แหล่ง shopping
   สินค้าจากร้านค้า
ชุดราตรีเด็กกรุ๊ปโต(พร้อมส่ง)
ดูขนาดรูปภาพจริง
ขายเครื่องออกกำลังกายราคาถูก
ดูขนาดรูปภาพจริง
เตียงฉุกเฉิน ติดรถพยาบาล,วัคซีนและยาคุมกำเนิดหมาและแมว,ถังขยะ,ถังดับเพลิง
ดูขนาดรูปภาพจริง
Cable CLIP (3M) Black c030
ดูขนาดรูปภาพจริง
Onitsuka Tiger รุ่น Mexico66 Vintage
ดูขนาดรูปภาพจริง
คอนโดสำหรับเช่า 1 ห้องนอน Paradise Ocean View Condominium (พาราไดซ์ โอเชี่ยน วิว คอนโดมิเนียม)
ดูขนาดรูปภาพจริง
Paradise Ocean View Condominium (พาราไดซ์ โอเชี่ยน วิว คอนโดมิเนียม)
ดูขนาดรูปภาพจริง
Real Hair : Hair Set 2 Set มี 4 ชิ้น (เรียวแฮร์ : ดูแลปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน)
ดูขนาดรูปภาพจริง
Pitchy : New year / poppy E15 น้ำตาล 850
ดูขนาดรูปภาพจริง
CP Serum แก้ปัญหารูขุมขน หลุมสิวสำหรับคนผิวแพ้ง่าย
ดูขนาดรูปภาพจริง
คอนโดสำหรับเช่า 1 ห้องนอน City Garden Pratumnak (ซิตี้ การ์เด้น พระตำหนัก)
ดูขนาดรูปภาพจริง
ขนมกล้วยอบเนย
ดูขนาดรูปภาพจริง
ลำโพงบลูทูธ Wireless Speaker Bluetooth ไร้สาย ปีศาจฮอร์น มินิ สเตอริโอ ขนาดพกพา
ดูขนาดรูปภาพจริง
ตัดเสื้อเชิ้ต ยูนิฟอร์ม เสื้อเชิ้ตพิมพ์ลาย
ดูขนาดรูปภาพจริง
บริษัท เอส ไรคส์ จำหน่ายเครื่องจ่ายสารละลายคลอรีนสารส้มปูนขาวจ่ายน้ำยาล้างตะกรัน
ดูขนาดรูปภาพจริง
ไอเดียการ์ดใส ปั๊มเคเงิน-เคทอง ประกายวาว
ดูขนาดรูปภาพจริง
Skin Biology Super CP Serum Set (2 Items) เซ็ต
ดูขนาดรูปภาพจริง
ขนตาปลอม
ดูขนาดรูปภาพจริง
ขนมปังญวน ,ขนมปังเวียดนาม
ดูขนาดรูปภาพจริง
Car Camera "Magic Tech" G-30
ดูขนาดรูปภาพจริง
แอร์ SHAPR PR13
ดูขนาดรูปภาพจริง
Remax Proda Power bank แบตสำรอง 30000 mAh 4USB+ของแถม3รายการ ซอง-สายชาร์ต-หัวชารต
ดูขนาดรูปภาพจริง
โปรแกรมใบเสนอราคา, โปรแกรม, ใบเสนอราคา, โปรแกรม ใบเสนอราคา, Program Quotation, Aristo Quotation, Quotation Program, Program, Quotation, Program Quotations, เสนอราคา, โปรแกรมเสนอราคา, การเสนอราคา, ทำใบ
ดูขนาดรูปภาพจริง
โปรแกรมเขียนเช็ค , โปรแกรมพิมพ์เช็ค , โปรแกรมออกเช็ค , โปรแกรมบริหารงานพิมพ์เช็ค
ดูขนาดรูปภาพจริง
ตัวอย่างสินค้าของลูกค้า ทำบัตรพื้นใส
ดูขนาดรูปภาพจริง
 
เรื่องย่อละคร ตามบทโทรทัศน์
 

ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน [ ตอนที่ 28 - 29 ]

 

จำนวนคนเข้าชม : 521 ครั้ง            update : 10/6/2010

   
   
 

ซอน ต๊อก 28 

 เกิดเสียงระเบิด ชาวบ้านพากันตกใจ
 เวลานั้น องค์หญิงมานมยองทูลพระมเหสีมายาว่า
 "เป็นข้อความที่องค์ปฐมราชา “ย็อคกอแซ” เขียนไว้จริงๆ ถ้าพระราชามีลูกแฝด ทายาทชายจะสูญสิ้นและมีประโยคต่อจากนี้อีกเพคะ"
 "ไม่ผิดจริงๆ เมื่อใดที่ดาวแคยางกลับสู่สวรรค์ อาทิตย์จะสิ้นแสง"
 "ถ้าพูดถึงดาวแคยาง ใครๆ ก็รู้ว่าหมายถึงองค์หญิงชอนมยองทั้งนั้น นั่นหมาย ความว่า ถ้าองค์หญิงสิ้นพระชนม์เมื่อไหร่ จะเกิดสุริยคราสหรือเปล่าเพคะ"
 "หา แคยางดวงใหม่ วันใหม่แห่งชิลลา สดใสเรืองรอง ต้องมีดาวดวงใหม่มาแทนที่ ชิลลาจึงจะเจริญอีกครั้ง อนาคตยิ่งสดใสงั้นหรือ"
 องค์หญิงมานมยองทูล "ดาวดวงใหม่มาแทนที่ คงไม่ใช่หมายความแค่ดาวบนฟ้าเท่านั้น"
 พระมเหสี มายาทรงคิด "หมายถึงลูกอีกคน ดาวแคยางอีกดวงหนึ่ง หรือก็คือต๊อกมานนั่นเอง"
