่าชอบงานส่วนไหนของร้านที่สุด  มาลีพรอึกอักนิดหนึ่ง  ในความเป็นจริงชีวิตก่อนที่เธอจะมาถึงอเมริกาเธอฝันว่าตนเองจะใช้ชีวิตอยู่ในครัวที่กว้างใหญ่ของโรงแรมที่ไหนสักแห่งในกรุงเทพฯ ทำขนมปังและเค้กให้กับผู้คนกินมันอย่างมีความสุขแต่ภัตตาคารของไฉ่ฝ่งเป็นส่วนที่เธอไม่กล้าฝัน  หนูยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะถนัดได้ในส่วนไหนค่ะ

 

เธอตอบตามความเป็นจริง เสียงอ่อย  นวัต จึงหาทางออกให้อย่างสุภาพ  ลองนั่งข้างแคชเชียร์เก็บเงินดูสักพักดีไหมครับทุกครั้งที่คุณศิลาหรือลุงจักรมาพวกท่านก็จะนั่งที่นั่นประจำและจะเห็นคนในครัวถนัด เพราะพวกเขาจะเดินออกมาเสิร์ฟอาหารจากที่นั่นพอกับเห็นลูกค้าทั้งร้านจากมุมนั้นด้วย

 

ก็ดีเหมือนกันนะ ไฉ่ฝ่งเห็นด้วย  พวกเขาจึงพามาลีไปหาแคชเชียร์สาวใหญ่อายุราว ๆ ลินดา ท่าทางใจดีเชื่อ เฟธ   คุณย่าจะไปไหนค่  มาลีถามไฉ่ฝ่งฟน้าตื่น เพราะท่านทำท่าจะผละไปเลย  ท่านโบกมือไล่ให้นวัตและคนอื่น ๆ ไปทำงานต่อก่อนหันมาพูดกับมาลีพร

 

วันนี้มีคนงานคนหนึ่งที่สาขานี้ไม่มาทำงานย่าจะไปดูที่นั่นแทน    ให้หนูไปช่วยดีไหมค่ะ  มาลีพรรีบเสนอตัวเองหวังจะเบาแรงไฉ่ฝ่ง  ไม่ต้องหนูอยู่ที่นั่นกับเฟธนะ  ไฉ่ฝ่งสั่งแล้วก็รีบผละไปอีกฟากของร้าน  มาลีพรละล้าละลัง  แต่เฟธตบหลังมือเธอเบา ๆ

 

ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ  คุณย่าเป็นเจ้าของร้านนี้ท่านจะทำงานอะไรก็ได้ที่อยากทำเพื่อให้ร้านที่ท่านก่อตั้งไปได้รอดเองร้านเริ่มเปิดแล้วลูกค้าทยอยกันเข้ามาแล้วค่ะ  มีลูกค้าทะยอยเข้าร้านเรื่อยจนเต็มร้านงานยุ่งมากกับการรับใบออเดอร์  เทียบกับโต๊ะต่าง ๆ มาลีพร อยู่ช่วยเฟธอย่างเพลิดเพลินจนลืมเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วลืมสนิทว่านัดศิลาให้เข้ามารับเธอจนเขาเดินเข้ามาในร้านใกล้บ่ายหนึ่งโมงพอดี

 

คุณศิลา  เธอทักทายอย่างร่าเริงดึง ใบออร์เดอร์จากช่องเสียบหมายเลขโต๊ะมารวมกันให้เฟธ  โต๊ะนี้เรียกเก็บเงินอีกแล้ว เฟธรับไปคิดเงินอย่างรวดเร็ว  ดูเหมือนคุณจะรอผมด้วยความเพลิดเพลินกว่าที่ผมคิดซะอีก  เขาตั้งข้อสังเกตอย่างนึกขำ  คุณย่าบอกว่าฉันเรียนได้จากที่นี่ค่ะ

 

ใช่  เขายอมรับแล้วหันไปรอบ  แล้วคุณย่าไปไหน  มาลีพรหน้าเหลอหลาหันไปมองเฟธ  ศิลาจึงถามเฟธเอง คุณย่าไปไหน  เฟธพยายามรักษาสีหน้าให้เรียบเฉยเมื่อตอบเขา  อยู่ที่เดิมค่ะคุณศิลา..เพราะเจ้าของไม่มาทำงานค่ะ  ศิลากลอกตา  เอาอีกแล้วหรือนี่  เฟธแบมือออกสองข้าง คล้ายช่วยอะไรไม่ได้

 

ศิลาส่ายหน้า แล้วหันหลังกลับเดินไปยังอีกฟากของร้านที่มาลีพรเห็นย่าไฉ่ฝ่งเดินเข้าไปเมื่อสองชั่วโมงก่อน  มาลีพรหันไปถามเฟธ   รู้ไหมว่าคุณศิลาไปไหน   ไปห้องน้ำค่ะ  เฟธตอบสั้น ๆ แต่เขาไม่ได้ปวดอะไรที่จะใช้บริการหรอกค่ะ       แล้วเขาไปทำไมค่ะ   ท่านประธานไฉ่ฝ่งอยู่ในนั้นล่ะ  มาลีพรยังไม่เข้าใจเรื่องนี้อยู่ดี  แล้วทำไมคุณศิลาดูโกรธที่ท่านไปใช้ห้องน้ำ

 

ท่านไม่ได้ไปใช้ห้องน้ำหรอกค่ะ      หมายความว่ายังไง      ท่านเข้าไปทำหน้าดูแลความสะดวกในห้องน้ำค่ะ    ไปล้างห้องน้ำหรือค่ะ  มาลีพรอ้าปากหวอ  ไม่ใช่ค่ะนั่นมีพนักงานทำความสะอาดอยู่แล้วท่านไม่ต้องทำหรอกค่ะ  แต่ท่านจะคอยดึงผ้าเย็นผ้าร้อนแล้วแต่แขกชอบแบบไหน ส่งให้พวกแขก หลังเขาล้างมือ 

 

เธอจำได้ห้องน้ำในร้านอาหารของซิงแต่ละสาขาสะอาดและหรูมากและมีพนักงานให้ความสะดวกเรื่องนี้จริง ๆ  ท่านเป็นคนที่ทำงานทุกอย่างไม่นิ่งดูดายจึงทำให้ลูกหลานมีทรัพย์สินรวยขนาดนี้  เฟธอธิบาย ๆ นั่นมากันแล้ว  ไฉ่ฝ่งเดินนำหน้าหลานชายออกมาทั้งสองหน้าบึ้งพอกันทั้งคู่  ศิลาเดินมาดึงมาลีพรออกมาจากหลังเคาน์เตอร์แคชเชียร์  ไฉ่ฝ่งเดินมาหยุดที่หน้ากล่องใส่ทิปของพนักงานที่เมื่อได้ทิปจากแขกจะนำมาหย่อนที่นั่นเพื่อจะเปิดแบ่งในเวลาเลิกงานทุกวัน

 

สองชั่วโมงมีคนเข้าห้องน้ำตั้งสามสิบคนแนะเฟธ  ไฉ่ฝ่งบอกเฟธยิ้ม ๆ แม้จะเครียดนิด ๆ กับศิลาที่ยืนซ้อนหลังท่าน เราได้ร้อยเจ็ดสิบเหรียญ  เฟธเกือบหัวเราะกับสีหน้าของศิลาเสหันไปพูดกับไฉ่ฝ่ง นั่นเจ้สอง นั่งอยู่สามวันเลยนะคะ ท่านประธาน เฟธพูดให้ฟัง  ไฉ่ฝ่ง ยิ้มให้กับเฟธอย่างเป็นปลื้ม

 

ศิลากลอกตาแล้วคว้าแขนไฉ่ฝ่งพร้อมกับดึงมาลีพรติดมือเขาอีกข้างพาเดินไปกับเขาออกไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว  นวัตเดินเข้ามาที่เคาน์เตอร์อีกครั้งหลังที่เขาหายเข้าไปเร่งคนในครัวพักใหญ่เจอเฟธหัวเราะคนเดียวอยู่กับกองบิลใบเรียกเก็บเงิน  คุณมาลีไปไหนเฟธ  คุณศิลามารับไปแล้ว

 

อ้าว....ผมคิดว่าพวกเขาจะอยู่กินกลางวันที่นี่ซะอีกอุตส่าห์แอบเข้าไปสั่งเชฟจัดโต๊ะพิเศษที่ห้องหน้าครัวของเชฟคุณรู้ไหมว่าทำไมพวกเขารีบนัก   คุณศิลามาพบท่านประธานไปที่ห้องน้ำก็ลากออกไปเลย    โมโห  นวัตถาม    ไม่รู้     คราวที่แล้วมาเจอก็ไม่ว่าอะไรนี่นา   นวัตงึมงำแล้วเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้งเพื่อบอกเลิกโต๊ะพิเศษที่เขาคิดว่าตนเองเกือบมีโอกาสได้นั่งยลโฉมคู่หมั้นคนสวยของเจ้านายด้วยเมื่อพวกเขากินข้าวกลางวันที่นี่

 

มาลีพรพยายามแกะแงะมือที่กุมต้นแขนของเธอออกพร้อมกับโก่งตัวเพื่อหยุดไม่ให้ศิลาลากเธอไปอย่างนี้  มือเขาเหนียวอย่างไม่น่าเชื่อไม่ยอมปล่อยจากแขนเธอและไฉ่ฝ่งที่ยังเห็นยึดเอาไว้อีกข้างให้เดินกันเป็นหน้ากระดานเรียงสาม  นี่หยุดลากฉันซะที...นายศิลา  ไฉ่ฝ่งสั่งเสียงเย็น

 

เขาหยุดพอดีที่พวกเขาทั้งสามมาหยุดตรงหน้ารูปปั้นมองคล้ายคนบิดขี้เกียจสีขาวสูงเทียบตึกสี่ชั้นบนลานโล่งหน้าตึกสูงกวาเจ็ดสิบชั้น  มีผู้คนเดินไปมาที่นั่นขวักไขว่  เพราะเป็นเวลาหลังอาหารกลางวันคนจะกลับเข้าสู่ที่ทำงานบนตึกสูงระแวกนี้ทั้งหมด  มาลีพรสะบัดแขนเขาหลุดออกไปพร้อมกับแว้ด

 

คนทุเรศ     คุณว่าผมทำไม  ศิลาขึงตาใส่เธอ  คุณอยากทำไม่ดีกับคุณย่าทำไมล่ะ  ศิลาหันไปมองไฉ่ฝ่งที่ยืนกอดอกมองเขาด้วยสายตาเย่อหยิ่งไม่ยอมพูดอะไรเพราะถือว่ามีคนรบแทนให้แล้วเขาจึงหันกลับมาหาเธอ  มาลีพรไม่รอให้เขาพูดหรอกเธอเลือกที่จะโจมตีก่อนเพื่อความได้เปรียบ

 

คุณอายที่คุณย่าไปอยู่ที่ห้องน้ำใช่ไหมคนทุเรศ  ศิลาอ้าปากหวอไปอึดใจหนึ่งก่อนจะติงอย่างใจเย็น   คุณเรียกผมว่าคนทุเรศสองครั้งแล้วนะหวานใจ   ฉันไม่สนแต่คุณควรจะทำดี ๆ กับคุณย่าไม่ใช่หยาบคายกับท่านอย่างนี้คนเราทำงานอาชีพอะไรที่สุจริตย่อมมีเกียรติทั้งนั้นแม้จะเป็นคนดูแลในห้องน้ำ  เขาหันไปมองไฉ่ฝ่ง  คุณย่าเสนอให้มาลีเริ่มงานที่ห้องน้ำนั่นหรือเปล่า

 

ไฉ่ฝ่งยักไหล่แสดงไม่มีความคิดเห็นก่อนจะแก้ตัว   ฉันยังไม่เคยพูดอะไรนะ  มาลีพรดึงแขนให้เขาหันกลับไปหาเธอ  ฉันไม่ให้คุณเอ็ดท่านนะ  เขาไม่โต้ตอบเธอแต่พูดขึ้นมาเสียงเรียบเฉยจับอารมณ์เขาไม่ได้เลยว่ารู้สึกอะไร ผมเริ่มทำงานให้ซิงครั้งแรกก็ที่ห้องน้ำนั่นล่ะ  เขาเคยทำงานนี้มาก่อนเธออ้าปากค้าง

 

คุณมีปมกับเรื่องนี้หรือคะ  เธอถามด้วยความระมัดระวังที่สุดไฉ่ฝ่งหัวเราะขึ้นมาอย่างขบขันทำให้ศิลาหน้างอหงิก  อะไรหรือคะคุณย่า  มาลีพรไม่เข้าใจตลอกส่วนตัวอย่างนี้อยู่แล้ว  ศิลาชอบที่นั่นด้วยซ้ำไป  ทำไมคะ  เธอยิ่งไม่แน่ใจหนักขึ้น

 

เพราะทิปของที่นั่นงามกว่าพวกเดินโต๊ะเสียอีก...คนงกทิป  ไฉ่ฝ่งเย้าหลานชายเสียงหัวเราะร่วนศิลาตรงเข้าไปกอดไฉ่ฝ่งแล้วยกขึ้นหมุนไปรอบ ๆ ตัวแรง ๆ หลายรอบแล้วทั้งสองหัวเราะประสานเสียงกันดังลั่นจนผู้คนแถวนั้นมองด้วยความสนใจ  มาลีพรอ้าปากค้าง  เพราะท่าทางของทั้งสองสนุกสนานมากกว่าที่จะมีปมด้อยทั้งย่าหลานไฉ่ฝ่งทุบไหล่หลานชาย

 

โอ้ยเวียนหัวปล่อยย่าลงสิ  ศิลาทำตามแล้วทั้งสองยังหัวเราะกันอีกพักหนึ่งก่อนจะหันมามองมาลีพรที่ยืนตีสีหน้าไม่เข้าใจที่สุด  ไฉ่ฝ่งเรียกเธอเข้าไปใกล้ มานี่  ศิลายื่นหน้าเข้าไปใกล้ไฉ่ฝ่ง  พูด  เขาไม่เคยดูถูกงานทุกชนิดไม่ว่าจะทำอะไรเหมือนย่าที่ทำงานได้ทุกอย่างนั่นล่ะ  ไฉ่ฝ่งอธิบาย      แล้วทำไมคุณศิลาจึงดูโกรธนัก     เขาโกรธที่ย่าลืมว่าเรานัดกันว่าจะไปดูแหวน แต่งงานให้หนูไง

 

ตอนที่ 35

 

มาลีพรรู้สึกแปลกว่าตัวเองหน้าชาไปด้วยคำตอบของไฉ่ฝ่ง  เพราะเธอก็ลืมเรื่องแหวนแต่งงานไปสนิท  ทุกคนลืม  ศิลากล่าวหาทุกคนได้สนิทปาก  จากแววตาตื่นตกใจของความทรงจำได้ว่านักเขาเอาไว้  มาลีพรหน้าแหย่ไปนิดหนึ่ง  ถึงไม่ลืมเธอก็ไม่อยากจะไป  เธอมีความลับบางอย่างที่ตั้งใจจะพูดให้เขารู้ในวันนี้เป็นความลับเรื่องของมาลี

 

น้อยใจไปได้น่าศิลาไฉ่ฝ่งเย้าหลานชาย  เรื่องใหญ่อย่างนี้จะไม่ให้ผมโกรธ...ผมมาถึงคนหนึ่งสนุกกับงานแคชเชียร์อีกคนสนุกกับการเก็บเงินค่าทิปในห้องน้ำเห็นผมไม่มีความหมายเลย     คุณโกรธทั้งฉันด้วยนี่คะ มาลีพรอุทานอย่างสำนึกผิด

 

ควรมั้ยล่ะ     ฉันขอโทษค่ะ  เธอพยายามแก้ไขความผิด   อย่าเรื่องมากเลยน่าศิลาเราจะไปซื้อแหวนแต่งงานของแกกันอยู่แล้วไง  ไฉ่ฝ่งพูดแล้วคว้าแขนมาลีพรเข้ามาใกล้  ง่าย ๆ อย่างนี้เลยหรือ  ศิลาพูดอย่างนึกขำ   ง่าย ๆ อย่างนี้เลยหรือ  ศิลาพูดอย่างนึกขำ

 

ก็มาลีขอโทษแกไปแล้วไงหรือแกไม่อยากไป       ไปสิครับ...ไปสิ   แต่ว่า..คือว่า  มาลีพรพยายามพูด  มีอะไรที่หนูอยากได้หรือ  ไฉ่ฝ่งถาม  แต่ศิลารีบขัดกลัวว่าเธอจะหาเรื่องบ่ายเบี่ยง  ไม่ยอมไปซื้อแหวนอย่างเมื่อวานที่เธอยังพยายามให้เขาล้มเลิกการแต่งงาน  เราจะเลือกกันที่ร้าน.....ไปกันเถอะครับ

 

ศิลาเดินนำไปก่อน ทำให้มาลีพรต้องหุบปากที่จะขอพูดธุระกับเขาลงเธอจะพูดได้ยังไงเขาไม่อยู่รับฟังอย่างนี้แล้ว  เธอไม่อยากพูดต่อหน้าไฉ่ฝ่ง  การอธิบายให้คนเดียวเข้าใจมันยากอยู่แล้วแต่ถ้าได้ผลจะมีคนช่วยอธิบายความจำเป็นของเธอต่อ ๆไปได้ เพราะเรื่องนี้มีคนเกี่ยวข้องมากมายเหลือเกิน  มันคงจะยากถ้าต้องพูดกับหลาย ๆ คน เพราะทุกคนจะมีคำถามรุมเร้าเข้ามาเธอจะแก้ตัวยากขึ้น  คงต้องหาโอกาสพูดกับเขาตามลำพังให้ได้  มาเถอะ  ไฉ่ฝ่งลากมือของเธอให้ติดตามไป

 

ในร้านขายเครื่องประดับราคาแพงเงียบและไม่ค่อยมีคน  ไฉ่ฝ่งนั่งข้างมาลีพร  มีศิลานั่งตอ่ท้ายแถวที่หน้าตู้กระจกโชว์แหวนเพชรสารพัดแบบอยู่ข้างใน  หนุ่มใหญ่เชื้อสายจีน-อเมริกันที่แนะนำว่าชื่ออองลีเป็นเพื่อเก่าของฉัตรทำหน้าที่ดูแลการขายครั้งนี้  เขาหยิบแหวนตามที่ศิลาชี้ลงไป

 

แหมหนุ่มเอ๊ย  นายตาถึงมากแหวนวงนี้สวยที่สุดในแบบที่พวกเราเลือกมาสำหรับเจ้าสาวในฤดูนี้เลย  มาลีพรมองแล้วมันก็คือแหวนทองคำขาวเกลี้ยงเกลาทั้งวงประดับหัวแหวนด้วยเพชรสีขาวสว่างน้ำงามเม็ดเดียวโดด ๆ ที่หัวแหวนเท่านั้นไม่มีลวดลายอะไรสักหน่อย  ศิลาคว้ามือของมาลีพรมาสวมแหวนวงนี้ลงบนนิ้วนางข้างซ้าย  น่าประหลาดแหวนธรรมดาเกลี้ยง ๆ ประดับเพชรเม็ดเดียวมันดูสวยในนิ้วเรียวงามของมาลีพร

 

เห็นไหมมันสวยจริง ๆ อองลีรีบพูดให้เครดิตมัน   คุณชอบไหม  ศิลาถามชิดหูเธอ  มันทำให้เธอเขินอายกับกิริยาที่สนิทสนมอย่างนี้แต่ก็สามารถตอบได้ว่า สวยค่ะแต่ว่าวง  มันใหญ่ไปหน่อย มีวงเล็กกว่านี้ไหมค่ะ  เขาไม่เชื่อเธอไม่มองที่แวนด้วยซ้ำไปเมื่อประกาศว่า  เราเอาวงนี้

 

เดี๋ยวค่ะ มาลีพรพยายามจะถอดแหวนออกจากนิ้ว  แต่ไฉ่ฝ่งกดมือเธอเอาไว้  อย่าถอด...นี่ถือว่าย่ามาเป็นพยานแล้วสวมติดนิ้วไปได้เลย  ไม่มีใครสนใจท่าทีพยายามคัดค้านของเธอยิ่งนายอองลีนั่นไม่มองมาเลย  เพราะศิลาสั่งแหวนแต่งงานของเธอกับเขาคู่หนึ่ง  แล้วดึงสมุดเช็คออกมากรอกจำนวนตามที่อองลีแจ้ง  โดยไม่ต่อราคาสักคำเดียว

 

มันแพงเกินไป  มาลีพรพยายามพูด   ศิลาจ่ายได้  ไฉ่ฝ่งตอบ  ตัวเขาเองก็หันกลับมาเมื่ออองลีถือเช็คเขาจากไปพร้อมคำสั่งทำแหวนแต่งงาน  รอยยิ้มของเขาทำให้เธอตะลึงลืมหมดทุกยอ่างว่าจะพูดอะไรกับเขาเขาอาจจะหัวเราะกับย่าไฉ่ฝ่ง  แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขายิ้มให้เธอโดยตรง  มีบางอย่างในหัวใจของเธอที่ร่วงลงจากที่สูงเหมือนมันตกลงในเหวที่ลึกอย่างไม่มีวันจะหล่นถึงก้นเหวได้  เขายกมือข้างซ้ายที่ประดับด้วยแหวน  ที่เขาซื้อให้เธอขึ้นจุมพิตเบา ๆ ให้ริมฝีปากของเขาประทับกับนิ้วและแหวนจนสัมผัสเนื้อจนรู้ถึงรอยจุมพิตนี้แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้น

 

เราหมั้นกันแล้วแหวนนี้ สวมเอาไว้ตลอดนะมาลี  มาลี...ชื่อนี้เรียกสติของเธอกลับมาอีกครั้งเหมือนกระชาก  เธอจะบอกเขาอย่างไรนะว่าอย่าเพิ่งซื้ออะไรให้เธอจนกว่าเขาจะได้ฟังเรื่องราวของมาลีพรคนนี้ซะก่อนว่าเธอไม่ใช่มาลีคนที่เขาเข้าใจ  มีก้อนอะไรบางอย่างมาจุกที่ลำคอของเธอจนร้อนผ่าว  ถ้าเธอพูดเดี๋ยวนี้เธอจะสูญเสียเขาไปทันที

 

นั่นมันเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย....น้ำตาของเธอผุดจนเต็มตาด้วยความอัดอั้นตันใจที่ไม่กล้าพูดความจริงกับเขา  ศิลาเข้าผิดเขาบีบมือเธอหนักแน่น  อย่าร้องไห้ ผมจะดูแลคุณเองและเราจะแต่งงานกันปัญหาทุกเรื่องจะหมดไปขอให้คุณเชื่อใจผม  เขาไม่รู้หรอกว่าเธอยึดถือคำพูดของเขาวันนี้เอาไว้จนถึงวันที่เขามาคืนให้เธอเจ็บปวดจนเจียนตายที่เขาไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ  แต่วันนี้เธอเชื่อเขา อย่างที่หัวใจเธอเองที่อยากเชื่อเขา

 

ทั้งสามออกจาร้านเพชรก็บ่ายจัดแล้วแต่ลมหนาวในนครนิวยอร์กยังพัดแรง  เราไปหาอะไรกินกันเถอะ  ไฉ่ฝ่งชวน  คำชวนทำให้ท้องของมาลีพรร้องขึ้นทันทีเตือนว่าเกือบแปดชั่วโมงที่เธอกินโจ๊กนิดหน่อยกับบะจ่างหนึ่งชิ้นมันหมดไปแล้ว  คุณย่าอยากจะกินอะไรครับ  ศิลาถามอย่างเอาใจ เขาเองก็รู้สึกหิวเช่นกัน  แถวนี้มีอาหารจานด่วนไหมที่นั่งปุ๊บเสิร์ฟได้ปั๊บ

 

มีครับ   ไกลไหม  ไฉ่ฝ่งถาม   เดินอ้อมตึกหลังนี้ก็จะพบแล้วครับ  ศิลาพาทั้งสองเดินอ้อมตึกไปพบร้านกาแฟที่เสิร์ฟขนมเค้กและขนมปังไส้ต่าง  ๆ กับเด็นนิส หลากชนิดให้กับลูกค้าที่โต๊ะได้ทันทีที่เรียก ทั้งสามได้โต๊ะใหญ่ริมหน้าต่างชิดถนน  ไฉ่ฝ่งสั่งโกโก้ร้อนกับขนมปังไส้ผักโขมกับเด็นนิสหน้าแอปเปิ้ลศิลาสั่งแซนวิชไส้แฮมสองชิ้นใหญ่มากินกับกาแฟมาลีพรจึงเลือกขนมปังไส้ผักรวมหนึ่งชิ้นกับเค้กเรย์เย่อร์มะนาวหอมกรุ่นมากินกับน้ำส้มคั้น

 

ว้าว...ไม่คิดเลย่าผักพวกนี้เอามารวมกันทำไส้ขนมได้  มาลีพรพูดอย่างลืมตัวเพียงกัดขนมปังเข้าปากลิ้มรสชาติคำแรก  เขาใส่อะไรไว้ข้างใน ศิลาชักสนใจที่เธอดูชื่นชอบ    ผักโขม  ใบโหระพาและส่าหร่ายทะเลคลุกเคล้ากับไวน์ขาวในน้ำมันเนย  คำตอบของมาลีพรทำให้คนฟังทั้งสองเบิกตานิด ๆ ด้วยความสนเท่ห์  ไฉ่ฝ่งแหวกเนื้อขนมปังไส้ผักโขมตรงหน้าตัวเองเครื่องภายในสีคล้ำมองไม่ออกว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง

 

เก่งมากนะขนาดย่ากินเข้าไปยังแยกไม่ออกเลยว่ามีอะไรผสมอยู่ในนี้บ้างนอกจากผักโขมกับเนย  คุณรู้ได้ยังไง  ศิลาซักเธอด้วยความอยากรู้มากกว่า  มาลีพรทำมือยุกยิกนิดหนึ่งพยายามอธิบาย  ก็ฉันชอบทำขนมปัง  และฉันชอบชิมส่วนผสมของไส้ขนมจึงจำเป็นต้องแยกแยะส่วนผสมออกว่ามีอะไรบ้าง

 

หนูทำขนมปังได้ยังงั้นหรือ ไฉ่ฝ่งชื่นชอบขึ้นมา  นับว่าเป็นโชคของครอบครัวเราจริง ๆ มาลีพรตีสีหน้าไม่ถูกกับคำชมแบบนี้  เป็นโชคยังไงครับ  ศิลาจะหัวเราะอยู่แล้ว  ก็...พวกเราเป็นคนเปิดภัตตาคารมีลูกสะใภ้ก็ต้องใกล้เคียงกับคนทำอาหารให้คนอื่นกินน่ะสิ ไฉ่ฝ่งพูดอย่างภาคภูมิ

 

แต่หนูทำอาหารจีนไม่เป็น  มาลีพรรีบพูดความจริง  สักวันหนูจะทำเป็น เพราะมีหัวทำอาหารอะไรชาติไหนก็เรียนเร็ว แต่เวลานี้เรายังไม่ต้องการให้หนูทำอาหารจีน  เวลานี้หน้าที่ของหนูก็คือแต่งงานกับศิลามีลูกเร็ว ๆ ให้ย่าได้อุ้มเร็ว ๆๆ ก็พอแล้ว  คำพูดที่ตรงและโจ่งแจ้งทำให้มาลีพรอับอายจนหน้าแดง  ศิลาหันไปหัวเราะฮึ ๆๆ กับขนมปังฝรั่งเศสที่ถูกเสียบเอาไว้ในตระกร้าใบใหญ่โชว์อยู่บนหน้าต่างร้านใกล้โต๊ะที่พวกเขานั่งทั้งสามเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของความอบอุ่นของครอบครัว

 

คุณนายจี๋รั้งแขนสามีที่เดินเร็ว ๆ เพื่อนที่จะกลับไปยังร้านประจำที่พวกเขานัดเพื่อนเอาไว้  ลมหนาวปลายเดือนพฤศจิกายน  ไม่ทำให้ใครอยากอยู่บนถนนนาน ๆ   จี๋จิงฉวนชะงักนิดหนึ่ง  มีอะไร  คุณนายจี๋ชี้มือไปยังร้านคาเฟ่ขายขนมปังที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนนสายนี้

 

นั่นหนูมาลี  จี๋จิงฉวนเขม่นมองข้ามไป  เขาเห็นมาลีนั่งอยู่กับไฉ่ฝ่งภายในร้ายขายขนมปังร้านนี้และมีใครอีกคนนั่งโต๊ะเดียวกัน เห็นเพียงแขนเสื้อสีดำเข้มก็รู้ว่าเป็นผู้ชายอีกคนแต่มองเห็นหน้าไม่ถนัด เพราะตระกร้าขนมปังฝรั่งเศสใบใหญ่บดบัง

 

พวกเขามากับใครนะ  คุณนายจี๋รำพึงเป็นคำถาม  จิ๋จิงฉวนคว้ามือภรรยาทำท่าจะเดินข้ามถนนทันที  จะทำอะไคะคุณ     หนูมาลีพวกเราจองไว้ให้นายตรีแล้ว พวกบ้านนั้นจะเที่ยวแนะนำให้กับหนุ่มบ้านอื่นได้ยังไ    แต่ว่าพวกเราก็ไม่ได้รับปากอะไร นอกจากอนุญาตให้ลูกชายของพวกเราไปมาหาสู่กับหนูมาลีพเท่านั้นเอง  จิ๋จิงฉวนส่ายหน้าอย่างขัดใจ

 

เชอะ....นั่นมันแน่อยู่แล้วที่พวกเราไปขอนี่อะไรจะมาเที่ยวเสนอหนูมาลีให้กับคนอื่นลับหลังพวกเราถือว่าทรยศ ไม่ได้เราต้องเข้าไปดูสิมันเป็นใครกัน  จี๋จิงฉวนพูดแล้วดึงมือภรรยาให้ข้ามตามเขาไปอย่างรวดเร็ว  ทั้งสองก้าวเข้าไปในร้านขายขนมปังและเครื่องดื่มร้านนี้ตรงดิ่งไปยังโต๊ะริมหน้าต่างที่มาลีนั่งอยู่กับไฉ่ฝ่ง

 

หลังที่พวกเจ้าแต่งงานกันแล้ว ต้องทำขนมปังไส้ฝักรวมให้ย่ากินนะมาลี  พวกเขาไม่ทันได้ฟังไฉ่ฝ่งพูดด้วยเสียงอันดังรื่นเริงใจ  ทำให้จี๋จิงฉวนตาลายไม่มองด้วยซ้ำว่าผู้ชายที่เขาตั้งใจมาดูหน้านั้นเป็นใคร  คนหลอกลวง  จี๋จิงฉวนแผดเสียงสั่น  เขาไม่สนคนอื่นและสะบัดตัวจากมือที่รั้ง เพื่อเรียกสติของเขาจากคุณนายจี๋

 

คนทั้งสามหันมามองแขกที่ไม่ได้รับเชิญด้วยความตกใจ กับการทักทายที่พิสดารไม่คาดฝันเช่นนี้  จี๋ จิงฉวน  ไฉ่ฝ่งอุทานชื่อตัวการด้วยน้ำเสียงตำหนิไม่ได้หวั่นไหวกับท่าทีโกรธจัดของจิ๋จิงฉวนสักนิด

 

ศิลาลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะแรงจนถ้วยกาแฟกระทบกันกราด  อะไรครับ  เขาไม่กลัวนายกสมาคมชาวจีนในไชน่าทาวน์ คนนี้หรอก  ไม่พอที่ จิง ฉวนมาแสดงมารยาทไม่ดีกับไฉ่ฝ่งมากกว่า แกเองรึ  จิงฉวนถามอย่างโกรธเมื่อหันกลับมาเห็นว่าใครคือคนที่ไฉ่ฝ่งระบุว่าแต่งงานกับมาลี  

 

ลุงจี๋พูดอะไร  ศิลาถามด้วยความไม่พอใจเขาปัดเศษขนมจากเสื้อตัวเอง  คุณนายจี๋ยื่นหน้าเข้ามา เบ่งตาพองมองศิลา  เธอจะแต่งงานกับมาลีใช่ไหม ตามที่เราได้ยิน  ไฉ่ฝ่ง  หยี่ยี้ พูดเมื่อกี้  นี่เองที่ทำให้ทั้งสองอารมณ์เดือดศิลาและคนอื่นเริ่มเข้าใจ  ผมไม่เห็นมันจะเกี่ยวกับคุณลุงที่ตรงไหน  ศิลาชักสีหน้า  เขาจำได้ว่า  จี๋ จิง ฉวน ชักนำมาลีให้กับตรี

 

ไม่เกี่ยวได้ยังไง  จิง ฉวนแผดเสียงอีก  คราวนี้พนักงานของร้านเข้ามาหาพยายามพูดอย่างสุภาพ  กรุณาเงียบหน่อย โปรดอย่ารบกวนผู้อื่นที่ใช้บริการของเราอยู่     ฉันรู้น่า  จิง ฉวน หันไปขึงตาใส่หล่อน  ไฉ่ฝ่งโบกมือ  เธอควรจะลดเสียงลง พวกเราในนี้ไม่มีใครหูหนวกหรอก  แล้วท่านก็ปันไปขอโทษพนักงานดูแลร้าน

 

ขอโทษนะคุณ เราจะให้เขาพูดเสียงค่อยลง ความจริงเรากำลังจะไปแล้ว  พนักงานสาวคนนั้นจึงล่าถอยออกไป   อยากจะนั่งหรืออยากจะออกไป  ไฉ่ฝ่งถามสามีภรรยาจี๋    เราไม่นั่ง  จิง ฉวน พูดด้วยเสียงรังเกียจ  มาลีพรมือสั่นระริก เพราะเธอเกลียดการทะเลาะเบาะแว้งกัน ครั้งที่แล้วมันทำให้มาลีเสียชีวิตพร้อมกับเกษมเป็นบทเรียนที่ไม่ประทับใจ

 

ตามใจ  ไฉ่ฝ่ง พเยิดหน้าให้               งั้นลาก่อน          ผมมีเรื่องจะพูด  จิง ฉวนพูดเสียงเยาะ  ศิลาขยับตัว เพราะเดาออกว่าจิง ฉวนพูดอะไร        ผมว่า....  ไฉ่ฝ่ง  โบกมือห้ามหลานชายแล้วผายมือให้จิง ฉวน    เชิญฉันยินดีรับฟัง      ผมเข้าใจว่าครอบครัวของคุณน้ายินดีที่จะให้หนูมาลีคบกับลูกชายของผม ตามที่เราตกลงกันไว้เมื่อวานนี้  จิง ฉวน พูดตรงประเด็น

 

ใช่ ไม่ผิดนี่  ไฉ่ฝ่งรับหน้าตาเฉย    คุณน้าพูดเองว่า มาลีมานิวยอร์กเพื่อหาคนแต่งงานด้วย  คุณยายจี๋ทบทวนคำพูดของไฉ่ฝ่ง  ศิลาตาลุกวาวด้วยความโกรธ  นี่คือปัญหาที่ ย่าไฉ่ฝ่งของเขาสร้างขึ้นมา เพราะไอ้รายชื่อบ้า ๆ นั้นแท้ ๆ คนที่ถูกวางรายชื่อจึงมาลำเลิกเช่นนี้  แล้วคราวนี้จะทำยังไง  นี่แค่ครอบครัวของตรีคนเดียวน่ะ ยังมีอีกกี่รายชื่อที่พวกเขาคาดหวังไปแล้วไม่รู้เท่าไหร่

 

แล้วทำไมจึงกลายมาเป็นหลานชายของน้าเอง จิง ฉวนเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อคิดถึงลูกชายตัวเองมันเหมือนพวกเขาถูกหักหลัง           ไม่ใช่เรื่องแปลก   ไฉ่ฝ่งพูด    เพราะพ่อแม่ของมาลีเป็นเพื่อนกับฉัตร     แล้วน้าประกาศออกไปทำไมว่ามาลียินดีแต่งงานกับคนที่เหมาะสม  จิง ฉวน ไม่ยอมแพ้

 

ฉันพูดว่าคนที่ มาลีเลือกตะหาก ไฉ่ฝ่งโต้กลับ  มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว......ดูเหมือนทั้งหมดจะเริ่มไม่รักษากิริยา  มาลีพรผุดลุกขึ้นยืน  เธอไม่อยากให้ไฉ่ฝ่งเป็นเป้าอารมณ์โกรธของ จิง ฉวน   คุณลุงคุณป้าหนูอธิบายได้ค่ะเรื่องนี้  ศิลาลุกขึ้นยืนเอื้อมมือไปโอบไหล่เธอมาชิด

 

เธอเลือกผม  เรื่องนี้จึงเป็นอันยุติ  จิง ฉวน หนวดกระตุก มันทำให้เขาเสียงหน้าที่ไปเที่ยวคุยว่าจะมีงานมงคลเกิดขึ้นในไชน่าทาวน์  จากการแต่งงานของลูกชายคนดังอย่างเขา    พวกเขาแกล้งให้ผู้คนเข้าใจผิดที่แท้ก็หาผู้หญิงมาจากเมืองไทยให้กับครอบครัวตัวเองสนุกนักหรือที่ไปเที่ยวหลอกผู้คนอย่างนี้  จิง ฉวนต่อว่า ต่อขานอย่างไม่พอใจ

 

ไม่สนุก  ไฉ่ฝ่งรับตามความจริง  แต่ผู้คนก็สนใจคนที่เป็นคนของคนอื่นพวกแกเชื่อจริง ๆ หรือว่าฉันจะปล่อยคนที่ฉันหามาให้หลานชายตัวเองให้ไปกับคนอื่น  จิง ฉวน และภรรยายืนอึ้งด้วยความโกรธและคิดว่าตนเองเสียรู้ ในที่สุดเขาก็พูดขึ้น

