แหล่ง shopping
   สินค้าจากร้านค้า
กรอบรูปพร้อมแสตมป์พระราชพิธี
ดูขนาดรูปภาพจริง
พระขุนแผนพรายกัญญา พรายแม่นิด เนื้อลองพิมพ์ ฝังตะกรุดเงิน ญาครูจุณฑ์ เสนาสนะวัตร์ป่าเจ้าสัว อุบลฯ
ดูขนาดรูปภาพจริง
น้ำยาขัดสีรถลงด้วยมือง่ายๆ Micro Compound liquid Set
ดูขนาดรูปภาพจริง
โปรแกรมจิวเวลรี่ , โปรแกรมขายจิวเวลรี่ , โปรแกรมขายหน้าร้านจิวเวลรี่ , JEWELRY SOFTWARE
ดูขนาดรูปภาพจริง
Clip Lens Super Wild "Selfie Cam Lens" สีแดง ชมพู ฟ้า ดำ c009
ดูขนาดรูปภาพจริง
โรจูคิส แอคเน่-พอร์เลส ออยล์ คอนโทรล โฟม เจล ,Rojukiss Acne-Poreless Oil Control Foam Gel
ดูขนาดรูปภาพจริง
หมูแผ่นนครปฐม ความอร่อยในตำนาน หมูแผ่นยิ้มยิ้มจ้า
ดูขนาดรูปภาพจริง
โปรแกรมคลินิก , โปรแกรมคลินิค , โปรแกรมบริหารงานคลินิก , โปรแกรมโรงพยาบาล , สถานเสริมความงาม ,CLINIC
ดูขนาดรูปภาพจริง
แอร์ SHAPR PR13
ดูขนาดรูปภาพจริง
ครีมบำรุงผิวผสามสมุนไพร ดร.สาโรช ตำหรับพิเศษ (ขนาด 60 กรัม )
ดูขนาดรูปภาพจริง
ขนมกล้วยอบเนย
ดูขนาดรูปภาพจริง
พร้อมส่ง Coach
ดูขนาดรูปภาพจริง
ปั๊มเติมสารละลายสำหรับกระบวนการบำบัดน้ำเพื่อการอุปโภค เครื่องเติมสารละลาย
ดูขนาดรูปภาพจริง
Lovely : Lava E18 เทา - 450
ดูขนาดรูปภาพจริง
tween tea tree oil แต้มสิวลดการอักเสบ
ดูขนาดรูปภาพจริง
ลำโพงบลูทูธ Wireless Speaker Bluetooth ไร้สาย HPJBL สเตอริโอ ขนาดพกพา
ดูขนาดรูปภาพจริง
เตียงนอนไม้ 6 ฟุต
ดูขนาดรูปภาพจริง
เอส ไรคส์ จำหน่ายปั๊มอุตสาหกรรม ปั๊มเคมี เครื่องสูบส่งของเหลว-หนืด
ดูขนาดรูปภาพจริง
Magnetic Drive pumps ปั๊มแม่เหล็กสูบส่งเคมีชุบ เคลือบ
ดูขนาดรูปภาพจริง
ลำโพงบลูทูธ Wireless Speaker Bluetooth ไร้สาย Remax HPRB-M5 สเตอริโอ ขนาดพกพา
ดูขนาดรูปภาพจริง
Real Hair 4 กล่อง (เรียวแฮร์ เซรั่มปลูกคิ้ว หนวด เครา จอน)
ดูขนาดรูปภาพจริง
น้ำยาถูพื้น,ล้างจาน,ทำความสะอาดอเนกประสงค์
ดูขนาดรูปภาพจริง
Real Hair 2 กล่อง (เรียวแฮร์ เซรั่มปลูกคิ้ว หนวด เครา จอน)
ดูขนาดรูปภาพจริง
แคปชูนไอเฟล
ดูขนาดรูปภาพจริง
City Garden Tropicana (ซิตี้ การ์เด้น ทรอปิคานา)
ดูขนาดรูปภาพจริง
 
เรื่องย่อละคร ตามบทโทรทัศน์
 

สุสานภูเตศวร [ ตอนที่ 4 - 9 ]

 

จำนวนคนเข้าชม : 729 ครั้ง            update : 17/3/2009

   
   
  สุสานภูเตศวร 4

พอนิลพัตรามาดูและอัคคีอย่างใกล้ชิด อัคคีถึงกับตกอยู่ในภวังค์
เขาเพ่งพินิจนิลพัตราอย่างลึกซึ้ง แล้วก็พบว่านิลพัตราเปลี่ยนไปจากคนรักของเขามาก
"เจ้า ไม่ใช่นิลพัตร?" "นิลพัตราค่ะ เรียกเต็มๆ สิคะ อย่าเรียกย่อๆ"
นิลพัตราหัวเราะเป็นขำไป นิลพัตราแปลกใจกับแผลของอัคคี "ฮื้อแปลกจริง!
แผลคุณแห้งเร็วจัง ยังกับเนื้อประสานกันเองได้แน่ะ" อัคคีไม่ตอบ
มองหน้านิลพัตราฉงนใจ นิลพัตราหลบตา อัคคียกมือขึ้นจับหน้าหญิงสาว นิลพัตราผงะถอย
ปัดมือออก "คุณทำอะไร?" "เหมือนมาก เหมือนเหลือเกิน" อัคคีรำพึง นิลพัตราเสียงเข้ม
"เหมือนอะไรคะ"