 ต๊อก มานส่งพีดัมประกบมีซิลเพื่อคะเนกำลังของนาง ด้วยเล่ห์เหลี่ยมของพีดัมทำให้มีซิลไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดปรากฏการณ์ สุริยคราสหรือไม่
 มีซิลถามพีดัม "เดี๋ยวก่อน รู้มั้ยว่าอะไรคือบัญชาสวรรค์"
 "สิ่งที่เบื้องบนสั่งมาน่ะครับท่าน"
 "ถ้า งั้น เจ้าจะรู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับชะตาของตัวเองมั้ย ถ้าบอกว่าสื่อสารกับสวรรค์ได้ แล้วจะไม่รู้ชะตาตัวเองก็แปลกไปล่ะ เจ้ารู้มั้ยว่า เมื่อไหร่ที่ตัวเองจะสิ้นอายุขัย" พีดัมนิ่งไป
 "ข้า กำลังถามเจ้าอยู่ รู้มั้ยว่าตัวเองจะตายเมื่อไหร่ วันนี้หรือเปล่า งั้นข้าจะประหารเจ้าพรุ่งนี้ แต่ถ้าบอกว่าวันหลัง ข้าจะสั่งตัดหัวเจ้าทันที บอกมาเร็วเข้า เจ้าคิดว่าจะตายเมื่อไหร่"
 "อยู่หรือไปยังไม่รู้แน่ สาอะไรกับความเป็นตาย" พีดัมว่า
 ซอวอนเสียงดุ "บังอาจ จนป่านนี้ยังจะเล่นลิ้นไม่เลิกอีก ตอบคำถามท่านเซจูดีๆ อย่าโยกโย้"
 "ได้ งั้นข้าก็ขอตอบตามตรง อายุขัยของข้า เทียบกับพระราชาแห่งชิลลา น้อยกว่าสามวัน ไม่เกินจากนี้"
 เมื่อแยกออกมาแล้วเซจองอดบ่นไม่ได้ว่า
 "เจ็บ ใจนัก หมอนี่มันช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ"
 ฮาจองว่า "คนแบบนี้ไม่เห็นต้องเจรจาให้มากเลย ลากไปตัดหัวก็สิ้นเรื่อง จะมัวเปลืองน้ำลายกับมันทำไมอีกครับ"
 ซอวอนกล่าวว่า "ปัญหาไม่ได้แก้ง่ายอย่างงั้น พอทุกคนได้ยินคำตอบแบบนี้ เลยยิ่งไม่กล้าทำอะไรมัน เพราะกลัวจะเกิดเหตุร้ายตามมา"
 "เฮอะ ท่านก็อย่างงี้ทุกทีแหละ กลัวโน่นกลัวนี่ไม่เข้าเรื่อง ใจเสาะก็ปานนั้น เฮ่ย"
 มีซิลว่า "รอบนี้ถือว่าข้าเป็นฝ่ายแพ้ หนุ่มคนนี้ช่างมีความคิดที่ปราดเปรื่องนัก ถ้าเมื่อกี้ บอกว่าอายุขัยของเขาน้อยกว่าข้า 3 วันเหมือนที่คิดไว้ รับรองข้าจะสั่งประหารทันที เพราะคนอย่างข้าไม่เคยเชื่อเรื่องเหลวไหลแบบนี้ แต่เขากลับยิ่งใจกล้ากว่านั้น คือเอาชะตาของฝ่าบาทมาล้อเล่น ช่างฉลาดจริงๆ เป็นเด็กหนุ่มที่สมองเป็นเลิศนัก"
 ทางด้านคิมยูซินก็ถามต๊อกมานว่า
 "นี่ มันหมายความว่าไงน่ะครับ องค์หญิง เมื่อกี้ว่าไงนะ"
 ไอชองว่า "สุริยคราส สุริยคราส"
 ต๊อกมานตอบว่า "ใช่ สุริยคราส ยังไม่เกิดในช่วงนี้"
 "ก็ไหนว่าใต้ซือวาชอน ได้คำนวณวันที่จะเกิดสุริยคราสแล้ว"
 "ใช่ นั่นเพราะข้าโกหกทุกคน"
 "องค์ หญิง"
 ต๊อกมานย้อนถาม "พวกท่าน รู้สึกแปลกใจมั้ยล่ะ"
 "แล้วต่อไป เราจะทำไงดี"
 "นับแต่นี้ไป เราจะทำให้มีซิลเกิดความสับสน ว่าจริงๆ แล้ว ใต้ซือวาชอนได้ช่วยข้า หรือไม่ได้ช่วยกันแน่ ปล่อยให้นางคิดไป ถ้าไต้ซือช่วยเราจริง แล้วคำนวณวันที่ได้หรือเปล่า หรือคำนวณไม่ได้ ยิ่งมีความเป็นไปได้หลายทาง นางก็จะยิ่งสับสน"
 "เรื่องนี้จะทำให้นาง เสียความมั่นใจได้หรือ"
 "ถึงตัวนางเอง ไม่หวั่นไหวเพราะเรื่องนี้ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยคนรอบข้างก็ต้องกลัวบ้าง"
 "ใช่"
 "คน ที่เชื่อว่าจะเกิดสุริยคราสจริง กับที่เชื่อว่าจะไม่เกิด อีกไม่นานจะเกิดการถก เถียงอย่างรุนแรง ที่สำคัญ ข้าเชื่อในความสามารถของพีดัม"
 พออยู่กันตามลำพังคิมยูซินก็ถามต๊อกมาน ว่า
 "เฮ่อ องค์หญิง ท่านอยากให้เรื่องนี้มีข้อสรุปยังไง"
 "ถ้าพีดัม ทำสำเร็จจริง งั้นมีซิล จะเชื่อว่าอีกไม่นานจะเกิดสุริยคราส"
 "หลังจาก นั้นล่ะ"
 "หึ นางก็จะประกาศให้รู้ ว่าวันไหนจะเกิดสุริยคราส แต่ว่า จริงๆ มันไม่เกิดขึ้น ถึงตอนนั้น ความน่าเชื่อถือของนาง ก็จะถูกลดลง"
 "แม้ ว่าเรื่องนี้อาจเป็นไปได้ก็จริง แต่ก็ไม่แน่ว่าจะสำเร็จ"