 

จะไม่มีใครคบกับน้าอีกที่ทำเรื่องอย่างนี้     ไม่มีใครคิดมากขนาดนี้หรอกน่า  คงหัวเราะสักสองสามทีแล้วลืมไปเอง  ไฉ่ฝ่งยังดื้อที่จะยอมรับเรื่องนี้ทั้งที่รู้ว่าสิ่งที่ จิง ฉวน พูดอาจเป็นความจริง  ใครจะแคร์....ท่านคิดอย่างดื้อดึง  ทุกวันนี้ทำธุรกิจก็ไม่ได้อาศัยใครนอกจากตนเองและผลที่ได้รับมาลีพก็ได้แต่งงานกับศิลาตามที่หวัง

 

เชอะ  จิง ฉวน สะบัดหน้า   เราไปกันเถอะ  เขาชวนภรรยาตนเอง  นับจากวันนี้เราจะไม่คบกับคนพวกนี้  มาลีพรสะบัดตัวออกจากแขนของศิลาที่ยืนฟังเพลิน  ่คุณลุงอย่าพึ่งไปสิคะ  เธอจะปล่อยให้เรื่องเป็นเช่นนี้ไม่ได้ เพราะเห็นแก่อนาคตของเบญจา  ถ้าพวกเขาตัดขาดกันแล้ว เบญจากับตรีจะมีอนาคตเช่นใด  ทำให้ จิง ฉวน เข้าใจผิดเขาหันกลับมาด้วยความคาดหวัง   หนูมีอะไรจะบอกฉัน หนูไม่อยากแต่งงานกับนายศิลาใช่ไหม  ศิลาตาลุกวาวเข้ามาขวาง  อย่าพูดอะไรอย่างนี้ดีกว่าลุง จิง ฉวน มาลีเป็นคู่หมั้นของผม  เขายกมือข้างซ้ายของมาลีพรโชว์แหวนเพชรวงโต  นี่คือความเต็มใจของมาลี    

 

ใช่อย่างนี้หรือ  จิง ฉวนคาดคั้น     ค่ะ...  มาลีพรอึดอัดใจแต่ก็ไม่กล้าโกหก    งั้นเราก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก จิงฉวนสะบัดหน้า  เดี๋ยวค่ะคุณลุง  มาลีพรพยายามยับยั้ง   อย่าไปเรียกเขา  ศิลาคว้าแขนเธอ  แต่มาลีพรสะบัดแขนออกตามไปยืนตรงหน้า จี๋ จิง ฉวนและภรรยา

 

หนูไม่อยากให้เรื่องจบแบบนี้ ไม่อยกาให้คุณลุงคุณป้าโกรธกับครอบครัวคุณย่าไฉ่ฝ่งเพราะเรื่องของหนู  ไฉ่ฝ่งยกมือเสมอไหล่ว่าจะปัญญา เมื่อศิลาหันไปขอความช่วยเหลือ  จิงฉวนน่ะซึ้งใจกว่า  คงยากกับสิ่งที่เกิดขึ้น  มาลีพร พนมมือไหว้ จิง ฉวน    คิดว่า หนูขอร้อง  ศิลากรอกตาด้วยความเบื่อหน่าย เดินเข้าไปช้อนหลังเธอ

 

พอได้แล้ว  มาลี คุณอย่าขัดขวางคุณลุงจี๋ และป้าจี๋ที่กำลังรีบ  จิง ฉวน พองตาให้คนรุ่นลูก   ฉันไปแน่  เขาหันไปหามาลี  หนูเป็นเด็กดีที่ไม่น่ามาเจอไอ้หนุ่มไร้รสนิยมอย่างศิลา ถ้าวันใดที่มันทำให้หนูเสียใจ ไปหาลุงนะ  ลุงจะช่วยทุกอย่างไม่ต้องเกรงใจอะไรทั้งสิ้น  แล้วเขาก็เดินดุ่มออกไปจากร้านทำให้คุณนายจี๋ต้องวิ่งตามไป  มาลีพรหันมาขึงตาให้กับศิลาด้วยความโกรธ  ที่เขาไร้มายาทกับครอบครัวจี๋

 

คุณแย่มาก         ผมหรือแย่มากศิลาตาลุกไม่แพ้เธอ  แต่ไฉ่ฝ่งลุกจากที่นั่ง  พอแล้วทั้งคู่....  ไฉ่ฝ่งพูดกับทั้งสองเสียงเบา  วันนี้เราทะเลาะกันมากพอแล้ว เกินกว่าจะมาทะเลาะกันเอง  และเราโชว์กันเกินพอแล้วด้วย จ่ายเงินเถอะ ศิลาออกไปจากร้านนี้ก่อนที่ตำรวจจะมา เพราะฉันไม่แน่ใจว่าต้องมีใคร โทร.ไปเรียกเก้าหนึ่งหนึ่งแล้วไม่ต้องสงสัยกับการที่เรามาส่งเสียงดังลั่นรบกวนคนอื่นในร้านนี้

 

มาลีพรรีบเดินเข้าไปประคองไฉ่ฝ่งเดินออกไปรอศิลาที่หน้าร้าน  ศิลามองออกมาสมทบหลังเข้าไปจ่ายเงินและต้องขอโทษเจ้าของร้านที่พวกเขามาทำเสียงดัง  ลดเกรดความ่าเชื่อถือของร้านลงไปเหมือนกลางตลาดสด  แม้เจ้าของร้านจะพูดจาดีกับเขา แต่ศิลามั่นใจได้เลยว่า ถ้าเขามาคราวหน้าคงถูกไล่ออกไป ก่อนที่จะได้สั่งขนมมากิน

 

กลับบ้าน  ไฉ่ฝ่งสั่งสั้น ๆ สองหนุ่มสาวไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมา  ทั้งหมดเงียบ ไม่คุยกันต่างหมกหมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองจนศิลาจอดรถเทียบกับบาทวิถีหน้าแมนชั่นของไฉ่ฝ่ง

 

เราต้องคุยกัน  ศิลาพูดตามหลังไฉ่ฝ่งที่เดินขึ้นบ้านโดยมีมาลีพรประคองขึ้นไป  ไม่มีคำตอบจากพวกเธอ  เขาจึงรีบล๊อกรถแล้วตามขึ้นไปบ้าง  ลินดาออกมารับหน้าไฉ่ฝ่ง  คุณแม่กลับมาแล้ว   ใช่  ได้แหวนไหมค่ะ  ลินดาถาม เพราะสีหน้าของทั้งสอง  ไฉ่ฝ่งยกมือซ้ายของมาลีพรให้ลินดาดูแหวน  แหม...สวยอะไรอย่างนี้ ลินดาชื่นชม  มาลีพรหน้าแหย  เพราะไฉ่ฝ่งเดินเข้าไปห้องรับแขก  เธอจึงต้องตามติดไปส่งที่เก้าอี้ให้เรียบร้อย

 

ลินดาหันกลับไปมองตามเสียงกระแทกประตูที่ลูกชายเดินหน้าบึ้งตึงเข้ามาด้วย  วันนี้จะกินข้าวด้วยกันที่นี้ไหม แม่จะทำเผื่อให้   ทีหลังครับแม่  ศิลาเดินผ่านมารดาเข้าไปในห้องรับแขกด้วย  ว่ามา ไฉ่ฝ่งเปิดฉากก่อน  คุณย่าเห็นผลแล้วใช่ไหมกับเรื่องรายชื่อจากแม่สื่อขอจิ๋นกู   แกสั่งสอนฉันรึ  ไฉ่ฝ่งถามอย่างหมางเมิน  ผมไม่ได้สั่งสอน  แต่ผมชี้ให้ดูว่าเลิกเรื่องนี้ได้แล้ว

 

มันยุติไปแล้ว ตั้งแต่แกตกลงใจแต่งงานกับมาลี  นี่มันเรื่องอะไรกันลูกทำไมทำเสียงดังกับคุณย่า  ลินดาเข้าขวางด้วยไม่รู้สาเหตุ  ศิลาหันไปมองมารดา พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ   วันนี้เราเจอลุงจี๋ เขาโกรธที่ผมตกลงแต่งงานกบมาลี เขาต่อว่าคุณย่าว่าหลอกลวงเขาที่เอามาลีมาล่อ 

 

อุ๊ยตาย ลินดายกมือทาบอก    เขาไม่ได้ว่าแกสักหน่อยเดือดร้อนทำไม  ไฉ่ฝ่งต่อว่าศิลา  ผมไม่ชอบ เพราะพวกเขาต่อว่าคุณย่าในสิ่งที่คุณย่าทำ  เขาโวยเสียงลั่น  ไฉฝ่ง ยกมือขึ้นปิดหน้า พูดเสียงอู้อี้ฟังไม่ออกว่า มีแววเสียใจหรือไม่  ฉันทำเพื่อแก แต่แกตำหนิฉันไอ้หลานเฮงซวย

 

ศิลารู้จักบทบาทนี้ดีว่าย่าของเขาเล่นตลกอีกแล้วยังไม่ทันที่เขาจะย้อนหรือเปิดโปงอย่างรู้ทัน  มาลีพรก็จิ้มนิ้วเข้าที่หน้าอกของเขา  ไปนะคะเฮงซวย  เธอก็เรียกเขาตามอย่าง ไฉ่ฝ่ง  เห็นไหมว่าคุณทำอะไรลงไป คุณย่าเสียใจแล้ว  ลินดาอ้าปากค้างที่เห็นมาลีพร เล่นงานลูกชายเธอเพื่อช่วยย่าไฉ่ฝ่ง

 

ผมเพียงแต่...คุณอย่าได้หลงเชื่อว่าคุณย่า    หลงเชื่อหรือ .....คุณตะหากที่อย่าหลงตัวเอง  เธอเล่นงานเขาเต็มที่อย่างไม่ฟังเสียง  ไม่สนด้วยว่า ไฉ่ฝ่งขยับไปนั่งพิงเบาะตาวาวเป็นประกายได้เพราะอะไร  แทนที่คุณจะเข้าข้างคุณย่า คุณกลับตำหนิท่านไปเลยนะไม่อยากเห็นหน้า  ศิลาฝืดฝาดในโพลงจมูกด้วยความโกรธ  นึกอยากจะบีบคอเธอที่ไม่รู้เท่าทัน ย่าไฉ่ฝ่งแล้วเข้าข้างอย่างผิด ๆ อีกใจหนึ่งก็อยากจะลากเธอเข้ามาจูบ ให้หายโมโหที่ไม่ไว้หน้าเขาเลย  หรือจะทำทั้งสองอย่างดี  ลินดาโบกมือให้ลูกชาย

 

แกกลับไปก่อนเถอะพูดจากันเวลาโมโหจะปานปลายใหญ่โต  ศิลา ขับจะเถียงมารดาแต่ถูกผลักอกเบา ๆ  เชื่อแม่ พรุ่งนี้ค่อยกลับมาคุยใหม่  มาลีพรกอดอกตัวเองสะบัดหน้าหันไปทางอื่น  เขาขยับจะเข้าไปหาลินดากดมือที่อกลูกชายแล้วส่ายหน้า  ศิลาพ่นลมหายใจทางจมูกแรง ๆ ด้วยความโกรธ  เธอกล้าแข็งขืนกับเขา เพราะมีคนอยู่ช่วยเธอเพียบเลย ไม่มีทางที่เธอจะยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก

 

ก็ได้ ๆ แล้วพรุ่งนี้ผมจะกลับมาใหม่   เขายอมไปในที่สุด  พอเขาเดินไปพ้นตัวบ้านเท่านั้นไฉ่ฝ่งก็หัวเราะลั่นห้อง  มาลีพรงงสุดขีด  คุณย่าหัวเราะทำไม

 

ตอนที่  37

 

ลินดาเดินเข้าไปนั่งข้างแม่สามีก็ถามขึ้นบ้าง  ขำที่ทำให้หลานชายหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไปได้อย่างงั้นหรือค่ะ  ไฉ่ฝ่งจิ้มนิ้วไปที่เบาะข้างตัว  มันไม่ตลกเหรอที่ลูกชายของเธอโมโหเรื่องที่มันเป็นตัวต้นเหตุ  ก็เขาบอกว่ามาจากเรื่องรายชื่อที่คุณแม่ไปให้จิ๋นกูหามาหให้มาลีเลือก  มาลีพรเดินเข้าไปใกล้ทั้งสองแล้วพูดด้วยความไม่สบายใจ

 

คุณย่าขาคุณแม่ขาหนูเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้  ใครว่า ไฉ่ฝ่งถาม    ใช่ที่ไหน  ลินดาไม่เห็นด้วย  หลายครอบครัวคงโกรธคุณย่าอย่างที่ลุงจี๋พูด   อย่าไปฟัง จิง ฉวน พูดเขาไม่รู้จักคนอื่นที่ชอบพวกเรามากกว่าเขา    ไฉ่ฝ่งพูดอย่างไม่แคร์

 

หนูคิดว่าตัวเองต้องรับผิดชอบ  มาลีพรยังพยายามหาทางออก  เธอไม่สบายใจที่ไฉ่ฝ่งทะเลาะกับคนอื่นเรื่องของเธอ  ที่สำคัญศิลาโกรธย่าของเขาหัวฟัดหัวเหวี่ยงเธออาจจะทำลายสังคมของเขาและครอบครัว  ถ้าหนูไม่มาก็จะไม่เกิดเรื่องยุ่งอย่างนี้  ลินดาตบมือลงบนหลังมือของว่าที่ลูกสะใภ้คนรองของตน  อย่าห่วงเรื่องนั้นเลยพวกเรารับมือกับมันได้

 

ถ้าเราล้มเลิกการแต่งงาน  เธอคิดขึ้นเพื่อปลดปล่อยศิลาให้เป็นอิสระ  อย่าคิดเชียวนะ สองเสียงร้องลั่น    ศิลาคงไม่ยอม  ไฉ่ฝ่งทำนาย   และทุกคนจะไม่สบายใจทีหนูทำอย่างนี้  ลินดาใช้ทุกคนมาอ้าง   คุณศิลาไม่...ดูเขาโกรธมา  มาลีพรตั้งข้อสังเกต   เขาแค่ไม่สบายใจนิดหน่อยพรุ่งนี้ก็จะดีเอง  ลินดารับรอง  แต่หนูทำให้คุณย่าหมางเหมินกับลุงจี๋  เลิกห่วงเรื่องนั้นเถอะ  ลินดาปลอบ  ถ้าหนูไม่สบายใจแม่จะบอกลุงจักรให้เชิญพวกเขามากินน้ำชาขอโทษนิดหน่อยความสัมพันธ์ของเราก็จะเหมือนเดิม

 

ทำอย่างนั้นได้หรือค่ะ     ได้สิย่าจะเป็นคนพูดขอโทษเขาเอง  ไฉ่ฝ่งรับรองอีกเสียง   คงไม่ทำให้คุณย่าไม่สบายใจ   ไม่มีอะไรทำให้ฉันไม่สบายใจได้ในเมื่อเราทำผิดเราก็จะขอโทษพวกเขา  ลินดาเห็นสีหน้าสบายใจขึ้นของมาลีจึงถามขึ้น

 

หนูคงเลิกโกรธลูกชายแม่แล้วใช่ไหม     ยังค่ะ      ทำไมล่ะ     คุณศิลาน่ะทำไม่ดีกับคุณย่าหนูจะไม่ยกโทษให้เขาจนกว่าจะมาขอโทษคุณย่าเสียก่อน  มันน่าจะทำให้ ลินดาโกรธ  มาลีพรหน้าแหยเมื่อรู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไป  หนูหมายความว่าคุณศิลาอารมณ์ร้ายเกินไปในที่สาธารณะค่ะคือ  ทำให้ลินดารู้ว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ได้เก่งอย่างที่ปากพูด เพราะจัดการลูกชายของท่านลำบากอยู่

 

เขาควรได้เรียนรู้อะไรบ้าง ลินดาพูด ในที่สุด เรื่องที่เขาทำเขาก็ต้องจัดการเอาเอง   เลิก...ยุติแค่นี้  ไฉ่ฝ่งโบกมือ  พรุ่งนี้เธอนัดช่างตัดเสื้อเอาไว้แล้วใช่ไหมลินดา  มีการเปลี่ยนเรื่องคุยทำให้เธอฉงนมากที่ย่าและแม่ของศิลาดูจะไม่สนใจเรื่องที่ทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนไล่ศิลาไปเมื่อครู่  มันน่าจะมีการแตกหัก...พวกท่านทำเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่ทำให้แผนการแต่งงานระหว่างเธอกับศิลากระทบกระเทือนคงพูดถึงชุดแต่งงานและงานเลี้ยงฉลองแต่งงานต่อไป

 

บางทีอาจจะไม่ร้ายแรงอย่างที่คิดกลัว  ขอให้เป็นเช่นนั้นเถอะเธอนึกภาวนาในใจ  เพื่อว่าสักวันที่พรหมลิขิตบันดาลเบญจาสมปรารถนาให้ตรีเห็นในความรักและภักดีของสาวน้อยคนนี้ญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่ายไม่ตะขิดตะขวงใจต่อกันและไม่เป็นศัตรูกันให้ทั้งสองลำบากใจ  พอคิดได้มาลีพรซัดหน้าผากตัวเองด้วยความเจ็บใจ

 

มีเรื่องกันใหญ่โตทำให้เธอลืมสนิทว่าจะพูดกับศิลาเรื่องของมาลี  ยิ่งเขาเคือง ๆ เธอย่างนี้คงไม่ยอมรับฟังคำอธิบายถึงความจำเป็นที่เธอต้องสวมรอยมาเป็นเจ้าสาวแทนที่มาลี  คิดแล้วเธอก็หนักอกเหมือนเดิมกับบาปที่ยังไม่ได้สารภาพ

 

ตรีขมวดคิ้วเมื่อมีเสียงสัญญาณเรียกติดต่อภายในเข้ามาในห้องทำงานของเขาเขากดปุ่มพูด  ผมสั่งแล้วไงว่าไม่รับแขก  ยังไม่ทันที่เขาจะตัดสัญญาณเสียงเลขาฯ ของเขาพูดสั้น ๆ เข้ามา  มิสเตอร์และมิสซิสจี๋มาค่ะ มิสเตอร์จี๋    พ่อแม่ของผมมาหรือ

 

ค่ะ    เชิญเข้ามาได้    ตรีรีบดึงตัวเองให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่เขาจมตัวลงไปคล้ายฟุบ  พร้อมกับที่ประตูไม้สักขัดมันวาวให้เห็นเนื้อไม้แสนหรูราคาแพงสมกับเป็นห้องทำงานของทนายความชื่อดังเปิดออก  เราจะจัดการกับพวกเขา  จิงฉวนโวยวายขึ้นเมื่อเห็นหน้าลูกชาย  มีคุณนาจี๋ เดินหน้าตื่นตามเข้ามาด้วย  ตรีรีบเดินไปปิดประตูห้อง  ให้กับทั้งสองแล้วเดินตามกลับเข้ามาในห้อง 

 

พ่อไปมีเรื่องกับใครมาครับนี่  ตรีถามด้วยความฉงนสนเท่ห์กับท่าทีโมโหจัดของบิดา  ก็พวกบ้านลุงจักรของแกน่ะสิ  จิง ฉวนพูดเสียงฉุนเฉียวจนไม่ทันสังเกตสีหน้าผิดปกติไปวูบหนึ่งที่ได้ยินชื่อบิดาของเบญจาอย่างกะทันหัน    มีอะไรเกิดขึ้น   ย่าไฉ่ฝ่งเล่นตลกทำเป็นหาคนมาแต่งงานกับมาลี แต่ความจริงแล้วพวกเขาไม่เคยคิดจะทำเช่นนั้นทุกอย่างเป็นเรื่องโกหกที่ปล่อยแม่สื่อออกไปหาลูกชายบ้านต่าง ๆ   ตรีพยายามทำความเข้าใจกับเรื่องที่จิง ฉวนพูด

 

ที่แท้แล้วพวกเขาหาแม่สาวคนนั้นมาให้กับนายศิลา    ศิลาเหรอครับ  เขาตกหนุ่มโสดที่ใกล้มาลีที่สุดไปได้ยังไงนะตรีคิดอย่างนึกขำ  ก็ใช่น่ะสิวันนี้พวกเราไปเจอทั้งสองคนไปซื้อแหวนหมั้นและยังอวดพวกเราอีกด้วย  จิง ฉวนพูดเร็วจนเกือบหายใจไม่ทัน  แล้วที่พ่อบอกว่าจะจัดการกับพวกเขา มันแปลว่าอะไรครับ

 

ตรีถามบิดาด้วยความระมัดระวังตามประสาทนายความ  นี่แกไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือ  จิงฉวนถาม   รู้สึกอะไรครับ      ก็แกสนใจหนูมาลี   ก็แค่สนใจ  ตรีพูดด้วยความรู้สึกโล่งอกสบายใจเป็นครั้งแรกตั้งแต่เขารู้สึกแปลก ๆ ที่หอพักของเบญจาเมื่อคืนเขาก็ลำบากใจที่พ่อแม่ของเขาไปจัดแจงเรื่องมาลีแล้วเขาก็ส่งเสริมพวกท่านด้วย  พวกเขาดูถูกเราว่าไม่มีน้ำยา  จิงฉวนพูดด้วยความเจ็บใจ

 

พ่อคิดมากไปหรือเปล่า     นี่แกเข้าข้างคนอื่นแล้วว่าพ่อประสาทหรือ  ไม่ใช่อย่างนั้นเลยครับ  เราจะต้องสั่งสอนพวกมันที่ทำอย่างนี้กับเรา    ผิดกฏหมายนะครับพ่อถ้าจะส่งใครไปทำร้ายพวกเขา  ตรีรีบโวย  พ่อจะเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลว่าแต่พ่อมีลูกสมุนจริง ๆ หรือครับ

 

ฉันไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น  จิง ฉวนรีบปฏิเสธวุ่นวาย  ดีแล้วที่ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะตามกฏหมายแล้วมีโทษจำคุกยาวเลยครับ  ตรีพูดเตือนบิดาตามประสาคนอยู่ใกล้ชิดกับกฏหมายย่อมกลัวกฏหมายที่วกกลับเข้ามาหาตัว  จิงฉวนนิ่วหน้าใส่ลูกชาย  นี่ฉันพูดกับแกถึงเรื่องหนูมาลีนะสนใจหน่อยสิ

 

ผมว่าพ่อเดือดร้อนไปก็ไม่มีประโยชน์พวกเขาหมั้นกันแล้วใช่ไหมก็ถืองาไหม้หมดแล้ว   อะไรคืองาไหม้หมดแล้ว  จิงฉวนถาม   ก็ตามภาษิตที่ว่ากว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้หมดแล้วพ่อทำอะไรไม่ได้แล้วหรอกครับพวกเขาหมั้นกันแล้วอีกไม่นานพวกเราก็จะได้การ์ดเชิญไปงานแต่งงานของพวกเขาเร็ว ๆ นี้แน่ 

 

ก็เพราะน้าไฉ่ฝ่งต้องการให้เป็นอย่างนี้น่ะสิไม่มีใครได้ทันตั้งตัวพวกเขาก็ได้รับข่าวแต่งงานของมาลี  จิงฉวนเป็นเดือดเป็นแค้น    หลอกให้คนอื่นชะเง้อตามแล้วก็รีบเอาไปร้ายกาจนัก   พ่ออยากได้มาลีมาเป็นสะใภ้จริง ๆ หรือครับ  ทำไมลูกถามอย่างนี้  คุณนายจี๋ถามตรีคล้ายเตือน

 

จิงฉวนขมวดคิ้วให้ลูกชาย  เราไปจัดการทาบทาม เพราะเห็นแกสนใจหนูมาลีเขานะ  ตรีโบกมือคล้ายยอมแพ้  ผมก็มีส่วนผิดด้วยที่ไม่ได้ห้ามปรามแต่กลับส่งเสริมพ่อกับแม่   ตอนนี้แกคิดอะไร  จิงฉวนถาม  ผมไม่แน่ใจ...และคิดว่าพ่อไม่น่าจะแค้นครอบครัวลุงจักรอะไรมันก็เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นผมกับมาลีเคยพบกันแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

 

อย่าบอกนะว่าแกเปลี่ยนใจ จิงฉวนโวยขึ้น  ตรีแบมือออกสองข้างแล้วยักไหล่เป็นเชิงว่าคงใช่  จิงฉวนเดือดดาล  ไอ้บ้า แง้วทำไมแกไม่พูดตั้งแต่แรกปล่อยให้ฉันไปทาบทามพวกเขาให้ตัวเองเสียหน้า   ผมไม่คิดว่าพ่อจะสิงห์ปืนไวขนาดนี้...แต่ก็ดีที่มันจบเร็วเหมือนกัน

 

ฉันไม่ตลกกับมุขฝืด ๆ ของแกหรอกฉันจะแก้แค้น    เฮ้ย... ตรีฟังเพลิน ๆ สะดุ้งสุดตัว  ฉันจะไม่ปล่อยให้พวกเขามาหัวเราะเยาะเราฟรี ๆ ว่าโง่ในเกมสนุกที่พวกเขาคิดขึ้นมาเล่นแก้เซ็งระหว่างรอฤกษ์แต่งงานหรอก  จี๋ จิงฉวนเค้นกำปั้นตัวเอง ตรีส่ายหน้าดิก   ผมขอบอกกับพ่อว่าห้ามทำอะไรคนในครอบครัวนั้นเด็กขาดได้ยินไหม

 

แกสั่งฉันรึ     เปล่าแค่ขอร้อง    ฉันอาจไม่เชื่อแก  ผมจะไปหาอัยการสั่งฟ้องพ่อว่าพยายามทำร้ายคนอื่น        ฉันเป็นพ่อแกนะโว้ย     ถ้าพ่อทำผิดผมก็เอาพ่อเข้าคุกดีกว่าปล่อยเอาไว้ให้ตระกูลเราเสื่อมเสียชื่อเสียงว่ามีมาเฟียในบ้านเรา      ไอ้ตรี  จิงฉวนแผดเสียง

 

ถ้าผมจะเสนออะไรบางอย่างที่ดีกว่าพอ่ไปทำเองพ่อไม่ต้องติดคุกผมไม่ต้องเสียพ่อให้กับกฏหมายพ่อจะสนใจไหม   ก็แล้วแต่ว่าแกเสนออะไร เพราะอย่าลืมนะฉันไม่ได้กลัวคุกตะรางที่แกขู่หรอกนะรู้จักไหมว่าลูกผู้ชายศักดิ์ศรีเป็นใหญ่ฆ่าได้หยามไม่ได้

 

ไม่มีอะไรที่น่าอับอายหรอก เพราะผมจะไปทำไม่ใช่พ่อ     แกจะทำอะไร     ผมจะไป....เอาว่าไปเล่นงานหลานย่าไฉ่ฝ่งให้จงหนักการแก้แค้นอย่างนี้พอทนไหวไหม   ไปอัดนายศิลาหรือ  จินฉวนชักชอบ  นั่นก็คุกเหมือนกัน คุณนายจี๋โวยวายขึ้นด้วยความกลัว  ผมดูแลตัวเองได้ไม่ต้องติดคุกหรอกครับกับงานนี้อย่าลืมสิครับผมน่ะเป็นทนายความนะ   ตรีแกล้งคุยโอ้อวดตัวเอง

 

จิง ฉวนพยักหน้า ที่แท้แก็จะเก็บการแก้แค้นเอาไว้ทำเองนั่นเอง  เขายิ้มอย่างพอใจจนไม่ทันสังเกตแววตาหัวเราะของลูกชาย  สบายใจได้เลยครับพ่อ  ตรีรับรองแข็งขัน  แล้วแกจะเริ่มเมื่อไหร่ จิงฉวนยังไม่ค่อยไว้ใจกลัวจะเป็นแค่รับปากแต่ไม่ยอมทำจริง  เดี๋ยวนี้เลย  ตรีพูดด้วยเสียงหมายมาดจริงจังและน่าเชื่อถือที่สุด

 

ตอนที่  38

 

หนังสือเผยองค์ประกอบมวลรวมของกระแสการเงินโลกของมาร์ติน เรวิช วางทับหนังสืออ่านประกอบวิชาวิเคราะห์การเงินอีกหกเล่ม  มันสูงท่วมหัวบังสาวน้อยคนเดียวที่นั่งตาลอยอยู่บนโต๊ะหนังสือตัวใหญ่ที่สุดแถวสุดท้ายของทวีปหนังสือนักบัญชี  เธอไม่ได้อ่านหนังสือที่กางอยู่ตรงหน้า  แล้วเธอก็ไม่มองคนตัวสูงที่เดินเรียบ ๆ ชั้นหนังสือ  อีกฟากเข้าไปใกล้เธอด้วย

 

ดูเหมือนโลกนี้จะไม่น่าสนใจสำหรับเธออีกแล้วแม้แต่ปริญญาบัตรของนักเศรษฐกิจการคลังที่เธอจะได้มันในอีกไม่ช้า  นาน ๆ เธอจะละสายตาจากสันปกหนังสือที่เธอจ้องมันอย่างใจลอยมามองมือตัวเองแล้วก็ถอนใจสักครั้งราวกับหนักอกหนักใจเหลือเกิน  ไม่สนใจว่าจะมีคนมานั่งที่เก้าอี้ในฟากตรงข้าม  ก็ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยใครเลือกที่นั่งที่ไหนก็ได้เพื่ออ่านหนังสือที่เลือกมาอ่านมาจดตามสบายเบญจาไม่หวงห้ามหรอก

 

เธออยากเป็นนักเศรษฐกิจการคลังเพื่อแก้ไขปัญหาการเงินของโลกจริงหรือเบน  ตรีพูดขึ้นลอย ๆ  เบญจาสะดุ้งสุดตัวเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายคนที่มานั่งอยู่ตรงข้ามเธอพักใหญ่แล้วคนนี้ก็คือเขานั่นเอง  เธอคิดหนักจนไม่ทันสังเกตว่าเป็นเขาได้ยังไงนะ  ถ้าเธอรู้ว่าเป็นเขาจะลุกหนีไปก่อนที่จะให้เขาพูดกับเธอด้วยซ้ำไปคนอะไรน่ารังเกลียดที่สุด

 

ฮึ....  เธอพ่นลมหายใจออกมาทางจมูกแรง ๆ เลียนแบบวัวกระทิงในสนามนักสู้  ตรีเห็นแต่ทำเป็นไม่สนใจเขายังพูดดต่อไปด้วยเสียงแสดงความรู้อย่างน่ากวนประสาทคนฟังที่สุด  รู้อะไรไหม...คงไม่รู้หรอกถึงเลือกเรียนเอกแขนงนี้ผมเคยอ่านบทความของกิวส์มี่นักวิเคราะห์การเงินหัวฟู ๆ ผมขาวคนนั้นที่เป็นที่ปรึกษาให้กับเฟดเขาบอกว่าโลกเรานี่คิดผิดที่คิดว่านักเศรษฐกิจการคลังจะเก่งแก้ไขเรื่องการเงินได้สำเร็จจึงเรียนกันโครม ๆ เป็นหลักสูตรเป็นวิชาเป็นปริญญาเรียนกันจนสาวสาวยหัวหงอกไปหลายคน 

 

เบญจาขบฟันนับหนึ่งถึงร้อยในใจด้วยความอดทนที่จะไม่กระโจนข้ามโต๊ะหนังสือไปข่วนหน้าหล่อ ๆ ขาวจัดของเขาสักแคว๊กด้วยความโมโหที่เขามาแสดงท่าทางกวนประสาทเธอ  เย็นไว้...เย็นไว้..เบญจา...เธอพยายามเตือนตัวเองในใจ  พวกเขาห้ามใช้เสียงในห้องสมุดย่อม หมายถึงห้ามทำร้ายร่างกายด้วยไม่เช่นั้นเธอจะถูกกฏบังคับห้ามใช้ห้องสมุดไปเป็นปีแน่ถ้ามีเรื่องที่นี่

 

ถ้าเธอไม่โต้ตอบเดี๋ยวเขาเบื่อก็จะไปจากที่นี่เอง  เศรฐกิจโลกเป็นเรื่องบ้าบอคอแตกคิดดูสิเขาบอกว่าพวกเรามีนักเศรษฐกิจการคลังเยอะขนาดเอามาเรียงต่อกันจากโลกยาวไปถึงดวงจันทร์ได้สองรอบสบาย ๆ เลยก็ยังไม่เห็นพวกเขาแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อเงินฝืดเงินหายไปจากท้องตลาดได้สำเร็จสักที  เบญจากลอกตาเธอขึ้นเพดานด้วยความสุดจะทนกับความโมโหอย่างนี้ 

 

ตรีตะแคงหน้าเพื่อให้ได้สบตากับเธอที่เมินไปมองทางอื่นที่ไม่ใช่หน้าเขาพูดด้วยเสียงจริงจังและเน้นทคละคำเพื่อความน่าเชื่อถือ  เลิกเถอะอย่าไปเรียนวิชานี้ให้เสียเวลาเลย   ไปให้พ้นนะ  เธอแผดเสียงลั่นอย่างลืมตัว

 

ชู๊....จุ๊...จุ๊....จุ๊  มีเสียงเป่าลมออกจากปากให้เงียบเสียงจากรอบทิศของคนที่อยู่โต๊ะข้าง ๆ หลายคนเบญจาหันไปยกมือเป็นเชิงขอโทษคนอื่นในขณะที่ตรีหันไปกราดยิ้มให้กับสาว ๆ ที่โบกมือให้เขาแต่ไกล ๆ  เธอหันกลับมาขึงตาให้เขา  ไปซะ  เธอกระซิบลอดไรฟันออกมาไล่เขา

 

ตรียักไหล่   ผมมาหาคุณ     สวัสดีรูปหล่อ  มีเสียงใครคนหนึ่งจากสาวโต๊ะที่ไกลออกไปร้องข้ามมา  เบญจากลอกตา....โธ่เอ๊ย...มีคนจำเขาได้  ตรีหันไปโบกมือให้  ไฮ้...หวัดดีครับ   นี่อย่ามาใช้เสียงที่นี่นะ  มีเสียงอีกมุมห้องร้องขึ้นอย่างเหลืออด

 

สาว ๆ โต๊ะที่ทักทายตรียืนขึ้นเท้าสะเอว   ใครมีปัญหาหรือยังไง    ห้ามใช้เสียงในเขตห้องสมุดนะ  บรรณารักษ์โผล่หน้าเข้ามาเอ็ด  จึงมีคนลุกขึ้นฟ้อง  สาวพวกนี้รบกวนเราครับผม   ไม่ใช่เราย่ะ มีเถียง   หล่อนยังท้าทายพวกเราอยู่เมื่อกี้เลย  ไม่ยอมน่ะสิ

 

อย่าทะเลาะกัน  บรรณารักษ์โบกมือ  สองฟากจึงลุกขึ้นประจันหน้ากันในระยะไกลปละมีคนประชิดระยะเข้าหากันด้วยการโบกมือท้า   มาเลยถ้าข้องใจ   เบญจามองสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยความตื่นตะลึง  มีดินสอแท่งหนึ่งปลิวข้ามไปอีกฟากพร้อมกับเสียงเป่าปากวี๊ดขึ้น

 

ตรีเดินอ้อมโต๊ะมากระชากไหล่เธอลุกขึ้น  เสียงเอะอะจากด้านนั้นดังขึ้นเขาลากเธอวิ่งออกมาจากห้องสมุดเหมือนหิ้วปีกให้เหาะตามเขาไปด้วย  เบญจาจึงรู้สึกตัวว่าตนเองคว้ากระเป๋าหนังสือติดมือออกมาด้วยก็ตอนยามสองคนวิ่งชนกระเป๋าสะพายของเธอสวนเข้าไปในห้องสมุดเพื่อช่วยระงับเหตุวุ่นวาย

 

ทั้งสองวิ่งออกไปสุดฝีเท้าไม่หยุดเลยจนไปถึงดงต้นเชอร์รี่ที่ใบร่วงหมดแล้ว  ตรีลากเธอไปโยนไว้ที่เก้าอี้เหล็กดัดตรึงแผ่นไม้ที่เย็นเฉียบเป็นที่นั่ง  เบญจากอดกระเป๋าหนังสือหอบจนตัวโยนเห็นควันพุ่งออกจากปากและจมูกเป็นสายเขามาทิ้งตัวนั่งแผ่ข้าง ๆ ตัวเธอกิจเนื้อที่จนเสื้อโค้ทตัวยาวสะบัดชายมาคลุมขาที่สวมกางเกงยีนส์  เธอผุดยืดตัวตรงปัดชายเสื้อเข้าออกร้องว่า

 

ตัวต้นเหตุ    อะไรนะ   ตรียืดตัวตรงบ้าง   คุรทำให้วุ่นวายที่ห้องสมุด   เธอกล่าวหาเขา  ผมแค่ทักเพื่อนของคุณเท่านั้น   เท่านั้นเหรอตีกันนัวเนียเลย     ธรรมดาน่า...คนนิวยอร์กกระหายเลือดอย่างนี้อยู่แล้ว

 

เฮ้อ....พูดจาได้น่าเกลียดมากนะนอกจากไม่ยอมรับผิดที่ตัวเองทำแล้วยังมาสอนให้คนอื่นเหมือนตัวอีก    พูดแล้วเธอก็ผุดลุกขึ้นยืนลากกระเป๋าใบใหญ่ที่หนักด้วยหนังสือมาสะพาย  จะไปไหน  ตรีถาม  ฉันไม่โง่ที่จะมาอ้อยอิ่งอยู่แถว ๆ นี้หรอก เพราะอาจจะมีใครที่เลิกฟัดกันออกมาจากห้องสมุดแล้วเห็นฉันอยู่กับคุณมีหวังเละแน่ฉันไปดีกว่า  ตรีรีบรุดตามเธอที่เดินเร็ว ๆ พยายามหนีเขาอย่างประชิดตัว