"คุณ เหมือน คนที่ผมรัก" นิลพัตราไม่พอใจ "เล่นมุกนี้ เก่าไปรึเปล่าคะ"
นิลพัตราแกล้งกดติดพลาสเตอร์ที่คิ้วอัคคีแรงๆ จนอัคคีผงะมีสีหน้าแปลกใจอย่างไม่เคย
" ขอโทษนะคะ คุณอัคคี ดิฉันทราบว่าคุณเป็นบุคคลสำคัญ เป็นผู้บริจาครายใหญ่
แต่ถ้าคุณเสียมารยาทกับดิฉัน ดิฉันก็คงไม่ต้องรักษามารยาทกับคุณ" นิลพัตราลุกขึ้น
แต่อัคคีคว้าแขนนิลพัตราไว้ "นิลพัตร! นิลพัตร!" "นี่ คุณ
เราไม่ได้สนิทกันขนาดมาเรียกชื่อกันย่อๆ ได้นะ ถ้าฉันเรียกคุณอัคคี ว่าคุณอัค
คุณอัคเฉยๆ คุณจะคิดยังไง" นิลพัตราพยายามดึงแขนจะเดินหนี แต่อัคคีไม่ยอมปล่อย
จ้องตาเธอ "มองข้าให้ดีๆ มองตาข้า เจ้าจะรำลึกได้" นิล
พัตราถูกอำนาจตรึงไว้ไม่ให้ขัดขืน มองตาอัคคี สีหน้านิลพัตราอึดอัด เธอจำอะไรไม่ได้
แต่ขยับตัวไม่ได้ อัคคีกำลังจะดึงเธอมากอดให้หายคิดถึง
แต่เทิดณรงค์พรวดพราดเข้ามาเสียก่อน เทิดณรงค์ตะลึงงันกับภาพที่เห็น
ทำเป็นกระแอมขึ้น ทำให้นิลพัตราหลุดจากอำนาจอัคคี หันมามองเทิดณรงค์ ทีแรก
มีอาการมึนงง เทิดณรงค์มองสีหน้าตำหนิ นิลพัตราเห็นสายตาเทิดณรงค์ มองดูมือตนเอง
เพิ่งรู้ตัว ว่าอัคคีจับเนื้อตัวตนอยู่ รีบดึงแขนออกจากมืออัคคี ผละถอยรวดเร็ว
"โทษทีนะครับหมอ ที่ผมเข้ามาขัดจังหวะ พอดี รู้สึกมึนๆ หัวน่ะครับ"
อัคคีมองเทิดณรงค์ตาราวกับไฟ เทิดณรงค์หันมายิ้มให้อัคคี "
ห้องพยาบาลที่นี่บรรยากาศดีนะครับ ลับตาคนดี เอ่อ คือ
ผมคงไม่ถูกโรคกับงานไฮโซแบบนี้ อยากจะได้เยี่ยวอูฐ ดมแก้คลื่นไส้สักหน่อยนะครับ"
"ได้ค่ะ รอเดี๋ยวนะคะ" นิลพัตราหันไปคว้าสำลีก้อนเบ้อเร่อเทแอมโมเนียใส่
"ได้แล้วค่ะ" นิลพัตราส่งสำลีให้ เทิด ณรงค์ยื่นมือมารับมองหน้า ทำเสียงจิกกัด
"หมอเปลี่ยนไปมากนะ ใจบุญกะคนไข้ผู้ชายขึ้นเยอะ
ไม่ถือเนื้อถือตัวเอาซะเลยไม่อยากจะเชื่อ" นิลพัตราโยนสำลีใส่หน้าเทิดณรงค์
เทิดณรงค์เบือนหนี หลับตายิ้ม "แล้วกันหมอ มาโกรธผมเรื่องอะไรเนี่ยะ หึๆๆ"
เทิดณรงค์หันไปมองอัคคี อัคคีมองมา นัยน์ตาโกรธจัด เทิดณรงค์ยิ้มยียวน "อ้อ
คุณอัคคี ผมยังไม่มีโอกาสแนะนำตัวเลย ผมเทิดณรงค์ครับ!" เทิดณรงค์ยื่นมือให้อัคคี
อัคคีมองมือเทิดณรงค์ เห็นตะกรุดของเทิดณรงค์ก็ชะงัก ไม่ยอมจับมือด้วย
"ยินดีที่ได้รู้จัก" เทิดณรงค์หดมือกลับ แววตาเขาท้าทาย กวนอัคคีอย่างตั้งใจ
มะแตนายและอัคคีรู้สึกแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของนิลพัตรา
ราวกับไม่ใช่คนเดียวกัน อัคคีสีหน้าเจ็บใจที่นิลพัตราเปลี่ยนไป "ไม่ยั่วยวน
ไร้จริตมารยา ไม่มีไฟสวาทอันเร่าร้อน อย่างที่พระองค์โปรดปราน" "
แต่นางก็คือนิลพัตรที่มาเกิดในภพภูมิปัจจุบัน ร่างกายและใบหน้าอันงดงามของนาง
หรือแม้แต่กลิ่นกายที่ข้าได้สัมผัสเมื่อครู่
ช่างหอมเย้ายวนเช่นเดียวกับนางอันเป็นที่รักของข้า
แต่วิญญาณที่ข้ามองเห็นผ่านดวงตานาง มัน ไม่ใช่"
ดวงตามะแตนายแทบลุกเป็นไฟทันทีด้วยแรงริษยา " เพราะนิลพัตรคนเก่า!
นางอันเป็นที่รักของพระองค์ บัดนี้ร่างกายเน่าเปื่อยเหลือแต่ซากกระดูก
กำลังนอนรอพระองค์อยู่ที่อโฆราลัยโน่น ไม่ใช่นางคนนี้
ผู้ที่ดวงจิตเดินทางผ่านภพภูมิมาหลายต่อหลายชาติแล้ว
ดวงวิญญาณของนางจึงถูกชำระล้างจนแทบจะไม่เหลือสัญญาณเก่าๆ!"
"ข้าจะทำให้นางจดจำรำลึกความรักความหลังของเราจนได้" แววตาของมะแตนาย เยาะๆ หยันๆ
เมินไป ทาง ด้านนภศูลก็ค้นหาประวัติของสร้อยเจอจากหนังสือโบราณเล่มหนึ่ง
แล้วเขาก็เห็นสร้อยเปลี่ยนลายได้กับตาเมื่อเขาเอ่ยนามภูเตศวร ซึ่งมีจารึกอยู่
"ลายมันจะเปลี่ยนเองได้ยังไง มันต้องซ่อนกลไกอะไรไว้ ข้างในแน่ๆ" ทัน ใดนั้น
พลังของสร้อยก็ช็อตไปที่นิ้วของนภศูล เขาชักนิ้วกลับ พบว่านิ้วเกิดแผลราวเข็มเจาะ
หยดเลือดของนภศูลหยดแหมะลงบนสร้อยหนึ่งหยด นภศูลวางสร้อย เดินผละไปเปิดลิ้นชักตู้
หยิบสำลีมาเช็ดเลือดที่มือ ขณะที่เลือดของนภศูลถูกดูดซึมเข้าไปในสร้อย
กระตุ้นให้สร้อยตรีพักตราสูรมีอำนาจมากขึ้น
เกิดแสงวูบวาบโดยที่นภศูลมัวหันหลังไม่เห็น
เวลานั้นอัคคีกับมะแตนายรับรู้ว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับสร้อยแน่
มะแตนายกระซิบบอกอัคคีว่า "ตรีพักตราสูรได้ดื่มเลือดมนุษย์ เพิ่มพลังให้กับมัน
เวลานี้แหละพระองค์ที่นางควรจะได้สวมสร้อย" แล้ว
มะแตนายก็เพ่งจิตให้นิลพัตรากลับบ้าน เทิดณรงค์เห็นท่าทางแปลกๆ
ของนิลพัตราก็เข้ามาถามว่าเป็นอะไร เธอบอกว่าจะกลับบ้าน
เทิดณรงค์จะไปส่งแต่นิลพัตราผลักเทิดณรงค์และบอกว่าเธอเกลียนเขา
ก่อนจะขึ้นรถขับออกไป เทิดณรงค์ยืนบื้อ ชักฉุนๆ ไม่อยากจะง้อแล้ว นภศูล
ทำแผลเสร็จก็กลับมาดูสร้อยเพื่อค้นหาคำตอบว่ามีอะไรซ่อนอยู่
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกหายใจไม่ออก คล้ายคนเข้าโจมตี นภศูลพยายามดิ้นรนต่อสู้
แต่สุดท้ายเขาก็สู้ไม่ไหวสลบไป นิลพัตรากลับมาเห็นก็ตกใจรีบพาพ่อมาปฐมพยาบาล
ระหว่างนั้นพลังของควันดำก็เข้าครอบงำนิลพัตราให้หยิบสร้อยขึ้นมาใส่
กาฬจักรปรากฎตัวขึ้นทันที "นิลพัตร เจ้านึกหรือว่าจะหนีข้าพ้น"
นิลพัตรหันมามองกาฬจักร เธอสวมสร้อยตรีพักตราสูรแล้ว ดวงตาเปลี่ยนไปเป็นเร่าร้อน
อ่อนหวาน "กาฬจักร เจ้าไปรบคราวนี้ ได้บั่นคอข้าศึกเพื่อข้าไปกี่คนเล่า"
แม้จะแค้นแต่เมื่อได้เห็นหน้าเมียที่เคยรักอีกครั้ง
กาฬจักรถึงกับตะลึงงันจนลืมไปว่ากำลังทำอะไรอยู่ "ข้าโหยหาท่านยิ่งนัก ยอดรัก
สามีแห่งข้า" นิลพัตรโผเข้าไปกอดกาฬจักร "นิลพัตร" กาฬจักรเหมือนโดนมนตรา
นิลพัตรช้อนตาขึ้นมองกาฬจักร ด้วยดวงตาใสซื่อ "กาฬจักร?" "นิลพัตร มีคนบอกข้าว่า
เจ้า กับภูเตศวร ไม่จริง ไม่จริงใช่ไหม"
กาฬจักรประคองใบหน้าของนิลพัตราด้วยมือที่สั่นเทา บ่งบอกว่าเคยรักนางสุดหัวใจ
"กาฬจักร เจ้าอย่าไปฟังวาจาพวกชั่วช้าสามานย์ มันคิดทำลายความรักของเรา"
นิลพัตรแกล้งโผกอดกาฬจักร " ร่างกายกำยำของเจ้า ที่เคยปกป้องรักษาข้า
เหตุใดข้าจะทอดทิ้งเจ้า ไปหาสหายรักของเจ้าได้ลงคอ ไม่จริงดอก
เทพแห่งสงครามผู้กล้าหาญ ข้าต้องการเจ้าเหลือเกิน ได้โปรดกอดข้าไว้ในอ้อมแขนของเจ้า
มอบจุมพิตที่เร่าร้อนให้กับข้า" นิลพัตรเงยหน้าเชิญชวน
จนกาฬจักรถึงเคลิบเคลิ้มปล่อยดาบร่วงจากมือ จับไหล่ทั้ง2ของนิลพัตรไว้
ยื่นหน้าจูบปากเย้ายวนนั้น "เมียรักของข้า" "เมียรักของเจ้า เมียรักงั้นเหรอฮ่ะๆๆๆ"
นิลพัตรเงยหน้าขึ้น ดวงตาเป็นสีดำสนิทตวัดเล็บข่วนหน้ากาฬจักร จนเป็นรอย 5
เล็บที่แก้ม "เจ้าทหารชั้นต่ำ บังอาจนัก มาเรียกข้าเช่นนี้!" กาฬจักร
รู้สึกตัวว่าโดนหลอกแล้ว เลยออกแรงผลักนิลพัตรออกไป
จากนั้นทั้งคู่ก็ห่ำหั่นกันท่ามกลางร่างของนภศูลที่นอนหมดสติอยู่ กาฬจักรแค้นมาก
เขาจึงเล่นงานจนนิลพัตราฟุบแน่นิ่งกับพื้น "ตรีพักตราสูร เจ้าอาจทรงพลัง
ต่อต้านข้าได้ แต่นางคนนี้ มันจะต้องถูกทำลาย
ข้าจำต้องตัดวงจรอุบาทว์จากคำสาปภูเตศวรบัดเดี๋ยวนี้" ทันใด ร่างนิลพัตรขยับ
เงยขึ้นในท่ายั่วยวน ไหล่เสื้อหลุดลงข้างนึง
เสยผมยุ่งไปจากใบหน้าที่ส่งยิ้มหยาดเยิ้ม "กาฬจักร ทำไมเจ้าถึงทำกับข้าได้ลงคอ
เจ้าไม่รักข้าแล้วรึกาฬจักร" กาฬจักรแววตารู้ทันแล้วคราวนี้
"ความรักของข้าตายไปตั้งแต่วันที่เจ้าหักหลังข้า" นิลพัตรคลานมาตามพื้น ค่อยๆ
ยื่นมือมาจับดาบของกาฬจักรลูบไล้ " หากความรักเจ้าตายแล้ว
เหตุใดเจ้าจึงตามล่าข้าอยู่เช่นนี้ เจ้ายังรักข้าอยู่กาฬจักร
5พันปีที่เจ้ากักขังตัวเองเอาไว้ในรัตติกาล เพื่อรอวันที่จะได้พบข้าอีกครั้ง
เจ้าคงหนาวเหน็บมากเหลือเกิน กอดข้าซิ แล้วข้าจะให้ความอบอุ่นแก่ข้า กอดข้า"
กาฬจักรพยายามต่อสู้กับตัวเอง "หยุดเดี๋ยวนี้ ข้าจะไม่หลงกลความเจ้าเล่ห์ของเจ้าอีก
ถอดสร้อยของเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้!" นิลพัตรตกใจ กำสร้อยยื้อไว้ "อย่า! ไม่ ปล่อย
ปล่อยข้า" "ข้าจะส่งเจ้ากลับไปในที่ที่เจ้ามา แล้วอย่าได้กลับมาอีก" กาฬจักร กัดฟัน
ต้านพลังสร้อย ใช้ดาบเกี่ยว กระชากสร้อยตรีฯเต็มแรงจนสร้อยขาด กระเด็น ร่วงตกพื้น
ทันใดนั้นนิลพัตรก็ส่งเสียงร้องอย่างโหยหวน นิล พัตราสลบไป กาฬจักรกัดฟัน
ก้มหยิบสร้อยตรีพักตราสูรที่ส่องแสงแรงกล้าขึ้นมาดู
ท่าทางเจ็บปวดมืออย่างมากมายจนตัวสั่น กาฬจักรเดินมายืนตรงร่างนิลพัตรา ค่อยๆ
ยกดาบขึ้นจะบั่นร่างของนิลพัตรา ทันใดนั้นเสียงปืนดังเปรี้ยง!
นภศูลฟื้นขึ้นมาได้ยินเสียงร้องของลูก จึงตามมาช่วย
และยิงใส่จนสร้อยในมือกาฬจักรกระเด็นไป
นภศูลยิงอีกนัดกาฬจักรรีบพุ่งร่างจากระเบียงสู่ความว่างเปล่าหายไป นภศูลยืนตะลึง
ก่อนจะรีบมาดูนิลพัตรา เทิดณรงค์สังหรณ์ใจเป็นห่วงนิลพัต รา จึงขับรถตามมาที่บ้าน
แล้วก็แปลกใจที่เห็นนภศูลกำลังปฐมพยาบาลลูกสาวอยู่ ก็รีบถามว่านิลพัตราเป็นอะไร
นิลพัตรานอนสลบไร้สติ เทิดณรงค์เห็นปืนวางข้างตัวนภศูล หยิบขึ้นมาดู ตกใจ
"ปืนกระสุนเงิน สำหรับปราบภูตผีปีศาจ" นภศูลบอก "หา หมายความว่ายังไง เกิดอะไรขึ้น"
"มีคนเข้ามา จะมาเอาสร้อยเส้นนี้" นภศูลควักสร้อยออกมาจากกระเป๋าเสื้อให้ดู "แล้ว
มันทำอะไรพัตรหรือครับ" "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันหนีไปได้
ฉันว่าฉันยิงมันโดนแล้วนะ" ชายทั้งสองคนมองนิลพัตรา ไม่สบายใจ
และเรียกกระแตให้มาดูอาการนิลพัตรา เทิดณรงค์ขออนุญาตนภศูลอยู่เฝ้าด้วย นิล
พัตราฝันไปว่าเธอถูกมัดตรึงไว้อยู่บนแท่นหินภายในปราสาทหินที่ไม่เคยเห็น เธอมองรอบๆ
อย่างตระหนก แล้วทันใดนั้นก็เห็นเทิดณรงค์ นภศูล จุฑา กระแต ยศวดี
บรรดาลูกหาบนอนตายเกลื่อนรายล้อมอยู่เบื้องล่างแท่นหิน "หา! พ่อ! เทิด! กระแต!
ยศวดี!" นิล
พัตราขยับจะลุกเข้าไปหาแต่แล้วเธอกลับรู้สึกเสียวแปลบที่ท้องนิลพัตราก้มลง มอง
แล้วตกใจเมื่อเห็นกริชโบราณเล่มนึงปักอยู่ที่ท้องของเธอ นิลพัตรา หันมองไปข้างๆ
พบโครงกระดูกร่างหนึ่งนอนอยู่ที่แท่นหินเคียงข้าง โครงกระดูกคว้าบีบแขนเธอไว้
นิลพัตรากรี๊ดร้องด้วยความตกใจ
โครงกระดูกกำลังดูดเอาเลือดเนื้อจากตัวเธอไปเปลี่ยนรูปร่าง
ซ่อมแซมตัวเองกลายเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนเธอ นิลพัตราลุกพรวด ตื่นขึ้นมา
มองรอบๆ เห็นกระแตนอนหลับอยู่ก็เรียก แต่กระแตหลับสนิท ไม่รู้เรื่องราว
นิลพัตรามึนงง ลุกจากเตียง เสียงเพลงของมะแตนายดังมาไกลๆ "โอ้เจ้าดอก บัวทอง
ที่รองบาท เขาขยี้ จนกลีบขาด เกลื่อนวิถี อันความรัก ความงาม ความยินดีแพศยา ย่ำยี
จนแหลกลาญ" นิล พัตรารู้สึกเหมือนมีบางสิ่ง เรียกร้องให้เดินไปมองที่หน้าต่าง
แล้วสะดุ้ง ถอยมาก้าวนึง ภายนอกรั้ว มะแตนายในเครื่องแต่งกายแบบโบราณ ยืนมองมา
ร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง นิลพัตรารวบรวมความกล้ามองไปอีก
ร่างมะแตนายเดินเข้ามาตามทางเดินเข้าบ้าน นิลพัตราวิ่งมา ปลุกกระแต
แต่กระแตนอนหลับนิ่งพลิกตัวหนี นิลพัตราลังเล สักพักตัดสินใจเดินออกไป นิล
พัตราเดินมาถึงห้องรับแขก แล้วชะงัก เทิดณรงค์นั่งหลับคาโซฟาข้างๆ
มีกล่องสร้อยตรงหน้า นิลพัตรายิ่งงงใหญ่ ตัดสินใจจะเรียกชายหนุ่มดีมั้ย
แต่ก็เดินออกไปคนเดียว นิลพัตราเดินออกมาจากบ้าน มะแตนายในชุดโบราณ
ที่ต่างออกไปจากสภาพเภรี ยืนอยู่ในสวนดอกไม้ มองตรงมา หน้าตาทุกข์โศก "คุณเป็นใคร"
"เจ้าจำข้าไม่ได้หรือ นังตัวดี" "เรารู้จักกันเหรอ แล้วนี่ คุณทำไม
แต่งตัวยังกับจะไปแสดงโชว์งานอะไร" " เจ้าทำลายชีวิตข้า เจ้าทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง
ด้วยความเห็นแก่ตัว กิเลศ ตัณหา ความไม่รู้จักพอ
เจ้าทำให้ข้าต้องถูกกักขังจองจำไว้กับความแค้นอาฆาต แต่เจ้า คนชั่วร้ายเลวทราม
กลับได้ไปผุดไปเกิด มีชีวิตใหม่ มีความสุขครั้งแล้วครั้งเล่า" "นี่ คุณพูดอะไร
คุณเป็นบ้า หรือว่าฉันฝันไป" นิลพัตราชักกลัว ถอยๆๆ "เจ้าไม่ได้ฝันไปหรอก
แต่ข้าจะมาทวงถามความยุติธรรม เอาชีวิตของข้าคืนมา เอาอาณาจักรของข้าคืนมา"
มะแตนายสะบัดผ้าพลิ้วพึ่บๆๆ เข้ามา นิลพัตราพยายามตะเกียกตะกายหนี "กรี๊ดๆๆ
ช่วยด้วยๆๆ" มะ แตนายลอยล่องตามมา นิลพัตราวิ่งร้องกรี๊ดๆๆ กลัวสุดขีด
วิ่งหนีเข้าบ้าน แล้วชนเปรี้ยงเข้ากับเทิดณรงค์ที่ถือปืนกระสุนเงิน วิ่งออกมา
นิลพัตราทรุดฮวบลง เทิดณรงค์รีบรับตัวไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง อีกข้างถือปืน
เตรียมพร้อมมองหา แต่บริเวณบ้านว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยอะไร "พัตร พัตร
ใครทำอะไรพัตร" นิล พัตราสลบ หมดสติไป เทิดมองรอบๆ จนแน่ใจ จึงเก็บปืน
แล้วอุ้มนิลพัตราขึ้นพาเข้าบ้านนอนที่โซฟา นิลพัตรายังแน่นิ่ง
เทิดณรงค์ยืนมองทางประตูบ้าน และมองไปทางบันได พยายามลำดับ ตั้งสติ นั่งลงข้างๆ
เขามองดูหญิงสาวแล้วอึ้งๆ นิลพัตราสวยงาม ใสผ่อง ดูเป็นธรรมชาติมาก
เทิดณรงค์อดใจไม่ไหว ค่อยๆ แตะแก้ม คิ้ว คางแผ่วๆ นิลพัตราไม่รู้ตัว เขามองๆ
แล้วก้มลงเหมือนกำลังจะจูบ ทันใด
ห้องที่สลัวเพราะไฟที่เปิดไว้เพียงบางดวงกลับสว่างพรึ่บขึ้น ยศวดีที่ยังแต่งชุดเดิม
เดินเมามายเข้ามาจากการไปเที่ยวข้างนอก เห็นภาพตรงหน้าก็โวยวาย และร้องเรียกนภศูล
เทิดยืนงง ทำอะไรไม่ถูก