 "ขอเพียงให้ นางรู้ล่วงหน้า ว่าจะเกิดสุริยคราสแน่นอน นางก็มั่นใจว่าต้องเกิดแน่ ไม่งั้นชื่อเสียงที่นางสั่งสมมาก็จะถูกทำลาย นางก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง จะไม่หวั่นไหวได้หรือ"
 "องค์หญิง ถ้ามีซิลเดินตามแผนที่เราวางไว้"
 "ใช่ ข้าก็แอบกลัวอยู่ลึกๆ แม้เปลือกนอกจะทำเป็นเข้มแข็ง แต่ภายในใจ กลับตื่นเต้น และเครียดจนนอนไม่หลับมาหลายคืน แต่ว่า การจะสู้กับคนที่หลักแหลมอย่างมีซิล ถึงจะรู้สึกกลัวและเครียด ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา"
 มีซิลนำของมาให้พีดัมดู และถามว่า
 "ใช้ของ สิ่งนี้หรอกหรือ ตอนไหว้อยู่หน้าบ่อน้ำ จู่ๆ ถึงจุดไฟได้ แว่นขยายนี่เอง ช่างเป็นคนลวงโลกที่ต่ำช้าและเจ้าเล่ห์จริงๆ แล้วทำไงถึงให้ป้ายหินขึ้นจากดินได้"
 "วิธีนั้น ท่านน่าจะรู้ดีไม่ใช่หรือ ถ้าจะคุยแบบไม่ให้ความลับรั่วไหล ทางที่ดีน่าจะให้คนนอก ถอยออกไปซะก่อน"
 มีซิลสั่ง "ก็ได้ เจ้าสองคนออกไปก่อน"
 โพจองกับซกพุงรับคำ "ครับ"
 "พูดมาเดี๋ยวนี้ ป้ายหินที่ขึ้นจากพื้นดินเป็นการตบตาใช่ไหม" มีซิลถามต่ออีก
 "ใช่ แน่นอน ตบตาอยู่แล้ว"
 "เฮอะ นึกแล้วไม่กล้าแถต่ออีก ทำไมไม่ยืนกรานเหมือนเมื่อเช้าว่าเป็นบัญชาจากสวรรค์อีกล่ะ หึๆๆ"
 "บัญชา จากสวรรค์หรือ มีเรื่องแบบนี้ที่ไหนกัน"
 "เจ้านี่บังอาจนัก ในที่สุดก็ยอมรับแล้วว่า ใช้วิชามารหลอกลวงชาวบ้านให้หลงเชื่อแล้วสิ"
 "เฮ่อ ๆๆ ข้ายอมรับแล้วจะทำไม ท่านเซจูไม่กล้าเปิดเผยเรื่องนี้อยู่แล้ว แน่จริงก็ไปพูดซี่ ว่าป้ายหินที่ขึ้นจากพื้นดิน เกิดจากการพองตัวของถั่วที่อยู่ข้างล่าง ถ้าขืนพูดออกไป ต่อให้ชาวบ้านโง่แค่ไหน ก็จะเริ่มสงสัยว่าก่อนหน้านี้มีพุทธรูปขึ้นจากพื้นดินได้ยังไง"
 "เพราะ ฉะนั้น เจ้าก็จะแอบอ้างบัญชาสวรรค์ด้วยหรือไง"
 "ข้าน้อย ไม่เคยคิดแอบอ้างบัญชาสวรรค์ หากแต่ เป็นความเคารพต่อเบื้องบนต่างหาก"
 "ข้า มีซิล แม้จะแอบอ้างบัญชาสวรรค์ แต่ก็เคารพเบื้องบน"
 "แต่ว่า ก็ต้องมีเรื่องของสวรรค์ มาช่วยเติมแต่งให้สมจริงหน่อย"
 "แต่ต้องให้ สวรรค์ มาช่วย แต่งเติมเล็กน้อย เฮอะ คิมคิมยูซิน ต๊อกมาน"
 "ไม่รู้ว่า ท่องมาถูกหรือเปล่า หึๆๆ" พีดัมว่า
 มีซิลถาม "เจ้าเป็นใคร หา"
 "หึๆ เฮ่อ รู้สึกไม่ยุติธรรมเลยขอเปิดหน้าดีกว่า"
 "เจ้าคิดว่าไม่ยุติธรรม งั้นหรือ"
 พีดัมว่า "การที่ข้าปิดบังโฉมหน้า มันจะง่ายต่อการซ่อนเร้นความในใจด้วย ตอนนี้ ถึงเป็นการเริ่มต้นจริงๆ"
ยอง ชุนกราบทูลพระเจ้าจินพยองเรื่องป้ายหิน
 "หลังจากมีป้ายหินปรากฎขึ้น ผู้คนก็พากันวิจารณ์ไม่หยุด"
 พระเจ้าจินพยองตรัสถาม "ท่านซอวอน เหตุการณ์ที่หน้าบ่อน้ำเป็นไงบ้าง"
 "เพื่อไม่ให้ชาวบ้านเสียขวัญ จึงใช้ผ้าคลุมป้ายหินไว้และให้ทหารคอยเฝ้าดู แต่ข้อความที่สลักไว้ก็เป็นที่รู้กันทั่วแล้วพะยะค่ะ"
 "ถ้าอย่างงั้น ท่านมีซิลในฐานะธิดาแห่งสวรรค์ ก็ควรที่จะ แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้บ้าง"
 "หม่อมฉันก็คิดอย่างงั้น ท่านมีซิลจะไม่ออกมา ชี้แจงเรื่องบัญชาสวรรค์ให้ทุกคนเข้าใจบ้างหรือ"
 พระ เจ้าจินพยองตรัสว่า "ปัญหาแบบนี้ ควรให้ท่านมีซิลออกหน้าด้วยตัวเอง ชาวบ้านถึงจะเกิดความเชื่อมั่นอีกครั้ง ท่านว่าจริงมั้ย"
 เซจองเห็นด้วย "เอ่อ คือ จริงพะยะค่ะ ถ้าไงหม่อมฉัน จะไปบอกให้ท่านมีซิลรู้"
 เวลา เดียวกันนี้ พีดัมยังคุยกับมีซิลอยู่
 "หึ ว่าแต่ ป่านนี้แล้วท่านยังมีเวลาคุยเล่นกับข้าอีกหรือ"
 "ทำไม?"