 

จะไปไหน  เขาถามอีก   ขอร้องล่ะอย่ามายุ่งกับฉันดีกว่า  เธอตอบทั้งที่ยังเดินไม่หยุดเขาก็ไม่หยุดที่จะเกาะติดหลังเธอไปไม่เลิก    ทำไม   เป็นคำถามที่ดีมากคุณน่ะมันตัวต้นเหตุทุกเรื่องอยู่ที่ไหนวงแตกที่นั่น  แทนที่จะโกรธตรีกลับหัวเราะก๊ากขึ้นมา  เบญจาได้ยินเธอหยุดเท้าตนเองแล้วหันกลับมามองเขาตาขวาง

 

ไม่ขำเลยนะ...คุณทนายตรี...เมื่อคืนคุณก็ก่อกวนจนหอพักหญิงของที่นี่เกือบระเบิดด้วยการปลุกทุกคนตื่นขึ้นมาแจ่วกับคุณ   ผมคิดว่าเพื่อนคุณชอบผมซะอีก   ชอบ....พวกเขาชอบม๊ากมากเลยจริง ๆ   เธอพูดเสียงอ่อนหวานแสนประชดประชันแล้วใช้ปลายนิ้วจิ้มอกเขาแรง ๆ

 

โอ๊ยเจ็บนะ  ตรีแกล้งร้อง    นิ้วเธอเล็กนิดเดียวอย่างนั้นกับเสื้อสูทเสื้อกักเสื้อเชิ้ตยังทับด้วยเสื้อโค้ทจิ้มยังไงก็ไม่ระคายถึงผิวเขาสักนิดห่วงว่านิ้วเธอจะหักเอาด้วยซ้ำไป  ยังน้อยไปสำหรับฉันที่ต้องนั่งถ่ายตาตอบคำถามสาว ๆ ที่ช๊อบชอบคุณจะแย่ว่าคุณเป็นใครพวกนั้นทรมานฉันเพราะอยากรู้จักคุณ

 

พวกเขาคิดใช่ไหมว่าผมเป็นแฟนคุณ  ตรีพูดเสียงหลอกล่อ  ไม่ใช่ย่ะ  เบญจาร้องเสียงดัง ใบหน้าขาวนวลในความหนาวแดงก่ำขึ้นมาจรดใบหูด้วยความอับอาย  ไม่มีทางพวกผู้หญิงถามอย่างนี้ทุกคน  ตรีแกล้งหยอกเธออีก  อยู่อยู่ใบหน้าที่แดงก่ำก็ซีดได้ฉับพลันจนน่ากลัว

 

ฉันไม่มีวันปล่อยให้พวกเขาเข้าใจผิดอย่างนั้นหรอก  เบญจาพูดน้ำ้เสียงเย็นเยียบเหมือนอากาศรอบตัวพวกเขา  ตรีคว้าไหล่ของเธอมาบีบด้วยความเป็นห่วงกับท่าทีที่เย็นชาอย่างนี้  เธอพูดอะไรกับเพื่อตัวเอง  เธอเชิดหน้าให้เขาอย่างเย่อหยิ่ง  ใช่เธอควรหยิ่งเข้าไว้ เพราะเขาไม่ได้ให้อะไรกับเธอที่ต้องเป็นหนี้เขานี่   

 

ฉันก็เล่าให้เพื่อนฟังน่ะสิว่าคุณเป็นผู้ชายที่เชื่อเรื่องพรหมลิขิตคุณรักผู้หญิงแปลกหน้าและจะแต่งงานกับผู้หญิงที่คุณไม่สนด้วยว่าเขารักใครเพียง เพราะคุณถูกใจของคุณคนเดียว   คุณเล่าเรื่องผมให้เพื่อนคุณฟัง  ตรีโมโหจนหัวหมุนจี๋แล้วที่เธอทำอย่างนี้กับเขา  เธอปัดมือเขาออกอย่างรังเกียจ

 

ฉันจะไม่โกหกและคุณทำให้ทุกคนบีบคั้นฉันให้พูด  ไปซะอย่ามายุ่งกับฉันอีกผู้ชายโง่  เธอปัดมือเขาออกจากไหล่ แต่คิดไม่ถึงว่ามือที่กระเด็นออกไปกลับตวัดไปกระชากไหล่ที่หันข้างให้เขาเพื่อเตรียมผละไปลอยเข้ามาในวงแขนของเขา  หัวใจของเธอแทบจะหล่นไปกองอยู่ที่เท้าเมื่อเขาก้มหน้าเข้ามาจ้องเธอจนปลายจมูกของทั้งสองสัมผัสกัน  คุณเป็นอะไรไปพูดจาขี้โมโหและดื้อดึงอย่างนี้

 

เบญจาพยายามดันข้อศอกให้ขึ้นมาช่วยผลักอกเขา แต่มันไม่ขยับ เพราะแรงรัดรอบตัวที่เขาตรึงจนกระดิกตัวหายใจยังลำบากเลย  ปล่อยฉันนะ    นี่ก็เปลี่ยนไป  เขาพูดใส่หน้าผากของเธอที่พยายามบิดตัวหนี   ฉันเปลี่ยนอะไร  เธอพยายามเถียงและฮึดฮัดหวังว่าเขาจะคลายอ้อมแขนที่รัดแน่นออกบ้าง   ไม่มีน้องเบนกับพี่ตรีอีก

 

คุณจะมาสนใจเรื่องนี้ทำไมปล่อยฉันนะ  เรื่องที่พูดมันชักน่ากลัวเข้าไปทุกทีทำให้เบญจาต้องดิ้นรนเป็นการใหญ่   นอกจากไม่ปล่อยแล้วแขนแข็ง ๆ ยังรัดแน่นเข้าไปอีก  เขาเป็นทนายความอะไรทำไมแรงอย่างกับคนงานท่าเรือ  เราจะมาตั้งกฏใหม่กันยกเลิกน้องเบนกับพี่ตรีไปซะ  ตรีพูดเสียงขรึมจ้องเธอด้วยสายตาดุเหมือนจะรุกเป็นไฟ  เบญจาหน้าเสีย  เธอพูดกับเขาอย่างไม่มีเยื่อใย เพราะงอนเขาที่ไปชอบมาลี แต่พอเขาพูดตัดขาดกับเธอมันสร้างความเจ็บช้ำให้กับเธอ

 

ไม่เห็นต้องยกเลิกเลยคุณก็ไม่สนฉันอยู่แล้วนี่   ไม่ได้เพราะการเปลี่ยนสถานภาพต้องมีการระบุอย่างชัดแจ้งไม่เช่นนั้นจะมาต่อว่ากันภายหลังว่าโกงกันมันไม่ดี  แม้อยากจะบอกกับเขาว่าไม่เห็นจะเกี่ยวกับการโกงกันที่ตรงไหนในการเลิกคบกันแต่เธอก็ไม่มีกระจิตกระใจ  ช่างเขาปะไรที่อยากพูดอะไรที่ฟังไม่เห็นจะเข้าใจคนเป็นทนายความพูดจายืดเยื้อเต็มไปด้วยพิธีการอย่างนี้อยู่แล้วนี่

 

ดีงั้นก็ว่ามา  เธอกล่าวกับเขาอย่างใจนักเลง  เราจะเป็นเบญจากับตรีเท่านั้น  พูดอะไรนี่  เธอเริ่มไม่พอใจที่เขาแกล้งเธอแบบนี้   ไม่มีคำอธิบายก็แค่เบญจากับตรี  เขาพูดหน้าตาเรียบเฉยมากจนไม่น่าจะมีอะไรนอกจากมันมีแค่นี้จริง ๆ  เอาล่ะเข้าใจแล้ว  เธอพยายามแกะแงะงัดมือและแขนที่เขารัดร่างเธอเอาไว้แน่นด้วยการดิ้นทุกวิถีทางแต่ไม่สำเร็จ

 

ปล่อยฉันซะที่สิ  เธอร้องอย่างโกรธ ๆ  ตรีส่ายหน้าให้เธอแรง ๆ ผมทำไม่ได้หรอก  เขาพูดเสียงระห้อย

 

ตอนที่  39

 

ปล่อยฉัน  เบญจาสั่ง  ตรีเสียงเขียว    บอกแล้วไงว่าทำไม่ได้  เธอมองหน้าเขา  ด้วยความสงสัย  ทำไมถึงทำไม่ได้  เขาส่ายหัวดิกอีกครั้งแรง ๆ เบญจาโมโหจนหน้าแดงพยายามดิ้น  โธ่เว้ย...ก็แค่ ปล่อยแขนออกไปเท่านั้นก็พอแล้ว   อย่าพูดไม่สุภาพสิ  เบญจา  ตรีปรามเธอชิดหูที่บอบบาง  เธอขนลุกเกรียวจนสะท้านขึ้นไปถึงไขสันหลัง   อย่าทำอย่างนี้  เธอเบนหน้าออกห่างเขาได้แค่นิดเดียวยิ่งขัดใจหนัก

 

ปล่อยฉัน....ได้ยินไหม....ว่าปล่อยฉันนะ      อย่าเอะอะโวยวายสิ  เดี๋ยวมีใครแถวนี้ได้ยิน ก็วิ่งมาดูหรอก      ก็ดี...จะช่วย  เบญจาคิดจะส่งเสียงร้องให้คนมาช่วย  แววตาเหมือนงูร้ายสะกดเหยื่อของเขามองเธอเขม็งให้หยุดพูดได้อย่างไม่น่าเชื่อ  จุ๊...จุ๊...ผู้คนได้เฮแน่ถ้าวิ่งมาถึงที่นี่ ตามคำขอร้องของคุณ    คุณจะทำอะไรฉัน  เธอชักวิตกกับแววตาวาววับประหลาด ๆ ของเขา

 

เพราะผมจะทำให้สิ่งที่พวกเราต้องเสียใจภายหลังน่ะสิ  ตรีปิดปากเมหือนเจอกับเรื่องไม่ถูกใจ  พวกเขาอาจจะชอบแต่คุณคงไม่ชอบ  แต่ผมชอบนะ...แต่ช่างหัวมันเหอะ ผมยอมเสี่ยงเอง  คุณ...อย่า  เบญจาร้องเสียงหลงที่เขาก้มหน้าลงมาหาอย่างรวดเร็ว  รอเดี๋ยว... เธอพยายามยับยั้งเขา แต่สายไปเสียแล้ว

 

ริมฝีปากของเขาจรดลงแนบกับริมฝีปากที่อ้าออกร้องด้วยความตกใจดูดกลืนเสียงของเธอหายวับเข้าไปเป็นของเขา  เบญจาได้ยินเสียงหัวเราะของคนที่เดินคุยกันระยะไกลห่างออกไปอีกฟากถนนได้ยินแม้แต่เสียงรถแล่นผ่านทับใบไม้แห้งที่ตกเกลื่อนไปทั่วเพื่อรอหิมะในเดือนธันวาคม  ทั้งหมดที่เธอได้ยินเหมือนไม่ใช่ความเป็นจริง

 

สิ่งที่จริงที่สุดเพียงอย่างเดียวในชีวิตของเบญจาเวลานี้ก็คือเขาจูบเธอ  เธอรู้สึกเข่าอ่อนยวบเหมือนมันเป็นวุ้น  ไม่อาจรับน้ำหนักได้จนต้องขยุ้มปกเสื้อโค้ทเขาเอาไว้เต็มกำมือทั้งสองข้าง  มันน่าตกใจว่าเขาคลายอ้อมกอดที่รัดแน่นออกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่เธอรู้สึกได้ว่ามือเขาเลื่อนขึ้นไประกคองท้ายทอยให้แหงนหน้าขึ้นรับจูบที่ลึกซื้งของเขาได้ถนักถนี่

 

โลกที่แกว่งไกวแทนการหมุนแทบจะยุบตัวเมื่อเขาถอนปากขึ้นอย่างกะทันหัน  เขาซบหน้าผากที่เย็นเจี๊ยบเข้ากับหน้าผากนูนกลมมนได้รูปสวยกระซิบเบา ๆ  เราแต่งงานกันเถอะ เบน  คำพูดของเขาเปรียบเสมือนเข็มสักล้านเล่มแทงทะลุเข้าในสมองที่เลื่อนลอยด้วยมนต์จุมพิตที่เขามอบให้จนมันแจ่มชัดขึ้นมา  เธอผลักอกเขาออกไป

 

ตรีไม่ได้เตรียมใจว่าเธอจะผลักเขา จึงคลายแขนออกอย่างง่ายดาย แต่เบญจาเองก็ตั้งหลักไม่ได้เธอล้มลงนั่งก้นกระแทกกับกองใบไม้แห้งเก่า ๆ แรงเต็มที่  โอ๊ย... ตรีตั้งหลักได้ผวาเข้ามาคุกเข่าข้างเธอที่นั่งก้นจ้ำเบ้ากับพื้น    เป็นอะไรไหมเบน

 

อย่ามายุ่ง  เธอปัดมือที่วุ่นวายมาลูบเนื้อตัวของเธอออก  แต่ตรีไม่ฟังเขาดึงเธอยืนขึ้นเป็นช่วงที่ประชิดตัวที่สุด  เบญจาตวัดมือขึ้นสู่แก้มข้างซ้ายของเขาสุดแรง  เพี๊ยะ....เสียงสะท้อนกลับมาเข้าหูเธอเองทำให้ได้สติหดมือกลับมาด้วยความตกใจ  ในความกล้าของตัวเอง  แต่เธอไม่เสียใจหรอกที่ตบหน้าเขา  เขาทำกับเธอได้เลวร้ายมากอย่างไม่น่าให้อภัย  ที่ทำให้เธอร่วมมือไปกับจูบถล่มโลกของเขา  ตรีหัวเราะเบา ๆ แล้วค่อยดังขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนขำเสียเต็มประดา

 

เป็นบ้าไปแล้วเหรอ  เธอตวาดเขาค่อย ๆ เสียงแหบเหมือนอดน้ำมาหลายวัน  สงสัยจะใช่  เขารับเอาดื้อ ๆ  คงจะจริงไม่อย่างงั้นเขาคงไม่ขอเธอแต่งงานที่เขาหัวเราะก็คงคิดขำตัวเองว่ามองเบญจาเป็นผู้หญิงที่เขารักได้ยังไง  ขนาดเผลอขอแต่งงานด้วย  น้ำตาแห่งความเสียใจพรั่งพรูไหลย้อยมาจากดวงตาคู่สวย หันหน้ากลับ  เดินหนีเขาไปดื้อ ๆ ตรีเบิกตากว้างด้วยความตกใจรีบก้าวเดินตามรั้งเธอเอาไว้

 

เบน...เบน....จ๋า  เสียงอ่อนหวานของเขาทำให้เธอเศร้าใจน้ำตาเธอทะลักออกมาเหมือนน้ำตาแตกสร้างความตกใจให้กับเขาไม่น้อย   คุณเจ็บที่ไหน....เป็นอะไรไปร้องไห้ทำไม  เขาเอื้อมมือมาไล้ปลายคางที่ยังเห็นรอยเขียวเล็ก ๆ จาง ๆ จากหมัดที่เขาปัดไปถูกเธอเข้า นึกตำหนิในใจว่าไม่ระวัง  แล้ววันนี้เขาก็จูบเธอย่างลึกซึ้งดูดดื่มอย่างนี้มีหรือจะไม่เจ็บ  ปากนุ่มที่แสนหวานนั้นก็เห่อแดงคล้ายห้อเลือด

 

ผมขอโทษ    ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นฉันอยากให้คุณไป  เธอมองพื้น  ไม่มองหน้าเขาเมื่อไล่เขา   เป็นอะไร โกรธใช่ไหม  เขาพยายามเซ้าซี้ เพื่อหาความจริง  งั้นฉันควรยินดีใช่ไหมมีผู้ชายที่ตั้งใจแต่งงานกับผู้หญิงอื่นมาจูบฉัน  เธอแว้ดใส่เขาอย่างเหลืออด  ผมขอแต่งงานกับคุณนะเมื่อกี้...ไม่ได้ขอแต่งงานกับคนอื่น  ตรีพูดกับเธอเสียงแข็งได้ไม่แพ้กัน  ก็ใครใช้ให้เธอดื้อนักแล้วยังพูดจาแปลก ๆ

 

แล้วคุณเอาพี่มาลีไปไหน  ตรียกนิ้วขึ้นชี้หน้าเธอเมื่อเขาหรี่ตามองเธออย่างพิจารณาเหมือนงูมองเหยื่อว่าควรจะกินที่ไหนก่อนดี  เชอะ....เธอไม่มีวันไว้ใจเขาหรอก   อย่าบอกผมนะว่า คุณไม่รู้ว่าพี่ชายของคุณกับมาลีหมั้นกันแล้ว  เบญจาตาลุกวาบ  แววโกรธเปล่งประกายวาววับ  คุณรู้เรื่องนั้นแล้ว

 

ใช่ ตรีตอบสั้น ๆ เขากำลังคิดจะบอกเธอว่าเขาโล่งอกแค่ไหนที่ศิลาขอมาลีแต่งงาน เพราะเขาเพิ่งจะรู้ใจตัวเองว่าในใจใครอยู่  เบญจาผลักอกเขาเซไปครึ่งก้าว  อ๋อ....อย่างนี้นี่เอง   อะไร  ตรียังตามไม่ทัน  เพราะรู้ตัวว่าพี่มาลีแต่งงานกับศิลาแน่แล้ว  เลยหันมาหาผู้หญิงหน้าโง่แถว ๆ นี้เพื่อแก้หน้าตัวเอง ที่พี่มาลีไม่เลือกคุณใช่ไหม  ตรีตาเหลือก  เฮ้ย...ไม่ใช่น  

 

ทำไมจะไม่ใช่ เมื่อวานคุณยังให้พ่อแม่ของคุณไปทาบทามผู้หญิงอื่นไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง  คุณเปลี่ยนใจไม่ทันหรอก    ใช่....ไม่ใช่เรื่องกะทันหันที่ผมรู้ว่าตัวเองชอบใคร  ตรีพยายามอธิบาย  มันยิ่งแย่เข้าไปอีก เพราะเบญจาเข้าใจผิด   อ๋อ...รู้แล้ว   เบญจาร้องขึ้นมา  เป็นครั้งแรกที่ตรีเกลียดคำอุทานแสดงความรู้แจ้งแบบนี้ของเธอ  คุณตั้งใจมาที่นี่...มาหาฉัน

 

ใช่....คือผมอยากมา  เธอไม่รอให้เขาพูดจบหรอกมันแสลงใจเกินไป  เธอโพล่งขึ้นขัดเขากลางคัน  มาเพื่อแก้แค้นที่พี่ศิลาจะแต่งงานกับพี่มาลี คุณเลยจับฉันเอาไว้ด้วยการกระทำอันบ้าบอที่สุดจูบฉันแล้ว ขอแต่งงาน คิดหรือว่าฉันจะโง่  ไม่รู้เท่าทันแผนชั่วร้ายของคุณ    เอ๊า...ไปกันใหญ่แล้ว  ตรีอุทานอย่างคิดไม่ถึงที่เธอเก่งชะมัดที่เอาเรื่องนั้นเรื่องนี้ ผูกโยงกันได้เป็นเรื่องยาว  กล่าวหาเขาแถมยังเหวี่ยงจากปลายอีกข้างกลับไปหาอีกข้าง จนเขาตามไม่ทัน

 

ลิ้นของทนายปากเอกอย่างเขายังจนปัญญาที่จะแก้ตัวกับเธอได้ เบญจาลากกระเป๋าหนังสือเดินออก  ไปให้พ้น ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก  ตรีตามไปแตะตัวเธอ หวังจะรั้งกลับมาให้เขาอธิบาย  เบญจาสะบัดออกอย่างรู้ทันแล้วหยุดมองเขาด้วยสายตาเป็นอริ

 

หยุดเดี๋ยวนี้นะคุณทนายความ ถ้าคุณยังขืนตามตอแยฉันไม่เลิกแล้วไม่ยอมไปจากที่นี่ซะทีฉันจะเรียกตำรวจ     ใจเย็น ๆ น่าเบญจา  ตรีชักขยาดรู้ว่าเธอเอาจริงแน่คราวนี้ไม่ใช่ขู่  ผมขอแค่ฟังผมพูดหน่อย   ไปให้พ้นไม่ต้องพูด    จะไปไหม  เสียงเธอชักแหลมสูง  จนคนที่มองอยู่ถนนอีกฟากสนใจ  ตรียกมือ อย่างยอมแพ้  แต่ชั่วคราวเท่านั้น

 

ผมไป....ผมไปก็ได้...ไม่ต้องเรียกตำรวจหรอก จะลำบากให้คุณไปตากหน้าที่สถานีตำรวจ ผู้หญิงไม่ควรจะไปที่อย่างนั้น โดยไม่จำเป็น  เขายังแสดงทักษะทนายความผู้ชำนาญการไม่เลิก  เบญจาชักหมดความอดทนกับเขา  คุณต้องการให้ฉันเรียกตำรวจใช่ไหม  

 

ไม่ต้อง....ผมไป...แต่บอกไว้ก่อนว่าไม่ใช่ เพราะกลัวตำรวจหรอกนะ อย่าเข้าใจผิด....แต่เพราะรู้ว่าพูดอะไรเวลานี้ก็คงเปล่าประโยชน์กับอารมณ์ของคุณ        ก็ไปซะทีสิ  ตรียอมถอยก้าวหนึ่ง แล้วโคลงศีรษะให้กับเธอ   แล้วผมจะกลับมาใหม่  เธอขึงตาให้เขา แว้ดเขาเสียงแหลม

 

ไม่ต้องมาอีกนะ     ใครจะห้ามผมได้  เขาพูดกับเธอเสียงแข็งพอกันแล้วยกมือขึ้นส่งจุมพิตลอยลมไปให้  อย่าลืมรอยจูบนี้เป็นอันขาด จนกว่าเราจะพบกันใหม่  เบญจาสะบัดหน้ากลับหลังหันด้วยความโกรธ   คนทุเรศ  ตรีมองเธอเดินดุ่ม ๆ ลากกระเป๋าหนังสือตุปัดตุป่องจากไปอย่างจนปัญญาที่จะรั้งเธอเอาไว้

 

เขารู้หรอกนะว่า....เธอรักเขา....ไม่ใช่ไม่นานมานี้....คงจะนานแล้วด้วย  ไม่เช่นนั้นไม่มีทางหรอกที่เธอจะจูบตอบเขาได้หวานชื่นขนาดนี้  เขาหรือสู้อุตส่าห์รีบมาหาเธอทันทีที่รู้ว่าศิลาหมั้นกับมาลี  คิดว่าเธอจะยินดีและจะเปิดเผยความในใจกัน แล้วดูสิเธอโกรธเขาอย่างกับเขาไปก่ออาชญากรรมร้ายแรงมา

 

พูดอะไรก็ไม่ยอมฟัง  ฮึ...ผู้หญิง...เป็นพวกที่เข้าใจยาก  ไม่รู้ว่าพวกเธอต้องการอะไรกันแน่  แต่ถึงอย่างนั้นพวกเธอก็น่ารัก  ไม่มีทางหรอกที่จะให้เขาลามือ  คอยดูสิพรุ่งนี้เขาจะมาอีกมาจนกว่าเธอจะยอมเข้าใจเขาสักทีว่าเขาน่ะสนเธอแล้วนะ  ตรีรอจนเบญจาเข้าหอพักแล้ว เขาจึงเดินออกไปด้วยหัวใจที่เบิกบาน  คิดฝันไปต่าง ๆ นานา ตามประสาหัวใจที่มีความรัก

 

ตอนที่  40

 

มีเสียงคุยกันในห้องครัวทำให้ไฉ่ฝ่งยิ้มอย่างอารมณ์ดี  บ้านที่กำลังจะมีงานมงคลจะคึกคัก คนนั้นมาเยี่ยมคนนี้มาช่วย  และลูกหลานจะกลับมากินข้าวที่บ้านกันพร้อมหน้า  คนแก่หัวใจจะกระชุ่มกระชวยก็ เพราะได้จัดงานแต่งงานและมีหลานเล็ก ๆ เอาไว้อุ้ม  ตั้งแต่ได้พาฝันลูกสาวของอาคมและไอริณมาสุขภาพจิตของไฉ่ฝ่งก็เบิกบาน แต่ยังไม่พอยังกระหายอีก  ถ้าศิลามีหลานให้อีกสักคนบ้านนี้คงมีเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ เล่นกันเพิ่มชีวิตจะไม่เงียบเหงา 

 

มีเสียงเปิดปิดประตูบ้านและคุยกันอย่างคึกครื้น  จักรและฉัตร เดินคุยกันเข้ามาทักทายมารดา  แม่ครับ  ทั้งสองทักพร้อมกัน  ไปไหนกันหมดครับ  จักรถามถึงผู้หญิงคนอื่น ๆ ไฉ่ฝ่งพเยิดหน้าไปที่ครัว   ไปรวมกันอยู่ที่นั่นทำอาหารไว้เลี้ยงพวกแกน่ะสิ

 

ให้ผมเข้าไปดูไหม  ฉัตรถาม    อย่าเลย พวกเขากำลังสอนมาลีทำขาหมูต้มน้ำส้มสายชูดำกันอยู่คงไม่อยากให้ใครเข้าไปขัดมั้ง  ไฉ่ฝ่งพูดยิ้ม ๆ และภาคภูมิ  เพราะขาหมูต้มน้ำส้ม เป็นอาหารสูตรโบราณที่จะทำขึ้นมาสำหรับงานเลี้ยงพิเศษไม่กี่ครั้งต่อปีของคนมณฑลกวางตุ้งเท่านั้น  หน้าตาและวิธีการปรุงอาจจะคล้าย ๆ แต่สูตรลับของรสชาติของแต่ละครอบครัวจะแตกต่างกัน พวกเขาจะสืบทอดสูตรแต่ละครอบครัวแก่ลูกสาวที่จะแต่งงานออกไปกับลูกสะใภ้ที่แต่งเข้ามาในครอบครัวนี้ให้คงสูตรและรสชาติเอาไว้

 

มิน่า ผมว่าได้กลิ่นอยู่เหมือนกัน  จักรรับรู้ เขาหันไปรอบ ศิลายังมาไม่ถึงหรือครับ   เขาบอกว่าจะมาหรือ ไฉ่ฝ่งถามลูกชาย   เขาโทร.หาผมก่อนพวกเราออกมาจาก ซิง สาขาหนึ่งครับ  ฉัตรตอบ  ถ้ามันจะมากินข้าวบ้านนี้ทำไมไม่โทร.มาบ้าานนี้อย่างที่มันเคยทุกที  ไฉ่ฝ่งถามเสียงกึ่งหัวเราะกึ่งฉงน  คงกลัวแม่ยังโกรธมันมั้ง  ฉัตรเอา  ให้มันจริงเหอะ  ไฉ่ฝ่งหัวเราะฮึ ๆ 

 

ผมก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้เท่าใด จักรคิดเหมือนมารดา  แล้วทั้งสามก็หัวเราะขึ้นพร้อมกันกับคำตอบที่ตัวเองตอบกันในใจว่า ศิลากลัวอะไร  เกือบทุ่มตรงศิลาก็มาพร้อมเบญจา  ทำไมมาพร้อมกัน  จักรทัก   เราเจอกันที่หน้าบ้านค่ะพ่อ  เบญจารับอาสาตอบเองเมื่อเห็นพี่ชายอึกอักละเว้นที่จะไม่เล่าว่าเธอเห็นเขาเดินไปเดินมาหน้าบ้านงึมงำในคอคล้ายซ้อมคำพูดอะไรคนเดียว จนเธอมานู่น เขาจึงหยุดแล้วยอมเดินตามเธอเข้าบ้าน

 

ได้เวลากินพอดี ไฉ่ฝ่งพูดขึ้นลอย ๆ   ฉัตรเดินเข้าไปกระทุ้งเอวลูกชาย แล้วกระซิบกระซาบ  ไฉ่ฝ่งทำเป็นมองไม่เห็น  หนูได้กลิ่นขาหมูต้มน้ำส้มนะคะ  เบญจาพูดขึ้น  แม่แกกับอาสะใภ้สอนมาลีทำขาหมูต้มน้ำส้มวันนี้ เข้าไปดูสิแล้วบอกว่าคนกินมากันครบแล้ว ไฉ่ฝ่งสั่งหลานสาว  เบญจารีบผละเข้าไปในครัวทันที  เธอรู้ว่าบางทีผู้ใหญ่อาจมีเรื่องคุยกัน  จักรผลัก ศิลาเข้าไปตรงหน้าไฉ่ฝ่ง

 

พูด เขาสั่งสั้น ๆ ศิลานิ่วหน้าแล้วก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อย  ผมเสียใจที่พูดไม่ดีกับคุณย่าเมื่อวันก่อน  ไฉ่ฝ่งบิดหน้านิดหนึ่ง ซ่อนแววหัวเราะเอาไว้มิดชิด  พูดอะไรนะฉันได้ยินไม่ถนัด    ผมขอโทษครับ  ศิลาตะโกนตอบ  ก็แค่นั้นล่ะ  ไฉ่ฝ่งพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกหน่อย ๆ

 

ยกโทษให้ศิลานะครับแม่  ฉัตรช่วยลูกชายพูดอีกแรง  อย่าถือเด็กนะครับแม่  ฉัตรเสริมอีกแรง  ใครว่าอะไรกันเล่า ถ้าฉันถือสามันนะหรือ ฉันคงเอาไม้เพ่นหัวมันตั้งแต่เดินเข้ามาแล้วมานี่ซิ  ไฉ่ฝ่งอ้าแขนออกให้กับหลานชาย   คุณย่า  ศิลาเดินเข้าไปกอดท่านแล้วจูบที่แก้มเบา ๆ  ไฉ่ฝ่ง ผลักไหล่หลานชาย พูดเสียงรู้ทัน

 

แกไม่ต้องมาทำท่าประจบฉันหรอก คราวนี้ฉันยกโทษให้ ฉันรู้นะแกหายไปทีละนาน ๆ ได้โดยไม่ง้อฉันก็ได้ แต่ที่แกมาน่ะมีเป้าหมายอย่างอื่นด้วย  ศิลาหน้าแหยไปนิดหนึ่งฟ้องเสียงอ่อย  มาลีไม่ยอมพูดกับผม    ถ้าไม่ใช่เพราะเขา แกจะมาหาฉันไหม  ไฉ่ฝ่งดักคอ  แฮะ....ทำไม คุณย่าคิดว่าผมจะไม่มาเล่าครับผมรักคุณย่านะครับ ต้องหาทางกลับมาบ้านนี้จนได้ล่ะครับ

 

ไฉ่ฝ่งจิ้มคางหลานชาย  ปากหวานนะแก เก็บเอาไว้พูดให้คนอื่นเชื่อแกเหอะ  ฉันฟังแกมาหลายปีแล้วเบื่อจะเชื่อแล้ว    ต่อไปผมจะกล่อมคนอื่นแทนคุณย่าก็ได้  ศิลาพูดยิ้ม ๆ ภาวนาให้เขาใจอ่อนเหมือนฉันดีกว่า  ไฉ่ฝ่งพูดคาดขู่ให้เขาหวั่นเล่น ๆ   ศิลาหน้ายิ้มระรื่น  เขาเชื่อว่าเธอจะต้องเชื่อเขา  เบญจาเข้ามาอีกครั้ง  อาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วค่า....ขอเชิญทุกคนที่โต๊ะค่ะ 

 

อาหารหลายชนิดถูกวางเต็มโต๊ะ  พร้อมกับขาหมูต้มน้ำสัมสายชูดำอวดโฉมบนชามใบใหญ่มหึมากลางโต๊ะ  เนื้อขาหมูถูกสับเป็นชิ้นโตติดหนังพองฉ่ำสีดำของน้ำส้มสายชูดำ กลั่นกรุ่นขิงแก่ลอบขึ้นมาผสมเข้ากันได้กับกลิ่นน้ำส้มสายชูอ่อน ๆ ดูน่ากินที่สุด  พวกผู้ชายตักที่จานนี้ก่อนทุกคน  จักรกลืนเข้าไปแล้วหันไปหามาลีที่นั่งหนีบ ๆ ชิดกับลินดา

 

ฮ่า....รสชาติของบ้านพวกเราจริง ๆ เลยมาลี  มาลีพรยิ้มนิดเดียว  ไม่กล้ามองไปฟากตรงข้ามที่มองเธอเขม็งฝ่านชามขาหมู  หนูก็แค่ทำตามที่ป้าอริสากับแม่สอนเท่านั้นเองค่ะ ถ้าไม่ได้ป้ากับแม่หนูก็คงทำไม่ได้อย่างนี้หรอกค่ะ   ถือว่านักเรียนหัวดี  ศิลาพูดข้ามโต๊ะมา  เธอหันไปขึงตาให้เขาแต่ไม่พูดกับเขา ก่อนหันกลับมาตักมะละกอชิ้นโตในชามขาหมู  เสิร์ฟให้กับไฉ่ฝ่ง

 

คุณย่าลองทานดูสิคะว่ามะละกอได้ที่ไหมคะ  ไฉ่ฝ่งเป็นปลื้มใช้ตะเกียบคีบมะละกอสีดำ เพราะต้มมากับน้ำส้มสายชูดำขึ้นกัดกิน  ฮือม์...พอดีเลยไม่เละไม่แข็งจนเกินไป  แล้วอุ้มรสน้ำส้มน้ำตาลปึกกับเกลือพอเหมาะอร่อยที่สุด หนูสอบผ่านแล้ว  มาลีพรใช้ทัพพีด้ามยาวตักขาหมูจากชามไปเสิรฟในชามของเบญจาบ้าง

 

ลองฝีมือ พี่ดูบ้างนะน้องเบน  ศิลายื่นหน้าเข้ามาในโต๊ะ   ขอผมบ้างสิครับ  มาลีพรวางทัพพีกลับด้ามไปทางเขาโดยไม่ได้ตักให้กับเขาตามคำขอ  มาลี เขาเรียกเธอ  แต่เธอไม่สนก้มลงกินอาหารในชามแบ่งของเธอไปคล้ายไม่ได้ยิน  พอศิลาขยับปากจะเรียกเธอซ้ำอย่างไม่ยอมแพ้  จักรกระทุ้งที่สีข้างศิลา  แล้วกระซิบเบา ๆ   รอให้กินข้าวเสร็จแล้วค่อยว่ากันใหม่สิ   ศิลาหน้าบึ้ง แต่ก็ยอมเชื่อฟังลุง

 

ตลอดอาหารมื้อนี้แม้จะมีคนสองคน  ไม่คุยกับใครเลยทุกคนก็ยังคุยกันได้อย่างสนุกสนานมีความสุขของครอบครัวที่สุด  หลังอาหารทุกคนย้ายไปห้องนั่งเล่น เหลือมาลีพรที่ขออยู่ช่วยเบญจาและเจ้หมิงเก็บกวาดทำความสะอาด  เจ้หมิง  เก็บถ้วยชามและกวาดเศษอาหารออกจากจานใส่ภาชนะเดียว เพื่อสะดวกจะนำไปใส่ถุงทิ้งอีกที เดินกลับไปกลับมาระหว่างห้องครัวกับห้องกินข้าวอยู่หลายเที่ยว

 

เบญจาช่วยมาลีพรจัดเก็บอาหารส่วนที่เหลือเพื่อนำไปเข้าตู้เย็นไว้กินมื้อหน้า  ขาหมูต้มน้ำส้มของพี่เด็ดมาก   ชมกันอีกแล้ว  มาลีพรหัวเราะผสม แต่คิดไม่ถึงว่า ที่นี่จะหาเครื่องปรุงได้ครบขนาดนี้ มีน้ำตาลปึก มะละกอดิบ   อ๋อ....มีคนจีนปลูกขายให้กับพวกเรา แถว ๆ ไมอามี่ส่วนน้ำตาลปึก สั่งจากเมืองไทย ที่อื่นไม่มีขาย บางทีถ้าขาดตลาด เราก็พึ่งน้ำตาลอ้อยที่เขาทำเป็นปึกสี่เหลี่ยมจากจีนก็พอแก้ขัดได้  หายากไหม  มาลีพรชวนคุยระหว่างดึงแผ่นพลาสติกถนอมอาหารคลุมปิดทับจานเป็ดย่างที่เหลือเตรียมนำเอาเข้าตู้เย็น

 

อ้าว...พี่มาลี ไม่ได้ไปจ่ายของเองหรือคะ  มาลีพรส่ายหน้าแรง ๆ   คุณย่าคงสั่งใครไปซื้อมาแน่เลย เพราะวันนี้พี่ออกไปที่วัดจีนกับป้าอริสา ป้าลินดา กลับเข้ามาตอนบ่ายก็มีของวางไว้เต็มครัว ป้าอริสาก็บอกว่าจะสอนทำขาหมูต้มน้ำส้ม  แล้วก็ทำอาหารเยอะแยะไปหมดเลย  โอ๊ย ของเยอะอย่างนี้ คุณย่าไม่ไปจ่ายหรอก ต้องมีใครส่งมาให้แหง  เบญจาหัวเราะกับความคิดของมาลีพร

 