สุสานภูเตศวร จบตอน 4

สุสานภูเตศวร 5

เสียงยศวดีทำให้ทุกคนตื่นตกใจ
โดยเฉพาะนิลพัตราที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา รีบผลักเทิดณรงค์ออก "นี่ คุณคิดว่าคุณเป็นใคร
คุณมาทำอะไรที่นี่ ถือดียังไง มาแตะต้องตัวฉัน" "พัตร คือ คุณ ลงมาหาผมเองนะ"
"ทุเรศ อย่ามาพูดอะไรบ้าๆ นะ ฉันน่ะเหรอ จะลงมาหาคุณ ฉันเกลียดคุณจะตาย
หน้ายังไม่อยากมอง ชื่อคุณฉันยังไม่อยากได้ยิน รู้ไว้ด้วย" เทิดณรงค์อึ้ง "ผมรู้
ผมรู้ว่าคุณเกลียดผม รู้ดี เข้าใจดีทุกอย่าง ไม่ต้องมาตอกย้ำหรอก"
"แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่ค่ำมืดดึกดื่น แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น คุณพ่อฉันล่ะ
คุณพ่อไปไหน พ่อฉันเป็นอะไรรึเปล่า" "พ่อคุณไม่เป็นไร แต่คุณน่ะสิ
คุณเห็นหน้ามันใช่ไหม คนร้ายน่ะ คุณจำมันได้หรือเปล่า" "จำได้สิ จำได้ไม่มีวันลืม
เจอเมื่อไหร่ก็ชี้หน้าได้" เทิดณรงค์ดีใจ นิลพัตราชี้หน้า "ก็คุณไง ออกไปนะ
ออกไปให้พ้น มาทางไหนไปทางนั้น" " พัตร นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายนะ
เก็บเรื่องของเราไว้ก่อนได้ไหม เรามาพูดกันให้รู้เรื่อง ผมน่ะ
จำเป็นต้องอยู่ดูแลคุณ บ้านนี้มีแต่ผู้หญิง แล้วก็ท่านผู้พัน
ซึ่งท่านก็ไม่ค่อยแข็งแรง ผมมาค้างที่นี่ ก็เพื่อจะปกป้องคุณ" "น้ำหน้าอย่างคุณเหรอ
จะมาปกป้องฉัน ฉันกะพ่ออยู่กันมาได้ตั้งหลายปี โดยไม่ต้องมีคุณ
ช่วงที่ฉันย่ำแย่ที่สุด ฉันก็ยังผ่านมาได้สบายๆ แล้วช่วงนี้ เป็นช่วงที่ฉันทำใจได้
มีความสุขสงบใจดีแล้ว คุณจะกลับมาทำไม" "พัตร แล้วคุณนึกเหรอ ว่าตลอดเวลา
หลายปีที่ผ่านมา ผมมีความสุข จะบอกให้นะพัตร ว่าผมทรมาน ผมเจ็บ
ผมไม่เคยหยุดคิดถึงพัตรเลย แม้แต่วันเดียว" นิลพัตราจ้องหน้า เทิดณรงค์อย่างเจ็บปวด
เทิดณรงค์มองตอบอย่างร้าวรานใจเช่นกัน ทันใดนิลพัตราพุ่งเข้าไป
ตบหน้าชายหนุ่มอย่างแรงจนหน้าสั่น "คุณจะพูด แบบนี้เพื่ออะไร เทิด
จะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา พูดเพราะว่าเกิดมามีปาก เท่านั้นเองเหรอ คิดเป็นบ้างไหม
ว่ามันจะทำให้คนอื่นรู้สึกยังไง" เทิด ณรงค์กุมหน้ายืนตาวาว น้ำตาซึม
กระแตกับนภศูลเดินขยี้ตางัวเงีย ตามกันลงมา มียศวดีเดินสะเงาะสะแงะตามมา
เทิดณรงค์เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนิลพัตราให้ฟัง ทำให้ทุกคนแปลกใจ
โดยเฉพาะนิลพัตรที่จำสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองไม่ได้เลย วันต่อมาอัคคี
กับมะแตนายคิดจะเข้าใกล้นิลพัตราให้มากขึ้น เขาจึงทำมาเป็นตีสนิทกับนภศูล
กระแตมองอัคคี มองมะแตนาย ตะลึงในความหล่อสวยสง่างาม "ผม อัคคี อัครอำนาจ
เสียดายที่เราไม่ได้พบกันเมื่อวานนะครับ" " ต้องขอโทษจริงๆ ครับ ที่ไม่ได้ไปร่วมงาน
เพราะกำลัง มีธุระสำคัญติดพันอยู่พอดี แต่ผมเคยได้แต่ยินชื่อของท่านมานาน
ท่านป่วยหนักอยู่หลายปี เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์นะครับ ที่ท่านดูดีขนาดนี้
ดูไม่มีเค้าของคนเป็นอัมพฤกษ์เลย
ทีแรกผมนึกว่าคุณอัคคีจะเป็นคนรุ่นเดียวกับผมด้วยซ้ำ"
"น่าสงสัยว่าที่ยืนอยู่นี่จะเป็นตัวปลอม หรือครับ" อัคคียิ้มเย็น นภศูลมองหน้า
แล้วขำในมุก หัวเราะออกมา มะแตนายหัวเราะด้วย กระแตหัวเราะบ้าง อัคคีสบตามะแตนาย
แล้วยิ้มออกมา "โห มุกเก๋มาก แหม ถ้าผมดูดี จนคนทักว่าเหมือนไม่ใช่ตัวจริง
ผมคงดีใจมากเลย" "ต้องยกความดีให้เทคโนโลยีใหม่ๆ น่ะครับ" อัคคีกล่าวน้ำเสียงหยันๆ
กระแตกล่าว ต่อว่า "สเต็มป์เซลหรือคะ คุณอัคคีไปรักษาด้วยเซลบำบัดมาจากสวิสใช่ไหมคะ
มันอัศจรรย์มากๆ จนทำให้น่าจะเชื่อได้ว่า อีกหน่อยมนุษย์เราต้องเป็นอมตะแน่ๆ"
"ในโลกนี้ ยังมีเรื่องราวอัศจรรย์มากมาย เกินกว่าที่คุณจะจินตนาการได้ครับ คุณหมอ"
อัคคีหันไปพยักหน้าให้มะแตนาย มะแตนายนำช่อดอกไม้แปลกตาส่งให้กระแต
"ได้ข่าวว่านิลพัตร เอ้อ คุณพัตรไม่ค่อยสบาย ผมอยากมาเยี่ยมเธอครับ"
"คุณทราบได้ยังไง" นภศูลแปลกใจ มะ แตนายรีบกลบเกลื่อน "อ๋อ
พวกเราเพิ่งทราบจากเด็กรับใช้ของคุณเมื่อกี้น่ะคะ
ที่จริงแล้วที่คุณอัคคีมาวันนี้เพื่อต้องการขอบคุณคุณนิลพัตราที่ช่วยทำแผล ให้
ที่สนามโปโลเมื่อวานคะ" "อ๋อ เหรอครับ ขอบคุณนะครับ เอ้อ
แต่ตอนนี้ยัยพัตรคงไม่ค่อยสะดวกที่จะลงมาพบคุณ" "ไม่เป็นไรหรอกครับ
เพราะผมกับเธอคงจะได้เจอกันอีกนาน" นภศูลกับกระแตฟังคำพูดของอัคคีแล้วฉงน
อัคคีมองไปที่กองตำราของนภศูล ก่อนจะหยิบขึ้นมารำพึง " น่าเสียดายนะครับ
ถ้าเมืองนี้ไม่ถูกธรณีสูบ เราคงได้เรียนรู้จากอาณาจักรนี้บ้างอาณาจักรในฝัน
ของดร.ดีเตอร์ ชมิด หึๆๆๆ กำลังศึกษาอะไรกันอยู่เหรอครับ" "เอ่อ ก็ พวกตัวอักษร
อักขระอะไรพวกนั้นแหละครับ" อัคคี ปิดหนังสือลง "แต่
วิธีอ่านอักขระโบราณจากหนังสือพวกนี้ ยังไม่ค่อยแม่นยำนัก โดยเฉพาะบันทึกเล่มนั้น
ก็ใช้จินตนาการมากไปหน่อย ท่านนายพันไม่คิดอยากลองศึกษาจากของจริงดูบ้างเหรอครับ"
นภศูลทำท่าสนใจ "พวกศิลาจารึกของอาณาจักรที่ล่มสลายไปแล้วทั้งหลาย เช่นโยนก จามปา
หรือว่าอาณาจักรโบราณ ที่นักวิชาการเชื่อว่าเก่าที่สุด
เท่าที่จะมีหลักฐานให้สืบค้นได้ อะไรนะ อารยธรรมจากลุ่มแม่น้ำสินธุ ใช่ไหม เภรี"
มะแตนายหัวเราะขำๆ ตอบ "ก็ พวกเขาเชื่อกันว่าอย่างนั้นนี่คะ ท่าน"
"คุณอัคคีเคยเห็นศิลาจารึกพวกนั้นจริงๆ ด้วยหรือครับ" "ขอเปลี่ยนคำว่า เคยเห็น
เป็นครอบครอง ได้ไหมค่ะ" "ถ้าผู้พันสนใจ ผมไม่หวงนะ สมบัติ ผลัดกันชม
ได้เสมอทุกเมื่อครับ" นภศูล ดูตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่
มะแตนายลอบมองอัคคียิ้มมีเลศนัยก่อนจะหันไปมองกระแตที่จดจ้องอัคคีอยู่
กระแตเห็นมะแตนายจ้องมาก็รีบหลบตาทันที ทางด้านเทิดณรงค์ก็คิดว่า
กาฬจักรคือคนที่ชีวินส่งไปขโมยสร้อย เขาจึงดิ่งไปเอาเรื่องชีวิน โดยมีจุฑาตามไปด้วย
แต่การไปของเขาทำให้ชีวินรู้ว่าสร้อยอยู่ที่บ้านของนภศูล
ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องรุมทำร้ายทั้งสองคน
เทิดณรงค์กับจุฑาต่อสู้กับพวกลูกน้องของชีวิน ด้วยวิชามวยไทย
จนพวกชีวินนอนระเนระนาดร้องโอดโอย เทิดณรงค์เข้ามาดึงคอเสื้อชีวิน "แกจะทำอะไรฉัน
ฉันไม่เคยบ่น แต่อย่ายุ่งกับนิลพัตรา ไม่งั้น ฉันเล่นกะแกไม่เลิกแน่" "ทำไม
แกจะทำอะไร" "ฉันก็จะเปิดโปงไอ้งานทุจริตของแก
แค่นี้ก็คงจะพอที่จะทำให้แกเข้าไปนอนในคุกได้แล้วมั้ง" เทิด
ณรงค์ปล่อยคอเสื้อของชีวินก่อนจะเอามือตบหนักๆ ที่หน้าอก ก่อนจะเดินออกไปกับจุฑา
ชีวินมองเทิดณรงค์ด้วยความแค้นก่อนจะหันไปเตะลูกน้องที่นอนร้องโอดโอย ดอกไม้
ที่อัคคีนำมามอบให้นิลพัตร กระแตนำขึ้นมาให้ที่ห้อง เป็นดอกอุบลไพลิน
พอนิลพัตรได้สูดกลิ่นเข้าไป ทำให้รำลึกถึงเรื่องราวในอดีตไปด้วยความเคลิบเคลิ้ม
"ไม้หอมเช่นนี้ ท่านนำมาจากที่ใดหรือเพคะ" ภูเตศวรองค์ราชันย์ปรายยิ้มอ่อนโยน
แววตาบ่งบอกถึงรักสุดหัวใจ "จากใจข้า" ภูเตศวร
กับนิลพัตรแอบลักลอบเจอกันในอุทยานที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีสันจัดจ้านควันลอย
คุ้งดุจภาพฝัน นิลพัตรหลบตาเอียงอาย ภูเตศวรเข้าโอบกอดทางด้านหลัง
"ข้านำของมากำนัลให้เจ้าแล้ว ข้าขอของกำนัลข้าบ้าง" ภูเตศวรจะก้มหอม
นิลพัตรเบี่ยงตัวหลบ "อย่าเพคะ จนกว่าจะจับข้าได้" นิล
พัตรเดินกรายผ่านภูเตศวรใช้ผ้าแพรบางเบาไล้ไปตามร่างไหล่ภูเตศวร
ภูเตศวรปรายยิ้มหันไปก็เห็นนิลพัตรวิ่งหายไปซอกไม้ดัด
ภูเตศวรเดินตามนิลพัตรมาที่วิ่งหลบตามพุ่มไม้เหมือนเขาวงกต "นิลพัตร"
"จับข้าให้ได้ซิเพคะ ฮิๆ" ภูเตศวรเดินมาหยุดมองหานิลพัตร "นิลพัตร เจ้าอยู่ที่ใด"
ระหว่างนั้นนิลพัตรเข้ามาปิดตาของภูเตศวรเอาไว้ "ท่านไม่รู้จริงๆ
หรือเพคะว่าหม่อมฉันอยู่ที่ใด"
ภูเตศวรยิ้มก่อนจะหันไปดึงร่างของนิลพัตรเข้ามาไว้ในอ้อมกอด "ข้ารู้
ว่าเจ้าอยู่ในใจข้า" ภูเตศวรจะก้มหอม นิลพัตรเอามือแตะที่หน้าภูเตศวรเอาไว้
"อย่าเพคะ องค์ราชันย์เยี่ยงพระองค์ไม่สมควรสัมผัสกายของข้า
ข้าเป็นหญิงที่มีเจ้าของแล้ว" "นิลพัตร เจ้าก็รู้ว่าข้ารักเจ้าเพียงใด"
"ข้าไม่อยากให้ท่านผิดกฎมณเฑียรบาลที่ท่านตั้งขึ้นเอง" นิลพัตรพยายามเดินหนี
"แล้วจะให้ข้าทำเช่นไร" นิลพัตรหันกลับมาออดอ้อน "ถ้าท่านรักข้าจริงดั่งวาจา
ท่านต้องทำให้ข้ากลายเป็นคนไม่มีเจ้าของก่อนสิเพคะ"
ภูเตศวรอึ้งไปกับคำพูดของนิลพัตร ทันทีที่ภาพฝันสิ้นสุด นิลพัตราก็สะดุ้งตื่นขึ้น "
ตายจริง หลับไปตอนไหนเนี่ย ฝันประหลาดๆ อีกแล้ว คุณอัคคี
นี่เราฝันถึงเขาเหรอเนี่ยแถมฝันว่าชื่อภูเตศวรอีก ภูเตศวร เอ
เคยได้ยินชื่อนี้มาจากไหนนะ แปลกจัง" นิลพัตราครุ่นคิดสงสัย
ดอกไม้ของอัคคีจ้องมาที่นิลพัตราเหมือนมีชีวิต คืน
นั้นอัคคีกับเภรีมาอยู่ตรงหน้าบ้านนภศูล อัคคีคิดจะเข้าไปหานิลพัตรา แต่เภรีห้ามไว้
กาฬจักรรู้ก็จะตามมาพาทั้งสองกลับไปภพภูมิของตัวเอง
แต่ทั้งสองหนีไปในแหล่งท่องเที่ยว กาฬจักรตามไม่ลดละ และฆ่านักท่องเที่ยว
ทำให้เขาคิดถึงทหารที่นอนตายเกลื่อน แล้วก็เศร้าเสียใจ
ทำให้อัคคีกับเภรีที่เห็นกาฬจักรอยู่ในอารมณ์เศร้าจึงรีบหนีไปได้ อัคคี
โทรมาชวนนิลพัตราไปเลี้ยงอาหาร เพื่อเป็นการตอบแทนที่เธอทำแผลให้
นิลพัตราปฏิเสธว่าเธอทำไปเป็นหน้าที่
แต่อัคคีบอกว่าการเลี้ยงอาหารของเขาก็เป็นหน้าที่ทางสังคมเหมือนกัน นภศูล
นำกระดาษไขที่ลอกอักษรบนสร้อยกางอยู่บนโต๊ะ
ถัดจากกระดาษไขเป็นแผ่นเทียบเคียงอักษรขอมโบราณ
เทิดณรงค์จ้องมองไปมาระหว่างอักษรบนสร้อยกับแผ่นเทียบเคียงอักษร "อโฆราลัย
อาจารย์แน่ใจเหรอว่าถอดออกมาเป็นคำนี้จริงๆ" "บ้ะ ไอ้นี่
ถามอย่างนี้แล้วแกจะเรียกฉันว่าอาจารย์ทำไม อโฆราลัย
แกคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับอะไร" "ฟังคล้ายๆ เหมือนชื่อเมืองนะครับ" "อืม
ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่" นภศูลหันไปยกกองหนังสือเกี่ยวกับเมืองโบราณต่างๆ
"ฉันตรวจดูทั้งหมดแล้ว อโฆราลัยนี่ไม่ปรากฏในอารยธรรมอะไรเลย"
"เป็นไปได้มั้ยครับว่ามันจะเป็นอาณาจักรลับแลไม่เคยมีใครพบ"
นภศูลสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาทันที "ฉันก็ขอให้มันเป็นอย่างนั้น
แล้วแกกับฉันจะได้ออกผจญภัยด้วยกันอีกไง แหม พูดแล้วจี๊ดขึ้นมาทันที"
"ไอ้ผมน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่จารย์น่ะ จะไปได้เหรอครับ" ระหว่าง
นั้นนิลพัตราเปิดประตูห้องทำงานเข้ามา มีดอกไม้ของอัคคีอยู่ในอ้อมแขน
นภศูลกับเทิดณรงค์หน้าเหวอเมื่อเห็นนิลพัตรา
นภศูลรีบสะกิดเทิดณรงค์ให้เก็บข้าวของที่เกี่ยวกับสร้อยตรีพักตราสูร
ส่วนนภศูลมองดอกไม้ของนิลพัตราเลยได้โอกาสเปลี่ยนเรื่อง "ดอกไม้สวยดีนะลูก
ถ้าเดาไม่ผิด ต้องเป็นของคุณอัคคี ใช่มั้ย" "ค่ะ คุณอัคคีขยันส่งดอกไม้จังเลย
เขาเป็นคนโรแมนติกมาก" เทิดณรงค์ได้ยินก็หมั่นไส้
"แล้วคุณไม่ส่งอะไรตอบแทนเขาหน่อยเหรอ" "ไม่ต้องห่วงค่ะ รับรอง ว่าฉันตอบแทนเขา
คุ้มเกินค่าดอกไม้แน่นอน" "แหม ผมน่าจะติดดอกไม้มาสักช่อสองช่อ
เผื่อจะได้อะไรตอบแทนกะเขาบ้าง" " คนอย่างคุณไม่เคยนำอะไรมาที่นี่นอกจากปัญหา พ่อคะ
เลิกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ซะทีได้มั้ยคะ
ทำไมเรามาเดือดร้อนเป็นเหยื่อโจรเพื่อช่วยใครบางคนด้วยคะ" นิลพัตราจิก
ตาแค้นก่อนจะเดินปึงปังออกไป นภศูลกับเทิดณรงค์สบตากัน อึ้งๆ
เทิดณรงค์คิดจะเอาสร้อยกลับ แต่นภศูลไม่ยอมทั้งสองแย่งกัน
ระหว่างนั้นเสียงมะแตนายดังขึ้น "เล่นอะไรกันคะ น่าสนุกจริง"
นภศูลกับเทิดณรงค์หันไปก็เห็นมะแตนายยืนอยู่
ทั้งสองงงว่ามะแตนายโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ มะแตนายเห็นทั้งสองอึ้งไปก็ยิ้มหวานให้
"พอดีเห็นประตูเปิดอยู่ ดิฉันเลยถือวิสาสะเดินเข้ามา ต้องขอโทษด้วยนะคะ"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ แล้วคุณอัคคีไม่ได้มาด้วยหรือครับ"
เทิดณรงค์ได้ยินชื่อแล้วขัดใจหึง "ท่านให้ดิฉันนำเครื่องประดับในกล่องนี้
มาให้คุณหมอนิลพัตราใส่ไปดินเนอร์คืนนี้น่ะคะ" ระหว่าง
ที่มะแตนายยื่นกล่องเครื่องประดับให้ จู่ๆ มะแตนายก็เกิดหน้ามืดขึ้นจนเซทำท่าจะล้ม
เทิดณรงค์รีบเข้ามาพยุงมะแตนายทันที มะแตนายหายใจหอบถี่คล้ายจะเป็นลม "ขอบคุณคะ
ดิฉันไม่ค่อยสบาย ช่วงนี้อากาศร้อนเหลือเกิน ว้าย อุ๊ย" กล่อง
เครื่องประดับในมือมะแตนายก็หล่นลงพื้น
จนเห็นเครื่องประดับรูปร่างแปลกตาหล่นออกจากกล่อง
มะแตนายตกใจรีบผละจากเทิดณรงค์เข้าไปดูที่เครื่องประดับที่หล่นอยู่
เทิดณรงค์กับนภศูลเห็นเครื่องประดับชุดนั้นก็สนใจเพราะคนเชี่ยวชาญด้าน
โบราณคดีแค่ดูก็รู้ว่าเครื่องประดับชุดนั้นเป็นของเก่า "ตายจริง
ทำไมฉันถึงได้สะเพร่าอย่างนี้ แตกหักไปบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้
นี่ถ้าท่านอัคคีรู้จะต้องโกรธมากแน่ๆ ท่านรักเครื่องประดับชุดนี้มาก เห็นว่า
ท่านได้มันจากเมืองอโฆราลัย อะไรเนี่ยคะ" เทิดณรงค์กับนภศูลได้ ยินก็ตะลึง
มองหน้ากัน มะแตนายที่เมื่อครู่เห็นสีหน้าเดือดเนื้อร้อนใจแต่เมื่อเห็นอาการของเทิด
ณรงค์กับนภศูลก็แอบยิ้มร้ายเจ้าเล่ห์