 "ก็ข้างนอก กำลังวุ่นวายจะแย่แล้ว สงสัยจริงว่า จะเกิดสุริยคราส หรือจะไม่เกิดกันแน่นะ หึ ท่านต้องไปให้คำตอบ กับพวกชาวบ้านไม่ใช่หรือ"
 "จดหมายนี่ เป็นลายมือใต้ซือวาชอนจริงหรือเปล่า"
 "ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าน่ะ เป็นแค่คนเดินสาส์นให้องค์หญิงต๊อกมาน กับท่านคิมยูซินก็เท่านั้น"
 "เที่ยง ตรงของวันที่ 15 เดือนนี้จะเกิดสุริยคราสหรือ"
 "เหมือนจะเป็นอย่างงั้น"
 "คิด ว่าข้าจะเชื่อมั้ย"
 "หึๆๆ ไม่ได้บอกให้เชื่อซักหน่อย แค่ให้ใช้ปัญญาไตร่ตรองดีๆ ว่านี่คือข้อมูลที่ถูกต้อง หรือว่า ข้อมูลที่หลอกลวง"
 มีซิลกล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับมีเซ็งว่า
 "ไพ่ จริง หรือไพ่ลวง นี่คือการเดิมพันชนิดหนึ่ง คนที่ไม่มีอะไรเลยแต่อยากได้เงิน ก็ต้องวางมาดให้ขึงขัง ข่มอีกฝ่ายให้เกิดความกลัว"
 เซจองเข้ามา "ท่านเซจู ตอนนี้ข้างนอกกำลังวุ่นอยู่"
 "นั่นสิครับ เพราะเรื่องสุริยคราสอะไรนั่น ใครๆ ก็เรียกหาท่านแม่กันใหญ่ แม้แต่ฝ่าบาทด้วยแน่ะครับ"
 "ฝ่าบาทด้วย หรือ"
 ซอวอนว่า "ใช่ครับท่านเซจู ฝ่าบาททรงตรัสว่าในฐานะที่ท่านเป็นธิดาแห่งสวรรค์ ควรออกหน้าปลอมขวัญไม่ให้ผู้คนแตกตื่น หมอนั่นเป็นคนที่ต๊อกมานส่งมาแน่ ตอนอยู่เขต “ยีซอ” มีคนจะซื้อยาก็คือหมอนี่แหละ"
 "ข้ากำลังคิดอยู่ว่า องค์หญิงชอนมยองได้ถ่ายทอดความคิดให้แก่ต๊อกมาน"
 "หนุ่มคนนี้น่ากลัวมาก หรือ"
 "ข้ารู้สึกเดาใจเขาไม่ออก แม้จะรู้ว่าเขาจับจ้องข้าอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่อาจประสานสายตาและอ่านความคิดเขาได้"
 "ท่านเซจู ข้าไม่ได้สนใจเรื่องดอกเหมยแห่งซาตาฮัม เพียงแต่อยากช่วยท่านเท่านั้น ไม่ทราบมีอะไรพอจะทำได้หรือเปล่า"
 "ศึกนี้เปรียบเหมือนการเล่นพนัน แยกแยะระหว่างไพ่จริงกับไพ่ลวง"
 "ใช่ เชิญท่านสั่งมาได้"
0000000000000000000000
 คิม ยูซินเข้ามาทูลพระมเหสีมายาเรื่องสุริยคราส
 "อะไรนะ ไม่เกิดสุริยคราสหรือ"
 "พะยะค่ะ จะไม่เกิดสุริยคราสในช่วงนี้"
 องค์ หญิงมานมยองถามต่อ "แล้วนางทำแบบนี้เพื่ออะไร ทำไมต้องใส่คำว่า “อาทิตย์สิ้นแสง” ในป้ายหินด้วย"
 คิมยูซินกล่าวต่อ "เพื่อให้มีซิลเชื่อว่าอีกไม่นานจะเกิดสุริยคราสพะยะค่ะ ถ้านางมั่นใจว่าจะเกิด ถึงเวลาไม่เกิดจริง ชาวบ้านก็จะหมดศรัทธาทันที"
 พระ มเหสีมายาตรัสถาม "แต่ว่า แล้วต๊อกมานล่ะ นางจะกลับมาเป็นองค์หญิงได้ยังไง"
 "เรื่อง นี้ จะเกี่ยวกับการเกิดสุริยคราส และโยงถึงความหมายของประโยคต่อไป เมื่อชาวบ้านปักใจเชื่อแล้ว วันใดที่องค์หญิงกลับมา ถ้ามีซิลจะต่อต้าน เหตุผลก็จะฟังไม่ขึ้นเลย"
 "เฮ่อ มันก็จริงน่ะนะ แต่ว่า การจะให้นางเป็นที่ยอมรับ คงไม่ใช่เรื่องง่าย"
 "ตอนนี้สำคัญคืดลดอำนาจ ของมีซิลลงก่อนพะยะค่ะ"
 พอคิมยูซินกลับมาหาต๊อกมาน ต๊อกมานก็มอบสิ่งหนึ่งให้เขา
 คิมยูซินรับมาอย่างอึ้งๆ "อะไรนะ เอานี่ไปมอบให้มีซิลหรือ"
 "ใช่ เป็นวิธีการคำนวณวันที่ตามแบบปฏิทินจองกวาง"
 "แล้วทำไมต้องให้นาง"
 "เพื่อ เป็นการตอกย้ำ ให้นางมั่นใจว่ายังไงก็จะเกิดสุริยคราสแน่นอน เพราะทีแรก นางคิดว่าเราไม่มีปฏิทินจองกวางอยู่ในมือ แต่ตอนนี้รู้ว่าเรามีปฏิทินจองกวาง จะทำให้นางเปลี่ยนความคิดใหม่"
 "แต่ เราทำแบบนี้ เหมือนพยายามทุกวิถีทาง จะบีบให้นางเชื่อเรื่องนี้ให้ได้หรือเปล่า"
 "ใช่ ทั่วไปอาจจะคิดแบบนี้ แต่สำหรับนักวางแผนที่ฉลาดล้ำเลิศอย่างมีซิล นางจะมองการณ์ไกลยิ่งกว่าคนอื่น เพราะฉะนั้น จึงต้องให้นางดู"