พี่ให้คนส่งมาให้เองค่ะ  เสียงศิลาขัดแทรกกลางการสนทนาของสองสาว  มาลีพรหันขวับไปมองที่หน้าประตู  เห็นศิลายืนกอดอกพิงขอบประตูแถมยังไขว่ขายาว ๆ ของเขาอย่างสบายอารมณ์  เบญจายกจานเป็ดอุ้มเข้าไปในครัวทันที  โดยไม่ต้องมีใครขอร้องแล้วดึงตัวเจ้หมิงเอาไว้ไม่ให้กลับเข้าไปในห้องกินข้าวอีก  ไม่มีอะไรเหลือให้เก็บแล้วล้างเท่าที่เก็บเข้ามาได้ไปเถอะเจ้หมิง  เบญจาบอกสาวใช้จากแผ่นดินจีนที่ยิ้มอย่างรู้ทัน  หมิงเห็นศิลาที่ประตูเหมือนกัน

 

มาลีพรละสายตาจากคนที่ทำให้หัวใจของเธอหวั่นไหว ก้มหน้าลง ทำงานต่อยังมีจานผัดหมี่ที่เหลือไม่มากกับน้ำจิ้มอีกสามอย่างแต่เธอให้ความำสคัญกับมันเหลือเกิน  ศิลาคลายมือจากอก เมื่อเห็นน้องสาวเลี่ยงออกไป  เดินข้ามห้องมาใกล้เธอ  คุณทำอย่างนี้ทำไม  เธอถามขึ้นก่อน เพียงแค่เห็นชายขากางเกงของเขาที่เดินเข้ามายืนเกือบชิดเธอ

 

ผมอยากกินขาหมูต้มน้ำส้มก็เลยให้คนขนมาจากตลาดไท  เป็นคำสั่งของเขานี่เอง  แม่และป้าของเขาดูกุลีกุจอ  คะยั้นคะยอให้เธอหัดทำอาหารที่เขาชอบตั้งหลายอย่าง  เธอไม่คิดว่าตัวเองเสียรู้เขาไม่ได้เห็นหน้าเขามาสองวันเต็ม ๆ มันนานราวกับสองปี แต่พอได้เห็นเขาในวันนี้เธอก็ตื้นตันพูดไม่ออก  ความจริงเธอก็อยากจะตักขาหมูต้มน้ำส้มเสิร์ฟให้เขา

 

การที่เขาขอทำให้เธออาย... ก็ทุกคนจ้องราวกับ ตาปะทุออกมาทุกคนทำให้เธอไม่กล้า ถ้ามีใครสักคนล้อเธอขึ้นมา คงทำให้เธอ แทรกแผ่นดินหนีเขาไปเดี๋ยวนั้นแน่  เพราะทุกคนจะรู้ว่าเธอไม่ได้โกรธเขาจริงหรอก  เธอคิดถึงเขาอยู่ทุกเวลาด้วยซ้ำไป

 

คุณก็ได้กินแล้วนี่  เธอพูดกับเขาเสียงแผ่ว  โดยยังไม่กล้ามองหน้าเขา   โธ่...มาลี  เขาอุทานอย่างขัดใจ  แล้วก้มลงกว้ามือของเธอขึ้นมากุมเอาไว้ บังคับให้เธอสบตากับเขาที่เปี่ยมด้วยแววตาเว้าวอนอย่างที่เขาไม่เคยมีให้ใครมาก่อน  เขาไม่มีทางรู้เลยว่าเธอ คิดอะไร

 

ความโกรธของเธอทรมานยิ่งกว่าถูกไฟเผาใจ  เขาจึงต้องมาหาเธอ....คิดทุกวิธีที่จะมาโดยไม่ต้องเสียหน้าลูกผู้ชายคนหยิ่งก็จนหนทางในที่สุดเขาต้องยอมให้กับเธอด้วยแผนตื้น ๆ ของมาดาและป้าสะใภ้ช่วย  เป็นครั้งแรกที่เธอโกรธเขามันมีบทเรียนให้เขารู้ว่าจะง้อเธออย่างไร  เลิกโกรธผมเถอะนะ  ศิลากระซิบแผ่วกับเธอด้วยความคาดหวัง คำอภัยอย่างที่สุด

 

ตอนที่  41

 

คุณอย่างโกรธผมต่อไปอีกได้ไหม  ศิลาพูดกับมาลีพร ด้วยเสียงอ่อนโยนและเว้าวอนอ่อนหวาน ทำให้คนฟังตื้นตันจนน้ำตาคลอ  ไม่เคยมีใครอ่อนโยนกับเธอขนาดนี้นอกจากพ่อกับแม่ที่ตายจากไปนานแล้ว  ไม่เคยนึกว่าจะพบมันในแดนไกลกับบุรุษที่แทบไม่รู้จักว่าเธอเป็นใคร  ศิลาตกใจที่ได้เห็นหยาดน้ำตาในดวงตาคู่สวย

 

โธ่...อย่าร้องไห้เลยนะผมขอโทษที่ทำให้คุณโกรธผมสัญญา  เขารีบพูด  ต่อไปนี้จะไม่ทำให้คุณโกรธผมแบบนี้อีกแล้ว   อย่า... เธอปิดปากเขาให้หยุดพูดด้วยมือนุ่ม  ศิลาเบี่ยงออก  จริง ๆ นะผมไม่สบายใจเลยที่เราทะเลาะกันอย่างนี้     ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ

 

ใช่สิ...ต้องใช่ ผมเป็นผู้ชายต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองทำผมทำไม่ดีกับคุณย่าแล้วก็ทำให้คุณโกรธผม     คุณก็ขอโทษท่านแล้วนี่คะ     คุณรู้ด้วย  ถ้าไม่ใช่ท่านจะให้คุณกินขาหมูต้มจ้ำส้มหรือคะ   ก็จริง ไม่งั้นคงถูกตะเพิดไปอย่างท่านว่า...แต่เดี๋ยวขาหมูกับเครื่องปรุงและอาหารสดทั้งหมด ผมเป็นคนหามานี่นา

 

แต่ฉันเป็นคนปรุงนะคะ อำนาจต้องอยู่ที่นี่  ทั้งสองมองสบตากันยิ้มให้แก่กัน   ถือว่าเราเสมอกัน  ศิลาพูดโมเม  เขาจับมือเธอมาเขย่าเล่น  หายโกรธผมแล้วใช่ไหม   ฉันหายโกรธไปนานแล้ว  จริงหรือตั้งแต่เมื่อไรกันผมไม่รู้เลย   ก็หลังจากคุณออกไปนั่นและล่ะค่ะ  ศิลาเช่นเขี้ยวเคี้ยวฟันตัวเองหลอก ๆ ทำท่าว่าโมโห

 

โธ่เอ๋ย...ทำไมผมไม่รู้นะจะได้ไม่ต้องเสียขาหมูหนึ่งขากับมะละกอดิบอีกหนึ่งลูกและอาหารมื้อใหญ่เบ่อเริ่มเลย   คุณเสียดายค่าอาหารหรือคะ  เธอถามเขาด้วยคำถามที่จริงจังอยากรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของเขามากกว่าจะเล่น  ไม่รู้เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอซีเรียส แต่เธอก็รู้ว่าเขารู้...และก็ไม่เล่นด้วย.....  ศิลาส่ายหน้าให้กับเธอ

 

ไม่...ผมไม่มีวันเสียดายที่จะทำอะไรเพื่อคุณ...มันยังน้อยไปขอให้เพียงคุณเลิกโกรธผมมันคุ้มค่าเสมอ  เขาเพียงแค่สำนึกผิด...มันไม่ใช่ความรัก...เธอเป็นคู่หมั้นของเขามาสามวันแล้วยังไม่เคยได้ยินเหตุผลที่เขาแต่งงานกับเธอก็เพราะความรักออกจากปากของเขาเลย  เขาอาจจะแต่งงานกับเธอด้วยเหตุผลสารพัดที่เขายกขึ้นมาอ้าง แต่ไม่ใช่ความรักอย่างแน่นอน

 

เขาเคยพูดเองว่าเขาจะไม่เชื่อในความรักสำหรับการแต่งงาน อนาคตของพวกเธอจะเป็นอย่างไรนะมาลีพรคิดไม่ออก  ศิลาช้อนใบหน้าของเธอขึ้นมองสบตากับเขาจนเห็นประกายดาวจิ๋ว ๆ ในดวงตาเขา  สัญญา....กันนะต่อไปนี้เราจะไม่ทะเลาะกันอีก  เขาพูดแล้วก้มจูบเธออย่างลึกซึ้งเป็นการผนึกคำสัญญา  ทำให้มาลีพรลืมหมดสิ้นว่าเขาไม่เคยบอกว่ารักเธอสักคำ

 

ร้านตัดเสื้อผ้าแต่งงานประเพณีจีนตั้งอยู่บนถนนย่านไชน่าทาวน์  เป็นร้านเล็ก ๆ หนึ่งคูหาสองชั้น ชั้นบ่างแน่นขนัดไปด้วยชุดเจ้าสาวสีแดงตัดจากผ้าแพรต่วนเนื้อดีหนาและนุ่มมีน้ำหนักทิ้งตัดเป็นชุดกี่เพ้านับร้อย ๆ ชุดแขวนเต็มราวติดกำแพงร้านแน่นขนัด   มีตู้โชว์เพชรหลอยเทียมสำหรับปักชุดเจ้าสาว  เต็มซีกหนึ่งของทางเดินจนทำให้ร้านคับแคบเข้าไปอีก

 

มาลีพรหมุนตัวครั้งที่เป็นร้อยแล้วให้อริสาและลินดาดูต่อหน้าช่างตัดชุดชายชราอายุมากตรวจสอบและหาข้อบกพร่อง  เธอรู้สึกน้ำหนักของเลื่อมเชและเพชรกับลูกปัดลายหงส์บนตัวเสื้อว่าหนักมาก  เบญจาที่ยืนอยู่ข้างกองผ้ามหึมา  ยกนิ้วส่ายหน้าให้เธออยู่นิ่ง ๆ ไม่เช่นนั้นมีหวังถูกอริสาและลินดาเอ็ดเอาแน่ ๆ ลินดาชี้นิ้วไปที่ลายหงส์บนตัวเสื้อของมาลีพร  ปักเลื่อมเพิ่มหน่อยลุงหล่าย...ตัวหงส์ดูมันผอม ๆ ไปนะจะดูไม่สวยเวลายกน้ำชา

 

มาลีพรตาเหลือกขนาดที่ปักอยู่ยังหนักขนาดนี้ ถ้าเพิ่มเข้าไปอีกมีหวังเธอต้องนั่งรถเข็น เพราะไม่มีปัญญาแบกน้ำหนักเสื้อที่หนักกว่านี้   อย่าห่วง  ลุงหล่ายรับปาก  ฉันจะปักสุดฝีมือ  ให้เด่นเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในรอบสิบปี  จะเสร็จทันไหม  อริสาห่วงเหมือนกัน   ทันน่า  ลุงหล่ายรับปาก มาลีพรจึงรีบเปลี่ยนชุดเอาออกมาคืนลุงช่างตัดเสื้อ

 

อริสาจับลูกสาวของตัวเองผลักมายืนตรงหน้าลุงหล่าย  หาชุดให้เบนหน่อย   จะแต่งเมื่อไหร่  ลุงหล่ายถาม   หนูไม่มีงาน...เบนจาส่ายหน้า  อริสาเพยิดหน้า  ลองดูให้เห็นตัวเองในชุดเจ้าสาวแล้วจะอยากแต่งงาน  เออ...ใช่....เอาเคล็ดไง  ลินดาสนับสนุนอย่างนึกสนุก  เด็กผู้หญิงจะได้มี ลางของตัวเองว่าจะได้เป็นเจ้าสาวเร็ว ๆ นี้  เบญจาอายจนหน้าแดง เพราะพิรุธในใจ

 

โธ่เอ๋ย....เธอก็เหมือนผู้หญิงทั่วไปที่ฝันถึงการแต่งงานตั้งแต่อายุสิบเอ็ด    หนูไม่ได้แต่งงานซะหน่อยเกรงใจปู่หล่ายที่เอาเสื้อชุดใหม่พวกนี้มาสวมไม่ดีหรอกค่ะ  สาวน้อยพยายามพูดบ่ายเบี่ยง  ชายชราเจ้าของร้านหัวเราะอย่างอารมณ์ดี  หนูเป็นเด็กดีรู้จักเกรงใจผู้ใหญ่แต่เรื่องนี้ไม่เป็นไรหรอก

 

พูดแล้วชายชราเอื้อมมือไปดึงชุดแต่งงานสีแดงตัดสองชิ้นกระโปรงตัดด้วยแพรต่วนจีบรอบเอวเสื้อตัดเป็นแขนยายคอตั้งติดกระดุมผ้าถัก  จากคอเฉียงถึงซอกแขนออกมาส่งให้  ชุดนี้เหมาะหนูมาก ไปลองสวมดูสิ  เบญจามีท่าลังเลใจ

 

ชาราจึงยัดเยียดใส่มือเด็กสาว  เอาไปเถอะ ถ้าไม่ได้ฉันก็บอกว่าไม่ได้   หนูอาจจะ...อื้อ...มันได้มั้งคะ    คนเราถ้าถือโชคลาง ฉันก็เห็นมาเยอะนะหนูเบนนี่คือเสื้อผ้าเท่านั้นไม่มีอิทธิพลต่อชีวิตของใครทั้งสิ้น มีแต่ทำให้คนสวมใส่ดูดีและสาวขึ้น  ต่างหากไม่ใช่ลิขิตชะตาลองสวมมันซะ เพียงเพื่อวันหนึ่งถ้าหนูแต่งงานก็จงมาเลือกเสื้อผ้าจากร้านของปู่  ลินดาผลักหลังหลานสาว

 

ไปซิปู่หล่ายอนุญาตแล้ว  มาลีพรรีบจุงมือเบญจาเข้าไปในห้องลองเสื้อผ้าเพื่อช่วยเบญจาเปลี่ยนชุด ไม่กี่อึดใจต่อมาสองสาวออกมานอกห้องให้ผู้ใหญ่ชม  ปู่หล่ายสำรวจแล้วช่วยดึงแขนเสื้อให้ตึง และจัดกระโปรงให้เข้ารูปร่างอีกครั้งแล้วลากให้ไปยืนอยุ่หน้ากระจกเงาบานใหญ่อย่างภาคภูมิ

 

บอกแล้วไงว่ามันเหมาะสำหรับหนู  สวยมาก ทุกคนชมเปราะ  เบญจาหน้าแดงซ่านด้วยความอาย  แต่ก็ยอมรับว่ามันเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเธอไปอีกแบบอย่างไม่เคยคิดมาก่อนในชุดจีนสีแดงเข้มเช่นนี้   ชายชราเดินไปหยิบกล้องโพลารอยด์ที่เคาน์เตอร์ออกมา  ทำไมต้องถ่ายรูปคะ  เบญจาถามด้วยความสงสัย เพราะคราวของมาลีพรไม่เห็นเขาถ่ายรูปเลย  ชายชราหัวเราะอย่างอารมณ์ดีอีก

 

เพื่อหนูจะได้เก็บเอาไว้ตัดสินใจว่าจะแต่งงานตามประเพณีจีนของเราดีกว่าสวมกระโปรงฝรั่งยาวฟูฟ่องแต่เกะกะเวลายกน้ำชาสะใภ้ไม่สวยหรอก  เบญจาถึงหัวเราะได้กับชายชรา เพราะคิดออกว่าแกอาจจะคิดว่าให้เธอลองสวมดูเพื่อเป็นการส่งเสริมการขายในอนาคต เพราะปัจจุบันนี้คนไม่ค่อยจะนิยมสวมชุดแบบจีนเท่าไหรแล้วในอเมริกา  ยังไม่ทันที่ปู่หล่ายเจ้าของรานจะกดชัตเตอร์ถ่ายรูปให้กับเบญจาเสียงระฆังใบน้อยที่แขวนไว้กับขอบประตูร้านก็ลั่นขึ้น

 

กริ๊ง....กริ๊ง   สวัสดีครับ  เสียงคุ้นหูเหมือนปีศาจกวดหลังดังขึ้นที่เบื้องหลังทำให้เบญจายืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ   อ้า...ทนายตรี  ปู่หล่ายอุทานด้วยความคุ้นเคย  เบญจาหันกลับมาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้  เขามาที่นี่ทำไมกัน...มันทำให้หัวใจเต้นโลดไปถึงคอหอย แล้วตกวูบลงมาช้าลงเหมือนเหนื่อยล้า...เมื่อคิดขึ้นมาได้ว่ามาลีอยู่ที่นี่ด้วย  เธอไม่ใช่เป้าหมายของเขา....  ครับปู่หล่าย..แหมอยู่กันพร้อมหน้าเลย  เสียงของเขารื่นเริงยินดีจนหน้ากลัว  พอเขาก้าวเข้ามาในร้านอีกก้าว  ลินดาและอริสาก้าวปาดไปยืนข้างหน้ามาลีพร  เปิดช่องว่างใหญ่มโหฬารตรงหน้าเบญจาแก่ตรีโดยไม่รู้ตัว

 

มาทำไม  เบญจาตั้งคำถามกับเขา  เพราะมารดาและอาสะใภ้ของเธอเอาแต่จ้องมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ  ผมมาเยี่ยมปู่หล่าย  ตรีตอบอย่างใจเย็น  คุณไม่ใช่ญาติปู่หล่าย  เธอรู้ทันเขาหรอกน่า  ผมมาเยี่ยมในฐานะคนรู้จักเท่านั้น  ตรีพูดยิ้ม ๆ และสำนักงานกฏหมายของผมเคยทำงานให้กับปู่หล่าย

 

โกหก เบญจาพูดใส่หน้าเขา   จริงนะ ปู่หล่ายออกรับแทนเขา  ตรีจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้เธอกระซิบเบา ๆ  ผมนะทำคดีฟ้องหย่าให้กับปู่หล่ายเชียวนะ  เบญจาอ้าปากค้าง  ปู่หล่ายเข้าไปตบไหล่ตรีสนิทสนม  ใช่....ใช่...เขาเป็นทนายความที่เก่งมากไม่อย่างนั้นฉันต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูให้ฝ่ายผู้หญิงจนหมดตัวแน่เลย  ลินดาห่อปากด้วยความตกใจ  แต่อริสาที่ยืนบังมาลีส่ายหน้า

 

ก็ไหนใครว่าเมียปู่หล่ายตายไปตั้งสามสิบปีแล้วไม่ใช่หรือ   ฉันไม่ได้มีเมียใหม่หรอกแต่ฉันให้ทนายตรีฟ้องหย่าให้กับลูกชายฉันน่ะสิ  ปู่หล่ายอธิบาย แก้ความเข้าใจผิดแก่ทุกคน  แต่ทนายตรีก็ขยันแวะมาเยี่ยมฉันอยู่เรื่อย ๆ  เขามีความดีกับปู่หล่าย ไม่ได้ม่กับเธอนี่เบญจากลอกตาแล้วขยับตัว

 

หนูต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว  ปู่หล่ายคว้ามือเธอเอาไว้  เรายังไม่ได้ถ่ายรูปเลย  แต่ปู่...กำลังยุ่ง...มีแขกมาหา...   ทนายตรีไม่ใช่แขก...เราคนกันเองเท่านั้นมาเถอะกล้องก็เอาออกมาแล้ว  ยากที่จะขัดเบญจามองไปที่มารดาและอาสะใภ้ทั้งสองไม่เข้ามาช่วยเธอด้วยต้องกันมาลีให้พ้นสายตาของตรี

 

ทำให้มันเสร็จไปซะเราจะได้กลับกันซะที  เบญจางึมงำกับตัวเองอย่างจนปัญญาที่จะปฏิเสธปู่หล่ายกลัวแกจะเสียน้ำใจที่แกอุตส่าห์ให้เธอลองชุดแต่งงาน  เบญจาจึงถอยออกไปหนึ่งก้าวแล้วยิ้มให้กับชายชราที่ถือกล้องโพลารอยด์เล็งมาที่เธอ  มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ  ตรีเสนอตัว  ปู่หล่ายหันกลับมามองเบญจาสลับกับตรีรอบหนึ่งแล้วดีดนิ้วให้ตรีไปหาเบญจา

 

ช่วยไปยืนเป็นแบบคู่กับเบนหน่อยสิ  คำสั่งของนักถ่ายภาพมือสมัครเล่น  เหมือนโยนระเบิดใส่กลุ่มลูกหลานของไฉ่ฝ่งมีเสียงฮือขึ้นมา

 

ตอนที่  42

 

เบญจาหันไปขึงตาใส่ตรีที่ยืนยิ้มแผ่อย่างแสนเต็มใจ  คุณกำลังรีบ  แกล้วกำลังจะไปใช่ไหม  ผมไปหลังจากยืนเป็นแบบถ่ายรูปคู่กับคุณเสร็จแล้วก็ได้ ไม่มีปัญหา   แต่ฉันมีปัญหา  เบญจาแว้ด  นายตรี  ลินดาเรียก   ตรี... อริสาขึงตาใส่  อริสาและลินดาเตรียมจะย้อนกลับไปช่วยเบญจา แต่ติดมือที่กมไหล่ของทั้งสองจากข้างหลังของมาลีพร

 

ปล่อยเขาค่ะ  มาลีพรกระซิบและยึดแน่นไม่ยอมปล่อยทั้งสอง   เราไม่ไว้ใจนายตรี อริสางึมงำ  ถ้าเราอยากให้เขาไปต้องรีบ ๆ ถ่ายรูปซะ คุณตรีก็จะไป  มาลีพรพูดเร็วปรื๋อแล้วหันไปทางตรี  คุณจะไปใช่ไหมหลังจากถ่ายรูปเสร็จแล้ว   แน่นอน  ตรีรับรอง  ลินดาขยับจะค้านแต่มาลีพรกระซิบที่ข้างหู

 

ถ้าคุณศิลามาเห็นคุณตรีมีหวังมีเรื่องแน่ เพราะวันก่อนที่เขาโต้เถียงกับลุงจี๋กับป้าจี๋ เราสู้ให้สิ่งที่เขาต้องการไล่เขาไปก่อนที่คุณศิลาจะมาดีกว่า  อริสาหันกลับมาอุทาน  ตาย.....ฉันก็ลือมไปว่าศิลานัดจะมารับพวกเรา  ลินดาห่วงลูกชายขึ้นมาฉับพลัน ทำให้มาลีพรมีพวกช่วยเพิ่มขึ้น  เบนอย่าโยกโย้เลยถ่ายรูปให้มันเสร็จ ๆไปซะ  ลินดาสั่ง  มาลีพรบุ้ยปากให้ตรี

 

รีบหน่อยสิคะ เพราะพวกเราไม่มีเวลานะคะ  เบญจาอยากจะบอกว่าไม่เห็นเหตุผลที่เขาจะต้องทำตามคำสั่งของทุกคนรวมถึงของปู่หล่ายให้เขายืนถ่ายรูปคู่กับเธอ  ตรีฉวยโอกาสที่เธอคิดว่าจะพูดกับคนอื่น ๆ อย่างไรก้าวเข้าประชิดเอื้อมแขนโอบไหล่หมุนเธอให้ไปมองกล้องของปู่หล่าย  ถ้าคุณไม่เรื่องมาก ถ่ายรูปเสร็จผมจะไปทันที  เขากระซิบเบา ๆ กับหูบางคล้ายกลีบดอกไม้ที่หอมกรุ่น  ปู่หล่ายโบกมือแล้วนับ  เบญจาจึงตัดสินใจในขณะที่กลั้นหายใจไปด้วย

 

สามสองหนึ่ง  แช็ค....  เสียงชัตเตอร์ลั่นดังแซะทำให้เบญจายืนนิ่งไม่ได้หลบใบหน้าที่ก้มลงมาเอาชมับแนบกัน  กริ๊ง....กริ๊ง...มีคนเข้ามาในร้านของปู่หล่ายพอดี  สวัสดีทุกคนผมมาแล้ว  ศิลาร้องทักทุกคนที่เห็นออกันอยู่เต็มร้านเล็กกระจิริด ของปู่หล่ายนักตัดชุดกี่เพ้าแต่งงานที่ดังที่สุดในฝั่งย่านตะวันออกของสหรัฐอเมริกา   เฮ้ย...นายตรี...เบญจาได้ยินพี่ชายของเธออุทาน  มาลีพรและคนอื่น ๆ ก็ได้ยินเช่นเดียวกัน  เธอรีบกระโจนผละจากลินดาและอริสามาขวางหน้าเขา

 

คุณมาเร็วจัง  รถไม่ติดหรือคะ  ศิลาไม่ตอบหันไปมองตรีที่ยืนคุ่กับเบญจาในชุดเจ้าสาว  ทำไมเขามาอยู่ที่นี่  ฉันแวะมาเยี่ยมปู่หล่าย  ตรีตอบหน้าตาเฉย  อริสารีบไปลากลูกสาวออกมาจากวงแขนของตรีและตีมือเขาที่ไม่ยอมปล่อย  นี่ปล่อยมือจากลูกสาวของฉันนะ

 

แล้วลากเบญจาเข้าไปห้องเปลี่ยนเสื้อ ถอดชุดเจ้าสาวออกเปลี่ยนเป็นชุดเดิม  ศิลาหรี่ตามองเพื่อนด้วยความไม่พอใจ เพราะคิดว่าแม่เหล็กที่ดูดตรีมาที่นี่คือมาลีพร  แกมีอะไรแอบแฝงที่โผล่มาในเวลาที่ครอบครัวของฉันพามาลีมาเลือกซื้อชุดแต่งงานใช่ไหม  ตรีบิดปากยอ่างน่ากวนโมโห

 

ตัวเองเป็นคนชอบทำอะไรแอบแฝง ก็เลยคิดว่าคนอื่นจะเหมือนตัวล่ะสิ  ฉันตรงอยากไปไหนก็ไปไม่ต้องแอบแฝงซ่อนเร้น ทำให้คนอื่นเข้าใจผิด  นี่มันหาเรื่องกันชัด ๆ เบญจาได้ยินคำพูดทั้งสองชัดเจน ในห้องเปลี่ยนเสื้อเธอทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิตคือการเปลี่ยนชุดเจ้าสาวออกมาสวม ชุดเก่าของตัวเองเสร็จได้ภายในเวลาไม่ถึงสิบวินาทีแล้วกระโจนออกมาได้ทันประโยคโต้กลับของศิลาพอดี

 

มีแต่บ้านนายสิชอบเข้าใจผิด คิดใหม่ดี ๆ ซิ...ของ ๆ ใครก็ของ ๆ คนนั้นหัดไปหาเจ้าสาวของตัวเองบ้างไม่ใช่ไปเที่ยวชอตอดเอาจากบ้านของคนอื่น  ศิลาพูดใส่หน้าตรีโดยมีมาลีพรเกาะหลังเขาเอาไว้ ไม่ไว้ใจว่าเขาอาจจะกระโจนใส่ตรีในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง  ตรีพยักหน้าอย่างครุ่นคิดและเยาะเย้ย

 

น่าเสียดายนะว่าฉันไม่ไปหาที่ไหนอีกแล้ว ฉันเลือกเจ้าสาวจากบ้านของนายนั่นล่ะดีที่สุด  เบญจาห่อปากด้วยความตกใจพอกับทุกคนที่ได้ยิน  เขาต้องการให้ศิลาฆ่าเขาหรือยังไงที่พุดเช่นนี้  ศิลาขยับตัวแต่ติดมาลีพรที่เกาะหลังเขาเอาไว้เหมือนโหนทั้งตัว

 

ไอ้....  ศิลาสบถยายเหยียดขนาดคนที่เกาะหลังเขายังหูชาเลย  วันนี้ฉันขออัดแกสักหมัดเถอะไอ้ตรี  ตรีขยับตัวไม่รู้ว่าจะหนีหรือจะดนเข้าไปสู้  เบญจากระโดดเกาะหลังเขาอย่างมาลีพรบ้าง ทำให้เขาขยับตัวไม่ได้  อย่าสู้กันที่นี่นะ  อริสาร้องกรี๊ด  ช่วยด้วยฉันจะเป็นลม  ลินดาโบกลมใส่หน้าตัวเอง ด้วยความกลัดกลุ้มลมจับ  มาลีพรจึงกระตุกไหล่ตะโกนกรอกหูศิลา

 

คุณแม่เป็นลม  ศิลาจึงละทิ้งตรีหันเข้าไปหามารดามาลีพรรีบคลายแขนออกจากไหล่ให้เขาเข้าไประคองลินดา   พาฉันกลับบ้าน  ลินดาพูด  ศิลาอ้าปากจะค้านแต่มือของมาลีพรกระตุกให้เขาทำตามคำขอ  ลินดายึดแขนลูกชายเอาไว้แน่น เพราะกลัวจะพุ่งเข้าใส่ตรี กฏหมายสหรัฐฯ มีโทษแรงในการทำร้ายร่างกายยิ่งตรีเป็นทนายความคงขอโทษสูงสุดให้กับศิลาผู้เป็นคู่กรณีไม่ต้องสงสัย

 

เราไปกันเถอะค่ะ  มาลีพรเตือนเขาเบา ๆ  ศิลาจึงจำใจพามารดาเดินไปที่ประตู  ก่อนไปยังหันกลับมาพูดคาดโทษอีก  คราวนี้แกรอดตัวไป   แกจะกลับมาสะสางกันเมื่อไรก็ได้ทุกเมื่อ ฉันยินดีต้อนรับเสมอ  ตรีโต้กลับอย่างร่าเริงยินดี

 

อริสาไปกระตุกแขนลูกสาวที่ยังโหนอยู่บนหลังของตรีเมื่อศิลาพาลินดาออกไปแล้ว  เราไปกันได้แล้ว  เบญจาเพิ่งจะรู้สึกตัวว่ายังเกาะหลังเขาเอาไว้เหนี่ยวแน่น จึงรีบคลายแขนออกด้วยความขัดเขิน  อริสาคว้ามือลูกสาวเอาไว้จะลากให้เดินตาม แต่เบญจารั้งเอาไว้หันกลับไปหาตรีที่ปั้นยิ้มเต็มที่ต้อนรับเธอ   คนทุเรศ  อริสาเองก็ตะลึงที่ลูกสาวด่าตรีต่อหน้าเธอ แม้ว่าตรีสมควรจะได้รับคำด่าซะมั่งฐานก่อนความวุ่นวายแต่วันนี้อริสาจะยกให้หนึ่งวันไม่เอาเรื่อง

 

ผมเหรอคนทุเรศ  ตรีชี้อกตัวเองอย่างขำมากกว่าโมโหเขายอมรับว่าแสนเสียดายที่เบญจารู้สึกตัวแล้วคลายแขนออกจากหลังของเขา  วันนี้ยิ่งทำให้เขามั่นใจมากขึ้นกว่าวันที่ ประคองร่างที่หมดสติของเธอหน้าหอพักซะอีก ว่าสวรรค์ต้องออกแบบเบญจามาเพื่อเขาโดยเฉพาะที่เธอช่างเหมาะเจาะกับเขาราวกับสั่งทำ ขนาดเกาะอยู่บนหลังของเขาเธอก็ยังพอเหมาะไม่ตัวเล็เกินไปหรือตัวใหญ่ที่ทำให้เขาคอเคล็ด  คุณไปอยู่ที่ไหน  ที่นั่นวงแตก วันนี้ก็เหมือนเมื่อวันที่ห้องสมุด...    เบญจาขึงตาใส่เขา  ที่หอพักผู้คนก็แตกตื่นคนทุเรศ

 

วันก่อน ๆ ผมอาจจะเถียงไม่ได้แต่วันนี้พี่ชายคุณน่ะล่ะที่จะกระโจนใส่ผม ใคร ๆ ก็เป็นพยานได้  ฉันจะไม่เข้าข้างคนี่จะสู้กับหลานชายของฉันหรอกย่ะ  อริสาพูดกับตรีอย่างไม่มีเยื่อใย  คนทุเรศ  เบญจาว่าเขาอีกเป็นครั้งที่สาม   แล้วคว้ามือมารดาลากออกจากร้านท่าทางกระฟัดกระเฟียด  เราไปกับเถอะ ปล่อยคนอย่างนี้ไว้ให้ปีศาจจัดการเขาเถอะ คนเหลือขอ  ปู่หล่ายหัวเราก๊าก

 

ฉันยินดีจะเป็นปีศาจจัดการพ่อหนุ่มคนนี้ให้หนูเอง  เบญจาห่อปากเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอพูดกระทบปู่หล่ายที่ยังอยู่ในร้านนี้ โดยไม่ทันคิดว่าทันทีที่พวกเธอเดินออกไป ตรีจะอยู่กับปู่หล่ายตามลำพังปู่หล่ายก็จะเป็นปีศาจที่เธอพูด  อุ๊ยตาย..หนูขอโทษค่ะ...ไม่ได้ตั้งใจว่าปู่หล่ายนะคะ  สาวน้อยหน้าแหยละล้าละลัง  อริสาเองก็หน้าเสียที่ลูกสาวทำพลาด  ตรีโบกมือราวกับเขาถือไม้เท้ากายสิทธิ์ เพราะรู้ว่าเบญจาเข้าตาจนแล้ว  ปู่หล่ายทำเลียนแบบบ้าง

 

ไปเถอะไม่ต้องห่วง...ฉันไม่ถือหรอกเข้าใจดีว่าหนูเจอกับอะไรบ้างกับคนทุเรศแต่อาสะใภ้ของหนูอาจจะรอนานจนไม่สบายขึ้นมาจริง ๆ จะลำบากไปเถอะ  อริสาคว้ามือลูกสาวลากออกมาทันที  ยิ่งอยู่นานยิ่งไปกันใหญ่ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ชัดเจนในสายตาของคนที่ผ่านโลกมานานหลายปี เพิ่งเตือนอริสาว่า วันนี้ตรีไม่ได้มาก่อกวนพวกเธอเพราะมาลี เขามาเพื่อลูกสาวคนสวยขี้โมโหของอริสาโดยเฉพาะ

 

ตรีมองตามหลังสองแม่ลูกที่จากไปด้วยสายตาละห้อยหาอย่างปิดไม่มิด  ปู่หล่ายโบกรูปภาพถ่ายจากโพลารอยด์ไปตรงหน้าชายหนุ่ม  สาวน้อยเบนลือเอาไปด้วย  เขารีบตะครุบมาราวกับได้บัตรชมคอนเสิร์ตของวงออเคสตร้าราคาแพงในมือ  เป็นภาพถ่ายสีสดชัดเจนของคุณภาพกล้องราคาแพงประจำร้านปู่หล่าย เบญจาในชุดเจ้าสาวชาวจีนสีแดงเข้มมันวาวจากเนื้อต่วนปักเลื่อมทั้งตัว ครึ่งตัวมีเขาเอียงหน้ามาแนบขมับกับเธอ  สีหน้าเธอดูตื่น ๆ แต่เขายิ้มระรื่น

 

ผมขอได้ไหมครับปู่หล่าย  ตรีขอกับชายชรา  ก็มันเป็นของคุณอยู่แล้วนี่มันเป็นรูปของคุณไง  ปู่หล่ายพูดแล้วเดินไปหยิบชุดเจ้าสาวที่เบญจาสวมเมื่อครู่แล้วอริสาถือติดออกมายื่นให้เขาระหว่างที่ตรีมีปากเสียงกับศิลาขึ้นมาร้อยเข้าราวไม้แขวนเสื้อ  คุณเชื่อเรื่องชะตาฟ้าลิขิตไหมคุณทนาย  ตรีละสายตาจากรูปภาพมามองปู่หล่ายและชุดเจ้าสาวเขม็ง  ทำไมหรือครับ เขาพยายามใช้คำถามที่ระมัดระวังตามประสาทนาย  ปู่หล่ายโบกแกว่งชุดแต่งงานในมือไปมาเบา ๆ

 

ฉันทำเสื้อผ้าให้เจ้าสาวสวมมานับไม่ถ้วนแล้วในชีวิตของฉัน มีสิ่งหนึ่งที่เป็นจริงจนฉันรู้จักก็คือผู้หญิงคนไหนได้ลองสวมชุดแต่งงานของฉันแล้วทุกคนจะได้แต่งงาน  มันคงปกติถ้าเป็นปกติ เพราะว่าที่เจ้าสาวทุกคนย่อมมาตัดชุดเจ้าสาวกันทั้งนั้นคนไม่แต่งงานจะมาตัดทำไม  จริงหรือที่ว่าไม่พลาดเลยสักคน  ตรียังสงสัยแม้จะคาดหวัง

 

พนันกันก็ยังได้    ชายชราท้าด้วยแววตาเป็นประกาย  ยังไง   เบนจะได้เป็นเจ้าสาวก่อนสิ้นปีหน้า  โอ้โฮ๋...ระบุเวลาได้ด้วย   หรือใจคุณ จะอยากให้นานกว่านั้น    ปู่รู้ได้ยังไงว่า... ตรีชักระแวง   ก็บอกแล้วไงมันเป็นชะตาฟ้าลิขิต  ชายชราไม่บอกตรีหรอกว่าเขาเห็นมันตั้งแต่ตรีโผล่หน้าเข้ามาในร้านของเขาสีหน้าของผุ้ชายที่มีความรักมักจะมาร้านตัดเสื้อชุดเจ้านาวไม่ใช่หรือเขาไม่อ่อนประสบการณ์หรอกอย่าห่วงเลย  ตรีเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปดึง ชุดเจ้าสาวจากมือของปู่หล่าย  ในเมื่อปู่บอกว่ามันเป็นชะตาฟ้าลิขิต ผมจะซื้อชุดเจ้าสาวชุดนี้จากปู่  เพราะมันเป็นของเบญจาแล้วไม่ควรให้ใครได้ลองสวมมันอีกยกเว้นเธอคนเดียว  ปู่หล่ายแน่ใจแล้วว่าเขาคาดไม่ผิดอีกครั้งหนึ่ง

 

ตอนที่  43

 