สุสานภูเตศวร จบตอน 5

สุสานภูเตศวร 6

เภรีนำเครื่องประดับขึ้นไปให้นิลพัตรา เพื่อใส่ไปในคืนนี้ นิลพัตรางงอึ้งไป
นิ่งมองครู่ใหญ่ ยิ่งรู้สึกชอบกล "เครื่องประดับโบราณ"
"ของแบบนี้คงสู้เครื่องเพชรคาเทียร์ หรือทิฟฟานี่ไม่ได้" นิลพัตราเซ็ง "ไม่ใช่ค่ะ
ของแบบนี้หาค่าไม่ได้ตังหาก เอามาให้พัตรใส่เล่น มันจะดีเหรอคะ"
"ท่านยินดียกเครื่องประดับทุกชิ้นที่ท่านมีให้กับคุณ แม้แต่ชิ้นที่มีค่าควรเมือง
ยิ่งกว่าชิ้นนี้ด้วยซ้ำ" มะ แตนายหยิบสร้อยออกมา เดินเข้ามา ถือวิสาสะ
สวมมันเข้าไปคอของนิลพัตรา และจับให้หันไปดูกระจก มะแตนายถอยจากออกมาเอง
มองนิลพัตราจากมุมของตน อดเจ็บปวดไม่ได้ นิลพัตรามองดูตัวเองรู้สึกทึ่ง
ที่ตนดูสวยงามสง่า
เครื่องประดับนั้นเหมือนเป็นของตนและดูเข้ากับชุดเดรสแบบเรียบนั้นอย่างเหมาะเจาะ
พอนิลพัตราลงมากับเภรี
เทิดณรงค์อดที่จะถามอย่างสนใจไม่ได้ว่าสร้อยเส้นนี้มาจากเมืองอะไร
"เมืองอโฆราลัยค่ะ" "คุณอัคคีรู้จักเมืองนี้ได้ยังไงครับ"
"คุณคงต้องไปถามจากท่านเองนะคะ เรื่องนี้ ไม่มีใครรู้ดีไปว่าท่านอีกแล้ว" "
มันหมายถึง เมืองที่ดร.ดีเตอร์ ชมิดต์ กำลังตามหา
ก่อนที่เขาจะหายตัวไปอย่างลึกลับใช่ไหมครับ คุณอัคคีพอจะมีข้อมูลไหมครับ
ว่ามันตั้งอยู่ที่ไหนกันแน่" นิลพัตราขมวดคิ้ว "พ่อคะ"
เทิดณรงค์กับนภศูลอึกอักมองหน้ากัน "แห่ะๆ พ่อก็ถามไปงั้นแหละ พัตร" "
ถ้าใครเขาอยากจะไปผจญภัยสุดขอบฟ้าที่ไหน ก็ปล่อยเขาไปคนเดียวสิคะ
พ่อไม่ได้อยู่ในสภาวะที่จะทำอะไรเสี่ยงๆ ได้เหมือนสมัยก่อนแล้วนะคะ" " ใช่ครับ
จารย์ต้องหัดทำตัวให้เซฟๆ นะครับ หัดคบคนที่มีกะตังค์เยอะๆ
แล้วก็ต้องหัดแต่งตัวให้มันแจ่มๆ
ยิ่งถ้าได้ไปดินเนอร์หะรูหะรากับคนที่เพิ่งรู้จักกันด้วย ยิ่งซูเปอร์เซฟ ชัวร์"
มะแตนายมองปฏิกิริยาของนิลพัตรากับเทิดณรงค์แล้วอยากลองใจทั้งคู่ "คุณ ห่วง และหวง
ที่คุณพัตรจะไปกับฉันเหรอคะ" "อ๋อ เปล่าครับ ผมจะไปห่วงหวงเพื่ออะไร ก็เห็นๆ อยู่
ว่าเจ้านายคุณ น่าประทับใจจะตาย" " พ่อคะ วันนี้หนูอาจจะกลับดึกๆ
หรือถ้าหนูเกิดติดลม เปลี่ยนใจไปไหนต่อ พ่อก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ
เพราะหนูอยู่กับคนที่มีเกียรติ เป็นที่ยอมรับในสังคม ไม่ใช่พวกซกมก ซอมซ่อ
เก็บของเก่าขายไปวันๆ" นิลพัตรามองเย้ยเทิดณรงค์ก่อนจะเดินออกไป มะแตนายตามไป
เทิดณรงค์หมั่นไส้ อารมณ์เสีย นิลพัตราสงสัยในพฤติกรรมของอัคคีมาก
จึงถามเภรีว่านัดมาทำไม มีเจตนาอะไรแอบแฝงหรือเปล่า มะแตนายประชดว่า
"ท่านปรารถนารักแท้อันเป็นอมตะกับคุณยังไงคะ" "อะไรนะ" นิลพัตราตกใจ
มะแตนายหัวเราะหันมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความหมั่นไส้
นิลพัตราได้แต่รู้สึกแปลกพิลึกๆ ไม่กล้าถามอะไรอีก แต่ พอใกล้ถึงที่หมาย
เภรีก็ทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นอัคคีกับนิลพัตราใกล้ชิดกัน
เธอจึงเพ่งกระแสจิตให้ป้ายโฆษณาหล่นใส่นิลพัตรา แต่อัคคีออกมาเห็นพอดี
และช่วยนิลพัตราได้อย่างหวุดหวิด อัคคีหันไปมองจ้องมะแตนาย ด้วยสายตาอาฆาต
มะแตนายถึงกับผงะกลัว เทิดณรงค์ที่มองมาจากระยะไกลและเห็นเหตุการณ์
แต่มีพวกคนงานกั้นกลาง เขาห่วงใยและอยากรู้ว่านิลพัตราเป็นอะไรมากหรือเปล่า
อัคคีพานิลพัตรามาที่โต๊ะดินเนอร์ และถามว่าเธอหายตกใจหรือยัง
"พัตรไม่เป็นไรแล้วค่ะ คุณอัคคีสิคะ เป็นอะไรหรือเปล่า" "
ผมต้องขออภัยอย่างมากเลยนะครับ ที่อยู่ๆ ก็มีเหตุการณ์ชวนหวาดเสียวแบบนี้เกิดขึ้น
ไม่ว่าใครก็ตาม ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จะต้องรับผิดชอบ" นิลพัตราร้อนใจกลัวจะมี
เรื่องใหญ่โต "มันเป็นเหตุสุดวิสัยนี่คะ ไม่มีใครตั้งใจหรอกค่ะ พัตรสิคะ โชคดี
ที่คุณอัคคีช่วยไว้ ต้องขอบพระคุณมากค่ะ" "คุณพัตร ตราบใดที่คุณอยู่กับผม
ผมไม่มีวัน ยอมให้ภัยใดๆ มากล้ำกรายคุณได้ แม้แต่ปลายเส้นผม" นิล
พัตราสบตาแล้วต้องหลบ เพราะความแรงของแสงตาอัคคี อัคคีชวนเธอเต้นรำ
นิลพัตราจำต้องยอม ทั้งสองเต้นรำและพูดคุยกันอย่างมีความสุข
เทิดณรงค์ที่ตามมาแอบมองด้วยความข่มขืนใจ อัคคีรับรู้ได้ถึงการจ้องมอง
เขาใช้กระแสจิตสั่งให้มะแตนายไปจัดการ
มะแตนายเปลี่ยนร่างเป็นปีศาจไปจัดการเทิดณรงค์จนบอบช้ำ และทำให้เขาเกือบตกตึก
โชคดีที่พลังของตะกรุดที่เขาพกติดตัวมาช่วยเอาไว้ วัน
ต่อมาอัคคีจัดงานปาร์ตี้เพื่อพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดทางโบราณคดี
เชิญนภศูลและครอบครัว อาจารย์และนักสะสมของโบราณ อัคคีหวังตีสนิทกับนภศูล
ก่อนจะดลใจให้นภศูลนำสร้อยตรีพักตราสูรติดตัวมาด้วย
อัคคีกล่าวชมอาจารย์ที่เขียนหนังสือทางโบราณคดีว่าเก่งมาก ศุภสรถามอย่างแปลกใจว่า "
แต่ศิลปวัตถุในบ้านของคุณอัคคีนี่ ผมเห็นหลายอย่าง ที่มันเป็นของยุคคริสศตวรรษที่9
ที่มันควรจะอยู่ที่นครวัด น่าสงสัย ว่าคุณได้มายังไง" "นครวัดเหรอ
ขอโทษนะครับอาจารย์ ผมขอยืนยัน ว่าที่นี่ ไม่มีอะไรที่มาจากที่นั่นแม้แต่ชิ้นเดียว
และไม่ใช่ของสมัยคริสศตววรษที่ 9 ด้วย" "คุณอัคคีอย่าทำให้ผมสับสนสิ ครับ นี่ไง
อย่างผนังภาพนูนต่ำตรงนี้นี่มันเห็นชัดๆ ว่าเป็นรูปตัวละครจากมหากาพย์มหาภารตะ
ที่พระนางเทราปตีประทับอยู่ระหว่างอรชุน กับยุธิษฐิระพระสวามีทั้งสองพระองค์ ผมว่า
มันคล้ายกับที่ผมเคยเห็นที่ระเบียงคดรอบปรางค์ประธานปราสาทนครวัดไม่มีผิด"
อัคคีมองถ้วยแก้ว แล้วหัวเราะดุๆ "นั่นไม่ใช่รูปนางเทราปตี
และชายทั้งสองก็ไม่ใช่อรชุนกับยุธิษฐิระด้วย" มะแตนายรีบเข้ามาขวาง "ขอโทษนะคะ
ท่านสุภาพบุรุษ ได้เวลาแล้ว ขอเชิญไปดื่มอะไรกันข้างนอก
แล้วค่อยสนทนาวิชาการกันทีหลัง ดีกว่านะคะ" "เชิญ" อัคคีผายมือไปทางด้านข้าง
ที่เปิดออกสู่ภายนอก ศุภสรท่าทางขัดใจ ทั้งหมดเดินออกไป ที่ ลานระเบียงครึ่งๆ
อัคคีกับมะแตนายเดินตามกลุ่มธานินทร์ออกไป พอดีกับกลุ่มของนภศูล
ก็เดินตามบริกรขึ้นมาสู่ระเบียงนั้นจากด้านสวนสวย
นิลพัตรากำลังชี้ชวนกับกระแตให้ดูดอกไม้สวยๆ ที่ซุ้มต้นไม้เลื้อย อัคคี
เห็นนิลพัตรา ดวงตาเป็นประกาย หยุดยืนดูอย่างลืมตัว นิลพัตราหันมา
ช่วยพะยุงนภศูลให้ขึ้นบันได ท่าทางอ่อนโยน สดใส อัคคียิ้มออกมาน้อยๆ
หยุดยืนมองอยู่อย่างสุขใจ บรรยากาศทั้งหมดเหมือนเปลี่ยนไปทันทีแบบสดใส รื่นรมย์
มะแตนายลอบมองอัคคี แล้วฝืนยิ้ม รีบเดินแซงทุกคนออกไปต้อนรับ ทุกคนทักทายนภศูล
นิลพัตรามองผ่านทุกคนมา เห็นอัคคีที่ยืนอยู่หลังผู้อื่น
แต่ราศีสว่างเหมือนมีแสงเฉพาะตัว นิลพัตราไหว้อย่างสวยงาม อัคคีรับไหว้ ดวงตาแวววับ
ก้าวออกมา ทำให้คนอื่นๆ รายรอบดูเหมือนเป็นเพียงทหารรับใช้ "ท่านผู้พัน คุณพัตร
ยินดีต้อนรับ สู่บ้านพักชั่วคราวของผม งานคืนนี้ของเรา
จะต้องเป็นงานที่น่าประทับใจแน่ๆ" นิล พัตรายิ้มอย่างชื่นชม
เหมือนเด็กมองผู้ใหญ่ที่น่าทึ่ง มะแตนายมองสองคนสลับกัน ดวงตาหม่นแสง
แต่อยู่ในความจำนน ยอมสยบรับความแพ้พ่าย