 คิมยูซิ นจะไปมอบของให้มีซิล แต่โพจองบอกว่ามีซิลอารมณ์ไม่ดี คิมยูซินจึงฝากของให้มีซิล พอโพจองนำไปมอบให้มีซิล นางกลับสั่งให้เอาไปทิ้ง ก่อนนางจะสั่งให้คนไปตามคิมยูซินมาพบ
 "ท่านคิมยูซิน ทำแบบนี้เพื่อหวังอะไรกันแน่ การแต่งงานกับองค์หญิงชอนมยองกลายเป็นฝันสลาย เลยหันไปจับต๊อกมานแทนเพื่อหวังเป็นราชบุตรเขย หลัง จากนั้น ก็จะได้เป็นรัชทายาท เป็นอย่างงั้นหรือเปล่า"
 "ข้าไม่ใช่คนมักใหญ่ใฝ่ สูงขนาดนั้น เพียงแต่ วางเดิมพันไว้กับองค์หญิงต๊อกมานเลยต้องช่วยนาง"
 "ฮ่าๆๆ องค์หญิงต๊อกมาน หึๆ คิดว่านางจะได้สมหวังหรือ ท่านคิมยูซิน ท่านช่างไม่มีความรับผิดชอบเอาซะเลย ในฐานะคนของเผ่าคาย่า ก็ควรมีหน้าที่ในการเชิดชูวงศ์ตระกูลไม่ใช่หรือ"
 "ข้าน้อย เป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา ไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านพูด ที่ให้มาพบ มีอะไรกันแน่"
 "เห็น บอกว่า รู้วันที่จะเกิดสุริยคราสจริงหรือ"
 "จริง"
 "ใต้ซือวาชอนเป็น คนพูดด้วยตัวเองหรือเปล่า ท่านได้ยินกับหูใช่ไหม"
 "องค์หญิงต๊อกมานได้ ยินก่อน แล้วค่อยมาบอกเราอีกที"
 "ถ้าอย่างงั้น ท่านเคยตามใต้ซือวาชอนไปวัด “ทันชอง” ซักครั้งหรือเปล่า"
 "ข้า ข้าไม่ได้ไปด้วย แต่อาจมีคนอื่นไปกับเขาแทน"
 "หา ท่านนึกว่านั่นเป็นที่ไหน ให้ใครก็ได้ตามไปส่งเดชได้หรือ"
 "เป็นที่ สำหรับทำนายอนาคตไม่ใช่หรือ"
 "งั้นหรือ เท่าที่ข้ารู้ เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวธรรมดา"
 "รายละเอียดข้าก็ไม่รู้มากนัก"
 "ท่าน คิมยูซิน ความจริงคือไม่เกิดสุริยคราส แต่ต๊อกมานยืนยันว่าเกิดแน่ จะเป็นไปได้ไหมว่านางหลอกแม้แต่ท่านน่ะ"
 "ข้าไม่รู้ว่าสิ่งที่ท่านพูด หมายถึงอะไร"
 "เอาเถอะ เราคุยแค่นี้พอแล้ว เชิญท่านกลับไปได้ เดี๋ยวก่อน ไปบอกองค์หญิงต๊อกมานของท่านด้วยว่า ข้าไม่เชื่อว่าจะเกิดสุริยคราส ฉะนั้นแผนของนางถือว่าล้มเหลว เข้าใจหรือเปล่า"
 คิมยูซินคิด "นี่แปลว่า ข้าทำให้เสียงานงั้นหรือ"
 เมื่อ คิมยูซินกลับไปแล้ว มีซิลก็กล่าวกับมีเซ็งว่า
 "ต๊อกมานยังอ่อนหัดอยู่ มากนัก"
 "ท่านบอกว่าอ่อนหัดยังไงหรือพี่ใหญ่"
 "นางไม่รู้จักใช้คน ถึงได้ส่งคนเถรตรงอย่างคิมยูซินมาส่งข่าวให้ข้ารับรู้"
 "แปลว่าคิมยูซิน มาพูดเท็จกับท่านหรือคะ"
 "เขาแสดงออกว่าไม่กลัวข้า จ้องตาเขม็งยืนยันว่าจะเกิดสุริยคราสแน่นอน แสดงให้เห็นว่า น่าจะได้รับคำสั่งไม่ให้หลบตาอันเป็นการเผยพิรุธ แต่ว่า คำพูดเขาคือโกหกชัดๆ ถ้านางจะหลอกข้า ก็ต้องหลอกแม้แต่คิมยูซินด้วย แต่ว่า ต๊อกมานเป็นคนอ่อนต่อโลกเกินไป จึงไม่ได้คำนึงถึงจุดนี้"
 "เอ่อ พี่ใหญ่ คือ แม้ข้าจะเชื่อว่าท่านมองคนไม่ผิด แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญ เราไม่ควรตัดสินจากแววตาหรือท่าทีของคนๆ เดียวแล้วจะบอกว่าเกิดหรือไม่เกิดน่ะครับ"
 "เจ้าพูดมาก็ถูกเหมือนกัน"
 "แต่ ว่า ถ้าเกิดสุริยคราสจริงก็แปลว่าใต้ซือวาชอนแปรพักตร์ และถ้าเขาแปรพักตร์จริง แต่ทำไมใช้เวลาไม่นานก็คำนวณวันที่ที่จะเกิดสุริยคราสได้ล่ะคะ ทั้งสองอย่างนี้ ล้วนแต่ไม่น่าจะเป็นไปได้"
 "แต่ว่า เรายังต้องพิสูจน์ลายมือของไต้ซือวาชอนว่าเขียนจดหมายจริงหรือเปล่า ปกติเขาจะไม่ให้คำตอบง่ายๆ เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ไม่ใช่หรือ แต่นี่พูดเหมือนสรุปแน่ชัด ว่าจะเกิดในตอนเที่ยงของวันที่ 15 นี้"
 "สรุป แน่ชัด?"