มันเป็นการเตรียมจัดงานแต่งงานที่อลหม่านทุกวันไม่เลิก เสื้อผ้าของชำร่วยบัตรเชิญที่ส่งมาแล้วส่งอีกจนแน่ใจว่าจะมีแขกมาร่วมงานตามที่ได้เชิญไปจนกระทั่งคืนสุดท้ายก็มาถึง  ความวุ่นวายยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ  มีผู้หญิงสูงอายุมากันเต็มบ้านของไฉ่ฝ่ง  เพื่อจัดเตรียมมีการโชว์เครื่องประดับและแหวนแต่งงาน  ขนมสารพัดที่ต้องทำให้เป็นสิริมงคลต่อคู่แต่งงานยุ่งทั้งวันแต่คนที่ทรมานที่สุดคือศิลาเขาถูกคำสั่งห้ามไม่ให้มาพบหน้าเจ้าสาวจนกว่าจะถึงเวลาเข้าพิธีหลังรับตัวเจ้าสาวไปแล้ว

 

ที่นี่อเมริกานะครับ  ศิลาโอดครวญด้วยเสียงหัวเราะกวน ๆ แบบของเขา  ไม่เห็นต้องเคร่งครัด  ไฉ่ฝ่งใช้นิ้วจิ้มที่อกหลานชายให้ถอยออกห่าง  ไม่ว่าพวกเราอยู่ที่ไหนพวกเราก็ยังคงมีเชื้อสายจีนเราทำกันอย่างนี้มาตั้งแต่บรรพบุรุษแกไม่ต้องมาแหกคอกกันเวลานี้  จิ๋นกูดึงกระดาษสีแดงที่ตัดเป็นตัวอักษรว่าโชคลาภไว้ปิดบนผลส้มออกมาชู

 

เชื่อฟังนิดเดียวจะทำให้โชคลาภไม่หนีหายนะ คุณศิลา  มาลีพรรั้งแขนเขาเบา ๆ  เชื่อฟังผู้ใหญ่ดีกว่านะคะ   แต่ว่าผม....  เขาอยากแกล้งดื้อให้เธอตามใจเขา  เธอส่ายหน้าให้เขา  อดทนหน่อยพรุ่งนี้ฉันก็จะแต่งงานกับคุณแล้ว ฉันไม่หายไปไหนหรอกเวลาที่คุณไม่อยู่   สัญญานะ  ศิลาป่องแก้มงอนให้ผู้คนหัวเราะเล่น  เขาไม่คิดเลยว่าการแต่งงานจะทำให้คนเราอารมณ์ดีขนาดทำบ้าทำบออะไรก็ได้  ฉันสัญญาค่ะว่าจะอยุ่ไม่หนีไป

 

จริงนะ  เขายังตื้อยื้ออีกนิดเพื่อความสนุก  ไปเถอะค่ะเพื่อน ๆ คุณคงรอแย่แล้ว  มาลีพรไล่เขาอีก  อาคมโผล่หน้าเขามาเรียก  ไปได้แล้วศิลา  ศิลาป่องแก้มเขาคล้ายปลาปักเป้าพองลมข้างหนึ่ง  จูบผมก่อนแล้วผมจะไป  เขาพูดกับเธอแต่เสียงดังคับห้อง  เธออายจนหน้าแดง ผลักอกเขา  ที่นี่มีคนตั้งแยะไม่รู้จักอายหรือยังไงคะ

 

เขาขืนตัวไม่ยอมไป  จูบผมก่อน   จูบเขาไปซะ  มีเสียงเชียร์รอบตัว  ไม่  มาลีพรส่ายหน้า  คุณนะเคยตัวบังคับคนด้วยสถานการณ์คราวนี้ฉันจะไม่ยอมคุณหรอก ฉันอายเป็นนะ  ไม่จูบผมจริง ๆ เหรอ  เขาถามเสียงอ่อย   ไม่  งั้นผมไม่ไป  ตามใจคุณสิ  มาลีพรลุกขึ้นยืนสะบัดฝุ่นจากเสื้อผ้าทั้งที่ไม่มีสักนิด  ฉันน่ะไม่เสียอะไรอยู่แล้วฉันกลับเข้าไปดูเขาทำขนมที่ในครัวกัน คุณจะนั่งอยู่ที่นี่ สักชาตินึงก็ตามใจอุ๊ย  ตอนท้ายคำพูดต้องอุทานออกมา เพราะถูกศิลากระตุกมือที่เผลอกระชากเธอเซเข้าไปใกล้เขา  ปากและจมูกอุ่น ๆ ของเขาแนบกับแก้มนิ่มเต็มที่

 

โยกโย้เหลือเกิน เขากระซิบกับแก้มเธอด้วยเสียงหัวเราะ  ที่มีคนหัวเราะกับรอบตัวที่เธอเสียท่าเขา  มาลีพรผลักอกเขาออกไปหน้าตาเธอแดงก่ำด้วยความเขินอาย มันน่าดูที่สุดในสายตาของศิลา  จึงแตะแก้มนุ่มของเธอด้วยความรักใคร่  อายทำไมใครก็รู้ว่าเรามีสิทธิ์ทำอย่างนี้ คุณไม่ยอมจูบผมเอง แต่คุณไม่มีสิทธิ์ห้ามผมไม่ให้จูบคู่หมั้นตัวเองอีกด้วย

 

เธอสะบัดมือเขาออกด้วยความหมั่นใส้ไม่จริงจังนัก    คุณก็ได้จูบไปแล้ว ยังไม่ไปตามสัญญาอีก  แหมไล่ เขาบ่นงึมงำให้มีคนยิ้มกับเขา  อาคมเข้ามาดึงไหล่น้องชาย เพราะเห็นสนุกกันมากพอแล้ว  หมดเวลาแล้วไปกันซะที  ศิลาโบกมือลาทุกคนในห้องแล้วส่งจูบให้กับมาลีพรอย่างหวานซึ้ง ก่อนจะเดินติดมืออาคมที่ลากเขาออกไปที่โถงทางเดิน

 

เสียงกริ่งโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ข้างบันไดทางขึ้นชั้นสองในโถงทางเดินดังขึ้นศิลาจึงรับสายขึ้น เพราะเขายืนอยู่ใกล้ที่สุด  ฮัลโหล....  เป็นเสียงสตรีที่ไม่คุ้นหูดังเข้ามาในสาย  ศิลาจึงตอบรับกลับ  ฮัลโหล....คุณต้องการพูดกับใครครับ   ลุงจักร....ลุงจักร  เสียงนั้นตอบกลับมาเป็นภาษาไทยทำให้ศิลาตื่นตัวขึ้นเล็กน้อย เมื่อเธอบกว่า ฉัน...โทร.มาจากประเทศไทย  งั้น....เหรอครับ  ศิลาทวนคำถามอย่างไม่ใส่ใจนักมองกลับเข้าไปในห้องรับแขก   มาลีของเขายังอยู่ในวงล้อมผู้หญิงที่มาช่วยงานแต่งงาน  เธอสวยเด่นและน่าหลงใหลอย่างมีสุด  เสียงจากประเทศไทยไม่รอคำถามจากเขาอีกเธอรีบพูดขึ้น

 

ฉันต้องการคุยกับลุงจักรฉันมีธุระด่วนมาก   ลุงจักรยังไม่กลับมาคุณมีธุรอะไรบอกผมได้ผมจะแจ้งให้ลุงจักรรู้ว่าคุณโทร.มาหา   ลุงจักรไม่อยู่หรือ  เสียงอีกฟากดูจะผิดหวังมาก  ท่านจะกลับมาเมื่อไรฉันโทร.กลับมาอีกครั้ง   คงอีกสักสองสามชั่วโมงนี้   จริงหรือคะ

 

ยังไงท่านก็ต้องกลับมา เพราะบ้านนี้กำลังมีงานแต่งงานท่านต้องกลับมาเป็นเจ้าภาพงานแต่งงานให้ผมท่านไม่มีทางพลาดหรอกครับ   มีงานแต่งงานที่บ้านคุณหรือคะ  คราวนี้น้ำเสียงของเธอตื่นเต้นมาก  ใช่ผมกำลังจะแต่งงาน   คุณชื่ออะไรคะ   ผมชื่อศิลา  คุณเหรอคะที่ชื่อศิลาที่เป็นลูกชายลุงฉัตรใช่ไหมคะ

 

ใช่ครับคุณรู้จักผม้ดวยหรือ  แล้วเจ้าสาวของคุณเป็นใครกัน น้ำเสียงของเธอเหมือนไม่เชื่อหูตนเองที่ได้ยินคำตอบเช่นนี้  เธอชื่อมาลี  ศิลาตอบด้วยความภาคภูมิใจ  อาคมเดินเข้ามาตบไหล่จนโทรศัพท์แทบกระเด็นหลุดจากมือมันจึงเลื่อนออกจากใบหูเขาไปแว้บหนึ่ง เขาจึงพลาดเสียงร้องกรี๊ดจากอีกฟากสาย    ไม่จริง

 

มีคนเอาของมาส่งแก  เสียงของอาคมกลบเสียงของคนที่อยู่อีกฟากคนละทวีป  เป็นของเพื่อนร่วมก๊วนสมัยมัธยมของแกนั่นละ  ศิลาเบิกตาด้วยความตื่นเต้นเขาลืมว่ากำลังพูดโทรศัพท์อยู่ไปเลยเขายกกระบอกหูฟังไปห่างตัว  มันเป็นอะไร   ไม่รู้กล่องใหญ่น่าดูหวังว่าคงไม่ใช่ขนมเค้กที่ระเบิดออกมาเป็นสาว ๆ นุ่งบิกินี่นะ เพราะมาลีกำลังไปดูแล้ว  อาคมพูดด้วยความขำสุดขีด

 

ตามละวา  ศิลาคิดว่าอาจจะเป็นได้ที่เพื่อน ๆ ของเขาจะเล่นพิเรนทร์ในคืนก่อนวันแต่งงานของเขา  พอจะวิ่งออกไปก็ติดโทรศัพท์ในมือทำให้คิดขึ้นมาได้  ขอโทษวันนี้พวกเรากำลังยุ่ง  เขาพูดกรอกเสียงลงในหู เร็วปรื๋อ  แล้วคุณค่อยโทร.กลับมาใหม่นะครับ  เขากระแทกหูฟังกับเครื่องโดยไม่สนใจคำว่า เดี๋ยวก่อน   พวกเขาอยู่ที่ไหน   ที่บันไดหน้าบ้าน  อาคมตอบใส่หลังน้องชายที่เผ่นไปแล้วไกลริบ

 

เขาส่ายหัวขำด้วย  ไม่แน่ใจว่าน้องชายของเขาตื่นเต้นที่จะได้เห็นของขวัญจากเพื่อนหรือตื่นเต้นที่มาลีคนสวยจะเห็นของขวัญกันแน่  แต่ที่แน่ ๆ อาคมคิดว่าศิลาหยุดชีวิตโสดลงด้วยความเต็มใจที่สุด  เสียงกริ๊งของโทรศัพท์ทำให้อาคมเอื้อมมือไปรับ  ฮัลโหล  ฉันต้องการพูดกับศิลา  เสียงผู้หญิงท่าทางร้อนรนมากแว่วมาห้วนจัด  อาคมไหวตัวด้วยความระแวงที่มีผู้หญิงโทร.มาหาน้องชายของเขาในคืนวันก่อนแต่งงานมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลแน่ 

 

ศิลาไม่ว่างที่จะคุยกับคุณ เพราะคืนนี้คือคืนสุกดิบวันแต่งงานของเขา  อาคมแจ้งไปเลยเพื่อว่าอีกฝ่ายจะได้ล่าถอยไปเสีย  นั่นล่ะที่ฉันต้องการจะพูดกับศิลาเขาต้องรู้ว่าผู้หญิงที่เขาจะแต่งงานด้วย....  เสียงละล่ำละลักของอีกฝ่ายพยายามอธิบายแต่อาคมไม่ฟัง  หยุดเลย...ศิลาเลือกแล้วว่าจะแต่งงานกับมาลีใครก็หมดความหมายแล้ว

 

บอกคุณศิลาว่าอย่าแต่งงานกับนางแพศยาคนนั้นนะ   หยุดแล้วพอเลยแค่นี้นะลาก่อน  อาคมกระแทกหูโทรศัพท์กับแป้นเต็มแรง  นึกตำหนิน้องชายว่าคงไปจีบสาวที่ไหนค้างเอาไว้และไม่สานต่อพอมีข่าวแพร่ออกไปว่าศิลาจะแต่งงานจึงมาทวงสัญญา  แม้ใจหนึ่งก็คิดไม่ค่อยอยากจะเชื่อ น้องชายของเขาทำแต่งานไม่ค่อยสนใจสาว ๆ เท่าไรไม่น่าจะมีเรื่องอย่างนี้

 

ไม่แน่นักว่าอาจจะมีสาวไหนแอบหลงรักไอ้น้องชายสุดหล่อของเขาก็ได้พอรู้ว่ามีคนมาหยิบชิ้นปลามันไปแล้ว จึงฮึดสู้ด้วยการใส่ไคล้คู่ต่อสู้ตามประสาสาวสมัยใหม่ชอบแย่งมากกว่าชอบเศร้าอย่างสุดหยิ่งอย่างนางเอกนิยายโบราณที่จะเชิดใส่พระเอกนิยายโบราณที่จะเชิดใส่พระเอกที่ไปแต่งงานกับสาวอื่น  เสียงโทรศัพท์ดังกังวานอีกครั้ง  อาคมตัดสินใจดึงสายปลั๊กออก

 

ความจริง วันแต่งงานนี่มันก็ยุ่งพออยู่แล้ว  เราจะไม่ต้องมารับโทรศัพท์ที่ไร้สาระพวกนี้อีก  อาคมเข่นเขี้ยวกันมันราวกับมันรับรู้ได้  เขาจะไม่บอกใครสำหรับโทรศัพท์แบบนี้  ยิ่งมาลียิ่งไม่มีทาง...ฉวยหล่อนโกรธนายศิลาล้มเลิกงานแต่ง พ่อกับย่าและอีกหลายคนในครอบครัวเขาต้องยุ่งแน่

 

แค่จับนายศิลาให้ยอมแต่งงานได้ก็ลำบากแล้วถ้าเจ้าสาวหนีไปด้วยความโกรธมีหวังบ้านแตก หวังว่าน้องชายของเขาแต่งงานไปแล้ว ผู้หญิงอื่นคงเลิกสนใจเวลานี้สิ่งสำคัญขอเพียงอย่าได้สะดุดเท่านั้น  อาคมจึงเดินลอยชายออกไปสมทบกับคนอื่น ที่แห่กันออกไปดูของขวัญกัน แล้วเก็บเรื่องโทรศัพท์จากสาวลึกลับเอาไว้เป็นความลับอย่างที่สุด ไม่บอกใครเลย

 

ตอนที่  44

 

งานแต่งงานจะเป็นที่รวมญาติรวมเพื่อนและทุก ๆ คน เพราะที่นี่จะมีอาหาร เหล้า และถ่ายรูป  เบญจากวาดตามองไปรอบห้องที่แน่นขนัดไปด้วยแขกผู้มางานแต่งงานของศิลาและมาลี  พี่ชายคนรองของเธอสวมเสื้อสูทสีดำทั้งชุด หล่อตั้งแต่ผมที่หวีเสยเปิดหน้าผากกว้างไปจรดเท้าที่รองเท้าดำมันวาววับ ยืนคู่กับเจ้าสาวในชุดสีแดงมันวาวของแพรจีนเนื้อดีตัดคอตั้งผ่าหน้าติดกระดุมถักตัวเสื้อปักหงส์ด้วยเพชรพลอยเลื่อมระยับทั้งตัวกระโปรงอีกชิ้นปักพราวด้วยลายดอกไม้ร่วง  บรเรือนผมของมาลีปักดอกกุหลาบไอริชสีแดงดอกใหญ่ไว้บนมวยผมที่ท้ายทอย

 

เบญจาเคยคิดว่าการสวมเสื้อสีแดงก็ใจกล้ามากแล้ว นี่กระโปรงก็สีแดงเข้มแถมยังปักกุหลาบสีแดงบนผมสีเดียวกับลิปสติก แต่มันสวยอย่างไม่น่าเชื่อสายตาตัวเองเมื่อเธอเห็นมาลีเดินออกมาให้เห็นเมื่อหัวค่ำ ด้วยชุดเจ้าสาวฝีมือตัดของปู่หล่าย  เธอเห็นมันได้ในแววตาของศิลาที่มองเจ้าสาวของตนชนิดตาไม่กะพริบ   ทั้งสองเป็นคู่ที่เหมาะสมกันเบญจาสรุปในใจ  พวกเขาจะต้องมีความสุขหลังจากวันนี้ไปอีกนานหรือตลอดไป

 

เบญจา....มานี่หน่อยสิ  มีเสียงเรียกจากโต๊ะอีกฟากของห้องทำให้ต้องหันไปมอง อริสากวักมือเรียกจากโต๊ะของผู้ใหญ่ครอบครัวทางตะวันตกที่มาร่วมงานนี้ด้วยกันอย่างคับคั่งเธอจึงเดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย  มาสวัสดี....ลุงหยางกับป้าหยางหน่อยลูก  จำได้ไหมว่าสมัยเด็กหนูเคยไปเที่ยวบ้านพวกเขาที่มิดโค้ท  เบญจายิ้มจืด ๆ ตามประสาวัยรุ่นที่ไม่อยากพบกันเพื่อนของพ่อแม่แต่ขัดไม่ได้

 

สวัสดีค่ะ คุณลุงคุณป้าหยางสบายดีหรือคะ   มารยาทดีน่ารักมาก  หยางฉุน ชมเด็กสาวด้วยความชื่นชม  อริสาหน้าบานแล้วผายมือไปยังหนุ่มน้อยหน้าตาเกลี้ยงเกลาขาวสะอาดที่นั่งข้างหยางฉุนที่เบญจาเพิ่งจะสังเกตเห็น  จำลูกชายลุงหยางได้ไหม หยางจิ่งเขาเคยเล่นกับหนูสมัยเด็ก ๆ

 

สวัสดีครับเบญจา  หยางจิ่งลุกขึ้นทักเธอราวกับแสนยินดี   เบญจาหน้าแหยไปนิดหนึ่ง  สวัสดีค่ะ เราสองคนคงเปลี่ยนไปเยอะฉันขอยอมรับว่าจำคุณไม่ได้เลย  หยางจิ่งหัวเราะก๊ากที่น่าดู เพราะเบญจาก็พลอยยิ้มไปด้วยราวกับโรคระบาด  ไม่น่าจะจำได้ เพราะคุณอายุสี่ขวบผมอายุหกขวบ มันเกือบยี่สิบปีแล้วมั้ง

 

คุณนายหยางตีแขนลูกชาย  พวกเธอสนิทกันออก....นี่ทำไมไม่ชวนเบญจานั่งแล้วค่อย ๆ คุยกันเล่ากันว่าไม่เจอกันยี่สิบปีจำอะไรกันได้มากน้อยแค่ไหน  หยางจิ่งขยับมาเลื่อนเก้าอี้ข้างตัวเขาให้เธออย่างสุขภาพและเต็มใจ  เบญจาขยับปากจะปฏิเสธและขอตัวไป แต่อริสาลุกขึ้นมาผลักหลังรุนให้เดินไปนั่งเก้าอี้ที่หยางจิ่งเลื่อนออกมาให้แล้ว

 

นั่งคุยกับหยางจิ่งที่นี่ก่อนเถอะหนูช่วยงานมามากแล้ว ไม่ต้องเดินไปเดินมารอบงานอีกแล้ว  เธอจึงนั่งลงตามแรงกดมือของมารดา  กินอาหารที่โต๊ะนี่ร่วมกับลุงหยางไปเถอะแม่จะไปดูคุณย่าหน่อย  เบญจาอ้าปากค้างที่แม่ของเธอทิ้งทุ่นเธอไว้ที่นี่กับครอบครัวหยางแล้วจากไปหน้าตาเฉย  ฝากรับแขกของแม่ที่นี่ด้วยนะเดี๋ยวแม่จะกลับมา  หยางจิ่งเลื่อนอาหารมาตรงหน้าเธอ

 

คุณช่วยงานพี่ชายคงยังไม่ได้กินอะไรเลยใช่ไหม  เธอมองเขาด้วยสายตาเป็นคำถาม  หยางจิ่งจึงมีสีหน้าขัดเขินนิดหน่อย  ผมเห็นคุณเดินต้อนรับผู้คนและเดินเข้าออกระหว่างครัวกับในงานมาเป็นชั่วโมงแล้ว   อย่าบอกฉันนะว่าคุณเสนอให้แม่ของฉันเรียกฉันเข้ามาเพื่อแนะนำ  ขอยอมรับว่าใช่  หยางจิ่งยอมรับตาละห้อย  เบญจาอยากจะซัดหน้าผากตัวเอง  ใช่เลย....บรรยากาศแต่งงานทำให้ผู้คนคิดถึงเรื่องแต่งงานกันทั้งนั้น

 

แม่ของคุณบอกว่าคุณเรียนจบแล้ว  หยางจิ่งพูด  อีกหลายเดือนอยู่ยังไม่ใช่ตอนนี้  เบญจาแก้ด้วยความรู้สึกขุ่นมัว  พอจะเดาออกแล้วว่ามารดาของเธอกำลังเล่นเกมจับคู่อย่างไม่ต้องสงสัย  มีเธอเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในครอบครัวที่ยังไม่แต่งงานฉะนั้นเป้าหมายต้องมาตกที่เธอในวันที่ศิลาแต่งงานไปแล้วนะสิ  แม่คุณบอกว่าคุณจะรับปริญญาเดือนพฤษภาคม    ค่ะ  เธอรับด้วยความรู้สึกไม่พอใจที่แม่เธอให้ข้อมูลกับเขา

 

หลังจากนั้นคุณคงว่าง ผมอยากจะเชิญคุณและครอบครัวไปเที่ยวที่มิดโค้ทบ้านของเรามีล็อกเกอร์ที่ทะเลสาบเน็ตเลค  เบญจาอยากจะยกมือขึ้นเกาศีรษะทั้งที่ไม่คัน  คงมีการเจรจาหรือให้ข้อมูลไม่น้อย หยางจิ่งจึงเชิญง่าย ๆ และตรงไปตรงมา นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เริ่มขันไม่ออกกับเรื่องการหาคู่ครองที่ครอบครัวเธอทำกันให้ลูกหลาน  เมื่อก่อนไม่เข้าใจว่าทำไมมาลีจึงดูอึดอัดแล้วศิลาโมโหจัด  โดนกับตัวเองก็ชักหายใจไม่ออก

 

ไปเที่ยวทะเลสาบก็น่าสนใจ  เบญจาพยายามเลือกคำพูดที่เหมาะสมเพื่อจะปฏิเสธหยางจิ่งอย่างน้อยครอบครัวนี้ก็เป็นเพื่อนกับพ่อแม่ของเธอ  แต่คงไปไม่ได้ค่ะ  ทำไมล่ะคุณไม่ชอบหรือ...หรือเราจะไปที่อื่น  หยางจิ่งทำท่าว่าเสียดายแล้วพยายามมากขึ้น  เบญจารีบโบกมือวุ่นวาย

 

ไม่ใช่ค่ะ...แต่เพราะว่าฉันกำลังหางานแถววอลล์สตรีทเดือนเหล่านี้เป็นฤดูการแข่งขันกันอย่างหนักของนักศึกษาจบใหม่ที่จะเดินเข้าออกเพื่อสอบแข่งขันกันที่นั่นฉันคงไปไหนไม่ได้   แม่คุณบอกว่าคุณเป็นนักบัญชี  เบญจาเกลียดคำแรกที่เขามักจะยกขึ้นมาก่อนที่จะพูดกับเธอที่สุด แต่จำใจต้องรักษามารยาทไม่แว้ดใส่เขาให้เลิกพูดคำว่าแม่เธอบอกว่าซักที  เพราะที่นี่ยังมีคนอื่นอีกหลายคนพ่อแม่เธอต้องเสียชื่อแน่ และคิดว่าแม่เธอคงจะพูดจริงเขาจึงเอามาอ้างทุกครั้ง

 

ฉันเป็นนักวิเคราะห์การเงิน  เธอแก้คำพูดของเขาอย่างเบื่อหน่าย คิดว่าจะทำยังไงดีน่ะที่จะบอกลาแล้วลุกไปที่อื่นในสองนาทีนี้  มันต่างจากนักบัญชีที่ตรงไหน  หยางจิ่งยังเซ้าซี้ไม่เลิก  เบญจาเตรียมที่จะบอกว่าพอกันทีฉันกำลังจะไปที่อื่น ก็มีเสียงตรีดังขึ้นที่เหนือศีรษะที่เบื้องหลังของทั้งสองที่ดังราวกับฟ้าผ่า   สวัสดีเบญจา  เธอกลอกตาด้วยความเบื่อหน่าย

 

โธ่...เอ๋ย..เธอไม่มีอารมณ์จะสู้ กับใครวันนี้ด้วยนะ  จึงก้มหน้าใช้มือกุมขมับ  คุณเป็นอะไรครับเบญจา  หยางจิ่งเป็นห่วงกับท่าก้มหน้าฉับพลัน  ไม่สบายหรือเบน  ตรีถามด้วยเสียงระรื่น เพราะเขารู้ดีว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร  เธอตะแคงหน้าหันกลับไปมองเขาจากอีกฟากโดยหันหลังให้กับหยางจิ่งและคนอื่น ๆ ในโต๊ะนี้ที่มองคนมาใหม่อย่างสนใจสุดขีด  ไปให้พ้น  เธอกระซิบลอดไรฟัน

 

ตรีตะแคงหน้าเอียงหูมาใกล้เธอ  อะไรนะ....คุณพูดดังหน่อยผมไม่ได้ยินเลยนะว่าคุณพูดอะไร  เบญจาต้องเอนไปด้านหลังจนไหล่เอียงกระทบกับขอบโต๊ะกับระยะที่เขาเอียงเข้ามาใกล้เธอเกินจำเป็น เธอเห็นแววตาพราวระริกของเขาแล้วอยากจะข่วนหน้าเขาสักแควกดับโมโห  ฉันคิดว่าพี่ศิลายังไม่เห็นคุณ  เธอพยายามหาทางไล่เขา  ตรีคิดว่าเธอไม่จำเลยว่าเขาไม่มีนิสัยวิ่งหนีใคร

 

ใช่ผมเดินเข้ามาในงานยังไม่เจอเขาเลยนะกำลังคิดว่าไปตามหาเขาสักหน่อยอย่างน้อยก็จะได้ทักทายมาลี  เบญจาอ้าปากหวอ  เธอลืมได้ยังไงว่าเขาน่ะตัวป่วนขืนเขาเข้าไปหาศิลามีหวังฟัดกันเละ เพราะใจร้อนระดับเดียวกัน  เธอคว้ามือเขาด้วยความลืมตัว  อย่าไปนะ    เบน... ตรีเรียกเธอด้วยน้ำเสียงคล้ายเตือนสติ  ซ้ำมองไปที่มือของตัวเขาที่ถูกมือเธอกุมไว้ด้วยกัน  เบญจาตาเหลือกรีบทิ้งมือเขาไปเหมือนกำเผือกร้อนเอาไว้  หน้าเธอแดงจนเกือบคล้ำด้วยความอับอาย

 

ตรีทำเป็นเมินไปมองหนุ่มน้อยที่นั่งอยู่ข้างเธอ  ที่มองเขาด้วยสายตาเกือบเรียกว่าจะปะทุออกมานอกเบ้า  จะไม่แนะนำเพื่อนเธอกับพี่หรือเบน ตรีพูดหน้าตาเรียบมาก   เบญจาจึงลุกขึ้นทำให้หยางจิ่งต้องลุกตามด้วย  หยางจิ่งนี่คือทนายความตรี....และนี่คือหยางจิ่งค่ะ

 

ยินดีที่ได้รู้จักครับหยางจิ่ง  ตรีส่งมือให้กับหนุ่มที่อายุน้อยกว่า  ยินดีครับทนายตรี...และนี่คือพ่อกับแม่ผมครับพวกเราอยู่ที่มิดโค้ท  หยางจิ่งแนะนำพ่อแม่ตัวเองให้กับตรีตามมารยาท  ยินดีครับผม  มาไกลนะครับจากแพนซิเวอร์เนีย  ตรีปรารภขึ้น  เราเป็นเพื่อนของพ่อแม่เบญจา  หยางฉุนรีบอวด เพราะเขาไม่ไว้ใจหนุ่มที่มาทักทายกับสาวน้อยเบญจาอย่างแปลก ๆ

 

อ๋อ...เหรอครับ  ตรีลากเสียง เที่ยวนิวยอร์กให้สนุกนะครับ ผมเห็นต้องขอตัว  ตรีเตรียมจะผละไปง่าย ๆ ไม่เหมือนเขาเท่าไรทำให้เบญจาระแวงวูบขึ้นมา  จะไปไหนคะ  เขาหัวเราะคล้ายอารมณ์ดีเสียเต็มประดา  มางานแต่งงานก็ต้องไปทักทายเจ้าบ่าวเจ้าสาวหน่อยสิลาก่อนทุกคน  ตรีโบกมือลาทุกคน  เธอกระโดดเข้าไปเกาะแขนเขาทำให้ทุกคนที่อยู่แถวนั้นออกจะฉงนใจและตะลึงในความประพฤติอยู่ไม่น้อย   ฉันไปด้วย...ค่ะ  ตรีไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมเธอมีพฤติกรรมแบบนี้ก็ เพราะเขาวางเหยื่อล่อเธอเอาไว้นี่นา   ทำไม  ตรียังทำหยิ่งไม่รับมุกของเธอ

 

เบญจาพยายามยิ้มกับเขาให้ดูไม่เหมือนแยกเขี้ยวต่อหน้าทุกคน  ฉันจะพาคุณไปหาพี่ศิลาเองค่ะ  เธอกระตุกแขนเขาเอามากุมไว้แน่นเหมือนมือตุ๊กแกไม่มีผิดไม่ยอมให้เขาหลุดไปได้หรอกตัวป่วนทำลายล้าง ก่อนจะหันไปมองทุกคนยิ้มขออภัยชนิดรอบทิศในวงเดียว  ขอตัวนะคะ  ฉันจะพาทนายความตรีไปหาพี่ชายของฉันสักหน่อยขอให้มีความสุขกับงานฉลองนะคะ

 

แล้วคุณจะกลับมาอีกไหม  หยางจิ่งถามด้วยความคาดหวัง  เบญจาพยายามยิ้ม  ฉันจะพยายามค่ะ  แล้วเธอก็ลาพวกเขาอีกหนก่อนจะกระชากแขนคนที่ตัวสูงกว่าเธอสามฝ่ามือและน้ำหนักมากว่าเธอเกือบเท่าตัวให้ติดมือไปอย่างง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ  ตรีเดินตามมือเธอไปอย่างสบายใจ  ไม่ท้วงด้วยว่าทำไมเธอไม่พอาเขาเดินฝ่าวงล้อมผู้คนที่กำลังรุมล้อมทักทายและล้อศิลากับมาลีที่อยู่อีกฟากห้องจัดเลี้ยงที่กว้างใหญ่นี้ 

 

แต่พาเดินลากออกไปทางประตูหน้าไปเอาเสื้อโค้ทกันหนาวที่เคาน์เตอร์ฝากลิ่ว ๆ ชนิดไม่เหลียวหลังกลับมามองใครที่ทักทายเรียกทั้งสองตามความคุ้นเคยดี  สิ่งหนึ่งที่ตรีแน่ใจที่สุดก็คือ เบญจาไม่คิดจะรักษาสัญญาที่จะกลับไปนั่งโต๊ะของครอบครัวหยางอีกแล้วในคืนนี้อย่างแน่นอน

 

ตอนที่  45

 

ไม่มีใครที่ลานจอดรถมากนัก เพราะทุกคนยังคงสนุกอยู่ในงานแต่งงานของศิลาและมาลี  แต่เบญจาไม่สนุกเธอลากมือลากแขนตรีให้เดินตัดลานจอดรถ  ผมมาสายไม่มีที่จอดรถพวกเขาให้ผมไปจอดร่วมกับกลุ่มพวกรถรับจ้าง  เจริญ  ที่ทิ้งรถไว้อย่างนั้นมีหวังป่านนี้พวกรถยกมายกรถคุณไปจากถนนแล้วแหง  ตรีส่ายหน้ายิ้ม ๆ พวกเขาไม่ทำหรอก   ทำไมพวกเขาไม่ทำ

 

ก็ผมเคยช่วยเขาเรื่องใบสั่งที่ต้องส่งฟ้องศาล  วันนี้พวกเขาจึงยกเว้นให้ผมหนึ่งวันเพื่อเป็นการทดแทนบุญคุณ   เฮอะ...น่าขำที่สุดคนอย่างคุณเป็นทนายสอนคนให้ยอมทำผิดกฏหมายเพื่อช่วยคุณ  ตรีหัวเราะฮึ ๆ ไม่ตอบเธอ  เบญจาเดินกึ่งลากเขาไปยังส่วนหน้าลานจอดรถปกติจะมีรถแท็กซี่จอดรอรับผุ้โดยสารที่ออกจากภัตตาคารซิงอยู่สองสามคัน

 

วันนี้จะมีใครเรียกพวกเขาออกไปแล้วอาจยังไม่มีใครกลับเข้ามาจอดส่วนนั้นคงมีรถบูอิคสีเงินคันใหญ่ของตรีจอดอยู่เพียงคันเดียว  เห็นไหมว่ามันยังอยู่ที่นี่ไม่ได้ถูกยกไปไหน  ตรีผายมือให้เธอดู  เธอพยักหน้ารับ  โอเค  นั่นเป็นเรื่องดีเอาล่ะ....ขอให้เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพนะลาก่อน  เขารีบคว้ามือของเธอเอาไว้ให้หันกลับ

 

นี่มันอะไรกัน  เบญจาสะบัดมือเขาออก   อะไรคืออะไร   คุณพาผมมาส่งที่รถแค่นี้เองหรือ  อ้าวคุณน่าจะหาทางกลับบ้านได้เองแล้ว ไม่ใช่หรือคะ  ทำไมผมต้องกลับด้วยผมเพิ่งจะมาถึงงานเลี้ยง   งานเลี้ยงเหรอ....คุณไม่ควรจะได้เข้าไปด้วยซ้ำ  ทำไมล่ะ  ผมได้รับบัตรเชิญเหมือนกันนะไม่ใช่มามั่วงาน

 

อย่ามาโกหกเลยพี่ศิลาไม่มีทางเชิญคุณแน่   แต่อาคมเชิญผมได้ใช่ไหม   ก็ได้พี่อาคมอาจจะไม่รู้เลยไปเชิญคุณ  แต่คุณไม่เหมาะสมที่จะอยู่ร่วมงานกับคนอื่นเข้าใจไหมไม่เหมาะสมมาก  ท่าทางโมโหโทโสของเธอทำให้ตรีสนุกมากว่าโกรธ  ผมไม่เหมาะสมยังไง

 

คุณมันตัวป่วนเข้าที่ไหนก็วงแตกที่นั้น  ผมจำได้ว่าคุณก็เคยพูดอย่างนี้ที่ร้านปู่หล่าย  ตรียอมรับหน้าระรื่น  เบญจาตีหน้ายักษ์ใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์   ถ้าจำได้ก็ต้องรู้สิว่าไม่ควรมางานแต่งงานของพี่ศิลา เพราะเขาไม่ชอบหน้าคุณแล้วยังคิดจะมาทำลายงานแต่งงานของเขาหรือยังไง

 

กล่าวหาผมซี้ซั้วมากนะเบน...ผมยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยเลย  เธอจิ้มนิ้วใส่เขาอย่างฉุนเฉียว  ไม่ต้องมาทำเป็นไก๋เลย  คุณก็รู้ว่าพี่ชายของฉันเห็นหน้าคุณต้องระเบิดแหงยังขืนมาอยู่แถว ๆ นี้ไม่เรียกว่าจงใจทำลายงานก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรแล้ว  คุณก็เลยตัดไฟแต่ต้นลมลากผมออกจากงานซะก่อน

 

ฉันจำเป็นต้องทำ   ก็ได้ผมรับในหลักการของคุณผมมันตัวป่วนตัวทำลายจอมทำวงแตกน่ารังเกียจที่สุด   ดีกลับบ้านไปซะ    ก็ได้  เบญจากลับหลังหันให้เขาทันทีที่ได้ยินคำรับปากข้างนอกอากาศเย็นมากเธอจะต้องเดินอีกไกลกว่าจะกลับเข้าไปในงาน  เสียงฝีเท้าดังเป็นสี่จังหวะทำให้เธอต้องเหลียวหลังกลับไปมอง  ตรีเดินตามหลังเธอกลับมาอีก  เธอหันขวับกลับไปอย่างเอาเรื่องเต็มที่

 

ตามมาอีกทำไม  เบญจาแว้ดเขาเต็มเสียง   ผมจะกลับเข้าไปเอาของในงาน   คุณลืมอะไรไว้ในงานมิทราบ    ของขวัญ    อะไรนะ    ของขวัญที่ผมซื้อมาให้พี่ชายคุณนะสิ  หมายความว่ายังไง  ในเมื่อผมไม่เหมาะสมที่จะมาในงานนี้เขาก็ไม่ควรจะรับของจากผม  ตรีพูดแล้วเดินผ่านเธอเพื่อกลับไปในงาน  เบญจาคว้าแขนเขาเอาไว้แล้วกระตุกให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเธอที่โมโหจนลมออกหูจนหน้าแดงท่ามกลางอากาศที่หนาวจัด

 

นี่จงใจจะก่อกวนใช่ไหม   พูดจาใส่ร้ายผมไม่เลิกเลยนะเบน     ไม่ต้องมาเรียกชื่อฉันคุณจงใจตั้งใจเจตนาใช่ไหมที่จะรื้องานนี้ให้ได้   ผมแค่เข้าไปเอาของขวัญคืน  ตรีพูดเสียงเรียบคล้ายว่าน่าสงสารที่ถูกรังแกทั้งที่เขาอยากจะหัวเราะเต็มแก่กับสีหน้าที่โมโหเต่าของสาวน้อยตรงหน้า  ผู้คนเขาจะคิดยังไงที่ให้คุณไปรื้อของขวัญในงาน ทำไมคุณต้องทำอย่างนี้

 

ยุติธรรมกับผมหน่อยผมซื้อของขวัญชิ้นนั้นตั้งสามร้อยเหรียญเชียวนะ  มาถึงงานยังไม่ได้ดื่มน้ำหวานสักอึกด้วยซ้ำไป  ก็ถูกคุณจับลากโยนออกมาทิ้งหน้างานอย่างนี้ในเมื่อผมไม่มีสิทธิ์กินเลี้ยงผมก็ควรได้ของขวัญคืนสิจริงไหม  เธอรู้ดีว่าเขาแกล้ง  อย่างเขาไม่ยี่หระหรอกกับไอ้ของขวัญบ้าชิ้นนั้น

 

ก็ได้... เบญจาพูดอย่างหมดความอดทน  คุณจงรอฉันอยู่ที่นี่ฉันจะให้คนเอามาให้คุณ  การห้ามเขาเข้าไปด้วยไม่ใช่ปัญหา เพราะเขาก็ไม่อยากเข้าไปในงานแต่งที่มีแต่คนคอยแต่จะจ้องมองสาวน้อยเบญจาคนสวย  ที่พ่อแม่เธอเต็มใจอวดเธอกับหนุ่มจีนที่โสดในงาน แต่เธอจะไปเลยนี่สิ  เขาก็จะไม่เจออีกแน่  ตรีคว้ามือเธอเอาไว้  เอ๊ะ....  เบญจาร้องแล้วพยายามรั้งมือกลับ  จะทำอะไรน่ะ    ผมน่ะไม่อยากได้ของขวัญคืนหรอก  ตรีพูดเสียงอ่อนลงนิดหนึ่ง  เธอจึงหยุดดิ้น เหรอ...งั้นก็... ตรีส่ายหน้านิด ๆ ให้เธอ ผมอยากให้คุณฟังอะไรสักนิด  มีความระแวงวูบไหวในตาเธอ  ฉัน...