สุสานภูเตศวร จบตอน 6

สุสานภูเตศวร 7

ศุภสรอดที่จะถามอัคคีอีกครั้งไม่ได้ว่า " คือ ผมก็ยังติดใจเรื่องที่คุณพูดนะ
คุณอัคคี ที่คุณบอกว่า รูปสลักนูนต่ำในบ้านคุณ
ไม่ใช่ภาพตัวละครจากวรรณคดีมหาภารตะน่ะ แล้วภาพสลักผู้หญิงสวย
ที่ยืนอยู่ระหว่างผู้ชายสองคน คนหนึ่งถือคัมภีร์ คนหนึ่งถือธนูน่ะ
จะเป็นใครไปได้อีกล่ะ" "ภาพสลักนั้น เป็นของราชินีกับราชันย์ กับราชองครักษ์คนสนิท
แห่งมหาอาณาจักรในอดีต เมื่อประมาณ5พันปีที่แล้วแห่งหนึ่งน่ะครับ"
"5พันปีที่แล้วเหรอครับ ราชินีราชาอะไร อาณาจักรอะไร ไม่มีชื่อเหรอ"
ศุภสรหัวเราะเยาะๆ "บอกไป คุณก็ไม่รู้จัก" อัคคีมองหมิ่นๆ ศุภสรหน้าชา
"มีชื่ออะไรหรือชื่อใครในประวัติศาสตร์และโบราณคดี
ที่พวกเราทั้งหมดตรงนี้ไม่เคยได้ยินด้วยเหรอ จริงไหมครับ ท่านผู้พัน" นภศูลมองอัคคี
"นั่นสิครับ คุณอัคคี" เสียงมะแตนายดังขึ้น "มีสิคะ ชื่อของกษัตริย์ภูเตศวรไงล่ะ"
ทุก คนหันไป "ส่วนผู้หญิง ก็คือ มเหสีของพระองค์
แล้วชายอีกคน.ก็คือราชองครักษ์คนสำคัญศิลปินในยุคนั้นสลักภาพนั้นขึ้นเพื่อ
จารึกเหตุการณ์ ที่ตอนนั้น ไม่มีใครรู้เลย
ว่ามันจะกลายเป็นต้นเหตุของการล่มสลายของมหาอาณาจักรอโฆราลัย"
มะแตนายยิ้มเย็นมองอัคคีอย่างท้าทาย อัคคีมองตอบสีหน้าปรามๆ ทุกคนอึ้งงงๆ
ไม่รู้เรื่องราว แต่นภศูลตื่นเต้น สนใจมากๆ นภศูล
อยากรู้รายละเอียดของอาณาจักรอโฆราลัย
จึงเลี่ยงมาคุยกับอัคคีเพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม และเมื่อเพ่งดูที่รูปสลับ
ก็พบว่าผู้หญิงในรูปสวมสร้อยบางอย่างอยู่
นภศูลสงสัยพลางหยิบสร้อยที่นำติดตัวมาด้วยขึ้นมาดู "ใช่ สร้อยเส้นนี้
น่าจะเป็นตราประจำพระองค์ ของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่พระองค์นี้" นภศูลมองที่รูป
"แต่ทำไม คนสวมใส่ กลับเป็น องค์มเหสี" " นั่นเพราะ พระองค์ทรงปฏิพัทธในตัวพระนาง
อย่างสุดสเน่หา จึงพระราชทานสัญญลักษณ์คือดวงตราตรีพักตราสูร เพื่อประกาศว่า พระนาง
คือราชินีที่ถืออำนาจราชศักดิ์เท่าเทียมกับพระองค์ อย่างเต็มภาคภูมิ"
ไฟในห้องกระพริบวูบวาบ แล้วดับพรึ่บลง นภศูลตกใจ ปล่อนสร้อยหลุดมือ ทุกอย่างมืดสนิท
ไม่มีใครเลย "คุณอัคคี คุณอัคคี คุณอยู่ที่ไหน" นภศูลหันรอบตัว ไม่มีอัคคีแล้ว
นภศูลพยายามควานหาสร้อยบนพื้น ที่ตนคิดว่าเห็นสร้อยตกลงไป บนพื้นมีแต่ความว่างเปล่า
อัคคี ได้สร้อยตรีพักตราสูรมาแล้วก็รีบให้เภรีไปตามนิลพัตราเข้ามาในบ้านทันที
และบอกให้เธอรอนภศูลก่อน โดยอ้างว่าขึ้นไปดูของที่ห้องชั้นบน และเธอจะไปตามให้
เวลาเดียวกันนี้เทิดณรงค์กับจุฑาไปที่บ้านนภศูล
และรู้จากคนงานว่าทุกคนมาที่บ้านอัคคี จึงรีบตามมา และแอบเข้ามาภายในงาน
พวกศุภสรเห็นก็ทักและบอกว่าอัคคีเสนอทฤษฎีใหม่เรื่องอาณาจักรอะไรก็ไม่รู้
"อโฆราลัย" จุฑาพูดลอยๆ ธานินทร์รีบตอบ "ใช่ นิทานหลอกเด็กชัด ถ้ามันมีจริงนะ
อาจารย์จุฑา คุณต้องฉีกตำราเดิมทิ้งทั้งหมดเลยว่ะ" กระแตกัดว่า "แหม แต่คุณสองคนนี้
แต่งตัวตามสบายมากเลยนะคะ ติสท์กันจริงๆ" ยศ วดีผละจากกระแตและชีวิน
เข้าไปกอดเทิดณรงค์ทันที "พี่เทิด พายศซี่ไปจากที่นี่ทีสิคะ ยศซี่ไม่อยากอยู่แล้ว
ยศซี่ไม่สบาย อยากกลับบ้าน" "แล้ว อาจารย์นภศูลล่ะ" "คุณลุงเข้าไป"
กระแตหันจะชี้ในบ้านแล้วชะงัก เพราะนภศูลเดินออกมา มองทุกคน หน้าซีดๆ มีแววสงสัยงงๆ
กระแตรีบเข้าไปหา "คุณลุง เป็นอะไรหรือเปล่าคะ" "จะอะไร น้ำตาลในเลือดต่ำน่ะสิ
หน้ามืดเลย หิวแล้ว ยัยพัตรล่ะ ไหน
เตรียมอะไรไว้ให้ลุงรึยัง..ขอน้ำส้มซักแก้วก่อนก็ได้" กระแตงงกว่า "ก็เมื่อกี้ พัตร
เข้าไปหาคุณลุง" เทิดณรงค์ฟังแล้วชักตะหงิดๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ขณะเดียวกันนิลพัตราก็ถูกดลใจให้สวมสร้อยตรีพักตราสูร
ทำให้เธอกลับไปเป็นนิลพัตรในอดีต "ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ นางตัวดี" ร่าง
ของนิลพัตราหันมา
มะแตนายยืนตะลึงอึ้งเพราะเห็นนิลพัตราสวมสร้อยตรีฯไว้ที่คอเรียบร้อยแล้ว
มะแตนายมองท่าทางของนิลพัตรก็รู้ได้ทันทีว่าร่างที่ยืนอยู่คือนิลพัตรหาใช่
นิลพัตราไม่ นิลพัตรเดินเยื้องกายเข้ามาหามะแตนาย
"เหตุใดเจ้าไม่คุกเข่าต่อหน้าข้าดังเช่นแต่ก่อนเล่า"
"เข่าของข้าจะแตะธรณีต่อเบื้องพระบาทองค์ภูเตศวรเพียงผู้เดียว หาใช่เจ้าไม่"
"แต่ข้าคือองค์ราชินีผู้มีตรีพักตราสูร" "ตรีพักตราสูร เชอะ
ที่เจ้าได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ก็เพราะข้า นังแพศยากาลียังไม่สำนึกเงาหัวอีก"
"บังอาจ อีขี้ข้า อีทาสต่ำช้า จงคุกเข่าลง จุมพิตบาทาข้า ณ บัดดล"
นิลพัตรายื่นเท้าออกมา มะ แตนายเดินมองรอบๆ ร่างของนิลพัตรา "ไม่อยากจะเชื่อเลย
ว่าอำนาจแห่งอสูรสามหน้า จะทำให้นางหญิงไร้เดียงสา กลับกลายเป็นนิลพัตร
นางพญาผู้พล่าผลาญอโฆราลัยขึ้นมาได้จริงๆ อย่าผยองไปหน่อยเลย
เจ้ามันก็แค่เงาอดีตจากนรกอันมืดมิด ยังมิใช่นิลพัตรโดยสมบูรณ์เสียหน่อย"
"เจ้าคิดเช่นนั้นหรือ นางปีศาจต่ำต้อย" นิลพัตราพุ่งเข้ามาโจมตีมะแตนายทันที
มะแตนายโดนตบฟาดใบหน้า กระเด็นไปฟุบนิ่ง นิลพัตรเดินมาหยุดหน้ามะแตนายแววตาหยอกล้อ
"เงยหน้าขึ้นซิ เจ้าก็ยังเหมือนเดิม
ข้าอยากรู้นักอะไรถึงทำให้เจ้ายังเฝ้าฝันใฝ่ถึงความรักที่ไม่มีวันครอบครอง"
"เพราะความภักดี ที่ข้ามีต่อองค์ภูเตศวร
ความรักที่เจ้าไม่เคยรู้จักนอกจากความมักใหญ่ใฝ่สูง" มะแตนายกระโดดลอยขึ้นมา
พุ่งเข้ากางกรงเล็บ กรีดใส่นิลพัตรา จนใบหน้านิลพัตราเป็นรอย
แต่รอยนั้นก็จางลบไปทันที "หึๆ เจ้ากล้าท้าทายอำนาจตรีพักตราสูร ราชาแห่งความสว่าง
ราชินีแห่งความมืด ขุมพลังแห่งสามโลก เจ้าสมควรดับสูญ" ทัน
ใดนั้นนิลพัตรพุ่งเข้าปะทะมะแตนาย ทั้งสองกอดปล้ำสู้แรงกัน ในที่สุด
มะแตนายเพลี่ยงพล้ำ นิลพัตรขึ้นคร่อมทับข้างบน กระชากคอมะแตนายให้เงยหน้า
เอานิ้วแตะที่หน้าผากของมะแตนาย
แล้วบริเวณหน้าผากของมะแตนายที่โดนนิ้วของนิลพัตรสัมผัสก็เห็นเป็นจุดดำก่อน
จะเห็นจุดดำแผ่ขยายเป็นเส้นเลือดที่กำลังเกาะกินไปทั่วร่าง
มะแตนายสั่นระริกทรมานก่อนจะล้มลงนอนตะเกียกตะกาย นิลพัตรถอยออกมา
ยืนจ้องมองสาสมแก่ใจ ทันใดเงาอัคคีปรากฏขึ้น
แววตาของนิลพัตรก็เปลี่ยนไปมองมะแตนายด้วยความตกใจ เปลี่ยนท่าทีเป็นดีงาม " คุณเภรี
คุณเภรี เป็นอะไรคะ นี่มัน เกิดอะไรขึ้นกับคุณ"
นิลพัตราเข้ามาประคับประคองมะแตนายอย่างถนอม ลูบที่หน้ามะแตนาย
ผิวหน้ามะแตนายกลับสภาพปกติ แต่ยังคงความเจ็บปวดอยู่
ระหว่างนั้นอัคคีก้าวเข้ามาในห้อง
นั่นเองเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมนิลพัตรถึงทำดีกับมะแตนาย "นิลพัตร! นั่น เจ้าหรือ" นิล
พัตรได้ยินเสียงอัคคีก็ชะงักหันมองไปทางด้านหลัง
แล้วอัคคีกับนิลพัตรต่างก็สบตากันก่อนจะเดินเข้ามาหากันด้วยแรงดึงดูดของสาย ตา
อัคคีกับนิลพัตรต่างสบตากันเวลารอบข้างราวกับหยุดนิ่ง
มะแตนายที่กำลังทุกข์ทรมานร้องขอความช่วยเหลือ "พระองค์ช่วยข้าด้วย นาง
นางทำร้ายข้า" นิลพัตราทำหน้าซื่อ ลุกขึ้น "คุณอัคคีคะ คุณเภรี อยู่ๆ ก็
เป็นอะไรไม่ทราบ" "นิลพัตร" "อะไรกันคะ คุณอัคคีเรียกพัตรแบบตลกๆ อีกแล้ว
พัตรไม่ชอบนะคะ เรียกพัตรเฉยๆ ซะยังดีกว่าอีก" "พระองค์ นั่น ไม่ใช่
นางหญิงใสซื่อคนนั้น แต่เป็นตรีพักตรา" นิล พัตรมองสองคน ทำหน้าหวานจัด ขำๆ ตลก
"นี่ เล่นละครอะไรกันอยู่คะ พูดภาษาอย่างกับลิเกแน่ะ พัตรชักจะกลัวแล้วนะเนี่ย
เลิกเล่นกันเถอะค่ะ" อัคคีหันขวับไปที่มะแตนายทันทีแววตาดุ "เภรี นี่
เธอคิดว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ คิดจะขู่คุณหมอเหรอ" "ภูเตศวร พระองค์อย่าไปเชื่อ
นางคนนี้มันกำลังโกหกหลอกลวง" มะแตนายยังไม่ทันได้พูดจบ อัคคีก็ตบกระเด็นไป
นิลพัตรรีบเข้ามาห้าม " อย่าค่ะ คุณอัคคี ได้โปรด คุณเภรีคงจะหึง
เพราะหลงรักคุณข้างเดียว เอ๊ะ หรือว่า คุณกับเธอ มีอะไรกันหรือเปล่าคะ ตายล่ะ
งั้นแบบนี้ เธอคงจะเข้าใจว่าพัตรจะเข้ามาเป็นมือที่สามสิคะ ไม่เอานะ พัตรเปล่า
อย่ามาร้าวฉานกันเพราะพัตรนะคะ ถ้าอย่างนั้น พัตรกลับบ้านดีกว่าค่ะ" นิลพัตรทำงอน
สะบัดเดินออก "นิลพัตร เอ้อ คุณหมอครับ คุณหมอ" มะแตนายมองตามไปสยองสุดๆ
อัคคีรีบตามนิลพัตรามาติดๆ "คุณหมอ ฟังผมก่อน" นิลพัตรหยุดหันมา สร้อยตรีพักตราสูร
สวมเด่นที่คอ "ว่าไงคะ" อัคคีชักสับสน "คุณหมอ สวมสร้อยเส้นนั้น แล้ว ทำไม" นิล