 "เฮ่ย ข้าน่ะ รู้สึกไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่"
 "สรุปหรือ"
 ใต้ ซือวาชอนว่าไว้ "จากสถิติที่คำนวณในรอบ 144 ปี ตัดในส่วนที่เป็นอธิกมาสและอธิกวารออกไป เหลือวันปกติ 21 223 วัน ในจำนวนนี้จะขาดเกินไม่เกิน 28 วัน ซึ่งจะนำมาเชื่อมต่อกับปรากฎการณ์ธรรมชาติได้"
 มีซิลบอกว่า "ปกติการคำนวณของเขามักจะเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้บางส่วน"
 "นั่นสิคะท่าน เขาจะตัดส่วนที่อาจจะคลาดเคลื่อน เพื่อคำนวณให้ถึงเป้าหมายที่แม่นยำที่สุด"
 "ใช่ ถ้าข้าไม่พอใจ ถามว่าทำไมช้านัก เขาก็จะตอบว่าเรื่องปรากฎการณ์ธรรมชาติ มันเป็นแค่สถิติ ถึงเวลาอะไรก็เกิดได้หมด จึงให้คำตอบที่แน่ชัดไม่ได้"
 "หมาย ความว่า"
 "จดหมายฉบับนั้น เป็นของปลอม ที่สำคัญ"
 "นั่นสิครับ เพราะเรื่องสุริยคราสอะไรนั่น ใครๆ ก็เรียกหาท่านแม่กันใหญ่ แม้แต่ฝ่าบาทด้วยแน่ะครับ"
 "ฝ่าบาทด้วยหรือ อีกอย่างก็คือ ทุกครั้งที่ข้าบอกว่าจะทำพิธีบวงสรวง ราชสำนักก็จะแตกตื่นไปหมด แต่คราวนี้กลับเป็นฝ่าบาท มาเร่งให้ข้าออกหน้าเร็วๆ เพื่อเป็นการปลอบขวัญชาวบ้าน"
 มีเซ็งเข้าใจ "งั้นก็แปลว่า ไพ่ที่อยู่ในมือต๊อกมานเป็นไพ่ลวงงั้นหรือ"
 มีซิลมาหาพีดัม พีดัมบอกกับนางว่า
 "ข้ายอมแพ้ก็ได้ ถือว่าท่านเก่งกว่า"
 "ก่อนหน้า นี้ยังไม่รู้หรอกว่าใครแพ้ใครชนะ เจ้าเพิ่งมาแพ้ข้าเมื่อกี้นี้ เพราะข้ายังไม่ได้ประกาศเรื่องอะไร แต่ตอนนี้จะขอบอกว่า ไม่มีวันเกิดสุริยคราสแน่"
 "บ้าชะมัด เฮ่ย"
 "ถ้าเกิดสุริยคราสจริง เจ้าจะคิดหนีให้โง่ทำไมล่ะ เอาตัวไปขังไว้ พรุ่งนี้เช้า ข้าจะให้เจ้าถูกเผาทั้งเป็นต่อหน้าชาวบ้าน"
 มีซิลนำเรื่องนี้ไปทูลพระ เจ้าจินพยอง
 พระเจ้าจินพยองตรัสว่า "ท่านบอกว่า จะไม่เกิดหรือ"
 "ใช่ แล้วเพคะ ที่ชาวบ้านลือกันว่าอาทิตย์จะสิ้นแสง ยังไม่เกิดช่วงนี้หรอกเพคะ"
 "แต่ ว่า มีคนระบุวันแน่ชัดแล้วไม่ใช่หรือ"
 "แม้แต่พระมเหสี ก็ทรงหูเบาหลงเชื่อคำพูดเหลวไหลด้วยหรือเพคะ หนุ่มคนนั้น เป็นคนลวงโลกที่ไร้สาระ หม่อมฉันมีซิล ขอรับประกันในนามธิดาแห่งสวรรค์ จะไม่มีวันเกิดสุริยคราสแน่ แล้วอีกไม่นาน หม่อมฉันจะประกาศให้ชาวบ้านได้รับรู้โดยทั่วกัน"
 และในวันนี้ทุกคนต่าง ก็เฝ้ามองว่าจะเกิดสุริยคราสหรือไม่ ต๊อกมานรู้สึกผิดกับพีดัมจนต้องกล่าวกับคิมยูซิน
 "ที่ยิ่งสำคัญกว่านั้น คือข้ารู้สึกผิดต่อพีดัม"
 "หึ องค์หญิงไม่ต้องรับผิดชอบแทน เป็นความผิดของข้ามากกว่า"
 "เปล่าเลย ท่านทำดีแล้ว ที่ข้ารู้สึกเสียใจ นั่นเพราะว่า สุริยคราสจะเกิดในวันนี้"
 ใต้ซือวาชอนกล่าวกับต๊อกมานไว้ ว่า "จากการคำนวณตามปฏิทินแทเมียง บวกกับวันเดือนปีตามหลักคิดของปฏิทินจองกวาง เวลาที่จะเกิด อาจคลาดเคลื่อนไม่เกินหนึ่งวัน การคำนวณเกี่ยวกับเรื่องดาราศาสตร์ ส่วนใหญ่มักอิงกับสถิติ จึงมีโอกาสคลาดเคลื่อนได้ง่าย"
 "หมายความว่า วันที่ 15 เดือนนี้ หรือไม่ก็ รุ่งขึ้นจะเกิดสุริยาคราสใช่ไหม"
 "ใช่ ภายในสองวันนี้ วันใดวันหนึ่ง ต้องเกิดสุริยคราสแน่"
 "ท่านมั่นใจหรือ เปล่า"
 "มั่นใจมาก องค์หญิง"
 "หึ หึ หึ เรากำลังหลอกคนที่เจนจัดอย่างมีซิล ฉะนั้นข้าจึงต้อง หลอกแม้กระทั่งพีดัมและท่านคิมยูซิน ต้องขอโทษด้วย"