 

ผมหิวข้าว  ตรีพูดง่าย ๆ เบญจาเบิกตาอย่างคิดไม่ถึงที่จะได้ยินเขาพูดเช่นนี้  คุณหิวข้าวแล้วมันเกี่ยว... เธอยังพูดคำว่าเกี่ยวกับเธอไม่จบเขาก็พูดแทรกขึ้นด้วยเสียงเบื่อหน่าย  ผมทำงานวันนี้ทั้งวันต้องพูดต้องเจรจาต้องไกล่เกลี่ยเรื่องคดีหมา ๆ แมว ๆ ที่เจ้าของทะเลาะกันยืดยื้อไม่เลิก แม้แต่กาแฟสักถ้วยก็ไม่ได้ดื่มตลอดบ่าย มาที่นี่หวังจะได้กินของอร่อยขึ้นชื่อที่สุดของภัตตาคารซิงตลอดเวลาที่ขับรถฝ่ารถติดข้ามเมืองมา  เขาแบมือออกเสมอไหล่แล้วทำท่าว่าจนปัญญาจริง ๆ

 

ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้างาน  เบญจาหน้าเสียคิดว่าบางทีเธออาจจะอยุติธรรมกับเขาไปหน่อยไหม  คุณอยากกินอาหารจีนจาซิงของเราจริง ๆ หรือคะ   ผมชอบอาหารจีนคุณก็รู้  การที่จะปล่อยเขากลับเข้าไปใจงานก็เสี่ยง  เธอลังเลใจระหว่างความสงสารและความปลอยดภัยของงานเลี้ยง  ตรีแสร้งโบกมือคล้ายอำลาทั้งที่ไม่ยอมขยับตัว

 

ช่างมันเถอะของขวัญและอาหารจีน  ผมจะกลับบ้านแล้วหาทีวีอินเนอร์สักถาดมากินก็แล้วกันเชิญคุณกลับเข้าไปฉลองกันต่อเถอะอย่าสนใจผมเลย  เบญจาคว้ามือเขาเอาไว้ลืมความไม่สมควรไปสิ้น  เธอไม่ใช่คนใจร้ายสักหน่อยและของขวัญที่เขาเอามาให้กับศิลาก็ราคาตั้งสามร้อยเหรียญทีเดียวในที่สุดก็ต้องตัดใจไม่เช่นนั้นเธออาจจะยืนอยู่ที่นี่กับเขาทั้งคืนเพื่อไม่ให้เขาเข้าไปในงาน

 

เอาเถอะ...ไหน ๆ ก็ไหน ๆ  แล้วคืนนี้คุณจะได้กินอาหารจีนจากภัตตาคารซิงของเราแน่  ไชโย  ตรีกระโดดตัวลอยด้วยความยินดี  เขาคว้าแขนเธอมาคล้องแขนกับเขากลับเข้าไปในงาน  เบญจาขืนแขนเอาไว้พร้อมกับหมุนเขาหันกลับไปทางเดิม เดินไปที่รถของเขาที่หน้าถนนใหญ่  ไม่ใช่ที่นี่  เธอพูดกับเขา  ก็คุณบอกว่า ผมจะได้กินอาหารจากภัตตาคารซิงไง  ตรีโวยอย่างเสแสร้ง  เขาเองอยากรู้ว่าเธอคิดจะทำอะไรกับเขาอีกหลังจากพยายามไล่ทุกวิถีทางในที่สุดยอมแล้วยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ อีกหรือนี่  เบญจาหยุดเดินมาขึงตาใส่เขา

 

ก็ใช่นะสิ   เขาชี้กลับไปที่ตัวภัตตาคารซิงที่ทาสีแดงท่ามกลางแสงไฟข้างหลัง  ก็เราไม่เข้าไปในภัตตาคารแล้วเรามาทำอะไรที่นี่   ภัตตาคารซิงของเรามีถึงห้าสาขาที่ทำอาหารรสชาติเหมือนกันเปี๊ยบ   คุณจะไล่ผมไปที่อื่น   ฉันจะพาคุณไปให้แน่ใจว่าคุณไม่เดินย้อนกลับเข้าไปในนั้นอีก  เบญจาเสนอความคิดที่เธอคิดเอาไว้  แทนที่เขาจะคิดน้อยใจว่าเธอไม่ไว้ใจเขาเลยสักนิด  ตรีกลับคว้าแขนเธอมาควงอีกครั้ง  งั้นเราจะรออะไรอยู่รีบไปกันเลยสิ   ท่าทางยินดีของเขาทำให้เธอระแวงวูบหนึ่งว่าตนเองจะถูกแผนของเขา

 

ฉันถูกหลอกหรือเปล่า  ตรีหน้าเบ้ ผมอยากกินอาหารจีนจริง ๆ นะและหิวด้วย   งั้นก็ไปเถอะ  เธอยอมแพ้ในที่สุด  ตรีรีบเปิดประตูรถให้กับเบญจาขึ้นนั่งคู่กับคนขับ  ทำไมยังไม่ไปอีกคะ  เธอถามเมื่อนั่งได้อึดใจหนึ่งแล้วตรียังไม่ออกรถ  คุณจะไม่บอกใครหรือว่าคุณไปไหนเดี๋ยวคนจะเป็นห่วงที่คุณหายไปเฉย ๆ

 

อุ๊ยตายจริงด้วย  เธออุทานเสียงแหลม  ฉันต้องบอกแม่ก่อน   เขารีบคว้ามือของเธอที่คิดจะเอื้อมมือไปที่ประตู  ทำไมไม่โทร.ไปบอกนะ  เบญจาดึงมือของตนเองออกจากมือของเขาอย่างขัดเขิน  วันนี้เธอกับเขาคว้ามือกันไปมามากกว่าตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่รู้จักกันเขารวมกันเสียอีกมันสนิทสนมราวกับมันเป็นสิ่งคุ้นเคยกันมานาน  เขาแสร้งไม่เห็นความขัดเขินของเธอ

 

เขาแสร้งไม่เห็นความขัดเขินของเธอ  คว้าโทรศัพท์ส่วนตัวที่ติดกับไดท์ชาร์ตหน้าปัดรถมาส่งให้เธอ  เบญจาไม่คัดค้านอะไร เพราะคิดว่าขืนเธอเจอมารดาไม่มีทางที่จะถูกปล่อยให้กลับมาหาเขาอีกแน่  เธอให้เหตุผลจอมปลอมกับตัวเองว่านี่คือการช่วยรักษางานแต่งงานของศิลาเอาไว้ไม่ให้ตัวป่วนอย่างตรีเข้าไปทำลายได้  อริสาไม่อยู่ที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ที่เบญจาเรียกสายเข้าไปเธอจึงฝากบอกกับพนักงานประจำที่นั่นว่า

 

ไปเรียนคุณแม่ของฉันนะว่าฉันจะพาเพื่อนไปกินข้าวที่ซิงสาขาห้า ถ้ามีอะไรให้โทร.ไปที่นั่นขอบใจมาก  เมื่อเธอคืนโทรศัพท์กับเขาตรีก็ออกรถอย่างนุ่มนวลไปจากซิลสาขาหนึ่ง  ไปจากงานเลี้ยงแต่งงานของศิลา

 

ตอนที่  46

 

อริสาย้อนกลับมารที่โต๊ะของครอบครัวหยางอีกครั้ง หยางจิ่งก็ฟ้องว่า  เบญจาพาทนายความตรีไปที่ไหนก็ไม่รู้ครับ  เธอว่าทนายตรีเหรอ  อรสาเบิกตากว้างจนเห็นตาขาวรอบนัยน์ตาดำชัดเจน  เขามาที่นี่เหรอ  เธอเหลียวไปรอบอย่างเสียวสันหลัง  วันที่เจอตรีที่ร้านตัดเสื้อแต่งงานของปู่หล่ายก็ยุ่งพอแรงแล้วที่ลินดาเป็นลมแล้วศิลาก็ฟัดกับตรี  นั่นแค่ไปเจอกันแวบเดียวเท่านั้นถ้าศิลาเห็นหมอนี่อีกมีหวังว่าต้องสู้กันไม่ต้องสงสัยเลย  เธอไม่คิดด้วยว่าหลานชายของเธอจะยอมอดกลั้นต่อให้วันนี้เป็นวันแต่งงานของเขา  ยิ่งคิดว่าตรีมาก่อกวนงานแต่งนี้จะมีเรื่องกันยกใหญ่คิดไม่ถึงว่าไอ้หนุ่มทนายความคนนี้จะกล้ามางานนี้ด้วย 

 

เขามาที่นี่แล้วเบญจาก็บอกว่าจะพาเขาไปหาศิลาแต่ผมเห็นพวกเขาออกไปทางประตูหน้านานมากแล้วเบญจายังไม่กลับมา  หยางจิ่งพูดด้วยความเจ็บใจที่ตนเองไม่คิดจะตามติดไปด้วย  อริสาลูบอกตัวเอง  เบญจาคงพาไอ้เจ้าทนายบ้านั่นไปให้พ้น ๆ งาน  แต่ก็ยังไม่สบายใจนัก เพราะว่าไม่รู้ว่าลูกสาวของเธอจะจัดการไอ้หัวดื้อคนนั้นยังไงทำไมจึงไปนานนัก  มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับคุณอา  หยางจิ่งเสนอตัว เพราะเขาคิดว่ามันไม่ชอบมาพากลกับท่าทางแปลก ๆ ระหว่างเบญจาแสดงกับตรี

 

อริสารีบส่ายหน้า  ไม่มีอะไรไม่มีอะไรจ๊ะ   ทนายคนนั้น  เขาเป็นเพื่อนของศิลาและคุ้นเคยกับเบญจาตั้งแต่เด็กไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวอาจะให้คนไปตามพวกเขาคงอยู่แถว ๆ นี้ไม่ไปไหนไกลหรอกเชิญกินอาหารกันต่อเถอะนะอาขอตัว  อริสารีบผละจากไปถามคนแถวหน้าประตูว่ามีใครเห็นลูกสาวเธอไหม  เห็นค่ะคุณนายใหญ่  สาวรับฝากเสื้อโค้ทรีบรายงาน

 

คุณเบนมาเอาเสื้อพร้อมกับมิสเตอร์จี๋แล้วออกไปที่ลานจอดรถด้วยกันค่ะ  อริสาอยากจะลมใส่  พวกเขาจะทำอะไรกันนี่...ลินดาเดินตามออกมา  มีอะไรหรือริสาดูหน้าตาตื่นเชียว  นายตรีมางานนี้ด้วย  อยู่ไหน  ลินดาสะดุ้งได้ไม่แพ้พี่สะใภ้  เบนพาเขาออกไปข้างนอกด้วยกัน  ลินดาถอนใจอย่างโล่งอกแล้วก็คิดขึ้นได้ว่านั่นคือหลานสาวกับไอ้ผู้ชายจอมกวนที่มีพ่อแม่รวยแต่มีอุปนิสั้ยอันธพาล

 

ไปไหนกัน ไม่รู้..ฉันจะออกไปดูข้างนอกหน่อย  อริสาเตรียมตัวจะผละไป  คุณนายใหญ่คะ  สาวแคชเชียร์ที่ลงมาช่วยเสิร์ฟอาหารด้วย เพราะคนไม่พอบริการแขกเหรื่อเข้ามาหา  ฉันกำลังยุ่งลัดดา  อริสาปฏิเสธที่จะคุย  แต่ลัดดารีบพูดก่อนที่อริสาจะผละไป เพราะเธอได้ยินมาว่าเจ้านายตามหาลูกสาวไปทั่ว

 

คุณเบนโทร.มานะคะ  อริสาชะงัก  โทรศัพท์เหรออยู่ไหน   โทร.มาสักพักแล้วค่ะให้ฝากบอกคุณนายใหญ่ว่าเธอจะพาเพื่อไปกินอาหารที่ซิงสาขาห้าค่ะ คุณเบนบอกให้คุณนายใหญ่โทร.ไปที่นั่นค่ะ  ลัดดาพูดเร็วปรื๋อเพื่อจะได้หมดภาระที่ถูกฝากมา  โทร.มานานแค่ไหนแล้ว  ประมาณสิบกว่านาทีแล้วค่ะลัดดาตอบเสียงสั่น

 

ทำไมเพิ่งมาบอก  อริสาตะโกนดังลั่น  ลินดารีบจับแขนพี่สะใภ้เอาไว้เตือนสติก่อนหันไปไล่แคชเชียร์สาวให้ไปทำงานอย่างอื่นต่อไป  ใจเย็น ๆ สิอริสา  ลินดาเตือน  ไอ้หมอนั่นมันอันธพาลชัด ๆ อริสาอุทานเป็นคำพูดตำหนิตรี  เขาเป็นทนายความไม่ใช่อันธพาล ลินดาแก้ให้

 

ไม่ได้ฉันไม่ไว้ใจมันจะไปตามพวกเขาไปที่ซิงห้าดีกว่า   ลินดาคว้าคอเสื้ออริสาเอาไว้  จะไปที่นั่นเลยรึทำไมไม่โทร.ไปก่อนอย่างที่เบนบอกเล่า  ฉันสงสัยจังว่าทำไมลูกต้องพาไอ้หมอนั่นไปที่นั่น  คงคิดจะพาตัวปัญหาไปจากที่นี่มั้ง  ลินดาพูดด้วยน้ำเสียงเกรงใจ  คิดว่าพอจะเดาความคิดของหลานสาวออกว่ากลัวว่าตรีจะทำลายงานแต่งงานของศิลา

 

จิ๋นกูเดินมาที่ประตูป้องปากเรียกทั้งสอง  ถึงเวลาเจ้าสาวยกน้ำชาแล้วแม่ผัวกับลูกสะใภ้ต้องเข้าไปให้ซองแดงแล้วเธอสองคนออกมาทำไม  อริสาขบริมฝีปากคิดว่าจะทำอย่างไรดี  ลินดาตบไหล่อริสาเบา ๆ   เธอจะไปตามลูกสาวก็ได้ ฉันจะบอกคุณแม่เอง  อย่าไม่ต้อง เราเข้าไปด้วยกันเถอะ

 

แต่ว่า  ลินดาชักเกรงใจ  ถ้านายตรีคิดว่าก่อกวน ขืนฉันตามไปเข้าล็อกเขาพอดีว่าเสียพิธี ไปเข้าไปให้เจ้าสาวยอกน้ำชาให้ฉันก่อนแล้วฉันจะโทร.ไปที่ซิงห้า ถ้าไม่ได้ผลยังไงค่อยตามไป  อริสาคว้ามือลินดาแล้วพาเดินกลับเข้าไปในงาน  ในใจวางแผนว่าถ้าเสร็จพิธีเธอจะจัดการกับนายตรีให้เจ็บแสบและคิดภาวนาในใจให้ลูกสาวตนเองมีความสามารถพอที่จะจัดการกับไอ้หมอนั่นอย่างหลาบจำ

 

ฮาดเช่ย  ตรีจามหนึ่งครั้งเมื่อเดินผ่านประตูร้านซิงสาขาห้าเข้าไป  เป็นหวัดหรือคะ  เบญจาถาม  ไม่ผมสบายดี  ตรีพูดพร้อมกับขยี้ปลายจมูกที่คันยิบขึ้นมาฉับพลัน  คุณแพ้อากาศหรือเปล่า  ตรีขันที่เธอช่างซักราวกับห่วงใยทั้งที่ดวงตาจ้องเขาเขม็งบอกแววตาไม่ไว้ใจ

 

ผมสบายดีจริง ๆ นะอาจจะมีใครแช่งชักหักกระดูกในใจก็ได้ผมจึงจามขนาดนี้  เขาพูดเสียงหัวเราะปนเย้าเธอ  เบญจาค้อนเขาอย่างอดไม่ได้  งั้นคุณน่าจะเป็นอย่างนี้มานานแล้วไม่ใช่เพิ่งมาจามครั้งแรก  พูดแล้วเธอก็เดินนำหน้าเข้าไปยังส่วนพนักงานต้อนรับจองโต๊ะหน้าร้าน  คุณเบน  พนักงานชายทักด้วยความคุ้นเคยกับลูกสาวเจ้าของภัตตาคาร

 

สวัสดีสุเมธ  เบนทักตอบ  ฉันอยากได้โต๊ะสองคนฉันกับเพื่อน   สวัสดีครับคุณทนายตรี  สุเมธทักด้วยความคุ้นเคยเช่นกัน ตรีหันไปมองสายตาคำถามของเธอแล้วแก้ตัว  บอกแล้วไงว่าผมแฟนประจำอาหารจีนร้านของพวกคุณสุเมธผมจะได้โต๊ะเดิมไหม  วันนี้ว่างพอดีครับ  สุเมธสั่นกระดิ่งแก้วให้พนักงานสาวที่ยืนรออยู่มาพาทั้งสองไปที่โต๊ะ  เป็นครั้งแรกที่เบญจารุ้สึกคล้ายเธอออกเดทกับตรีไม่ใช่มากินอาหารในร้านของตนเอง  ตรีเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งตามมารยาทสุภาพบุรุษก่อนที่เขาจะเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม  พนักงานสาวเสิร์ฟน้ำเย็นแล้ววางเมนูต่อหน้าทั้งสอง

 

มีอะไรที่เสิร์ฟได้ภายในสิบนาที ตรีถาม  พนักงานสาวคิดนิดหนึ่ง  แต่เบญจาตอบก่อน  ซุปเยื่อไผ่ตุ๋นกระดูกหมู  เอามาตามนี้ ตรีสั่งทันที  แล้วคุณอยากทานอะไร  คุณต่างหากที่หิว  เบญจาเกี่ยง  ก็เรามาด้วยกันผมก็คิดว่าคุณเองก็ยังไม่ได้กินอะไรเท่าไหร่หรอกกับการช่วยพี่ชายคุณทั้งวันอย่างงั้นเลือกอาหารเถอะผมหิวแล้ว

 

เขาชอบขู่เธอประจำเบญจาคิดไม่พอใจ  ตรีเห็นรอยยิ้มของพนักงานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เพื่อรับคำสั่งจึงช่วยเธอตัดสินใจ  ผมสั่งเองดีกว่าซุปเยื่อไผ่สองที่ ปอเปี๊ยะไส้กุ้งทอดสองที่ ปลานึ่งซีอิ๊วสองที่  ผัดหมี่ซอสเอ็กโอเนื้อวัวผัดน้ำมันหอยของหวานเราจะสั่งทีหลัง  แล้วสำทับคำว่าด่วนที่สุด ตอนท้ายทำให้พนักงานสาวรีบไปทันทีหลังทวนคำสั่งเรียบร้อยแล้ว  เธอนั่งกอดอกเพ่งมองเขาจากฟากตรงข้ามตาเขม็ง  ตรีเมินหน้าออกไปมองภาพวิวภาพกว้างของท่าเรือเก่าของนิวยอร์ก

 

ผมชอบที่นี่  เขาพูดขึ้นลอย ๆ เบญจาจึงมองตามสายตาของเขาที่มองผ่านหน้าต่างกระจกไร้ขอบกั้นทั้งซีกของชั้นที่สิบห้าไปเห็นแสงระยับสะท้อนของแม่น้ำฮัดสัน  จากจุดนี้พวกเขาจะเห็นแสงไฟจากเกาะเอลลิสในส่วนเว้าของเกาะไกลไปถึงเกาะเบดโลส์ได้ชัดเจนที่รูปปั้นเทพีเสรีภาพยืนชูคบเพลิงเปิดแสงไฟคบเพลิงสว่าง

 

พ่อกับอาของคุณเลือกทำเลร้านนี้ได้ยอดเยี่ยมมาก  ถ้าคุณได้ยินทั้งสองพูดให้ย่าฟังยังไงในวันที่ตัดสินใจเลือกเช่าที่นี่มาทำร้านอาหารคุณอาจจะไม่พูดอย่างนี้  เบญจายิ้มเกือบเรียกว่าเยาะในอารมณ์ขันมากกว่าเยาะเย้ย   พวกเขาพูดอะไร  ในที่สุดพวกเราก็ได้ยลบั้นท้ายนางงามแล้ว

 

อะไรนะ  ตรียิ้มอย่างไม่อยากเชื่อหูตนเองที่ได้ยิน  เบญจาชี้มือไปที่รูปปั้นเทพีเสรีภาพที่เหนืออ่าวเรือ  จากมุมนี้มองยังไงก็ไม่เห็นด้านหน้า  แต่รูปปั้นนี้ตัวเทพีสวมชุดผ้าคลุมตรงเป๊ะไม่มีส่วนไหนเว้าว่าเป็นบั้นท้าย ตรีพยายามเพ่งมองไปที่รูปปั้นที่ไกลลิบอยู่ในความมืดแม้จะมีแสงไฟส่องที่ฐานของตัวรูปปั้นก็ยังเห็นเพียงลายเฉียง ๆ ของผ้าที่ชี้ขึ้นเหมือนเชิงเทียนซะมากกว่า

 

อย่าเสียเวลามองให้ตายเลยยังไงก็ไม่เห็นหรอก แต่ยังไงบั้นท้ายก็คือบั้นท้ายแม้มันจะถูกซ่อนอยู่ภายใต้อะไรก็ตาม  คุณคิดอย่างนี้เหรอ  เปล่านี่คือคำพูดของพ่อที่บอกกับย่าวันที่พาท่านมาดูทำเลที่นี่  นับว่าพ่อกับอาของคุณนี่มีอารมณ์ขันได้กับเรื่องที่ไม่มีใครคิดถึง

 

ตรีไม่อยากจะต่อไปว่าพวกเขาจึงมีลูกสาวที่น่ารักได้ไงกลัวเธอจะว่าเขาโมเม  คุณเบนคะโทรศัพท์  พนักงานคนเดิมนำโทรศัพท์ไร้สายมาส่งให้เธอถึงโต๊ะ  สีหน้าของเบญจาแหยไปนิดหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงแว่วมาตามสาย  คุณแม่  เบญจาขานรับเสียงอ่อย

 

หนูไปอยู่ที่นั่นทำไม  อริสาถามลูกสาวตนเองด้วยเสียงเครียด แม้จะใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อยว่าเจอตัวแล้วก็ตามแต่ก็อดที่จะคิดมากตามประสาแม่ทั้งหลายทั่วไปไม่ว่าลูกสาวออกไปกับคนที่ไม่ถูกกับคนในครอบครัว  หนูพาเขามากินข้าวค่ะ  เบญจาตอบตามความจริง  ทำไมต้องให้หนูพาไปด้วยเขาไปเองไม่ได้หรือยังไง  อริสาแว๊ดขึ้นมา  เบญจาเหลือบสายตามองตรีนิดหนึ่ง  เขาลุกขึ้นเดินออกไปยืนที่ขอบหน้าต่างห่างออกไป

 

ก็แม่จะให้หนูทำยังไงคะในเมื่อเขาไปในงานพี่ศิลา   ไอ้เจ้าอันธพาลนั่นเขาขู่อะไรลูกแม่  เขาเป็นทนายความนะคะไม่ใช่อันธพาล  เบญจาแก้คำพูดมารดาอย่างลำบากใจ  การไล่เขาไปต้องมีเหตุผลมากมายแต่พาเขาไปจากงานจะง่ายกว่า หนูจึงพาเขาออกมาเสียไม่รบกวนผุ้คนก็แค่ให้เขากินอะไรสักหน่อยแล้วก็ให้เขากบับบ้านไปซะเท่านั้นเอง  ความสมัครใจทำให้อริสาพูดไม่ออก

 

หนูคงไม่ได้ทำให้งานของพี่ศิลาเสียนะคะ   ไม่แต่ทุกคนถามถึงหนู   ก็บอกพวกเขาสิคะว่าหนูสบายดี   แต่...แม่ไม่ไว้ใจเขา   แต่แม่ต้องไว้ใจหนู  กินข้าวเสร็จหนูจะรีบกลับเลยไม่ไถลที่ไหนอีก  แล้วเธอก็รีบขอตัววางหูทันที  ตรีเดินเข้ามานั่งที่เดิมเมื่อเห็นเธอเลิกพูดโทรศัพท์แล้วพร้อมกับซุปเยื่อไผ่ตุ๋นก็มาเสิร์ฟ

 

คุณแม่ว่ายังไง ตรีซักเป็นห่วงบางทีเขาอาจจะเล่นแรงไป   ก็...ห่วงนิดหน่อย  คงไม่หน่อย เพราะเสียงของเธอเครียดนิด ๆ  งั้นเรากลับกันเถอะ  ตรีขยับตัว  เบญจาส่ายหน้า  กินซะก่อนค่อยกลับ  แต่ว่า  เราสั่งอาหารมาตั้งเยอะแยะโดยไม่กินได้ยังไงคุณต้องจ่ายนะมื้อนี้

 

ไม่มีปัญหาหรอกเรื่องจ่ายแต่...  งั้นก็กินอาหารของคุณ  เธอพูดแล้วก้มลงตักซุปเยื่อไผ่ตุ๋นกินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ตรีจึงต้องทำตามเธอ  ซุปหวานน้ำต้มกระดูกหมูและเยื่อไผ่เนื้อนุ่มไม่เละกำลังกินทำให้กระเพาะที่ร้องเตือนของตรีสงบลงได้

 

เฮ้อ...อร่อยมาก  ตรีอุทาน  เบญจายิ้มอย่างภาคภูมิ  แน่อยู่แล้วนี่คือภัตตาคารซิงของเรา  แล้วทั้งสองก็เริ่มคุยกันสัพเพเหระติดตามอาหารจีนอื่น ๆ ที่ทยอยเสิร์ฟเข้ามาลืมหมดว่าทั้งสองทิ้งงานแต่งงานของศิลาและมาลีมา ลืมแม้กระทั่งความบาดหมางที่เข้าใจกันผิดไปชั่วคราว เพราะไม่มีใครให้คิดนอกจากพวกเขาทั้งสองคนกับอาหารจานอร่อย

 

ตอนที่  47

 

ขบวนเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่มีเฉพาะญาติสนิทเท่านั้นเคลื่อนออกจากภัตตาคารไปที่บ้านของศิลาก่อนหน้าทุ่ม  พวกเขาใช้จักรและอริสาปูที่นอนคู่กับฉัตรและลินดา  เพราะทั้งสองคู่เป็นคู่สามีภรรยาที่แต่งงานมีผัวเดียวเมียเดียวมีลูกหลานสืบทอดรุ่นได้สำเร็จเพื่อเป็นสิริมงคลแก่คู่บ่าวสาว  ใช้อาคมและไอรินโปรยกลีบกุหลาบบนเตียงให้ทั้งสอง  ย่าไฉ่ฝ่งให้พรแก่ทั้งสองเป็นอันเสร็จพิธี  แล้วทั้งหมดลากลับไปทิ้งให้ศิลาและมาลีอยู่กันตามลำพัง  ศิลาและมาลีส่งทุกคนได้แค่ประตูบ้านเท่านั้นตามประเพณีห้ามออกจากหอในคืนแต่งงาน  เมื่อล็อกประตูบ้านเรียบร้อยทั้งสองก็เดินขึ้นชั้นสองเข้าห้องหอ

 

คุณหิวไหม ศิลาถามขึ้นก่อน  คุณหิวใช่ไหมคะ   มากเลย   งั้นฉันจะลงไปทำอะไรมาให้คุณกินดีไหมคะ  ศิลาคว้ามือเธอเอาไว้  ในชุดที่สวยอย่างนี้หรือ  มาลีพรก้มลงมองชุดแต่งงานสีแดงตัดจากผ้าแพรต่วนจีนเนื้อดี  ศิลาเชยคางเธอขึ้นมองสบตากับเขา  ผมบอกคุณหรือยังว่าวันนี้คุณสวยมาก   คุณบอกแล้วค่ะ  เธอตอบเสียบเหนียมอาย

 

ผมอยากบอกอีกว่าคุณสวยมาก   นี่เป็นครั้งที่ห้าแล้ว   ก็ยังอยากจะบอกอีกสักร้อยครั้ง  เขากระซิบย้ำ  คุณสวยเหลือเกิน  ทำให้เธออายจนขัดเขินไปหมด  ศิลาดึงเธอไปนั่งที่ขอบเตียงวิวาห์ที่เกลื่อนไปด้วยกลีบกุหลาบและกระจายเต็มที่นอน แขนแข็งแรงกอดร่างนุ่มอุ่นละมุนมือเข้าหาอกกว้าง  ไม่อยากเชื่อเลยว่าในที่สุดเราก็แต่งงานกัน  ศิลาพูดกับแก้มนิ่มอย่างหลงใหล จมูกเขาไล้ไปตามแก้มที่หอมกรุ่น ขึ้นหาดวงตาคู่สวยที่หลับลงคล้ายอ่อนแรง  ลมหายใจร้อน ๆ ของเขาทำให้มาลีพรสะท้านหวั่นไหวไปทั่วร่าง  เธอไม่ได้กลัวเขาไม่ได้รังเกียจความสนิทสนมใกล้ชิด เพราะเธอรักเขา...แต่เธอกลัวในสิ่งที่เธอยังไม่รู้มากกว่า

 

คุณศิลา  เธออุทานเสียงสำลักลมหายใจด้วยความตื่นเต้น   ฮืมม์....  เขาพึมพำกับผิวเนื้อของเธอไล้ปากร้อน ๆ ไปประทับลงจูบหนักหน่วงหิวโหยดูดดื่มความหวานที่เขาถวิลหาตั้งแต่เขาเห็นหน้าเธอครั้งแรกบนเตียงนี้เมื่อเดือนก่อนที่เขากลับมาจากงานเทศกาลอาติโชก  ไม่เคยมีความรู้สึกใดที่เต็มอิ่มเท่ากับรู้ว่าเวลานี้เขาได้เป็นเจ้าของผู้หญิงที่สวยที่สุดในสายตาของเขาคนนี้

 

ศิลาคะ  มาลีพรครางชื่อของเขาออกมาเสียงแผ่วเมื่อเขายอมถอนปากขึ้นเพื่อให้เธอได้หายใจจากจูบที่ลึกซึ้งยาวนาน  อะไร....คนดี...  ศิลายังพูดกับมวยผมที่ปักดอกกุหลาบแดงซึ่งเขากำลังรื้อมันออกให้เส้นผมนุ่มของเธอทิ้งตัวลงมาคลุมไหล่  ฉันยัง...ไม่เคย  ไม่เคยอะไร   คุณ...  เธอเขี่ยกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาที่เธอไปแกะออกมาจากรังดุมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เล่น  ฉัน...คุณเป็นผู้ชายคนแรกที่...เอ่อ...ฉันไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว  เธออับอายและเขินมากจนต้องก้มหน้าซ่อนกับไหล่เขา  เขารู้ดีว่าเธอจะพูดอะไร  แขนที่กอดร่างของเธออยู่โยกเบา ๆ คล้ายปลอบ

 

คุณกลัวใช่ไหมที่จะเป็นของผม  เธอส่ายหน้าจนผมสะบัดเบา ๆ กับไหล่เขา  ฉันไม่ได้กลัวคุณ...เพียง...แต่...ฉันไม่รู้จะทำยังไง เพราะฉันยังไม่เคยเป็นของใครมาก่อน  คำสารภาพที่ดูน่าสงสารและแสนน่ารักที่สุดในสายตาของเขา  ศิลาเชื่อว่าเธอพูดความจริงว่าเขาจะได้เธอเป็นคนแรก  ความหวาดระแวงเธอมีเหตุผลที่ต้องรีบเร่งแต่งงาน เพราะกำลังมีเด็กลอยหายไปกับความคิดอารมณ์เถื่อน ๆ แบบผู้ชายโบราณมาครอบครองใจ  เธอจะเป็นของเขา....เพียงคนเดียวเท่านั้น...ไม่มีใครที่ไหนอีก

 

เพื่อให้แน่ใจกว่านั้น  เขาคลายแขนออกเพียงหลวม ๆ แล้วเชยคางเธอขึ้นให้มองสบตากับเขา  อย่ากลัวผม  ไม่กลัว  มาลีพรตอบเสียงสั่น  ผมจะอยู่กับคุณ  เขาสัญญา  ค่ะ อยู่กับฉัน  คุณพร้อมไหม  ถ้าเป็นคุณ   ผมคนเดียวเท่านั้น เขาเรียกสัญญาจากเธอ   คุณคนเดียว  มาลีพรให้คำสัญญา ก่อนที่จะหลับตาลงพร้อมกับรอยจุมพิตที่แสดงความรักของเขาประทับลงบนเธอในฐานะเจ้าสาวผู้เป็นของเขา  ศิลาพาเธอเอนตัวลงบนเตียงวิวาห์โรยกลีบกุหลาบที่หอมกรุ่นกำจายทั่วเหมือนวิมานกุหลาบ  เปลี่ยนเธอจากตัวเองให้เป็นของเขาตามที่เขาสัญญา

 

ยังไม่กลับมา  ลินดาพูดกับพี่สะใภ้ด้วยความไม่สบายใจ  หาจนทั่วแล้วหรือ  จักรถามอีกครั้ง  ลินดาพยักคู่กับอริสา  ก็แสดงว่ายังไม่กลับมา ฉัตรสรุปให้ทุกคน  ไฉ่ฝ่งนั่งหน้าเคร่งใช้ความคิด  ฉันน่าจะตามไป  อริสาโอดครวญ  ไม่น่าเชื่อให้พวกเขาไปด้วยกันตามลำพังเลย  ใจเย็น ๆ น่า จักรปลอบภรรยาตัวเองเสียงเครียด  คุณว่านายตรีคิดไม่ดีกับลูกเราหรือเปล่าค่ะ

 

คิดอะไร  ไฉ่ฝ่งถามสะใภ้คนโต  ก็เขาอาจจะแค้นพวกเราเรื่องมาลีจึงมาล่อลวงเบญจา  ลินดาเอามือกุมแก้มอุทานเสียงแหลม  ตายแล้วถ้าเป็นอย่างนั้นมันอันตราย  พูดจาเหลวไหลกันทั้งคู่  ไฉ่ฝ่งเอ็ดสะใภ้ทั้งคู่  ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้นะครับแม่  ฉัตรเชื่อตามพวกผู้หญิง จักรเดินไปเดินมาด้วยความหงุดหงิด  รออีกสักนิด  ไฉ่ฝ่งพยายามใจเย็น

 

ซิงสาขาห้าปิดตั้งแต่ชั่วโมงกว่าแล้วพวกเขายังไม่กลับมาอีก อริสาโอดอีกครั้ง  หรือว่าเขาจะลักพาตัวลูกสาวของพวกเรา  คราวนี้จักรเกาหัว  อย่าเพิ่งโวยวายสิคุณ...ทำให้ผมคิดอะไรไม่ออกเลย  นั่งนิ่งสักพักดีไหมพวกแก  ไฉ่ฝ่งผายมือไปยังหมู่เก้าอี้ที่ว่างเต็มห้อง  แล้วคุยกันด้วยสติกันสักเดี๋ยวบางทีฉันจะคิดออกว่าควรจะทำยังไงต่อไป  ประโยคท้ายมีเสียงเขี้ยวฟันขึงขังติดมาให้ได้ยินด้วย  พวกเขาทั้งหมดจึงเลือกที่นั่งตามคำสั่งของไฉ่ฝ่ง

 

ระหว่างที่พวกเธอไปเจอนายตรีที่ร้านตัดเสื้อตามที่เล่า เมื่อวันก่อนเห็นอะไรแปลก ๆ แล้วไม่ทันสังเกตหรือเปล่า  ไฉ่ฝ่งตั้งคำถามกับอริสาและลินดา  จริงด้วยเล่าสิ  จักรเร่งเร้าภรรยาของตน  นายตรีมาก่อกวนทำให้เกือบมีเรื่องกับศิลา  อริสาเล่าตามความจริงที่เห็นมา