พัตรจับที่สร้อย "ทำไมคะ สร้อยนี่ สวมแล้วต้องเป็นยังไงคะ
นี่มันคือสร้อยที่คุณพ่อของพัตรกำลังศึกษาอยู่ไม่ใช่หรือคะ
ไม่ใช่ของคุณอัคคีซะหน่อย ทำไมพัตรจะสวมไม่ได้" อัคคียิ้มออกมา "ถูกแล้วครับ
มันเป็นสิทธิ์ของคุณพัตร แต่คุณพัตรสวมแล้วเปลี่ยนไป ไม่เหมือนคุณพัตรคนเดิม ที่"
"พัตรคนเดิม พัตรคนใหม่อะไรกัน ตลก พัตรก็คือพัตร" "ไม่ว่าคุณพัตร จะเป็นยังไง
คุณก็คือ ราชินีของผมเสมอ" นิลพัตรหัวเราะริกรี้ "แล้ว แม่เภรีคนนั้นล่ะคะ เป็นอะไร
นางสนมเหรอ" "เภรี เป็นแค่เลขา ไม่มีความหมายอะไรเลย" " ถ้าอย่างนั้น
คุณต้องอย่าให้เธอมายุ่งกับพัตรอีก เธอมองพัตรอย่างประสงค์ร้าย
สายตาก็น่ากลัวยังกับผีปีศาจอะไรก็ไม่ทราบ พัตรไม่ชอบเลยค่ะ" นิลพัตราออดอ้อนสุดๆ
"ได้ครับ ต่อไปนี้ ผมจะไม่ให้เภรี มารบกวนคุณอีก" อัคคีเข้ามาจับมือ โอบประคอง นิล
พัตรามองสบตา แบบหยาดเยิ้มสุดๆ แล้วทั้งสองก็เดินควงกันเข้ามา
นิลพัตราสวมสร้อยตรีพักตราสูรที่ส่องประกายเรืองรอง ดุจมีแสงในตัว
ทำให้ทุกคนในงานต่างชมกันยกใหญ่ เทิดณรงค์ได้แต่มองนิลพัตราอย่างแปลกใจ
ยิ่งนิลพัตราเข้ามาทักเขา "โอ๊ะโอ นี่ใครกันนี่ ไม่นึกเลย ว่าจะได้พบคุณคืนนี้
เทิดณรงค์" นิลพัตรายิ้มยั่ว อัคคีมองระแวง " ผมก็ไม่นึกเลย ว่าจะพบคุณ อย่างนี้"
เทิดณรงค์ตัดพ้อ แล้วหันไปก้มหัวให้อัคคีแบบเก๊กๆ "คุณอัคคี ขอแสดงความยินดีด้วย
สำหรับทุกอย่าง คุณเป็นคนโชคดีมาก" นิลพัตรหัวเราะออกมาเบาๆ เสียงใส เกาะแขนอัคคี
"แหม คุณอัคคีก็โชคดีอยู่แล้วล่ะค่ะ เทิด เพราะคุณอัคคี เป็นคนที่รู้คุณค่า
ของทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสมบัติของท่าน" "การที่คุณอัคคีรู้คุณค่า
ของสมบัติของท่าน ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ของๆ คนอื่น
ผมหวังท่านคงไม่ขี้ตู่อุ๊บอิ๊บว่าเป็นของตัวเองล่ะ" พวกชีวินสนใจ นภศูลรีบตามมา
จับแขนเทิดณรงค์ "เทิด เดี๋ยวกลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่า" " พ่อคะ พ่อว่าตลกไหมคะ
ที่คนบางคน ความรู้สึกช้าเหลือเกิน กว่าจะสำนึกเสียใจ
ว่าทำดวงแก้วในมือหลุดลอยไปซะแล้ว มันก็สายเต็มที" นิลพัตรามองอย่างมีชัย มั่นใจ
"พัตร คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ผมหมายถึงสร้อยตะหาก ผมเป็นคนเจอ แต่นี่
คุณอัคคีของคุณ ท่านมาทำเนียน ยังกับเป็นของตัวเองซะงั้น" เทิดณรงค์กัดๆ อัคคียิ้ม
"คุณเทิดณรงค์ ไม่ว่าคุณจะหมายถึงอะไร วัตถุ หรือว่าบุคคล คุณแน่ใจได้ยังไง
ว่ามันเป็นของคุณจริงๆ แล้วเท่าที่จำได้ ผมว่า ผมไม่ได้เชิญคุณนะ" ยศ วดีสุดทน
ปรี่เข้าไป "อะไรกันคะเนี่ย หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เปิดศึกชิงนางกันกลางงาน อื้อหือ
แบบนี้พี่พัตรก็ยืดไปเลยสิ ต๊าย พี่เทิด ไม่เอาค่ะ
อย่าไปเป็นเครื่องมือในเกมของเขาสิคะ ไปค่ะ กลับบ้านกะยศซี่
เราไปหาที่เมากันให้มันไปเลยดีกว่า ไปค่ะ" ยศวดีลากแขนเทิดณรงค์ไป
เทิดณรงค์พยายามแกะมือ "ยศซี่ พี่ยังไม่กลับ" "เอ๊ะ พี่เทิด นี่มันถิ่นเขา
พี่ก็ต้องเป็นผู้แพ้วันยังค่ำนะคะ เรามันเป็นพวกผู้แพ้ เราก็ต้องดูแลกันและกันสิคะ"
ยศ วดีดึงเทิดผ่านริมสระน้ำ นิลพัตรจับตามองยิ้มหมั่นไส้ แล้วพยักหน้า
ทันใดยศวดีเหมือนโดนมือที่มองไม่เห็นผลักเต็มแรง ตัวลอยกระเด็นตกสระน้ำ ตูม!
เมื่อช่วยยศวดีขึ้นมาแล้ว นิลพัตราก็อาสาพายศวดีไปเปลี่ยนชุด และเมื่อลับตาคน
ยศวดีก็ต่อว่านิลพัตรา ทำให้ถูกนิลพัตราดุกลับอย่างแรง และจัดการจนยศวดีสลบไป
เธอหมายจะทำมากกว่านี้ แต่เธอรู้ด้วยจิตว่าเทิดณรงค์กำลังเข้ามา
จึงผละจากยศวดีและไปดักเทิดณรงค์ไว้ และถามว่ามาถามยศวดีหรือ "ผม มาตามคุณ"
นิลพัตรเยื้องย่างเข้ามาจนแทบชิดตัว ยื่นคอที่มีสร้อยมาใกล้ "ตามฉัน
เพราะต้องการฉัน หรือว่าต้องการสร้อยกันแน่" เทิดณรงค์อึ้งถอยออกมานิด "ไม่สนุกนะ
พัตร คุณอย่าเห็นความรู้สึกของคนอื่นเป็นของเล่นสิ ผมต้องการของๆ ผมกลับไป เพราะ" "
เพราะอะไร เพราะมันจะเป็นผลงาน เป็นชื่อเสียงของคุณ เป็นสมบัติที่หาค่าไม่ได้ของคุณ
ใช่ไหม" นิลพัตรายื่นมือมา ลูบคลำหน้าตาเทิดณรงค์ เทิดณรงค์จับมือนิลพัตรไว้ "เพราะ
ผมไม่อยากให้มันอยู่กับคุณ ผมกลัว กลัวว่า มันจะทำให้คุณมีอันตราย"
นิลพัตรนึกไม่ถึงหรี่ตาสงสัย "อันตรายอะไร คุณหมายความว่า
สร้อยนี่จะมาทำร้ายอะไรฉันงั้นเหรอ" " พัตร มีคนร้ายต้องการสร้อยเส้นนี้มาก
ผมไม่รู้ว่าใคร แต่ผมรู้ว่าพวกมันเอาจริง ผมกลัวว่าพ่อคุณ หรือตัวคุณ
จะโดนทำอะไรอีก ซึ่งผมคงทนไม่ได้ที่ตัวเองจะเป็นต้นเหตุ
เอาเรื่องเดือดร้อนมาให้ครอบครัวคุณ ถอดคืนมาให้ผมดีกว่า นะครับ"
นิลพัตรแตะมือเทิดเบาๆ ให้ใจเย็นก่อนจะเดินยื่นหน้ามาหาเทิด "เอาซิ ถ้าอยากได้
ทำไมไม่มาถอดมันด้วยมือของคุณเองละ" นิล พัตรส่งสายตายั่วยวนให้กับเทิดณรงค์
หัวเราะคิกคัก แล้วเดินออก หนีไปทางด้านสวนเขียว เทิดณรงค์มองตามงงๆ
นิลพัตรหันมามองอีกทีด้วยแววตาเรียกร้อง ก่อนเดินหลบไปหลังพุ่มไม้ นิล
พัตรเดินออกมายังสวน เทิดณรงค์ตามไปเหมือนโดนสะกด นิลพัตรเอาเถิดเจ้าล่อ
หัวเราะคิกคักเสียงก้องกังวาน
แต่แล้วก็หันไปสะดุ้งชะงักเมื่ออัคคียืนดักอยู่ข้างหน้า "เล่นอะไร คุณหมอ"
อัคคีมองเลยไปตรงหน้า เทิดณรงค์เดินตามมา หยุดอึ้ง "ไม่มีอะไรค่ะ คุณเทิด
เขาอยากจะได้สร้อยของเขาคืน แต่พัตรไม่ยอม ก็เท่านั้น"
อัคคีโอบนิลพัตรไว้อย่างแสดงความเป็นเจ้าของ "คุณเทิด ถ้าผมจะซื้อสร้อยเส้นนี้
คุณจะคิดเท่าไหร่" "สร้อยเส้นนี้ ไม่ใช่ของซื้อของขาย" เทิดณรงค์โกรธๆ
ที่เห็นนิลพัตรอยู่ในอ้อมกอดของอัคคี " ผมเข้าใจ ว่าคุณเจอมันคนแรก ผมสัญญา
ว่าถ้าผมกับท่านผู้พันนภศูลจะค้นพบอะไรต่อไปข้างหน้า ผมจะไม่ลืมใส่ชื่อคุณร่วมด้วย
ผมจะให้เครดิตคุณชื่อแรก และเงินก้อนโต ชนิดที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตนี้
ตอบแทนที่คุณจะให้พัตรเค้าได้สวมสร้อยนี้เอาไว้" "ผมไม่เอาหรอก เงินคุณ" "โอ้
น่าประทับใจจัง แล้วแบบนี้ พัตรจะตัดสินได้ยังไงล่ะคะ ว่าใครกันแน่
ที่รักพัตรมากกว่ากัน" "ชายคนนี้ทิ้งคุณไปแล้ว คุณพัตร" "จริงด้วยสิคะ
เขาไม่ใช่คู่แข่งของคุณอัคคีแม้แต่นิด" อัคคี เชยคางนิลพัตรขึ้นกำลังจะก้มจุมพิต
เทิดณรงค์อึ้งกับภาพตรงหน้า ด้วยความหึงทำให้เทิดพุ่งตัวออกไปโดยไม่ยั้งคิด
เขาคว้าไหล่อัคคีหันมาก่อนจะซัดหมัดเข้าเต็มคางของอัคคี ระหว่างนั้นมี คุณหญิง
ท่านสส. ธานินทร์เดินผ่านแถวนั้นพอดี พอเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจ
พัตรตกใจรีบเข้าไปดูอัคคีที่ถูกต่อย เทิดดึงนิลพัตรมาก่อนจะยืนปกป้อง "เทิด
คุณทำอะไร!" "ทำอะไร ก็ปกป้องคุณจะไอ้คนฉวยโอกาสไง พัตร
ไอ้หมอนี่มันกำลังหลอกคุณอยู่นะ" อัคคีโกรธ "คุณจะต้องชดใช้"
อัคคีปรี่เข้ามาดึงนิลพัตรมาจากเทิดณรงค์ แต่เทิดณรงค์หันมาขวางเอาไว้
ระหว่างนั้นกลุ่มของนภศูล กระแต จุฑา สมภพ ศุภสรวิ่งเข้ามา "นิลพัตรมาหาข้า"
อัคคียื่นมือออกไป ทัน ใดนั้นก็เห็นร่างของเทิดณรงค์ปลิวออกไปทันที
อัคคีจ้องมองเทิดณรงค์อย่างโกรธจัด อัคคีดึงนิลพัตรกลับมา
เทิดณรงค์รีบลุกขึ้นเข้ามารั้งนิลพัตรเอาไว้ "ทำไม ตัณหากลับจนทนไม่ไหวหรือไง" เทิด
ณรงค์คว้าไหล่อัคคีก่อนจะต่อยเข้าไปอีกที นิลพัตรรีบเข้ามาขวาง
เทิดณรงค์ปัดนิลพัตรออก ระหว่างนั้นมือของเทิดณรงค์ไปโดนสร้อยตรีฯ สร้อย
ตรีพักตราสูรหลุดออกจากคอของนิลพัตรร่วงลงสู่พื้น
ทันใดนั้นก็เห็นนัยย์ตาของนิลพัตรกลิ้งกลอกจากดำกลายเป็นตาปกติ
ก่อนที่นิลพัตราสลบล้มลง อัคคีที่กำลังถูกเทิดคว้าคอเสื้อเห็นนิลพัตรล้มลงก็ตกใจ
"นิลพัตร!" อัคคีรีบเข้ามาดูร่างของนิลพัตรที่สลบอยู่ในอ้อมแขน เทิด
ณรงค์ยืนนิ่งงันทุกคนมองเทิดอย่างรังเกียจเพราะเข้าใจว่าเพราะเทิดปัดนิล
พัตรออกเมื่อกี้ทำให้นิลพัตราล้มกระแทกจนสลบไป
อัคคีอึ้งไปเมื่อมองไปที่คอของนิลพัตราไม่พบสร้อยตรีฯอยู่ที่คอ "ตรีพักตราสูร!"
อัคคี หันมองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นสร้อยตรีพักตราสูรตกอยู่ที่เท้าของเทิดณรงค์
เทิดณรงค์ก้มลงหยิบสร้อยตรีฯขึ้นมอง จุฑา กระแต นภศูลรีบวิ่งเข้ามา
จุฑารีบดึงเพื่อนกลับ
เทิดณรงค์ยังคงมองนิลพัตราที่สลบอยู่ในอ้อมกอดของอัคคีด้วยความเป็นห่วง
อัคคีจ้องมองเทิดณรงค์ด้วยความแค้นโกรธจัด