 พวกชาวบ้านตกใจ พีดัมดีใจ
 ต๊อกมานเองก็ดีใจ "ที่สำคัญ ข้าเชื่อว่าพีดัม น่าจะทำได้ดี เปล่าหรอก คนที่ข้าเชื่อจริงๆ ไม่ใช่พีดัม แต่เป็นมีซิลต่างหาก เชื่อว่านางต้องดูออก ว่าพีดัมเอาเรื่องโกหกไปบอกนาง"
 พีดัมคิด "นังตัวดีนั่น หลอกกระทั่งข้าเชียวหรือ นางหลอกข้า เพื่อให้มีซิลหลงกล นางหลอกแม้แต่ข้าด้วย เฮ่อๆๆ ฮ่าๆๆ เฮ่อๆๆ โอย หึ"
 คิมยูซินมองต๊อกมาน "ถ้าอย่างงั้น ที่องค์หญิงให้ข้าไปพบมีซิลก็เพื่อ"
 "ท่านคิมยูซิน เป็นคนไม่พูดโกหกมาแต่ไหนแต่ไร นางก็ต้องจับได้อยู่แล้ว วิธีนี้ ก็เพื่อจะหลอกมีซิลอีกต่อเหมือนกัน"
 "ถ้าอย่างงั้น องค์หญิงสามารถเกลี้ยกล่อมใต้ซือได้ยังไง หา อะไรกันนี่ เป็นไปได้หรือ"
 "ข้า ทบทวนคำพูดท่านอยู่หลายครั้ง เพื่อไม่ให้อนาคต ข้าจะเจริญรอยตามมีซิล อีกคน หลอกใช้ท่านทำงานเปล่าๆ ข้าจึงคิดว่าจะใช้วิธีนี้ นี่คือ คำตอบที่ข้ามีให้"
 "ทำไม เจ้าถึงได้ คิดช่องทางที่น่าทึ่งได้ขนาดนี้ เฮ่อๆๆ"
 พวกชาวบ้านกราบไหว้กันใหญ่
 บรรดาขุนนางใหญ่แคว้นซิลลาต่าง ก็พากันตกตะลึงกับปรากฏการณ์สุริยคราส
จบ 28

ซอน ต๊อก 29  //  
 
 หลังจากที่ปรากฏการณ์สุริยคราสผ่านพ้นไปแล้ว ต๊อกมานก็ปรากฏตัวที่อาคารปีกขวาของลานฝึกอาวุธโดยมีไอชองและคิมยูซินอยู่ เคียงข้าง เมื่อมีซิลเห็นเช่นนั้นก็โกรธมากจนเนื้อตัวสั่นเทา
 พระมเหสี มายาที่ทอดพระเนตรกับพระเจ้าจินพยองทรงตื่นเต้นดีพระทัย
 "ต๊อกมานจริงๆ เพคะ ฮือ"
 พระเจ้าจินพยองเองก็ทรงไม่อยากเชื่อ "จริงหรือนี่ ใช่นางหรือ"
 องค์หญิงมานมยองทูล "เพคะ คนที่จะทำให้แคว้นชิลลารุ่งเรืองอีกครั้งก็คือ"
 พระมเหสีมายารีบทูล "คือต๊อกมานเพคะ ลูกของหม่อมฉัน"
 "หม่อมฉันทูลแล้วเห็นมั้ยเพคะ นางคือดาวแคยาง"
 องค์หญิงมานมยองและพระมเหสีมายาพบว่าที่แท้ผู้เบิกฟ้า นั้นก็คือต๊อกมานนั่นเอง
 พระมเหสีมายาดีพระทัยมาก "ใช่ ข้าก็เชื่ออย่างงั้น ต๊อกมานของข้าก็คือดาวแคยาง"
 พวกชาวบ้านดีใจมาก ไอชองบอกกับชาวบ้านว่าต๊อกมานคือคนทำนาย
 "ท่านนี้ก็คือ คนที่คำทำนายเอ่ยถึง"
 คิมยูซินกล่าวต่อ "จะทำให้เกิดฟ้าใหม่ ดาวแคยางจุติมา"
 พวกชาวบ้านตื่นเต้น "จริงหรือนี่ นางคือองค์หญิงของเรา ใช่แน่ๆ องค์หญิงทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ"
 ขณะที่มีซิลเจ็บใจมาก
 "นางกล้า มาหลอกข้า นางกล้า มาหลอกคนอย่างมีซิล ทั้งที่รู้วันเกิดสุริยคราสแน่นอนแล้ว โอ๊ะ"
 "ฮูหยิน"
 "ท่านแม่"
 "พี่ ใหญ่"
 "ฝ่าบาท เชิญตรัสความจริงมาเถอะ นางคือองค์หญิงแฝดใช่ไหมพะยะค่ะ"
 จุ ปังทูล "ในปีที่ดาวแคยางแยกออกเป็นสองดวง องค์อหญิงแฝดได้ถือกำเนิดขึ้น เป็นความจริงมั้ยพะยะค่ะ"
 กุกซอนทูลต่อ "และคนนั้น คือองค์หญิงที่ประสูติพร้อมกับ องค์หญิงชอนมยองใช่ไหมพะยะค่ะ"
 "ใช่หรือ ไม่ ก็เชิญรับสั่งมาได้"
 แทพุงทูล "พวกเราอยากรู้ความจริง ฝ่าบาท"
 "ทรง ตรัสความจริงมาเถอะ ฝ่าบาท"
 "รับสั่งความจริงมาเถอะ ฝ่าบาท พวกเราอยากรู้ อย่าปิดบังอีกเลย เราอยากรู้ความจริง พูดมาเร็วเข้า"
 พี ดัมทูล "ข้าก็อยากรู้เหมือนกัน เฮ่อๆๆ พูดความจริงมาเร็วเข้า"
 พระมเหสี มายายอมรับต่อต๊อกมานว่านางเป็นพระธิดาฝาแฝดคนรองน้องสาวขององค์หญิงชอนมยอง