 

แล้วเธอเห็นอะไร  ไฉ่ฝ่งชี้ลินดา  นายตรีเข้ามาปู่หล่ายก็เรียกเขาให้ถ่ายรูปคู่กับเบนแล้วศิลาก็เข้ามาพอดีมีปากเสียงกันนิดหน่อยหนูแกล้งเป็นลมจึงเห็นแค่นี้ ศิลาพาออกมาเสียก่อน  อริสาตารุกวาว  เธอแกล้งเป็นลมเหรอ...เธอนี่แย่จริง ๆ หนีชัด ๆ ทิ้งให้ฉันกับลูกเบนอยู่กับไอ้จอมอันธพาลนั่น  ลินดาขึงตาตอบ  อย่างน้อยนั่นก็แก้ไขสถานการณ์ได้ระดับหนึ่งที่ศิลากับนายตรีจะไม่ต่อยกันในร้านลุงหล่าย  ใช่สิ...ลูกเบนเลยต้องชัดกันนัวกับนายตรี  อริสากอดอกไม่พอใจมาก

 

ซัดกันนัว....  จักรอุทาน  นี่มันกล้าแตะต้องลูกสาวของพวกเรารึ  คุณมัวแต่ทำอะไรอยู่จึงปล่อยให้มันทำอะไรเช่นนั้น   พวกเขาเถียงกันย่ะไม่ใช่สู้กัน อริสาตะคอกสามีเสียงดัง  พวกเขามีเรื่องอะไรที่ต้องเถียงกัน  ไฉ่ฝ่งถามขึ้นมา  เรื่องของมาลีงั้นรึ  ลินดาพลาดฟังวันนั้นถามบ้าง  อริสาเกาหัวคิ้วตนเองพยายามเรียกความทรงจำกลับมา  ไม่พูดถึงมาลี 

 

คนฟังเลิกคิ้วมองกันเลิ่กลั่ก  แล้วเบนพูดอะไรกับไอ้หมอนั่น  จักรถาม  เขาเป็นทนายไม่ใช่หมอ  ฉัตรแก้ให้พี่ชายแล้วก็ต้องหดตัว เพราะจักรขึงตาใส่กลับมา  อริสาบิดปากนิดหนึ่ง  เบนเรียกนายนั่นว่าทุเรศ  ทุเรศงั้นเหรอ  ไฉ่ฝ่งทวนคำด้วยความพิศวง

 

แล้วต่อด้วยอะไร จักรซัก  ด่าว่านายตรีไปอยู่ที่ไหนก็ทำให้ที่นั่นวงแตก  ไม่ว่าจะเป็นที่ห้องสมุด หรือที่หอพักก็ทำให้ผุ้คนแตกตื่น  พวกเขาเจอกันบ่อยแค่ไหน  ฉัตรอุทาน  เขาต้องไปตื้อเบนแน่เลยแบบนี้  ลินดาพูดอย่างตื่นเต้น  ลินดายกมือขึ้นกุมแก้มด้วยเพิ่งคิดออก  ลูกฉันอยู่ในอันตราย

 

จักรกรอกตาอย่างเบื่อหน่าย  คิดในใจไม่เป็นหรือยังไงพวกเรานี่ทำให้ฉันคิดไม่ออกแล้วว่าจะทำยังไงกับพวกเขาดี   แกอยากจะทำอะไร  ไฉ่ฝ่งถามลูกชายคนโต  ผมจะอัดมันฐานมายุ่งกับลูกสาวของผม  ไฉ่ฝ่งส่ายหน้า  ฟังดูเบนเป็นคนพาตรีไปที่ซิงห้าของแกนะมันไม่ใช่เป็นการข่มขืนใจเบนสมัครใจไปเอง

 

เล่นกับทนายความต้องคิดหนัก  ฉัตรเตือนพี่ชายบ้าง  แต่ยังไงมันต้องได้รับบทเรียนที่บังอาจมายุ่งกับลูกสาวของฉันโว้ย  จักรโวยวายลั่นอย่างลืมตัวว่าอยู่ต่อหน้ามารดา  อริสาแม้จะยังตื่น ๆ อยู่กับเรื่องนี้ยังรู้สึกตัวก่อนจึงเหนี่ยวแขนสามีเตือนสติ  คุณคะ...เบา ๆ หน่อยเกรงใจคุณแม่บ้างนะคะ  จักรหันไปหาไฉ่ฝ่งยิ้มแหยไปนิด  ขอโทษครับผมลืมตัวไปหน่อยนึง

 

ก็น่าจะลืมตัว  ไฉ่ฝ่งพูดสำนวนเห็นใจ  ลูกสาวของแกทั้งคน  จักรโล่งอกที่มารดาไม่ถือสาแต่ความแค้นยังต้องชำระ  ผมจะไม่ปล่อยไอ้ตรีนั่นมาทำเรื่องไม่ดีกับลูกสาวของผมหรอกครับ  ใช่เราต้องทำอะไรสักอย่าง  ไฉ่ฝ่งเห็นด้วยอย่างที่สุด  งั้นพวกเราจะรอ...เพื่อเฉ่งลูกชายของจี๋จิงฉวนกัน  ฉัตรพูด้วยมาดนักเลง  ไฉ่ฝ่งส่ายหน้า  อย่าฮึกเหิมฉันยังอยู่ทั้งคนการตัดสินใจอยู่ที่ฉัน  มันเหมือนคำสั่งมากกว่าเตือน  และไม่มีใครรู้ว่าไฉ่ฝ่งคิดอะไร  จนกว่าจะพบตรีและเบญจา

 

ตอนที่  48

 

ตรีบังคับรถให้แล่นไปตามท้องถนนในระดับไม่เร่งร้อนนัก เขามีความสุข....อาหารอร่อยและเรื่องที่เบญจาคุยกับเขาก็สนุก เขาเพิ่งจะคิดออกว่าพวกตนมีความทรงจำในวัยเด็กมากอยู่ไม่น้อย  ไม่คิดว่าคุณจะจำได้ว่าพวกเราเคยไปเล่นสเก็ตที่หน้าตึกล็อกกี้เฟเรอร์ด้วยกัน  พี่ศิลาไม่อนุญาตให้ฉันไปกับเพื่อน เพราะกลัวว่าพวกเราจะถูกวัยรุ่นผิวสีกวน  แต่คิดไม่ถึงว่าเขาชวนคุณไปด้วย  เบญจาพูดด้วยเสียงหัวเราะผสมกับความทรงจำเก่า ๆ

 

ผมจำได้ว่าคุณหน้าบึ้งมากไม่ยอมลงไปเล่นจนศิลาต้องมาลากลงไป  แต่คุณเป็นคนทำให้ฉันล้มไถลไปกับลานน้ำแข็งเหมือนแมวน้ำขั้วโลกเหนือ  เบญจานิ่วหน้าและหัวเราะออกมา  ก็ไม่เจ็บไม่ใช่หรือ   เพราะไขมันส่วนเกินช่วยฉันเอาไว้น่ะหรือ  เธอถามเขาน้ำเสียงแปลกไป

 

ตรีไม่สามารถเห็นหน้าเธอได้ เพราะเขาต้องมองถนนแม้จะดึกแล้วก็ยังมีรถขวักไขว่เมื่อแล่นเข้าสู่ย่านเมดิสัน สแควปาร์ค  แสงไฟฟ้าสีส้มดวงกลมประดับประดาเต็มถนนสว่างจ้าสดสวย  เบญจาแหงนหน้ามอง ไฟคริสต์มาสที่ประดับหน้าห้าง ฯ บริเวณนี้  ตรีจอดรถตามสัญญาณไฟจราจรหยุด  เขาหันกลับมามองสาวน้อยร่างอรชรอย่างเห็นได้ชัดแม้จะอยู่ในโค้ทกันหนาวตัวยาวคลุมชุดราตรีสีเขียวอ่อนที่เธอสวมอยู่ข้างใน

 

คุณอ้วนหรือผมไม่ทันสังเกตนะ  อ้วนสิและเต็มไปด้วยสิวด้วยในวันที่ไปเล่นสเก็ตวันนั้น  อาจจะ เพราะเสื้อกันหนาวตัวหนาและหมวกสกีที่คุณสวมทำให้ผมไม่รู้สึกว่าคุณอ้วนเลยในวันนั้น  คุณมองสาวผมทองที่สวมกระโปรงสั้นจู๋ทั้งที่หนาวจะตายวันนั้นจนลืมที่จะสังเกตด้วยซ้ำว่าหน้าตาฉันเป็นยังไง  ตรีนิ่วหน้านิด ๆ แล้วหัวเราะขึ้นมา

 

มิน่าวันนั้นผมคงมองสาวคนนั้นจึงชนคุณล้ม  เชอะ.. เบญจาเป่าลมออกจากปากระบายอารมณ์จนเห็นควันเป็นสายด้วยความหนาวเย็น  ตรีออกรถตามสัญญาณไฟเขียว  เขาหักหัวรถเข้าจอดริมถนนเมื่อเห็นช่องว่างช่องแรกแล้วดับเครื่องรถ  มีอะไรคะ  ให้ผมแก้ตัวใหม่สักครั้ง  เธอยังไม่เข้าใจดีว่าเขาพูดอะไรตรีเปิดประตูรถก้าวลงไปเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้กับเธอ

 

เราจะไปไหนคะ   แม้จะดึกแต่ก็ยังมีผู้คนเดินบนถนนสายนี้ไม่น้อย  ลงมาเถอะ  ตรีฉุดมือลากเธอลงจากรถจนได้แล้วล็อกรถก่อนจะพาเดินไปตามถนนสายหลักของเมดิสัน สแควร์ที่ตั้งย่านการค้าของร้านหรูราคาแพงสินค้ายี่ห้อดังทั่วทุกมุมโลก  ไปสัมผัสไฟคริสต์มาสกัน  ไปดูไฟนี่นะ  เบญจาถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ  ก็ใช่น่ะสิคุณไม่รู้หรือว่าไฟประดับถนน เมดิสัน สแควร์ในเดือนธันวาคมนี้มีชื่อเสียงที่สุดในโลกผู้คนเดินทางมาเพื่อดูมันกันเยอะแยะ

 

คุณไม่เคยมาดูหรือคะ   เคยแต่ไม่เหมือนคราวนี้  ทำไม  ก็บอกแล้วไงว่าวันนี้เป็นวันแก้ตัวเมื่อสิบปีที่แล้วผมมองคนอื่น แต่วันนี้ผมจะมองคุณคนเดียวที่นี่ท่ามกลางแสงไฟที่เจิดจ้าของไฟคริสต์มาสแห่งเมดิสันสแควร์  เบญจามองเขาอย่างตื่นตะลึง  เขายิ้มใส่ตาเธออย่างมีความหมายลึกซึ้ง  ไปด้วยกันนะเบน  โธ่...เอ๋ย...หัวใจของเธออ่อนละลายยังกับเนยเหลว ๆ เจอไฟไปเลยกับสายตาอย่างนี้สั่งให้เธอนอนลงให้เขาเหยียบไปเธอก็จะไม่อิดออดเลย  เบญจาส่งมือให้เขาตามหัวใจปรารถนา  ตรีรับมากุมเอาไว้พาเธอเดินเข้าในเขตย่านการค้าที่ประดับไฟคริสต์มาสสีสันสว่างจ้าสวยงาม  มีซุ้มไฟเป็นแนวยามตลอดลานกว้างทางด้านหน้าร้านค้าสินค้ายี่ห้อดัง

 

แม้ร้านค้าเหล่านี้จะปิดบริการไปตั้งแต่สามทุ่มแล้ว  แต่ไฟบนถนนนี้ยังจะเปิดจนรุ่งเช้าแสดงให้เห็นให้รู้ถึงเทศกาลคริสต์มาสที่มีแสงไฟแห่งความสุขอบอวลไปทั่ว  มีผู้คนยังเดินทางมา ชมไฟที่นี่ไม่ขาดสาย  หนุ่มสาวหลายคู่  ถ่ายรูปตามซุ้มไฟ  ดอกคริสต์มาส ผลึกลายหิมะ  กวางเรนเดียร์ของซานตาคลอส ทำจากหลอดไฟสี ๆ ตามไฟสว่างไสว จนแสบตา  ตรีลากให้เธอเข้าไปใต้ช่อมิสทิวโทลที่เขาผูกเอาไว้เหนือเสากลางลาน

 

เบญจาร้องเอะอะพยายามขืนตัวด้วยความเขินอาย  อย่านะ  เขายิ้มจนตาพราว  รู้ด้วยว่าผมจะทำอะไร  นี่ยังไม่คริสต์มาสเลย  เธอเถียงเขา  แต่ประเพณีใครก็ตามที่พาผู้หญิงมายืนใต้ต้นช่อมิสทิวโทลมีสิทธิ์จูบเธอ  นั่นประเพณีเฉพาะวันคริสต์มาสเท่านั้น  นี่ก็เป็นเทศการและรอบตัวเราก็เป็นบรรยากาศคริสต์มาสก็ถือว่านี่คือสิทธิ์ที่ผมจะได้จูบคุณ  เบญจาใช้มือค้ำคอเขาเอาไว้

 

อย่านะ...ที่นี่มีคนตั้งเยอะ  ใครเขาก็ทำกันทั้งนั้น  หน้าด้านน่ะสิ  เบญจาว่าเขา  ถ้าคุณจูบฉันที่นี่ฉันจะ...  มีคนมาสะกิดหลังก่อนเธอจะพูดจบ  เธอหันไปมองหนุ่มสาวอเมริกันหน้าเปื้อนกระเบิ่งตาใส่เธอ  เร็วหน่อยสิน้องสาวเห็นไหมว่ามีคิวยาวคนรอใช้บริการอยู่นะ  เบญจาอ้าปากค้าง  ก่อนที่ตรีจะลากเธอเข้ามาใต้ซุ้มมิสทิวโทลยังไม่มีใครที่นี่เลยพวกเขาคงคิดว่ามีคนมาใช้ก็เลยตามมาต่อแถวบ้างตามประสาอเมริกันไม่เคยยอมน้อยหน้าใคร  ตรีหันกลับไปขึงตาใส่ไอ้หนุ่มตัวอ้วนนั่น

 

อย่ามายุ่งกับเธอนะไอ้รถถัง  ทำไมไอ้จีนเตี้ย  มีเสียงเย้ยกลับมา  จีนแล้วมันเป็นยังไงไอ้กร๊วก  เบญจาเห็นหนุ่มตาหยีผมดำที่กลางแถวตะโกนขึ้นมาขัดหนุ่มอเมริกันอ้วน  โอ้โฮ....พวกเขาไม่ได้มาคนเดียว  มีคนหันกลับไปมองคนพูดด้วยความไม่พอใจ  มีใครอยากออกแรงใช่ไหม  แล้วก็มีเสียงสาว ๆ ห้ามปรามกันวุ่นวายที่เริ่มจะมีเสียงด่าทอกันแล้ว

 

ประเทศนี้มีเสรีภาพนะจะบอกให้ ใครจะมาห้ามฉันได้ถ้าฉันจะตันหน้าไอ้คนกวนโอ๊ย  ในที่สุดมีเสียงประกาศดังก้องขึ้นกลบเสียงคนอื่น ๆ ที่ฮึม ๆ กัน  ตรีคว้ามือเบญจากระชากให้ออกวิ่งเมื่อสิ้นเสียงประกาศรบแบบนั้นขืนอยู่มีหวังอ่วมแน่  แค่ทั้งสองพ้นซุ้มก็เกิดความโกลาหลยกใหญ่ในกลุ่มสองพวกที่ฮึมเรื่องเตี้ยและอ้วนกับคนจีนและไอ้กร๊วก  ทั้งสองผู้เป็นต้นเรื่องรีบจูงกันเผ่นด้วยความรวดเร็วสุดฝีเท้าที่เคยวิ่งกันมาก่อนในชีวิตจนไปพ้นเขตลานติดไฟ  มีเสียงรถตำรวจแล่นสวนเข้ามา  คงมีใครแจ้งตำรวจว่ามีวัยรุ่นตีกันและมีสายตรวจอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้จึงมาได้เร็วทันใจจริง ๆ  ตรีพาเบญจาไปจนถึงถนนใหญ่ใกล้บริเวณที่พวกเขาจอดรถกันแล้วจึงหยุดแล้วปล่อยมือออกก้มลงกดท้องตนเองเพื่อผ่อนลมหายใจที่เหนื่อยหอบ 

 

คุณ  เบญจาพูดสำลักลมหายใจที่หอบระริก  เขาส่ายหน้า อย่าโทษผมนะ  ก็คุณนั่นละ ที่ทำให้พวกเขาสู้กัน  เธอกล่าวหาเขาเสียงหอบไอนิด ๆ  ผมเปล่าสักหน่อย คุณก็ได้ยินผมว่าไอ้กร๊วกนั่นไปแค่ประโยคเดียว แล้วจากนั้นคนอื่นที่อยู่แถวนั้นก็ต่อกันเองผมไม่ได้ทำอะไรสักนิด  จริงหรือคุณไม่ได้ทำอะไร เบญจาถามเขาเสียงมีนัย  ทั้งสองมองสบตากันอยู่ครู่ใหญ่ที่ยาวนานเหมือนหลายนาทีทั้งที่ความจริงเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นเอง

 

แล้วราวกับนัดกันทั้งสองก็ระเบิดเสียงหัวเราะประสานกันดังลั่น ตรีโบกมือขึ้นในที่สุดทั้งที่ยังไม่หยุดหัวเราะได้สนิท  เอาล่ะ...ผมยอมรับว่าผมเป็นตัวต้นเหตุก็ได้ แต่คุณก็ต้องรู้นะว่าคนนิวยอร์กเป็นพวกกระหายเลือดอย่างที่เห็นพวกเขางับเหยื่อกันเอง  ฉันถึงได้บอกว่าคุณน่ะเข้าที่ไหนวงแตกที่นั่น  ตรีไม่โกรธที่เธอว่าเขากลับเอนตัวเข้ามาใกล้กระซิบถาม

 

มันทำให้คุณสนุกไหม  เบญจาหยุดคิดนิดหนึ่งก่อนจะหัวเราะเบา ๆ  ไม่...ไม่สนุกเลย  เธอย่นจมูกให้เขา  คุณน่ะทำให้ผู้คนรอบตัวปั่นป่วนไปหมดเหมือนใบไม้ถูกลมพัดหวนบนถนน  โธ่เอ๋ย...อย่างน้อยคุณก็หัวเราะล่ะน่า  ตรีพูดด้วยท่าหัวฟัดหัวเหวี่ยงจอมปลอม  ก็ได้มันสนุกเหมือนกัน ถ้าคิดในแง่ว่าดีกว่าอยู่เปล่า ๆ   ผมแค่...ระดับอยู่เปล่า ๆ เองหรือไม่เอาน่าผมทำได้ดีกว่านั้นเยอะนะ

 

แล้วคุณจะเอาระดับไหนในความดีล่ะ   ก็แค่รักผมได้ไหม  เขาถามขึ้นหน้าตาเฉย  เบญจาสะดุ้งเฮือก เพราะไม่คิดมาก่อนว่าเจอกับคำถามแบบนี้  แล้วก็ตีหน้ายักษ์ใส่เขา  อย่าล้อฉันเล่นแบบนี้อีกคุณทนายความ  ล้อเล่น...ใครว่าผมล้อเล่นผมแค่อยากให้คุณ  หยุดพูดเลยคุณทนายความ  เธอถอยออกไปห่างเขาก้าวหนึ่ง  ตรีเห็นท่าทีรังเกียจของเธอแล้วฉุนกึกเมื่อกี้เธอยังดี ๆ อยู่เลย ขนาดที่เขากล้าเอาหัวประกันเลยว่าเธอไม่ดิ้นหนีหรอกถ้าเขาจะจูบเธอที่ใต้ซุ้มมิสทิวโทลจริง ๆ

 

เขาก้าวตามเธอไปอีกก้าวด้วยท่าทีคุกคาม  เลิกเรียกผมว่าทนายความซะที   ก็คุณเป็นทนายความ  เธอเถียงเสียงขรม  ตรีเอื้อมมือไปหมายจะคว้าตัวเธอเข้ามาเขย่าในความดื้อดึงช่างขี้โมโหเขาได้ไม่เลิกสักทีคราวนี้ไม่รู้ว่างัดเรื่องอะไรมาโทษเขาอีก  เบญจาปัดมือเขาออกอย่างรู้ทัน  อย่ามาแตะฉันนะ

 

ตรีขึงตาก้าวตามเธอไปอีกก้าว  แต่เธอถอยฉากไปอีกข้างทำให้ตรีต้องหยุดไม่เช่นั้นเธอจะวิ่งลงไปบนถนนที่ยังมีรถวิ่งไปมา  เขาไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุกับเธอเพียงเพราะเธอจะวิ่งหนีเขา  เมื่อเขาหยุดเธอจึงเชิดหน้าขึ้นสูงแล้วพูดด้วยเสียงไว้ตัว  พาฉันกลับบ้าน  ตรีมองเธอเงียบ ๆ อยู่อึดใจหนึ่งนาน ขนาดที่ทำให้เบญจาต้องกลั้นลมหายใจทีเดียว

 

เรากลับกันเถอะ  เขาพูดขึ้นในที่สุด  เบญจาเดินตามเขากลับไปยังรถที่จอดอยู่ด้วยความเศร้าสร้อยในใจบรรยากาศรอบตัวที่หวานหอมตั้งแต่ไปกินอาหารกันที่ภัตตาคารสลายไปเหมือนเมฆหมอกเจอแดดเหมือนมันไม่เคยมีอยู่จริง  ทั้งสองนั่งรถกันไปเงียบ ๆ ไม่คุยกันเลยจนถึงแมนชั่นของครอบครัวเธอ  เบญจาเปิดประตูรถแล้วก้าวลงไปเลยไม่รอให้เขาเปิดประตูให้กับเธอตามารยาทสุภาพบุรุษ

 

ขอบคุณที่มาส่งลาก่อน  พูดแล้วเธอกลับหันหลังเดินไปที่ทางขึ้นบันไดแมนชั่นอย่างเร่งด่วนเพียงแค่กดกริ่งเรียกคนมาเปิดประตูก็ต้องสะเฮือกที่เหลียวกลับมาพบว่าตรีมายืนซ้อนหลังเธอ  อุ๊ยตาย...คุณลงมาจากรถทำไม  ผมพาคุณไปข้างนอกโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตผุ้ใหญ่ของคุณเมื่อพากลับมาก็ควรจะดูแลให้คุณเข้าบ้านเรียบร้อยก่อนไปเป็นการชดเชย  เบญจาขึงตาใส่เขา  ไม่ต้อง..คุณ

 

กลับมาแล้วหรือเบน  เสียงจักรดังขึ้นข้างหลัง  มันน่าสยองมากกว่าหนังฮอลลีวู้ดที่ บิดาของเธอเป็นคนมาเปิดประตูเอง  คุณพ่อคะ  เบญจาพยายามหาข้อแก้ตัวทั้งที่ยังไม่ถูกวางโทษ  สวัสดีครับลุงจักร ตรีทัก  เข้ามาสิตรีพวกเรากำลังรอแกอยู่  จักรพูดเสียงเรียบจนเหมือนเหี้ยมเลียนแบบยอดนักเลงอัลคาโปนในหนังไม่มีผิด

 

ตอนที่  49

 

พูด  เสียงของจักรดังชัดเจนท่ามกลางความเงียบกริบของคนหกคนที่นั่งกันภายในห้องรับแขก  เบญจาละล้าละลัง  คุณพ่อคะ  เธอพยายามจะพูดอะไรที่ตนเองไม่รู้  ปล่อยให้เขาพูด  อริสาดึงแขนลูกสาวให้นั่งลงข้างเธอที่เดิม  จะให้ผมพูดอะไรครับ  ตรีถามขึ้นอย่างสุภาพและรอบคอบตามประสาทนายความผู้ใช้คำพูดและภาษาเพื่อแก้ต่างความผิดทุกขบวนการ

 

ในที่นี้ทุกคนทำเหมือนเขาเป็นจำเลย  มันดูตลกและแปลกดีแต่เขาขำไม่ออก เพราะทุกคนที่นี่เป็นครอบครัวของเบญจาถ้าขืนเขาทำไม่ดีความรักของเขาเป็นต้องจบลงที่นี่ก่อนที่มันจะได้เริ่มด้วยซ้ำไป  แกมีเจตนาอะไร ที่มายุ่งกับลูกสาวฉัน   จักรขึงตาใส่ตรี  เบญจาผุดลุกขึ้นอีกครั้ง  พ่อกำลังเข้าผิดอะไรสักอย่างอยู่นะคะ  ไม่มีใครเข้าใจผิด  จักรเอ็ดลูกสาว  นั่งลงแล้วเงียบ ๆ   หนูจะไม่นั่งและจะไม่เงียบด้วย  อริสาพยายามฉุดมือลูกสาวให้นั่งลง แต่ไม่เป็นผล เพราะเบญจาดื้อดึงมากกว่า

 

เขาล่อลวงให้หนูไปข้างนอกกับเขาตั้งหลายชั่วโมงมันส่อเจตนาที่แอบแฝงไม่ดี  จักรเล่นงานตรี  เขาไม่ได้ล่อลวงหนู  เบญจาแผดเสียงตรีหุบปากตัวเองมองเธอตาโต  ตายจริงหนูไม่ควรขึ้นเสียงกับพ่ออย่างนี้นะ  อริสาเอ็ดลูกสาว  พวกเขาจะฆ่ากันแล้ว ลินดาครวญ  ยัง  ฉัตรบอกภรรยาเสียงดังให้รับรู้ เพิ่งเริ่มเท่านั้นเอง  ทำไมหนูจึงเชื่ออย่างนั้น  จักรถามลูกสาวเสียงเครียด

 

ก็เพราะหนูเป็นคนชวนเขาออกจากงานแต่งงานพี่ศิลาไม่ใช่เขาชวนหนูไป  ฉะนั้นไม่ใช่เขาที่ล่อลวงหนู  ตรีอยากจะหัวเราะกับวิธีการแก้ตัวอย่างแปลกประหลาดของสาวน้อยของเขาถ้าเธอไม่ระวังตัวให้ดีความซื่อสัตย์แบบไร้มารยาจะทำให้เธอลำบากเข้าสักวัน  หนูหมายถึงว่าหนูเป็นคนล่อลวงเขาเองหรือ ลินดาร้องถาม นั่นประไรมีคนเข้าใจอย่างนี้จนได้ตรีหัวเราะ

 

เบญจาหันไปซัดฝ่ามือใส่ไหล่เขาตุบหนึ่งอย่าเหลืออด  นี่ไม่ตลกหรอกนะ...   เขาไม่ไได้หลบและไม่ตอบโต้แถมยังพยายามหยุดหัวเราะเพื่อเอาใจเบญจาอย่างเห็นได้ชัด  ค้าบไม่ตลก...ห้ามหัวเราะเด็ดขาด ผู้ใหญ่ทั้งห้าคนเบิกตามองอาการเหล่านี้อย่างทึ่งสุดขีด  เบญจาสูดลมหายใจเข้าปอดแรง ๆ หันไปอธิบายกับครอบครัวของเธออย่างเคร่งขรึม  เรื่องนี่หนูอธิบายได้นะคะมันไม่มีการล่อลวงเกิดขึ้น..การที่หนูพาคุณตรีออกไปกินข้าวนอกงานเลี้ยงหนูมีเหตุผลนะคะ

 

อะไร หลายเสียงถามพร้อมกัน  เบญจายกมือขึ้นสองข้างเขย่านิด ๆ เพื่อระงับอาการวิตกหน่อย ๆ โดยไม่รู้ตัวว่าตนเองเข้าขั้นประสาทกับเรื่องนี้แค่ไหน  ก็...อย่างที่หนูเคนบอกว่าเขา..เอ่อ...คุณตรี...เอ่อ...มักจะเข้ากับคนในงานยากหน่อย  แม่จำได้หนูเคยบอกว่าเขาชอบทำให้วงแตกเวลาไปไหน ๆ   อริสาพยายามช่วยลูกสาว  เบญจาพยักหน้าให้มารดา  ขอบคุณค่ะที่จำได้

 

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่หนูต้องพาเขาไปที่อื่น  จักรซัก  นั่นคืองานเลี้ยงแต่งงานของพี่ศิลากับพี่มาลีนะคะ...คุณพ่อยังไม่เคยเห็นว่าเขาป่วนผู้คนได้ขนาดไหน  พ่อคิดว่าหนูกล้าให้เขาเข้าไปอยูในงานของพี่ศิลาหรือค่ะ  ผมขอค้าน  ตรียกมือขึ้นราวกับเขาอยู่ต่อหน้าผู้พิพากษาและค้านคำพูดของทนายของคู่แข่งที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมจริงจัง 

 

คุณน่ะพูดเกินจริง  เขาต่อว่าเบญจา  ผมยังไม่ได้ทำอะไรที่งานเลี้ยงเมื่อหัวค่ำสักนิดที่จะมากล่าวหาว่าผมไปป่วนงานเลี้ยงของศิลาคืนนี้  เบญจาพองตาใส่เขาเหมือนปลาทองในตุ้กระจกที่มีคนมือซนมาเคาะเล่น  อ๋อ...จะไม่งั้นเหรอ...คุณน่ะน่าเชื่อถือตายล่ะขนาดแค่ไปหยุดอยู่ใต้ต้นมิสทิวโทลที่เมดิสันสแควร์ยังทำให้วัยรุ่นพวกนั้นตีกันนัวเนียเลย

 

ไปเมดิสัน สแควร์ กับมารึ  ฉัตรถาม  วัยรุ่นตรีกัน  ลินดาหน้าตื่น  พวกแกไปทำอะไรที่ใต้ต้นมิสทิวโทล  จักรแผดเสียงลั่น  ผมพาเธอไปเพื่อ... ตรีพูดเสียงสะอึกนิด ๆ   เบญจารู้ดีว่าเขากลั้นหัวเราะจึงตะคอกใส่เขาเสียงเขียว  หยุดพูดไปเดี๋ยวนี้นะ  ทำไมเขาต้องหยุดพูด นี่เป็นเสียงแรกคำถามแรกจากย่าไฉ่ฝ่งที่นั่งฟังคนทั้งหมดโต้เถียงกัน  มาตั้งแต่ต้น มีอะไรที่ต้นไม้นั่น

 

มันไม่ใช่ต้นไม้มันแค่เอาช่อมิสทิวโทลไปแขวนเอาไว้ที่ปลายเสา  ฉัตรอธิบายให้ไฉ่ฝ่งฟัง  ให้พวกผู้ชายพาสาว ๆ ไปจูบกันที่ใต้ช่อกิ่งไม้นี้  จูบกันเหรอ  ไฉ่ฝ่งอุทานเสียงไม่เชื่อหูตัวเอง  เสร็จกัน  ลินดาอุทาน  อย่ามาว่าลูกสาวฉันนะ  อริสาต่อว่าน้องสะใภ้  จะเหลืออะไรกับประเพณีฝรั่งอย่างนี้  ลินดาเถียง  เราไม่ใช่ฝรั่ง  อริสาหายใจไม่ทัน  แต่เราเป็นอเมริกัน  ฉัตรช่วยภริยาเถียงกับอริสา

 

อัปยศ  จักรยกมือขึ้นปิดหน้า  ลูกสาวฉันกับไอ้ทนายเจ้าเล่ห์  เบญจามองความวุ่นวายที่ตรงหน้าอย่างไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไรเธอหันไปเล่นงานตรีที่ยืนยิ้มเหมือนเขาเพิ่งได้รับถ้วยรางวัลแข่งกอล์ฟมาหมาด ๆ   เห็นไหมว่าคุณทำอะไรลงไป  ตรีหน้าเหลออย่างจอมปลอมที่สุด เพราะเขารู้ว่าเธอเข้าตาจนแล้ว

 

ผมเหรอทำอะไร....คุณต่างหากที่พูดเรื่องใต้ต้นมิสทิวโทลขึ้นมาเอง  คุณเจตนายั่วให้ฉันพูด  เธอกล่าวหาเขาเสียงแว้ด  ใส่ร้ายผมจัง...ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ นะ  ตรีพูดแล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่  เบญจาไม่ให้สัญญาณการโจมตีเมื่อเธอกระโจนเข้ารัวหมัดเข้าใส่อกของคนหัวเราะไม่ถูกเวลาอย่างลืมตัวที่ถูกยั่วจนให้โกรธจนหน้ามืด

 

เอ้ย...อะไรกันนี่  ตรีปัดมือที่รัวเข้าใส่อกเขาราวกับรัวกลางเพลมันไม่เจ็บกับมือนุ่ม ๆ เล็ก ๆ แค่นี้มันทำให้เขาขำมากกว่า  เสียงหัวเราะของเขาทำให้เบญจาขบฟันกระชากมือกลับมาแล้วเหวี่ยงเท้าไปที่หน้าแข้งที่แข็งเหมือนเสาหิน  ผลคือตัวเองเจ็บแปลบที่นิ้วเท้าส่วนหน้าราวกับถูกมีดฟัน

 

โอ๊ย....  เธอร้องอุทานแล้วตัวงอยกเท้าข้างที่เตะเขาขึ้นสะบัดกระโดดขาเดียวด้วยความเจ็บปวดสงสัยว่าตัวเองจะทำนิ้วเท้าหักไปแล้ว เพราะแข้งที่แข็งเหมือนหินของเขา  ตรีหยุดหัวเราะหันมาคว้าเอวอรชรเอาไว้ก่อนที่เธอจะเซล้มไป

 

เป็นอะไรเจ็บที่ไหน  เบญจาสะบัดตัวฮึดฮัดที่ถูกเขารั้งร่างเข้าไปกอดเอาไว้กับอกกว้างแนบแน่น  ปล่อยฉันนะ  ตรีไม่ปล่อยกลับรัดแน่นเข้าไปอีกจนแก้มของทั้งสองแนบกันจากการกอดจากเบื้องหลังที่เขายื่นหน้ามาพูดกับเธอ  บอกมาก่อนว่เจ็บตรงไหน  เบญจาไม่ยอมคงดิ้นรนสะบัดไปมาในวงแขนของเขา

 

เหมือนการต่อสู้กันเล็ก ๆ เพราะตรีไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ ทั้งสองไม่ทันสังเกตเห็นว่าผู้ใหญ่ทั้งหมดที่โต้เถียงกันเองอยู่เมื่อครู่เงียบไปตั้งแต่เห็นเบญจากระโจนเข้าใส่และทั้งสองหนุ่มสาวกอดรัดกันต่อหน้าต่อตา  กว่าอริสาจะได้สติหุบปากที่อ้าค้างเอาไว้  ไฉ่ฝ่งก็ทุบเบาะข้างตัวแรง ๆ

 

พอได้แล้วทั้งสองคน  ไม่ต้องเตือนทุกคนก็รู้ว่าไฉ่ฝ่งหมายถึงใคร  เบญจาหยุดดิ้นแม้ตรีจะยังไม่ยอมคลายแขนออกจากเอวอ่อนละมุนมือของเธอ  อริสากระโดดเข้าไปแกะมือของตรีออกจากลูกสาวของเธอ  ปล่อยมือจากลูกสาวของฉันนะ  ตรีจำใจปล่อยมือออกด้วยความเสียดาย   จักรเดินเข้าไปตรงหน้าตรีชี้หน้าด้วยนิ้วที่ระริก  คราวนี้พวกเรารู้แล้วว่าทำไมลูกสาวฉันถึงบอกว่าแกมันตัวทำลายอยุ่ที่ไหนวงแตกที่นั่น  ตรีอยากจะเถียงแต่ไม่ถนัดนัก

 

แกไปซะดีกว่าอย่าอยู่ที่นี่อีกเลย  จักรไล่อย่างไม่มีเยื่อใย  ยังไม่ใช่ตอนนี้ ตรีส่ายหน้าดิก  จะอยู่หาสวรรค์วิมานอะไร  จักรก้าวเข้ามาอีกคน  เรายังไม่ได้พูดเรื่องสำคัญกันเลยนี่ครับ  ตรีไม่ถอยหรอกเขารู้ดีว่าถ้าเขาเดินออกไปเดี๋ยวนี้คงหมดโอกาสที่จะได้พบกับเบญจาอีกต่อไป  การรบในที่สดที่เปิดฉากไปแล้วต้องรบให้ถึงที่สุด เพราะศัตรูที่หวาดระแวงจะไม่มีวันยอมให้ได้เข้าใกล้อีก

 

พวกเขาไม่ใช่ศัตรุแต่เป็นครอบครัวของผู้หญิงที่เขารักการทำให้พวกเขาไว้ใจมันคือหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว  ไม่เช่นนั้นเขาจะเสียเธอไปตลอดกาล  มีอะไรที่แกอยากจะพูด  จักรถามเสียงเข้มมาดดุเอาไว้ก่อน  ผมจะขออนุญาตลุงจักรและทุก ๆ คนให้อนุญาตให้ผมคบกับเบนครับ  ตรีพูดออกไปเหมือนโยนระเบิดใส่กลางวงอีกครั้ง  คบแบบเป็นแฟนใช่ไหม  ฉัตรร้องถาม

 

คบกัน  อริสากรีดเสียงร้องอย่างตื่นตระหนก  เขาขอเป็นคู่รักกัน  ลินดาสรุปให้  อริสาหันไปขึงตาใส่ลินดา  คบย่ะไม่ใช่คู่รัก   หยุดเถียงกัน  จักรตวาดสองสาวจอมโวยเขาหันไปทางตรี  แกเอาอะไรมาพูดวะ  ผมอยากแต่งงานกับเบน  คราวนี้เสียงโกลาหลดังกว่าเดิม