สุสานภูเตศวร จบตอน 7

สุสานภูเตศวร 8

นภศูล เห็นนิลพัตราเป็นลมก็รีบพากลับบ้านพร้อมทุกคน และพอนิลพัตราฟื้น
ยศวดีก็โวยวายเสียงดังว่านิลพัตราเสียสติไปแล้ว
ขณะที่นิลพัตรางงว่าเธอกลับมาอยู่บ้านแล้วหรือ และถามพ่อว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
นภศูลเฉไฉไปว่า "ไม่มีอะไรหรอก พัตร ก็แค่ เทิดณรงค์ก่อเรื่องนิดหน่อย" "
เทิดเขาไปเกี่ยวอะไรด้วยคะ เราไปงานบ้านคุณอัคคีกันนี่นา หนูจำได้ว่า คุณเภรี มาตาม
ว่าพ่อเรียกหนู แล้ว นี่ ทำไมเรากลับบ้านกันมาแล้วล่ะค่ะ" ยศ วดีแทรกขึ้นทันที
"เห็นมั้ยคะๆ พี่พัตรเลือกที่จะไม่จดจำเรื่องของพี่เทิด มันเห็นชัดเลย ยศซี่เคยอ่าน
คนเราเวลาเจ็บปวดเรื่องอะไร จิตใต้สำนึกก็พยายามลบความทรงจำเรื่องนั้น เนี่ย
ทั้งหมดทั้งมวล ก็เพราะพี่พัตรอกหัก แล้วปมที่อยู่ลึกกว่านั้น ก็คือ
พี่พัตรแอบอิจฉายศซี่ ถึงได้แกล้งบ้า
เพื่อจะได้ถือโอกาสทำร้ายร่างกายยศซี่ให้สาแก่ใจ" "ยศ ลุงขอร้อง
เลิกวิเคราะห์จิตคนอื่นซะที จะไปไหนก็ไปไป" ยศวดีหน้างอ แล้วสะบัด
เดินกระแทกเท้าโครมๆ ขึ้นบ้านไป "เป็นกันซะอย่างนี้ คนเรา ไม่ยอมรับความจริงกันเลย"
"ลูกเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า พัตร" นิลพัตราสำรวจตัวเอง "ไม่นี่คะ" กระแต นภศูล
สบตากัน "ยังไงก็ตาม นายเทิดต้องรับผิดชอบ" นภศูลถอนใจ "เทิดเอ๊ย เฮ้อ
ขายหน้าคุณอัคคีเขาจริงๆ" นิลพัตรามองทุกคน งงสุดๆ ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย
ทางด้านอัคคีก็แค้นใจมากที่สร้อยตรีพัตราสูรกลับไปอยู่กับเทิดณรงค์อีกครั้ง
ซ้ำยังถูกเทิดณรงค์ชกหน้า จึงมาลงมามะแตนาย "นางทาสหน้าโง่
เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจว่าหนีข้าไม่พ้น ยังจะซมซานไปที่ใดกัน" มะ แตนายทรุดฮวบลง หมดแรง
แล้วหันไป ก้มลงกราบกรานกับพื้น "ข้ากลัวแล้ว องค์ภูเตศวร ข้ารู้ตัวว่าทำพลาดไป
ข้าผิดไปแล้ว ได้โปรดละเว้นข้าพระองค์ด้วย" "ไอ้คนนำสารมันยังไม่ตาย
แถมเป็นสุขสบายดี หนำซ้ำยังบังอาจรุกล้ำเข้ามาหยามข้า
เหยียบหน้าภูเตศวรผู้ยิ่งใหญ่ถึงถิ่นเยี่ยงนี้ เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวอีก" "ข้าแต่ราชา
มันมิใช่เพียงผู้นำสารธรรมดา ข้ากราบทูลท่านแล้ว" "หยุด!!
หากเจ้าคิดจะนินทาว่าร้ายอันใดพาดพิงนางอันเป็นที่รักแห่งข้าอีก" "หามิได้
ข้าพระองค์เพียงจะบอกว่า ชายผู้นี้มันมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันทรงอิทธิคุ้มครอง
ข้ามิอาจฆ่ามันได้" "สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทรงอิทธิ มีอันใดจะทรงอิทธิเหนือกว่าข้า
ไหนเจ้าลองกล่าวมา" "ไม่มีเพคะ ไม่มี" "ดี" อัคคีนิ่งไป มองตรงมา แววตาครุ่นคิด
มะแตนายหมอบนิ่ง " เจ้าทำความผิดขั้นอุกฉกรรจ์ ทั้งยังอิจฉาริษยา
แต่งจริตมารยาใส่ความนิลพัตร ทำตัวประชันขันแข่งเทียมเจ้าเทียมนาย หาความละอายมิได้
ข้าจะลงทัณฑ์เจ้าให้สาสม" อัคคียกมือขึ้น "ได้โปรดทรงเห็นความดีที่ข้าทำมาบ้าง
องค์ภูเตศวร" "บังอาจ ทวงถามความดีที่เจ้าทำกับข้าเชียวหรือ" อัคคีก้าวเข้ามา
มะแตนายร้องไห้โฮ กราบราบ "มิได้เพคะ มิได้ ข้าเพียงขอ
ให้ท่านเล็งเห็นความจงรักภักดีที่บริสุทธิ์ของข้าบ้าง" อัคคีชะงักไป "ใช่สิ
ความจงรักภักดีอันบริสุทธิ์" มะแตนายคลานมา กราบแทบเท้า แล้วจูบที่เท้าภูเตศวร
อัคคี นิ่งอึ้งไป "หยุดกระทำสิ่งอันน่าสมเพชเสียที ถ้าอยากให้ข้าพอใจ
จงไปนำสร้อยตรีพักตราสูรกลับมาสู่นิลพัตรสุดที่รักของข้าให้ได้ก่อนเถิด"
มะแตนายเงยมอง อัคคีดึงเท้ากลับ แล้วหันหลังให้ แสดงความรำคาญ
มะแตนายมองด้วยความน้อยใจสะอื้น เทิด ณรงค์กลับมาบ้านพร้อมจุฑา
เขานำสร้อยไปเก็บที่ห้องพระตามคำแนะนำของจุฑา เมื่อมะแตนายมาตามจึงเข้าไปขโมยไม่ได้
กลับไปรายงานอัคคีก็ได้รับคำสั่งว่าต้องนำมาให้ได้
มะแตนายจึงมาหาจุฑาที่มหาวิทยาลัย และแกล้งทำรถจุฑาเสีย จากนั้นก็อาสาไปส่งที่บ้าน
จากนั้นมะแตนายก็ทำสำออยว่าเจ็บแผลที่โดน ความร้อนลวก จุฑาทำแผลให้
จังหวะนั้นมะแตนายก็สะกดให้จุฑาไปนำสร้อยตรีพักตราสูรในห้องพระมาให้นาง ใน
ที่สุดมะแตนายก็นำสร้อยมามอบให้อัคคีสำเร็จ
ส่วนเทิดณรงค์พอกลับมาบ้านก็พบว่าสร้อยหายไป เขาโวยวายต่อว่าจุฑา
และเมื่อรู้จากจุฑาว่าเภรีมาที่บ้าน
เขาก็มั่นใจว่าเภรีขโมยสร้อจึงบุกไปอาละวาดทวงสร้อยคืนจากอัคคี
แต่มะแตนายยืนยันว่าเธอไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน ทำให้เทิดณรงค์กับจุฑาหน้าแตกกลับไป
เมื่อออกจากบ้านอัคคีแล้ว เทิดณรงค์ก็ต่อว่าจุฑา และระแวงว่าจุฑาเป็นคนขโมยสร้อยไป
ทำให้จุฑาน้อยใจ ทั้งสองยังได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษานภศูล
ซึ่งเทิดณรงค์ก็ยังระแวงจุฑาไม่เลิก ยิ่งทำให้จุฑาน้อยใจไม่ยอมกลับบ้านกับเทิดณรงค์
ส่วนอัคคีเมื่อได้สร้อยตรีพักตราสูรก็สั่งให้มะแตนายนำสร้อยไปให้นิลพัตรา
และทันทีที่เธอสวมสร้อย นิลพัตรก็สิงร่างนิลพัตราทันที
จากนั้นนิลพัตราก็รีบออกจากโรงพยาบาล โดยไม่สนใจจะผ่าตัดคนไข้
ทำให้กระแตแปลกใจและขวางไม่ให้เธอไป จนกระแตเกือบถูกนิลพัตราขับรถชน มะ
แตนายรับรู้ว่านิลพัตรกำลังจะมา นางรีบไปนอนข้างอัคคีที่หลับสนิท
มะแตนายกอดอัคคีพยายามจัดท่าให้ดูเหมือนอัคคีกอดตนอยู่
ทันใดนั้นประตูโดนกระแทกเปิดผางอย่างแรง ร่างนิลพัตรยืนตระหง่านหน้าประตู
ลมพัดแรงเข้ามาจากด้านหลังนิลพัตร อัคคีลืมตาตื่น งงๆ
แล้วพบว่าตนกำลังนอนกอดมะแตนายอยู่ แล้วมองไปหน้าเตียงผงะ นิลพัตรยืนถมึงทึงอยู่
อัคคีดีใจ "นิลพัตร เจ้า" นิลพัตรกรี๊ดออกมาอย่างโหยหวน "คุณอัคคีคะ คุณ
กับอีนางคนนี้ ไหนคุณว่าไม่มีอะไรกันไงคะ พัตรไม่ยอม" มะแตนายทำเป็นเพิ่งตื่น ตกใจ
"อะไรกัน เอ๊ะ พระนาง" มะแตนายรีบผลุนผลัน เอาผ้าปิดอก กระเถิบห่าง "ไม่ใช่นะคะ
คุณพัตร ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะ" "คุณเภรี อีหน้าด้าน แก อีผู้หญิงไม่มียางอาย
แกต้องตาย" นิลพัตรกระโดดเข้าเล่นงานมะแตนาย มะ แตนายโดดขึ้นมา เตรียมพร้อมอยู่แล้ว
คว้าโคมข้างเตียง ขว้างเข้าใส่นิลพัตร นิลพัตรยกแขนกัน โคมแตกกระจาย แล้วโดดลอย
เข้าบีบคอ มะแตนายสะบัด หลุดรอด แล้วพลิ้วร่าง กระโดดถีบแบบท่ากังฟูสวยงาม
นิลพัตรลุกขึ้นมาได้ กระโดดเข้าวาดฝ่ามือตบตีโต้ตอบ "หยุด หยุดเดี๋ยวนี้ อีนางทาส
แก บังอาจทำร้ายคนรักของข้า หยุด" อัคคีเข้าขวางกลาง แล้วจับสองคนแยกจากกัน
ทั้งสามต่างมองหน้ากันไปมา ดุจจะกินเลือดกินเนื้อ