 

ฉันจะเป็นลม  อริสาปิดหน้าร้องเสียงดัง  ลินดาส่งแท่งยาดมให้  คุณบ้าไปแล้วหรือไงที่พูดเรื่องนี้  เบญจาแว้ดใส่ตรีเสียงลั่น  เฉยเถอะน่า  ตรีเอ็ดเธอแล้วหันกลับไปหาจักร  ผมมีความจริงใจ  จักรส่ายหน้า  ไอ้บ้า...แกคิดว่าฉันจะเชื่อหรือไงเดือนที่แล้วแกยังให้พ่อแม่แกทาบทามผู้หญิงคนอื่นให้แกอยู่เลย  ผมไม่ได้ให้พ่อกับแม่มาสู่ขอมาลีกับลุงสักหน่อย

 

ไม่ต้องตอแหลพ่อแกมาจริง ๆ ฉัตรขึงตาให้  ผมไม่รู้เรื่อง  ตรีพูดความจริงครั้งแรกเรื่องอะไรเขาจะยอมรับความจริงว่าเขาไม่ห้ามที่พ่อแม่ทำเช่นนั้น  ถึงยังไงก็ถือว่าพ่อแกเคยมาขอมาลีให้แก  จักรพูดใส่หน้าตรี  ก็ผู้หญิงคนนั้นแต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว  ตรีเถียงอย่างจนตรอก

 

เบญจาจิ้มนิ้วไปที่อกเขาอีกครั้ง  คุณเลยหันมาหาฉันงั้นสิใช่ไหมเห็นฉันเป็นอะไรตัวสำรองหรือยังไง  ตัวสำรองเบสบอลพาทีมชนะมาเยอะแล้ว  ตรีเถียง  เบญจาหน้าบึ้งยิ่งกว่าเดิม  ฉันจะไม่เป็นตัวสำรองใครหรอกย่ะไปซะผู้ชายโง่ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก  พูดแล้วเธอสะบัดหน้าวิ่งออกไปจากห้อง  จักรคว้าตรีเอาไว้ก่อนที่จะวิ่งตามลูกสาวเขาไปอีกคน

 

อย่าตามไป  ตรีแสนจะขัดใจ  กลับไปได้แล้ว  ฉัตรไล่  ผม...  ตรีพยายามจะพูด  ดูเหมือนเขาจะพังไม่เป็นท่าแล้ววันนี้  ตรี...  ไฉ่ฝ่งเรียกมีผลทำให้ทุกคนหยุดหมดแล้วแม้แต่จักรที่เตรียมจะผลักอกให้ตรีออกไปจากบ้าน  ครับคุณย่า  ตรีคอตกให้ดูน่าสงสารต่อหน้าผู้ใหญ่แผนนี้เคยทำให้เขาชนะคู่ต่อสู้ในศาลมาแล้วด้วยคะแนนความเห็นใจของลูกขุนต่อลูกความของเขา

พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่  ไฉ่ฝ่งสั่งสั้น ๆ แต่มีผลทรงพลังมากมายกับทุกคนที่คิดแตกต่างกัน

 

ตอนที่  50

 

จักรเค้นกำปั้นตัวเองไปมา คุณแม่ไปสั่งให้มันกลับมาใหม่  พรุ่งนี้มันก็ถือโอกาสกลับมาตื้อเบนน่ะสิครับ   มันดื้อจะตาย  ฉัตรออกความเห็นด้วย   ห่ามด้วย  ลินดาวิจารณ์  บ้าเลือดด้วยล่ะไม่ว่า  อริสาเข่นเขี้ยว  ไฉ่ฝ่งมองกวาดไปทั่วทุกคนที่พูดจาครบ  นาตรีไปนานแล้วนะป่านนี้อาจจะจวนถึงบ้านแล้วก็ได้  จักรหน้าแหยนิดหนึ่ง  ยอมสารภาพความในใจ

 

พวกเราไม่ชอบพี่จี๋  จักรหมายถึงบิดาของตรี  เขาขี้โม้  ฉัตรเสริมตามพี่ชาย  เมียเขาขี้โอ่พอกัน  อริสาวิเคราะห์   พวกเขาไม่น่ามีลูกชายที่หน้าตาดี....ไม่รู้ขอเขามาเลี้ยงหรือเปล่า  ลินดายังมีความเสียดายหลงเหลืออยู่  เหลวไหลนะลินดา...ตอนที่คุณนายจี๋คลอดนายตรีฉันก็ไปงานโกนผมไฟของเขา  ไฉ่ฝ่งเอ็ดสะใภ้คนรอง 

 

จักรขยับตัวเข้ามานั่งข้างไฉ่ฝ่ง  ผมไม่สงสัยเรื่องนั้นหรอกว่าตรีเป็นลูกของพวกเขาหรือไม่เพียงแต่ติดว่าทำไมคุณแม่พูดเหมือนปันใจให้กับตรีที่อนุญาตให้เขากลับมาใหม่  จักรยังไม่ลืมเรื่องสำคัญ  ไฉ่ฝ่งค้อนลูกชาย  ฉันหรือปันใจลูกสาวแกตะหากที่ปันใจ  ว้าย...คุณแม่พูดอะไรคะนี่  อริสาหวีดร้อง

 

จุ๊....จุ๊...เบาหน่อย  ไฉ่ฝ่งนิ่วหน้า  ดึกขนาดนี้ไม่ต้องแอบฟังก็ดังไปถึงแปดบ้านเก้าบ้านไม่ต้องสงสัย  อริสาหน้าเสีย  มันน่าตกใจ    เอาเวลาตกใจมาสังเกตซะบ้าง   แม่เห็นอะไรครับ  จักรสนใจขึ้นมา   ลูกสาวแกน่ะท่าทางจะชอบไอ้หมอนี่นะ  ทุกคนตะลึงกับคำตอบของไฉ่ฝ่ง

 

เบนบอกว่าไม่อยากเห็นหน้านายตรีอีก  ลินดาทวนคำพูดที่ได้ยิน   แล้วเชื่อตามนั้นหรือ  ไฉ่ฝ่งถามด้วยเสียงหมั่นไส้  มันเห็นเบนเป็นตัวสำรอง  ฉัตรบอก  เบนโมโหใหญ่  จักรเล่าตามที่เห็น   แถมยังบอกว่านายตรีโง่อีกด้วย  อริสาก็จำได้  ฟังแล้วมันน่าเชื่อทั้งหมดไหม  ไฉ่ฝ่งถามอีกครั้งทุกคนคิดนิดหนึ่งก่อนส่ายหน้าพร้อมกัน  ถ้าเบนชอบนายตรีทำไมต้องพูดจาอย่างนี้คะ  อริสายังไม่ยอมเข้าใจอยู่ดี  ก็โมโหน่ะสิ  ไฉ่ฝ่งพูดเสียงเยาะ

 

โมโหเหรอครับที่ตรงไหน  จักรถาม  ที่มันโง่ไม่รู้ว่าหลานสาวของฉันชอบมันไง  อะไรนะ  คนฟังอุทานพร้อมกันหมด  เบนคงชอบไอ้ทึ่มนั่นอยู่นานแล้วแต่ไม่เคยบอกให้มันรู้พอมีเรื่องมาลีเข้ามาเลยระเบิดเข้าใส่  ไฉ่ฝ่งวิเคราะห์ตามที่เห็นโลกมามากกว่าใคร  แล้วมันก็โง่จริง ๆ ด้วยที่ดันมาเพิ่งรู้ว่าตัวเองสนเบนเอาเมื่อจบเรื่องกับมาลีไปแล้ว  จักรเริ่มเดาออกกับอาการแปลก ๆ ที่เห็น

 

อาการของตรีและเบญจาเป็นคู่รักที่งอนกันมากกว่าวิวาทกันเรื่องอื่น  ชะ....ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบใจเรื่องอย่างนี้หรอก  อริสางึมงำ  ต่อไปจะเอายังไง  ฉัตรสงสัยจึงถามขึ้นลอย ๆ  ลองโผล่มาสิ  ฉันจะไล่มันไป  จักรพูดอย่างดุเดือด   เจ้าพวกไม่เอาไหน  ไฉ่ฝ่งเอ็ด  พวกผมหรือครับ  ฉัตรถาม

 

ทั้งหมดนั่นล่ะทั้งฉันด้วย   แม่ครับพวกเราไม่มีใครตำหนิแม่หรอกครับ  จักรชักหน้าเสีย  เป็นผู้ใหญ่เสียเปล่าทะเลาะกันให้เด็กมันลำบากใจ  ไฉ่ฝ่งตำหนิทุกคนจริง ๆ  แต่เราไม่อยากมีญาติอย่างพี่จี๋  ฉัตรพูดเสียงอ่อย  เขาจำท่าทางโอ้อวดและเย่อหยิ่งของนายกสมาคมคนจีนในไชน่าทาวน์คนนี้ติดตา  ฉันสงสัยว่าเบนมันจะรู้เรื่องนี้นานแล้ว  ไฉ่ฝ่งพูดกับฉัตรตรง ๆ แล้วถอนใจเมื่อเห็นฉัตรหน้าเสีย  ฉันไม่โทษแกหรอกใครจะรู้ว่าเด็กมันจะชอบกันเล่า

 

สงสารลูก  อริสาครวญ    ไฉ่ฝ่งโบกมือทำให้อริสาหยุดร้องเป็นปลิดทิ้ง  เงียบเถอะมาช่วยกันคิดหน่อย   เราต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม  จักรเสนอ  เราจะไม่ให้พวกเขาพบกันอีก  ฉัตรแนะแนวทาง  ถ้าเขามาเราจะเอาน้ำสาดไล่เขาไป  ลินดามีแผนเหมือนกัน  ฉันจะขังลูกสาวเราเอาไว้  อริสาเล่นไม้แข็ง  พอทีไม่เข้าท่าสักอย่าง  ไฉ่ฝ่งดุทุกคน  พวกเจ้าคิดว่าเบนเป็นดินเหนียวหรือยังไงคิดจะปั้นอะไรก็ได้ตามใจ

 

เราหวังอยู่ว่าลูกจะคิดได้  จักรพูเสียงอ่อยสำนึกผิด  ที่พูดไม่ใช่ให้พวกเราไปบังคับใจเบญจาไฉ่ฝ่งสั่ง  แม่จะให้พวกเราทำยังไงล่ะครับ  ฉัตรถาม   ยังคิดไม่ออก  แต่เราจะปล่อยไปอย่างนี้ไม่ได้นะคะ  อริสาโวยวาย  เอาเถอะน่าคนเราถ้ามันไม่ใช่เนื้อคู่กันมันก็จะแยกจากกันในที่สุด แต่ถ้ามันเป็นเนื้อคู่กันจริง ๆ ให้หัวหงอก ทั้งหมดในห้องนี้ร่วมใจกันห้ามก็ไม่มีทางขัดขวางมันได้หรอก

 

แล้วเราจะทำอะไรกันในเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว  ลินดาถาม  จับตามองสิ  ฉัตรบอกภรรยา  ฉันมีความคิดดีกว่านั้น  ไฉ่ฝ่งเสนอ  แม่คิดจะทำอะไรครับ  จักรยื่นหน้าเข้ามาใกล้  พวกแกทำไมไม่คิดที่จะเปลี่ยนความคิดเรื่องจี๋จิงฉวน  ให้พวกเรายอมรับ จิง ฉวนเหรอครับ...  ฉัตรโวย  ตายดีกว่า  ฉันว่าเขาก็คิดเหมือนพวกแกนั่นล่ะตายซะดีกว่า  ไฉ่ฝ่งบอกกับลูกชาย  ทำให้ทุกคนหน้าเสีย

 

ไฉ่ฝ่งลุกขึ้นยืน  ฉันยุ่งกับงานแต่งงานของศิลามาหลายวันเหนื่อยมากแล้วฉันจะไปนอนวันนี้พอแค่นี้ได้  ทุกคนจึงจำใจรับคำทั้งที่รู้ว่ามารดาจงใจทิ้งท้ายให้ทุกคนไปตัดสินใจเอาเองว่าควรจะทำอย่างไรกับคำแนะนำที่สั้นและคลุมเครือ   ฉัตรหันไปหาพี่ชายทันทีที่มารดาเดินออกไปพ้นห้องรับแขก

 

พี่คิดว่ายังไงกับเรื่องนี้    จักรส่ายหย้าลุกขึ้นบิดตัวคล้ายแก้เมื่อย  ไม่รู้จะทำยังไง  ฉันยังยืนคำเดิมว่าไม่ชอบหน้า จิง ฉวนอยู่ดี  ฉัตรพูด  ลินดาและอริสาลุกขึ้นยืนพร้อมกัน  ฉันจะไม่บังคับลูก  อริสาพูด  แต่ฉันก็ไม่ยอมตามใจลูกเหมือนกัน   เด็กสองคนนี้อาจจะไม่ได้รักกันจริงจัง ขนาดไปถึงแต่งงานก็ได้ เพราะพวกเขาโตมาในสังคมคนนิวยอร์กที่แต่งงานยาก บาทีพวกเขาอาจจะคิดได้สักวัน  ลินดาคิดอย่างเป็นกลางขึ้นมาได้  แม้จะเริ่มมีคนเห็นด้วย แต่จักรยังสงสัยอยู่ดี

 

ถ้าเกิดพวกเขาไม่เปลี่ยนใจล่ะ   นายก็มีญาติแซ่ จี๋ น่ะสิ  ฉัตรตบไหล่พี่ชาย  ลินดาตีแขนสามี  ม่ตลกนะคุณ  ฉันหวังว่าพวกเขาจะไม่จริงจังนัก  จักรพูดขึ้นคล้ายเหนื่อย  เราจะได้ไม่ต้องออกแรงเตะไอ้ตรีกัน  อริสาลากแขนสามี  ไปนอนเถอะคุณเกือบตีสามแล้ว 

 

ความจริงก็ไม่มีอะไรทำได้แล้วในคืนนี้  ฉัตรเห็นด้วยจึงโอบไหล่ลินดาพาเดินออกจากห้อง  หวังว่าพรุ่งนี้อะไรมันจะเปลี่ยนไปบ้าง  จักรพูดขึ้นเมื่อเดินตามน้องชายน้องสะใภ้ออกจากห้องรับแขกคนสุดท้ายคู่กับภรรยาของตน  พวกเขาดับไฟทั้งบ้านแล้วเข้านอน

 

ไม่เหมือนคนอื่น ๆ ในนิวยอร์กแห่งนครที่ไม่เคยหลับไหล  ด้วยบางคนหลับไม่ลง  เบญจาต่อยหมอนของตนเองอยากให้มันเป็นอกใครบางคนที่เคยต่อมาแล้วหลายครั้ง  นี่แนะ...นี่แนะ...เกลียดนักคนเฮงซวยคนบ้าคนโง่  เธอจบที่ดิมอย่างเคย  คนโง่เอ๋ยคนโง่ที่ชื่อตรี  เธอด่าเขาด้วยประโยคเดิม ๆ ก็เขาอยากโง่ไม่เลิกทำไมล่ะ....

 

จะเกลี้ยกล่อมคนอื่นแล้วยังไม่รู้จักโกหก...โธ่เอ๋ย...โกหกสักคำสิว่ารักฉันจะยอมเชื่อจะยอมทุกอย่างเลย  ผมอยากแต่งงานกับคุณ  เบญจาดุหมอนในมือที่เธอบีบเค้นมันแทนคอของคนที่ทำให้เธอโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง  สั่ง....สั่ง.....สั่ง..... ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณไม่เคยโกหกสาว ๆ ที่คุณเคยควงด้วย  เธอพูดราวกับเขาอยู่ที่นี่ด้วย  ก็แค่รักผมได้ไหม  เสียงของตรียังลอยลมเข้ามาในความคิด 

 

ฮึ...แค่รักเหรอ.....  นี่แนะ....คนโง่  เธอยกมะเหงกโขกลงบนหัวหมอนข้างที่ตั้งมันขึ้นราวกับมันเป็นหัวของตรี  ฉันน่ะรักคุณมาตั้งนานแล้วคนโง่...ไม่ยอมรับรู้ซะที  ระบายอารมณ์กับหมอนจนพอใจแล้ว น้ำตาเกล็ดหนึ่งก็ร่วงลงมาจากหัวตาอย่างห้ามไม่ได้  แถมยังไปรักคนอื่นซะอีก  ถ้าพี่มาลีไม่เลือกพี่ศิลาเขาจะเห็นหัวฉันไหม  เธอถามหมอนในมือ มันไม่ตอบเธอมันนิ่งเงียบอย่างที่มันเป็นเพียงแค่หมอน  เบญจามองมันแล้วซุกหน้าลงซบน้ำตาหยดต่อมาก็ไหลพราก  ฉันไม่ยอมเป็นตัวสำรองอย่างเด็ดขาด...ผู้ชายโง่

 

ตรีล้มตัวลงนอนบนเตียงของตนอย่างเหนื่อยอ่อน  โป๊ก...  ศีรษะส่วนท้ายทอยของเขาโขกกับพนักหัวเตียงจนเจ็บแปลบจนต้องดีดตัวขึ้นมานั่งกลางเตียงที่กว้างใหญ่คลำดูความเสียหายที่เขาทำตัวเอง  เขาไม่เคยล้มลงนอนแล้วหัวโขกกับพนักหัวเตียงมาก่อน  เหมือนกับไม่คิดเลยว่าวันนี้เขาจะทำพังหมดเลยเรื่องของเบญจา  เขาคิดว่าเกือบจะสำเร็จแล้วเชียวที่จักรเรียกเขาเข้าไปคุย

 

ฮึ...ผู้หญิง ไม่รู้ว่าพวกเธอคิดอะไรกันในหัวสวย ๆ  ตรีงึมงำ แล้วเดินไปเปิดไฟกลางห้องให้สว่างขึ้น  พวกเธอไม่ชอบคนพูดความจริงหรือยังไงนะ  จึงโมโหได้โมโหดีนักกับคำพูดแค่ว่า...เฮ้อ...ก็ตัวสำรอง  ใช่ว่าไม่สำคัญสักหน่อยอย่างทีมแยงกี้งวดที่แล้วยังพาทีมชนะด้วยตัวเล่นสำรองไปแทนดาวเด่นที่บาดเจ็บเลย  เขาเดินไปดึงขวดเหล้าที่แอบซ่อนเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าออกมายกขึ้นดื่มจากปากขวดเลยทันใจไม่ต้องไปหาแก้วที่ไหนอีก

 

เขาเดินไปเดินมาควงขวดเหล้าที่ซดไปเกือบหมดขวดจนฟ้าเริ่มสว่าง  ในที่สุดก็โยนขวดเหล้าเปล่าไปที่เตียง  ถ้าเธอต้องการข้อพิสูจน์เพื่อจะยอมแต่งงานกับฉัน....ได้เลย เบนที่รัก ฉันจะให้เธอ  ฉันไม่สนด้วยว่าพ่อแม่ญาติโขยงใหญ่ของเธอจะเหยียบฉันฮึ...เราจะได้เห็นกัน  ตรีพูดกับตัวเองก่อนเดินเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัวเพื่อเตรียมออกไปทำงานพร้อมกับแผนการใหม่สำหรับเบญจาที่เขาคิดขึ้นมาได้

 

ตอนที่  51

 

ศิลามองภรรยาตัวเองด้วยแววตาหวานเยิ้มที่เห็นเธอบรรจงกอบเอากลีบกุหลาบซ้ำ ๆ จากพื้นห้องและบางส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่บนผ้าปูที่นอนรวมเข้าด้วยกันเป็นกองโต  ถ้าคุณชอบกลีบกุหลาบผมจะซื้อให้คุณใหม่ก็ได้เอาให้เยอะกว่าสักร้อยเท่า  ศิลาพูดแล้วเดินเข้ามายึดมือเธอให้หยุดงานนี้อย่างอ่อนโยน  มาลีพรส่ายหน้าดึงมือออก  มันคือความทรงจำที่ฉันจะไม่มีวันลืมว่าฉันได้แต่งงานกับคุณ....ขอให้ฉันเก็บมันเอาไว้เป็นที่ระลึกเถอะนะคะ เขาพยักหน้ากับเธอ  ตามใจ...ถ้าคุณจะเก็บมันเอาไว้ก็ได้..งั้นผมมีอะไรจะให้คุณได้เก็บมันรอผมเดี๋ยวนะ

 

เขาเดินออกจากห้องนอนไปที่ห้องทำงานไปถึงแจกันแก้วใบใหญ่ที่เขาใส่เครื่องเขียนเอาไว้ลงมาจากชั้นไม้หลังโต๊ะทำงาน เขาเอาของที่อยู่ภายในทั้งหมดลงบนกล่องพลาสติก ใส่เอกสารบนโต๊ะแล้วอุ้มแจกันแก้วกลับมาเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง  มาลีพรยิ้มให้กับเขาเมื่อศิลาส่งแจกันแก้ว มารองรับกลีบกุหลาบที่เธอโกยมารวมกันเอาไว้ใส่จนเต็ม  ศิลาช่วยเธอยกไปวางไว้ที่หัวเตียงวิวาห์ของทั้งสอง

 

ฉันจะไม่พูดว่าจะเก็บมันเอาไว้จนวันตาย  เธอพูดกับเขาแต่ฉันจะเก็บมันเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้  ถ้าคุณไม่ทิ้งผมจะไม่มีวันทิ้งมันเหมือนกัน  เขาสัญญา  แล้วศิลาก็กลับมาลากมือเธอขึ้นมาจูบ  เราจะต้องไปกันแล้วนะไม่งั้นเราจะพลาดแผนการเดินทางไกลของการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ของเรา  จริงสิคะ...เกือบลืมแล้วอาหารที่อยู่เต็มตู้แช่  เราจะทำยังไงในเมื่อเราไปตั้งหลายวัน

 

อย่าห่วงเลยเมื่อเช้าที่ผมโทร.ไปบ้านพ่อ...แม่  กับเจ้หมิงจะมาช่วยขนไปให้คนบ้านนั้น กินแทนพวกเราและจนหามาให้พวกเราเมื่อพวกเรากลับมาเราไปกันเถอะ  เขาโอบไหล่เธอเดินไปชั้นล่าง ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเกือบทุกชนิดยกเว้นตู้แช่แล้วเปิดประตูออกไปนอกบ้านกัน

 

หิมะตก  มาลีพรอุทาน  เมื่อมองเกล็ดขาว ๆ บาง ๆ ที่หล่นจากท้องฟ้าช้า ๆ คล้ายแผ่นปุยนุ่น  พอถึงพื้นถนนหน้าบ้านก็คงอยู่สักครู่ก็ละลาย  ปีนี้หิมะตกเร็วกว่าทุกปี  ศิลาบอกเธอเมื่อเขาล็อกประตูหน้าเสร็จ  เขาคล้องแขนกับเธอแล้วพาเดิน  มานี่หิมะแรกแบบนี้ถนนจะลื่นมากเดินไม่เป็นจะหกล้ม  มาลีพรกอดแขนเขาเดินด้วยความอุ่นใจทั้งที่อากาศหนาวเย็นต่ำกว่าศูนย์องศา

 

โชคดีนะที่ผมขนกระเป๋าของเรามาขึ้นรถเรียบร้อยแล้วไม่อย่างนั้น ยุ่งน่าดูแน่ที่ต้องเดินกลับไปกลับมาทั้งที่ถนนลื่น ๆ อุ๊บ...  ศิลาอุทานประโยคท้าย เพราะเขาเองก็ลื่นไถลไปนิดหนึ่ง  แต่อีกมือเขาคว้าราวเหล็กของรั้วบ้านข้าง ๆ ที่เย็นเจี๊ยบเอาไว้ได้ทัน  มาลีพรพลอยอุทานแล้วกอดแขนเขาแน่นขึ้น

 

ว้าย  แล้วทั้งสองก็หัวเราะกันอย่างรื่นเริงทั้งที่ยังไม่ได้ล้าไป  มันจะลื่น ๆ   อย่างนี้ตลอดหรือคะ  เธอถามเมื่อทั้งสองเดินมาถึงที่จอดรถริมทางที่พวกเขาจอดเอาไว้ข้างตึกใกล้ ๆ   เราจะสวมบู๊ทพื้นยางก็จะไม่ลื่นเหมือนรองเท้าพื้นหนัง  ศิลาอธิบาย  เขาเปิดประตูรถให้เธอขึ้นไปนั่ง  มาลีพรถูมือทั้งสองในถุงมือด้วยกัน ระหว่างรอเครื่องทำความร้อนภายในรถให้ทำงาน

 

ฉันไม่เคยหนาวอย่างนี้มาก่อนในชีวิตเลยเมื่ออยู่เมืองไทย  ศิลายิ้มให้เธอ  แล้วคุณจะชินไปเอง  ถ้าฉันไม่ชินล่ะคะ  เธอนึกสนุกพอที่จะล้อเขาด้วยการย้อนกลับ  เขาหน้าบึ้งใส่เธอ  ผมไม่ยอมหรอกคุณจะต้องชินให้ได้ เพราะคุณเป็นเมียผมแล้วผมอยู่ที่ไหนคุณก็ต้องอยู่ที่นั่นด้วย  อย่างนิวยอร์กที่หนาวเย็นเจี๊ยบหรือคะ   ใช่คุณต้องอยู่กับผม  ศิลาพูดกับเธอด้วยเสียงหนักแน่นเหมือนสัญญาที่ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจเชื่อใจว่าชีวิตของเธอจะไม่มีปัญหาเมื่อมีเขาอยู่ด้วย

 

จะไม่มีชีวิตเก่าที่เมืองไทยอีก เพราะเธอเป็นของเขาอยู่ที่นี่อย่างที่เขาให้เธอเป็น...มาลีพรคิดด้วยความเคลิบเคลิ้ม  ศิลาสตาร์ทรถเครื่องยนต์ดังกระหึ่มขึ้น มาลีพรลืมตาขึ้นมองเขา  เราจะไปไหนกันคะ  ผมคิดว่า คุณจะไม่ถามซะอีกว่าเราจะไปฮันนีมูนกันที่ไหน  เขาพูดด้วยเสียงขำ ๆ ติดล้อ ๆ เธออย่างอารมณ์ดี  วันนั้นคุณบอกว่าเราจะไปแอสแพนมันคือที่ไหนกันแน่คะ

 

ที่ที่หนาวยิ่งกว่าที่นี่  ฮืม...พูดจริง ๆ ค่ะ  แอสแพนคือชื่อเทือกเขาในนวอุทยาน  เอเวเรนครีกอยู่ทางตอนเหนือของรัฐโคโลลาโด้ที่นั่นสวยมากในตอนนี้หิมะปกคลุมทั้งหุบเขามีชาเล่ย์สำหรับนักเล่นสกีที่นั่น  เราจะอยู่ที่นั่นทั้งสองอาทิตย์เลยหรือคะ

 

คุณไม่ชอบหรือ  ศิลาหน้าเสีย  คุณกลัวหนาวรึเปล่า  อยู่กับคุณฉันจะหนาวไหม  เธอถามทีเล่นทีจริง  ศิลาโน้มตัวข้ามคอนโซลมาจุ๊บเบาที่ปากนุ่มเย็น ๆ ของเธออย่างนุ่มนวล  ผมจะทำให้คุณลืมความหนาวไปเลยถ้าคุณยังสงสัย  มาลีพรหน้าแดงจัดเลือกร้อน ๆ วิ่งขึ้นมาที่ใบหน้านวล  การแต่งงานทำให้คนเราสนิทสนมกันในทุก ๆ เรื่องและพูดได้ทุกเรื่องจริง ๆ หรือเพราะตั้งแต่เธอเป็นของเขาในทุกนัยการคุยดูจะลึกซึ้งกันง่าย ๆ คุยเหรอ....คิดแล้วหัวใจของมาลีพรกระตุกนิดหนึ่ง

 

แต่เธอทำไมจึงไม่อาจจะพูดความจริงกับเขาได้  ครั้งแรกเธอคิดว่าเมื่อแต่งงานกันแล้วเธอจะต้องบอกความจริงกับเขาให้รู้ว่าเธอเป็นใคร แต่ความสุขความรักที่เบ่งบานทำให้เธอหวาดกลัว  ความจริงที่ดูไม่ใช่เรื่องยากแต่ไม่ง่ายเลยที่จะพูด  เพราะเธอไม่แน่ใจเลยว่าผลลัพธ์คืออะไร  เสียงแห่งความขี้ขลาดยุยงว่ารออีกหน่อย...ให้นานกว่านี้ให้เขามั่นใจในตัวเธอมากกว่านี้วันนั้นเขาอาจจะรับฟังเรื่องนี้อย่างไม่สะทกสะท้าน  เธอฝันขนาดว่าเขาจะพูดว่า

 

ไม่แปลก เพราะยังไงซะคนที่ผมแต่งงานด้วยก็คือคุณไม่ใช่ผุ้หญิงคนอื่นแม้ว่าคุณจะสวมรอยใครมาคุณก็คือคนที่ผมเลือก  ศิลาโบกมือตรงหน้าเธอเมื่อเห็นเธอใจลอย  ที่รัก...   คะ...  เธอกะพริบตาให้เขา   คุณหนาวหรืออยากได้อะไรอยู่หรือเปล่า  เธอรู้ว่าเขาห่วงที่เธอใจลอยจึงยิ้มให้เขาอ่อนหวาน  ฉันอยากให้คุณพาฉันไปที่แอสแพนฉันยังไม่เคยเล่นสกีหิมะเลยมาก่อนในชีวิต

 

ไม่ต้องห่วงผมจะสอนคุณเอง  พูดแล้วเขาก็เข้าเกียร์พารถเคลื่อนออกไป  ความรักทำให้โลกสว่างเขามีความสุข ถ้าเขารู้ว่าแต่งงานแล้วชีวิตจะสดใสขนาดนี้เขาแต่งไปนานแล้ว  ไม่มาสู้รบกับพ่อกับลุงให้เหนื่อยอย่างนี้หรอก  แต่..ถ้าเขาไม่สู้รบมายาวนานขนาดนี้เขาก็จะหมดโอกาส  เมื่อมาเจอเมียแสนหวานของเขาคนนี้หรอก  ทั้งสองเดินทางออกจากนิวยอร์กด้วยความสุขด้วยหัวใจที่เปี่ยมล้นด้วยความยินดีอย่างคู่แต่งงานใหม่  แวะพักกินอาหาร ระหว่างทางชวนชี้กันชมธรรมชาติของรัฐต่าง ๆ ที่ขับรถแล่นผ่าน  กลางคืนพวกเขาก็อบอุ่นด้วยไอรักที่มองให้แก่กันอย่างลึกซึ้งเมื่อเข้าพักในโรงแรมหรูที่ศิลาเลือกให้เธอพักด้วยความสบายไม่เร่งร้อนในการเดินทาง

 

เทือกเขาสูงคล้ายยอดปราสาทหลาย ๆ ยอดซ้อนกันเบื้องหน้าดูเหมือนภาพในความฝันมากกว่าความเป็นจริง  สวยจริง ๆ อย่างที่คุณว่า  มาลีพรอุทานเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างห้องอาหารในชาเล่ย์แอสแพนวิว  ศิลาโอบไหล่เธอ  ผมบอกคุณแล้วไงว่าจะไม่ผิดหวัง

 

ทั้งสองได้ห้องพักบนชาเล่ย์หันไปทางภูเขาและทุ่งหิมะเบื้องหน้าสมใจเมื่อแจ้งกับเจ้าของชาเล่ย์ว่าทั้งสองมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กัน  มันเป็นห้องที่ดีที่สุดของเราเลยและอุ่นสบายพอในยามค่ำคืน  เจ้าของวัยกลางคนกล่าวอย่างใจดี  ขอบคุณครับ  ศิลาตอบรับ  เราจะพักประมาณสองสัปดาห์จนหมดวันลาพักของผม  ฉันสังเกตว่าพวกคุณไม่ได้เตรียมอุปกรณ์เล่นหิมะมาด้วย  เจ้าของถามตามที่เห็น  ครับ  ศิลาตอบรับอีก  เพราะผมจำได้ว่าที่นี่มีอุปกรณ์ให้เช่า

 

คุณเคยมาพักที่นี่  อีกฝ่ายตื่นเต้นขึ้น  มาสมัยที่ผมเป็นนักศึกกับเพื่อน ๆ ผมประทับใจที่มีมาก วันนี้จึงพาภรรยาของผมมาให้เธอรู้จักที่นี่เหมือนผมด้วย  การแนะนำอย่างภาคภูมิใจของเขาอวดเธอต่อหน้าคนอื่นทำให้มาลีพรมีความมั่นใจขึ้นพอที่จะยืนเคียงข้างกับเขาด้วย  คุณโชคดีมากที่ได้เป็นเจ้าของสถานที่ที่สวยงามเช่นนี้มาดาม  มาลีพรกล่าวชมด้วยความจริงใจ  ทำให้เจ้าของชาเล่ย์ยิ้มแก้มปริ

 

ขอบใจมากแม่หนูที่ชมแล้วเธอจะรู้ว่ามีความสุขด้วยเมื่ออยู่ที่นี่  เธอกล่าวแนะนำอะไรอีกเล็กน้อยแล้วลาออกไปจากห้อง  คืนนั้นหลังอาหารค่ำมื้อมโหฬารที่ทั้งสองร่วมกินพร้อมแขกคนอื่น ๆ ก็มีการเปิดแชมเปญมาเสิร์ฟให้กับทั้งสองเป็นพิเศษ 

 

เป็นอภินันทนาการจากมาดามยูยีนขอให้น้ำผึ้งพระจันทร์ของพวกคุณหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งรวง  พนักงานเสิร์ฟกล่าวกับทั้งสองเมื่อวางขวดแชมเปญไว้ให้  มันหวานชื่นอย่างที่มาดามยูยีนอวยพรจริง ๆ สำหรับมาลีพรตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์ที่พักอยู่ในแอสแพนวิว  กลางคืนจะเปี่ยมล้นอบอวลด้วยความรักที่ศิลาพาเธอไปสัมผัสโลกส่วนตัวระหว่างผู้หญิงและผู้ชายที่ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างอิ่มเอม

 

กลางวันเขาจะพาเธอไปสอนให้เล่นกีฬาทุกชนิดที่สามารถเล่นได้บนหิมะของเทือกเขาแอสแพนวิว  บางวันเขาก็สอนเล่นสกีคู่ให้ไถลลงมาจากที่ลาดชัน บางครั้งก็เล่นสกีเดียวบนกระดาน  แผ่นเดียวที่เขายืนซ้อนหลังเมื่อไถลลงมาจากที่สูงทั้งสองล้มลุกตกในกองหิมะนุ่ม ๆ หลายครั้ง เพราะเธอไม่มีความชำนาญ  ไม่นานเธอก็เรียนรู้ว่าเธอแต่งงานกับนักเล่นกีฬาบนหิมะตัวยงและดูเขาจะชอบมากจนอดไม่ได้ที่จะเย้าเขาว่า  คุณคงอัดใจตายแน่ถ้าฉันพาคุณไปเที่ยวเมืองไทย เพราะที่นั่นไม่มีสกีหิมะและเทือกเขาให้คุณเล่นกีฬาฤดูหนาวอย่างนี้

 

ศิลาย่นจมูกล้อเธอ  เมืองไทยร้อนจะตายผมไม่ไปหรอก  หลังอาหารค่ำบางวันเขาจะพาเธอไปเต้นรำที่ระเบียบบนชาเล่ย์ที่มองเห็นหุบเขาในเงามืดสว่างเรือง ๆ จากแสงจันทร์สะท้อนหิมะบนเทือกเขา  ทุกวันมีความสุขที่แอสแพนวิวไม่มีใครอื่นนอกจากทั้งสองคนเท่านั้นทั้งที่ก็มิหนุ่มสาวคู่อื่นมาเที่ยวเช่นนี้เช่นกัน  แต่ทั้งสองกลับรู้สึกเหมือนเป็นโลกส่วนตัว

 

ไม่มีใครอื่นในโลกนี้อีกไม่มีนิวยอร์กไม่มีแม้แต่เมืองไทยมาลีพรลืมโลกรอบตัวไปหมด เพราะเขาคนเดียว  เธอมั่นใจว่าศิลารักเธอ....เพียงแต่....เขายังไม่เอ่ยมันออกมาเท่านั้น  การคาดหวังอย่างจนตาบอดคิดว่าไม่ช้านี่แหละ ที่เขาจะต้องพูดคำว่ารักกับเธอ.... วันนี้ขอให้ตัวเธอมีความสุขมัดจำเอาไว้ก่อนเท่านั้นก็พอแล้ว

 

ความคิดเห็น
 
แก้ไขข้อความ 
ผู้แสดงความเห็น

ez-ship09.com
ez-ship09@hotmailc.om

ขอบคุณมากนะคะ ที่เป็นกำลังใจให้ค่ะ แล้วไว้ จะเอาเรื่องสนุก ๆๆ มาลงให้อ่านเรื่อย ๆๆ นะคะ

                                         ขอบคุณจากใจ........

แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 9/27/2009 3:54:04 AM
 
แก้ไขข้อความ 
ผู้แสดงความเห็น

paenjung
 สู้ๆๆๆ ชอบค่ะ สนุกมาก
แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 9/26/2009 7:32:12 PM
  page 1 of 1 1
 
   
เว็บไซต์นี้ เป็นเว็บร้านค้าสมาชิกของ SABUYJAISHOP ผู้ให้บริการทางการตลาดออนไลน์ สำหรับร้านค้าหรือผู้ประกอบการ ที่ต้องการนำเสนอสินค้า โฆษณา ประชาสัมพันธ์ร้านค้า หรือสินค้าในร้าน

©2008-2009 SABUYJAISHOP All Rights Reserved