สุสานภูเตศวร จบตอน 8

สุสานภูเตศวร 9

อัคคีไล่มะแตนายออกไปก่อน แล้วพยายามปรับความเข้าใจกับนิลพัตรา "คุณหมอ ไม่เอา
อย่าไปสนใจเภรีเลยนะครับ มันเป็นแค่คนรับใช้ของเราเท่านั้น" นิลพัตรทำแสนงอน
"คุณหมอๆๆ คุณอัคคีขายังจะเรียกฉันว่าคุณหมอๆ อยู่ได้ คุณก็รู้ ว่าฉันเป็นใคร"
อัคคีมองหน้า ยิ้มออกมา "ไหน เจ้าลองบอกข้ามาซิ ว่าเจ้าคือใคร"
นิลพัตรหัวเราะใส่หน้า แล้วเดินมา ระทวยลงนอนที่แท่นที่นอนสยายผม "ก็ไม่รู้นี่นา
ว่าคุณอัคคีรักใครมากกว่ากันแน่ คุณอัคคีอยากให้พัตรเป็นใคร
พัตรก็จะเป็นคนนั้นแหละ" อัคคีปิดประตู แล้วเข้าไป เข้ากอดเล้าโลม "เจ้าคือนิลพัตร
ราชินีแห่งข้า" นิลพัตรลูบไล้ตอบ "ส่วนท่าน คือภูเตศวร ราชันย์แห่งราชันย์
สุดที่รักของข้าคนเดียว" ทันใดประตูเปิดผางเข้ามา มะแตนายพุ่งเข้ามา "องค์ราชันย์
นี่ไม่ใช่วาระที่ท่านกับ กับหญิงคนนี้จะกระทำเยี่ยงนี้" นิลพัตรหันไป
เบื่อหน่ายสุดๆ "ยังไม่ยอมจบอีกหรือ นางคนรับใช้ ภาระของเจ้าจบแล้วจะไปไหนก็ไป ไป
ชิ๊วๆ" "ภาระของข้ายังไม่จบ จนกว่านิลพัตรตัวจริงจะคืนสู่ชีวิตจริงๆ
มิใช่ด้วยการสิงสู่ในตัวหญิงคนนี้ด้วยอำนาจอสูร" "แปลว่า
เจ้าจะท้าทายอำนาจตรีพักตราสูรใช่ไหม นังตัวดี"
นิลพัตรลากมะแตนายออกจากห้องมาที่โถงกลางแบบแสดงให้เห็นพลังที่เหนือกว่าอย่างมากมาย
" ข้าจะไม่อดทนแล้วนะ ป่วยการที่จะเล่นบทอ่อนหวาน มีจิตใจเมตตากรุณากับเจ้า
นังดอกบัวทอง เจ้านี่แหละ นางมารตัวจริง ไม่รู้ว่าจะขัดขวางความสุขของข้าไปถึงไหน
ทำหลับหูหลับตา ปล่อยให้ข้าได้หฤหรรษ์กับองค์ราชันย์บ้างนิดๆหน่อยๆ
มันจะอะไรกันนักหนา" " ตรีพักตราสูร ท่านควรจะดลใจ ให้นางรำลึก
จดจำความรักความสุขของนางกับองค์ราชันย์ มิใช่ตัวท่านเอง กลับใช้ร่างนาง
เพื่อความสำราญชั่วครู่ยามเช่นนี้" เสียงนิลพัตรเดี๋ยวก็เป็นเสียงชาย
เสียงหญิงสลับกัน ตามรูปหน้าอสูรที่เปลี่ยนไปบนสร้อยตรีฯ "หนอยๆๆๆ
เจ้าควรจะเข้าใจสิ ว่ากี่พันปีมาแล้ว ที่ข้าต้องถูกกักขังให้อ้างว้างเดียวดาย
ตรีพักตราสูรแห่งอโฆราลัยต้องกลายเป็นอสูรง่อยๆ
ที่โดนสะกดด้วยมนตราร้ายกาจของไอ้กาฬจักร
ข้าต้องขาดแคลนการบูชายันตร์ด้วยร่างอ่อนเยาว์ของเหล่าราษฎรหญิงชายพรหมจารี
แบบที่ข้าชอบ อย่างที่กษัตริย์แห่งอโฆราลัยเคยถวายบูชาพลีแก่ข้าทุกวันพระจันทร์ดับ
ตามธรรมเนียมที่นางนิลพัตรผู้นี้มันรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่เพื่อข้า" "แต่หากท่านอดใจ
รอให้องค์ภูเตศวรกลับสู่ชีวิต
ท่านจะได้รับการถวายบูชาด้วยเลือดเนื้อยิ่งกว่าเดิมเสียอีก" "ไม่ต้องมาหลอกล่อ
ข้าไม่ใช่เด็กอมมือ" นิลพัตรกรี๊ดออกมา แล้วพุ่งเข้าตบๆๆ มะแตนายกรี๊ด หลบไปพลาง
สู้ไปพลาง อัคคียืนดูเหนือบันได "นิลพัตร อย่าทำนาง" " กรี๊ดๆๆ นางตังหาก ที่ทำข้า
พระองค์รักนางหลงนางมากใช่ไหม ดีล่ะ นังทาสคนงาม ภูเตศวรรักเจ้าเพราะหน้าสวยๆ
นี่หรือ" นิลพัตรพุ่งเข้าตะกุยหน้า แล้วใช้พลังดันตัวมะแตนายลอยตรึงกับผนัง
"ได้โปรด ตรีพักตราสูร เห็นแก่ความดี ความซื่อสัตย์ของนางด้วย"
"ถ้านางกลายเป็นอัปลักษณ์ พระองค์จะยังทรงเมตตานางอยู่ไหม ข้าอยากรู้นัก
ข้าจะฉีกทึ้งนางดอกบัวทองให้เป็นชิ้นๆ" นิล
พัตรชี้นิ้วไปที่หน้าของมะแตนายแล้วลากไปที่ใด
เนื้อส่วนนั้นของมะแตนายเหมือนถูกกรีดด้วยของมีคม มะแตนายพยายามดิ้น
แต่ไม่สามารถขัดขืนได้ ร่างโดนตรึงอยู่กับผนัง นิลพัตรชี้นิ้วเชือดเฉือนหน้าตา
เนื้อตัว มะแตนาย นิลพัตรยืนมองผล กรีดเสียงหัวเราะแหลม สลับห้าว สาแก่ใจ
มะแตนายโดนกรีดๆๆ ผิวเนื้อขาดเป็นแผล เลือดไหลโทรมร่าง อัคคีทนไม่ไหว
ปราดเข้ามาขวาง ยกมือกางกอดมะแตนายไว้ "พอแล้ว ตรีพักตราสูร ท่านทำเกินไปแล้ว" นิล
พัตรมองอย่างเจ็บใจ น้อยใจ แล้วกลับเล่นบทนิลพัตรา "ทำเกินไปแล้วเหรอ
คุณกำลังกอดมัน คุณอัคคีคะ คุณทำแบบนี้ หมายความว่า คุณเลือกแม่คนนี้แล้วใช่ไหม
ดีล่ะ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน" นิลพัตรกระทืบเท้า วิ่งสะบัดออกไป
อัคคีปล่อยมะแตนายวิ่งตาม "นิลพัตร นิลพัตร เจ้าจะไปไหน เราจะไปด้วยกัน
เจ้าต้องกลับไปกับเรา" อัคคีตามนิลพัตรออกไป มะแตนายร่วงกองกับพื้น เนื้อตัวไม่มีดี
พยายามจะตะกายตาม "องค์ภูเตศวรๆ" นิลพัตรวิ่งตัวปลิวมาขึ้นรถ อัคคีตามมา ดึงประตูรถ
"นิลพัตร อย่าทำอย่างนี้ ข้าขอร้องนาง เราจะกลับไปด้วยกัน เจ้าไม่เข้าใจหรือไร"
"หันมา ผลักอกอัคคี อัคคีไม่ทันตั้งตัวเซถอยไปสามก้าว" "ใครบอกว่าฉันจะไปกับคุณ
คนหลายใจ ฉันไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น" นิลพัตรออกรถไป อัคคีทำท่าจะตาม
เสียงมะแตนายร้องกรี๊ดออกมา "องค์ภูเตศวรๆ ข้ากำลังจะสลายไปแล้ว ช่วยด้วยๆ กรี๊ดๆๆ"
อัคคีหันกลับไป มะแตนายกำลังกอดเสา ประคองตัวลุกขึ้น แต่เนื้อตัวปริ ใบหน้าฉีก
เลือดปริไหล เส้นผมบางส่วนหลุดออกมา "เจ้า ทาสของข้าๆ ไม่นะ ไม่"
อัคคีวิ่งกลับมากอดร่างมะแตนายแน่น "องค์ภูเตศวร ช่วยข้าด้วย" "เจ้าจะไม่เป็นอะไร
เข้มแข็งไว้" มะแตนายร้องไห้ออกมาอย่างคนพ่ายแพ้ ชีวิตนี้เหลือเพียงภูเตศวรคนเดียว
นิล พัตราไปหาเทิดณรงค์ที่บ้าน ซึ่งชายหนุ่มกลับมาพอดี
และแปลกใจเมื่อเห็นนิลพัตราแกล้งยืนร้องไห้ฟูมฟาย
เขารีบเข้าไปหาหญิงสาวถามว่าใครทำอะไร นิลพัตราผวากอดชายหนุ่มไว้แน่ "พัตร พัตร
ใจเย็นๆ มีอะไร เกิดอะไรขึ้น" " พัตรไม่รู้ค่ะ เทิด พัตรสับสน พัตรงงไปหมดแล้ว
พัตรไม่มีที่ไป อยากจะมาขออาศัยอยู่กับเทิดซักคืน จะได้ไหมคะ" นิลพัตราสบตา
ทำหน้าสวยหวาน ตาแป๋ว "เอ้อ แต่ว่า คือ มันจะเหมาะเหรอพัตร"
นิลพัตราปล่อยโฮตัดพ้อที่เทิดณรงค์ไม่มีเยื่อใย เทิดณรงค์ใจอ่อนยอมให้เธอพักที่บ้าน
คืน นั้นนิลพัตราฉวยโอกาสยั่วยวนเทิดณรงค์ นิลพัตรกอดแขนเทิด มานั่งลงบนเตียง
เทิดชักมึนๆ สติเริ่มไม่เป็นสตังค์ เคลิ้มๆ เบลอๆ นิลพัตรกดตัวเทิดลงนอน "เทิด
เทิดรู้ไหม ว่าตั้งแต่เราจากกันมา พัตรคิดถึงแต่เทิดคนเดียว คืนไหนพัตรฝันถึงเทิด
ตื่นขึ้นมา พัตรต้องร้องไห้ทุกที" "จริงเหรอ" เทิดณรงค์มองหน้า "จริงที่สุด
แต่เทิดสิ ใจร้าย ใจดำ ไม่ยอมมาง้อพัตรเลย พัตรนับวันรอๆๆ
ถ้าเมื่อไหร่เทิดมาขอคืนดี พัตรจะไม่ปฏิเสธซักคำ" "พัตรอย่าพูดแบบนี้สิ
พัตรเกลียดผม โกรธผม ไม่เคยให้อภัยผมเลย" "พัตรเป็นผู้หญิงนะคะ เทิด
เทิดก็ต้องเข้าใจสิ เทิดต้องอดทน ตื๊อพัตรหน่อยสิคะนะๆๆ มาง้อพัตรหน่อย นะๆๆ"
นิลพัตรลูบไล้ช่วงคอ ไหล่ อกเทิดณรงค์ แล้วเสื้อเขาก็เปิดออก เห็นตะกรุดเปล่งแสงวาว
นิลพัตรสะดุ้งเฮือก ลุกพรวด ถอยออกมาก้าวหนึ่ง "เทิด นั่น อะไรน่ะ เทิดใส่สร้อยอะไร
ใส่ทำไม" เทิดณรงค์ตกใจ พลอยลุกขึ้นมาด้วย จับสร้อย ก้มลงดู "อ๋อ ตะกรุพระธุดงค์
เทิดใส่มาพักหนึ่งแล้วครับ เอาไว้คุ้มครองตัวเอง" "คุ้มครอง คุ้มครองจากอะไร" "ก็
ไม่รู้สิครับ ทุกอย่าง อะไรที่มันไม่ดีๆ เรื่องเลวร้ายอะไรทั้งหลายน่ะครับ
หมู่นี้เทิดรู้สึกแย่ๆ มีอะไรวุ่นวายๆ เทิดก็เลย" "ถอดออกไม่ได้เหรอเทิด ถอดออกก่อน
ตะกรุดอะไรไม่รู้ อี๋ย เฉิ่มเชย ใส่แล้วยังกะกำนันบ้านนอกอะไรซักอย่างแน่ะ"
เทิดณรงค์หัวเราะ "จริงเหรอ" " จริงสิคะ แหม แล้วพัตรจะบอกให้นะ คนโบราณเขาถือนะคะ
ใส่เครื่องรางของขลัง แล้วอยู่ใกล้ชิดผู้หญิงน่ะ เดี๋ยวของจะเสื่อมนะคะ
คุณพ่อพัตรบอก อย่างพวกทหารไปรบน่ะค่ะ ถ้าใครใส่พระ ใส่ตะกรุด
เพื่อความอยู่ยงคงกระพัน แล้วเวลามาอยู่กับผู้หญิงก็ไม่ยอมถอด ที่นี่เวลาไปรบ
ของเสื่อมหมด เลย ที่เคยฟันไม่เข้า ยิงไม่ออก ก็หายเหนียว โดนยิง
โดนแทงตายกันหมดเลย" เทิดณรงค์หัวเราะ แต่ก็ลุกขึ้น ถอดออก ยกขึ้นไหว้ จบเหนือหัว
แล้วเดินมา เปิดลิ้นชักโต๊ะหน้ากระจก ใส่ลงไป แล้วหันมา "เป็นไง
หายดูเหมือนกำนันรึยัง ค่อยดูเหมือนอบต.ขึ้นมาหน่อยรึเปล่า" "เทิดตลกจัง มานี่สิคะ
มานอน กอดพัตรหน่อย แค่กอดอย่างเดียวเท่านั้น พัตรก็อุ่นใจแล้วค่ะ" เทิด
ณรงค์ทำตามอย่างว่าง่าย ทั้งสองนอนกอดกัน พอเทิดณรงค์หลับแล้ว
นิลพัตรก็โทรศัพท์ไปหาอัคคี และแกล้งประชดประชันเขาด้วยความหมั่นไส้ "หวังว่าข้า
จะมิได้ขัดจังหวะเสวยสุขของพระองค์กับทาสรับใช้หรอกนะพระองค์"
อัคคีเดินพูดโดยไม่ต้องมีโทรศัพท์ เดินแยกออกมาริมสระน้ำข้างตัวบ้าน " นิลพัตร
เจ้าก็รู้ดีว่าถ้าข้าไม่ช่วยนาง นางจักต้องสลาย แล้วหากเป็นเช่นนั้น
ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันกำลังเป็นไปได้ด้วยดี จักต้องล้มเหลวสิ้นสุด" "ไม่ต้องมาอ้าง
ภูเตศวรผู้ทรงศักดิ์ มีหรือที่จะทำสิ่งใดไม่สำเร็จด้วยพระองค์เอง เชอะ ที่จริง
ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงการลองใจจากข้า ว่าที่แท้ หญิงที่ภูเตศวรเลือก คือใครกันแน่"
"เจ้านายที่ดี ย่อมดูแลรักษาข้าทาส เพื่อประโยชน์ของตน" นิล พัตรหัวเราะ "โอ้
น่าสงสารภูเตศวร ข้าพานางอันเป็นที่รักไปหาถึงเตียง
แต่พระองค์กลับเลือกนางดอกบัวทองต่ำช้าเป็นคู่พระบารมี
ไหนว่าทรงรอคอยนางนิลพัตรมาชั่วกัปกัลป์ ทรงทรมานนักหนา กว่าจะมาถึงวันนี้ แต่แล้ว
พระองค์กลับทรงทิ้งโอกาสนั้นไปเสียแล้ว" "ไยเจ้าตัดรอนข้าเช่นนี้ ตรีพักตราสูร
เจ้าคืออสูรผู้อยู่คู่บัลลังก์ข้า" "พระองค์สมควรจะยกย่องนางปีศาจชั้นต่ำนางนั้น
ให้เป็นทาสคู่บัลลังก์ ให้สมกับความจงรักภักดีที่นางมีต่อพระองค์มากกว่า"
"พานิลพัตรกลับมาหาข้า ได้เวลาเดินทางกลับสู่อาณาจักรของเราแล้ว"
"ได้เวลาเดินทางกลับเหรอ ถ้าท่านรู้ ว่าเวลานี้ข้าอยู่ที่ไหนกับใครล่ะก้อ"
"บอกข้ามาบัดเดี๋ยวนี้ เจ้าอยู่ ณ ที่ใด" "ข้าอยู่ในที่ที่เหมาะสมกับข้า"
อัคคีรับรู้ได้ด้วยพลัง "บ้านไอ้คนนำสาร ไอ้เทิดณรงค์ เจ้าไปทำอะไรที่นั่น" นิล
พัตรยิ้มร้ายกาจ "ข้าพานางคนงามมานอนที่นี่ตลอดคืน ในอ้อมอกชายคนรัก
ที่เป็นมนุษย์ด้วยกัน เลือดเนื้อมนุษย์มันอบอุ่นนัก ภูเตศวร ข้าชักจะติดใจซะแล้ว"
"ไม่จริง! เจ้าโกหก" "เทิดณรงค์เป็นคนดี เซ่อซ่า โง่ ซื่อ เหมาะกับนางคนนี้
นางเป็นหมอ มีหน้าที่ช่วยชีวิตและรักษาชีวิต แม้แต่มดแมลงซักตัว
นางยังไม่ยอมจะฆ่าเลย ช่างต่างจากนิลพัตร ราชินีกระหายเลือดดุจฟ้ากับดิน
พระองค์ไม่คิดหรือ ว่าเขาจะสามารถทำให้นางมีความสุขได้ มากกว่าพระองค์"
นิลพัตรหัวเราะคิกๆๆ อัคคีโกรธรุนแรง เกิดประกายรัศมีสีแดงเพลิงพลุ่งพล่านรอบกาย
"ไม่มีผู้ใดจะให้นางนิลพัตรได้เท่าเทียมข้า!!" "พระองค์ได้โปรดเข้าใจ
และไปตามทางของพระองค์เถิด" นิลพัตรวางสาย ยิ้มกระหยิ่ม ร้ายกาจ "รีบๆ
มาฆ่ากันซะทีสิ จะได้ค่อยสมเป็นภูเตศวรหน่อย ฮิๆๆๆ" อัคคีโกรธเกรี้ยว
เพลิงพิโรธพลุ่งพล่าน ดวงตาแดงเพลิงเบิกโต อัคคี แทบคลั่งด้วยความหึงหวงนิลพัตร
เขาบุกมาที่บ้านเทิดณรงค์ พอนิลพัตรรู้ก็แสร้งทำเป็นนอนเคียงข้างเทิดณรงค์
ทันใดนั้นอัคคีก็เปิดประตูเข้ามา เทิดณรงค์ตกใจตื่น อัคคีไม่พูดพร่ำ
ตรงเข้าทำร้ายเทิดณรงค์ไม่ยั้ง นิลพัตรยืนมองอย่างสะใจ แล้วเดินออกไปด้วยความสบายใจ
เวลานั้นมีกลุ่มคนร้ายเห็นนิลพัตราก็เข้า มาพูดจาแทะโลม นิลพัตราตามขึ้นไปบนรถตู้
กลุ่มคนร้ายคิดจะรุมโทรม และถ่ายรูปไว้ แต่กลับถูกนิลพัตรฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม
จากนั้นนิลพัตรก็กลับบ้านนภศูลอย่างมีความสุข ส่วนอัคคีก็เล่นงานเทิด
ณรงค์จนสะบักสะบอม พอดีพรานแก้วมาหาเทิดณรงค์ และจู่ๆ กาฬจักรก็ปรากฏตัวขึ้น
และตรงเข้าทำร้ายอัคคี ทำให้อัคคีรีบหายตัวไป พร้อมๆ
กับที่ร่างของกาฬจักรก็เลือนหายไปเช่นกัน เทิดณรงค์รอดตายมา อย่างหวุดหวิด
เขาตะเกียกตะกายลงมาข้างล่าง และพบกับพรานแก้วที่มาหาเขา พรานแก้วถามว่าไปโดนอะไรมา
เทิดณรงค์บอกว่าเขามีศัตรู พรานแก้วถามว่าอยู่ที่ไหน เขาก็บอกว่าหนีไปแล้ว
พรานแก้วทำแผลให้ เทิดณรงค์บ่นว่าดวงเขาไม่ค่อยดี เดือนเดียวเลือดตกยางออกตลอดเลย
พรานแก้วถามว่าใครทำร้าย และแนะให้ไปแจ้งตำรวจ
แต่เทิดณรงค์บอกว่าไม่อยากให้เป็นเรื่อง ก่อนจะถามว่าพรานแก้วหายไปไหนมา "
ผมกำลังหนีพายุในพม่าอยู่ครับ ขืนรับสาย ผมก็ปลิวไปถึงทิเบตโน่น
คุณเทิดมีเรื่องใหญ่อะไรเหรอครับ ทำไมถึงโทหาผมถี่ยิบขนาดนั้น นี่ครับ ดูๆ
ผมยังเก็บเอาไว้เลย คุณเทิดโทหาผมสิบเจ็ดมิสคอล" "คือ
ผมกำลังอยากกลับไปผจญภัยก็เท่านั้น เหมือนเมื่อก่อนไง
ที่พรานแก้วพาผมไปตะลุยถึงไหนต่อไหน" "คุณก็ไปไหนต่อไหนมาได้
ไม่เห็นเคยคิดถึงผมนี่" "แต่คราวนี้ คงจำเป็นต้องมีพรานแก้ว ไหน
พรานแก้วว่าเพิ่งมาจากพม่าใช่ไหม ผมก็ว่าจะไปแถวๆ นั้นเหมือนกัน ด่วนด้วย"
พรานแก้วเหลือบไปเห็นรองเท้าผู้หญิงวางที่ข้างเก้าอี้อีกด้าน "ด่วน
ด่วนมากเลยเหรอครับ แล้วเกี่ยวกะเรื่องที่โดนตื้บเละตะกี๊แล้วก็
เจ้าของรองเท้าคู่นี้อ๊ะป่าว" เทิด ณรงค์อึ้ง "นี่คุณไม่ได้โดนรถบันทุกชนแล้วล่ะ
แต่แถวบ้านผมเขาเรียกว่า รถไฟชนกัน กลิ่นน้ำหอม ของผู้หญิง มันจะดีหรือครับ
รักคนมีเจ้าของ แล้วให้เจ้าของเขามาจับถึงรังได้แบบนี้" เทิดณรงค์ฉุน เผลอตัว
"ใครบอกว่ามันเป็นเจ้าของ ผมตังหาก ที่เป็นเจ้าของ มันมาทีหลัง ช่างมันเหอะ ไร้สาระ
เรามาพูดเรื่อง การเดินทางไปพม่าดีกว่า" "ทัวร์พม่า หนีปัญหาหัวใจ" "ไม่เกี่ยวนะ
ผมอยากผจญภัย" พราน แก้วมองๆ พยายามจับผิด และแกล้งแหย่ว่าเขามีน้ำมันพราย
แต่โดนเทิดณรงค์ดุอีก เขาจึงหยิบแผ่นศิลาออกมา เป็นเสี้ยวส่วนหนึ่งของศิลาหินสีเทา
ที่มีรอยจารึกอักขระโบราณอยู่ "ผมมาหาคุณถึงบ้าน
เพราะผมจะเอาไอ้สิ่งนี้ให้คุณดูด้วยน่ะสิครับ" เทิด ณรงค์มองศิลา ทึ่งๆ
พลังกระแสหนึ่ง พัดวูบจนผมเทิดณรงค์ปลิว ทันใดประตู หน้าต่าง
โดนลมกรรโชกพัดจนปิดดังโครมครามๆ ไม่มีใครรู้ว่าเพราะพลังของศิลา
ทำให้ร่างเน่าเปื่อยของกาฬจักรเริ่มฟื้นคืนชีพขึ้น เทิดณรงค์กำลังพิจารณาดูแผ่นศิลา
พรานแก้วรอลุ้นอยู่ใกล้ๆ อยู่ๆ เทิดณรงค์ก็สะดุดกับตัวอักขระบางตัว
มองอย่างครุ่นคิด ทบทวน "ภูเตศวร อโฆราลัย ต้องใช่แน่ๆ อักขระตัวนี้ต้องหมายถึง
ภูเตศวร แล้วตัวนี้ก็คือ เมืองอโฆราลัย" "คุณเทิดอ่านรอยจารึกพวกนี้ออกเหรอครับ"
"ไม่ได้อ่านออก แต่อักขระบนแผ่นศิลานี้
มันเป็นแบบเดียวกับอักขระที่อยู่บนสร้อยหน้ายักษ์ของผมเปี๊ยบเลย" "สร้อยไหนครับ"
"มัน ถูกขโมยไปแล้ว ใช่" เทิดณรงค์นึกได้รีบเดินไปเปิดหน้าจอคอม
"ถ้าอักขระบนสร้อยกับบนศิลา เป็นแบบเดียวกันจริง มันหมายความว่ายังไง
ทั้งหมดนี่เกิดขึ้นเพราะความบังเอิญงั้นเหรอ" ทัน ใด ภาพบนหน้าจอคอมฯปรากฏ
เป็นภาพสร้อยตรีพักตราสูร พรานแก้วข้ามาดูใกล้ๆ
ทั้งสองสนใจภาพสร้อยตรีพักตราสูรที่หน้าจอ ทันใดภาพบนจอแตกซ่า
เหมือนมีคลื่นอะไรมากวน เทิดณรงค์งงๆ อยู่ๆ ก็มีแสงสว่างสีทองฉายวาบมาจากด้านหลัง
จนทั้งสองรู้สึกได้ รีบหันไปมอง แผ่นศิลาที่วางอยู่
กำลังเปล่งแสงเรืองรองสว่างจ้าไล่ไปตามตัวอักษรทีละตัวๆ
เทิดณรงค์กับพรานแก้วมองปฏิกิริยานั้นอย่างทึ่ง ไม่คาดคิด
ยืนอ้าปากค้างกันไป

สุสานภูเตศวร จบตอน9

เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn

   
 
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1

ล้าละล้า
      
แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 8/18/2012 10:15:24 AM
  page 1 of 1
ละครปัจจุบันตอนล่าสุด
(ตอนอื่น ๆ)
ตอนที่ 4 - 9
ละครที่ฉายอยู่ปัจจุบัน
จามอง ยอดหญิงผู้พิทักษ์แผ่นดิน (3)
ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน (15)
ร่วมแสดงความคิดเห็น
* ชื่อ :  
   
อีเมล์ :  
   
* รายละเอียด  
 

ใส่ข้อมูลได้อีก ตัวอักษร
 
* ใส่ค่าตามภาพ  
 
 
 
SABUYJAISHOP ผู้ให้บริการทางการตลาดออนไลน์ สำหรับร้านค้าหรือผู้ประกอบการ ที่ต้องการนำเสนอสินค้า โฆษณา ประชาสัมพันธ์ร้านค้า หรือสินค้าในร้าน โดยเรามีเครื่องมือที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเปิดร้านค้า โฆษณาสินค้า และระบบการสั่งซื้อสินค้าไว้พร้อมสรรพแล้ว สำหรับผู้ที่ต้องการช่องทางในการทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์