 พระมเหสีมายาตรัสว่า "วันที่ดาวลูกไก่ จาก 7 กลายเป็น 8 ดาวแคยางจากหนึ่งแยกตัวเป็นสองนั้น ข้าได้ให้กำเนิดองค์หญิงชอนมยองเป็นคนแรก จากนั้นอีกไม่นานนัก ข้าก็มีอาการเจ็บท้องอีก และมีลูกหญิงคนที่สองตามมา เนื่องจากสมัยนั้นไม่มีคำทำนายที่ครบถ้วนสมบูรณ์ มีเพียงข่าวลือที่ว่า ยามใดมีแฝดกำเนิด ทายาทชายจะสูญสิ้นเท่านั้น ฮือ จึงทำให้ข้าเกิดความกลัว กลัวที่ต้องสูญเสียลูกสาวทั้งสองไป ยิ่งกลัวที่ต้องถูกปลดจากตำแหน่งพระมเหสี และกลัวว่า ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกมาจริง จะมีผลกระทบถึงฝ่าบาท ฮือ ด้วยเหตุนี้ ลูกที่เกิดจากดาวแคยางอีกดวงหนึ่ง หรือก็คือแฝดผู้น้อง จึงต้องให้นางในอุ้มหนีออกจากวังไป ฮือ ทั้งหมดเป็นความใจร้ายและเห็นแก่ตัวของข้าทั้งสิ้น ฮือ เพราะไม่รู้คำทำนายที่แท้จริง จึงได้ทำเรื่องที่ผิดต่อความเชื่อของเรา จนสุดท้ายสูญเสียลูกชายอีกสามคน ฮือ หรือแม้แต่ ฮือ องค์หญิงชอนมยองก็พลอยอายุสั้นไปด้วย ฮือๆๆ ฮือๆๆ"
 พวกชาวบ้านฟังแล้วก็ รู้สึกเศร้าและสงสารพระมเหสีมายา พวกเซจองพากันถามมีซิลว่าจะปล่อยไปอย่างงี้เหรอ มีซิลยังกล่าวอะไรไม่ออก
 พระ มเหสีมายาตรัสต่อว่า "ฮือ ในฐานะที่หม่อมฉันเป็นพระมเหสี ฮือ ขอให้ฝ่าบาท ลงพระอาญา ฐานปิดบัง หลอกลวงผู้คนและทำผิดจารีต เพื่อให้บ้านเมืองได้เดินสู่ทางที่ถูกต้องด้วยเถอะเพคะ ฮือ จากนั้น ก็ทำตามคำทำนาย ให้ผู้ที่เกิดจากดาวแคยาง มาอยู่แผ่นดินของเราซะ ให้ต๊อกมานของเรา คืนสู่ฐานะที่นางควรจะได้ด้วยเถอะเพคะ"
 พวกชาวบ้านพา กันส่งเสียงดัง "ให้นางคืนสู่ฐานะเดิมๆๆๆๆๆ"
 พระเจ้าจินพยองตรัสว่า "ต้องขออภัย ราษฎรทั้งหลาย อภัยให้กับความผิดของข้าและพระมเหสี เรื่องของเรื่องเพราะความอ่อนแอของข้า จึงต้องขอขมาทุกคน โดยเฉพาะ ลูกสาวที่ชื่อต๊อกมาน ยิ่งต้องขอให้นางยกโทษ บัดนี้ข้าขอประกาศต่อหน้าราษฎรและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นางคือลูกของข้า เป็นองค์หญิงแห่งแคว้นชิลลา นามว่าองค์หญิงต๊อกมาน"
 "องค์หญิงจงเจริญ ทรงพระเจริญ องค์หญิงทรงพระเจริญ" พวกชาวบ้านพูดกันไปเรื่อยๆ
 คิมซอ ยอนกล่าวนำ "องค์หญิงต๊อกมานจงเจริญ"
 องค์หญิงมานมยอง ยองชุน คิมซอยอนกล่าวพร้อมกัน "องค์หญิงต๊อกมานจงเจริญๆๆ"
 เหล่าองครักษ์พากัน ตกใจ "ทำไมเรื่องถึงกลายเป็นแบบนี้"
 ซกพุงเองก็งง "ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ตั้งแต่องค์หญิงชอนมยองสิ้นพระชนม์ไป รู้สึกว่าอะไรๆ ก็ยุ่งไปหมด เฮ่อ สุดท้ายยังมาเป็นแบบนี้อีก"
 "ถ้าอย่างงั้น นางในที่อยู่กับเราจะทำไงดี"
 "เฮ่อ ถ้าไงพวกเจ้ากลับไปก่อน รอให้ทุกอย่างเข้าที่แล้ว ท่านมีซิลคงมีคำสั่งใหม่ แล้วข้าจะบอกอีกที"
 "งั้น ก็ได้ ว่าแต่ ถ้าเป็นแบบนี้ โซวามิกลายเป็นแม่นมขององค์หญิงต๊อกมานหรอกหรือ ตายละหว่า"
 องครักษ์รีบพากันไปหาหมอและถามอาการของโซวา
 "เอ่อ นางเป็นไงบ้างครับ"
 "เฮ่ย ทั้งบาดเจ็บและร่างกายก็ทรุดโทรมอย่างมาก คงจะรักษาไม่ได้ง่ายๆ แต่ข้าจะพยายามเต็มที่"
 "งั้นก็รบกวนหน่อย เพราะผู้หญิงคนนี้ จะตายไม่ได้น่ะครับ"
 พีดัมกลับมาสมทบกับพวกคิมยูซิน
 "นี่ๆ ไม่ใช่ล้อเล่นนะ ข้าเกือบตายจริงๆ ฮ่าๆๆ ตอนนางออกมา ข้าเห็นใบ หน้ามีรัศมีเปล่งปลั่งเลยล่ะ แต่พูดก็พูด นางไม่น่าหลอกข้าด้วยเลย ฮ่าๆๆ"
 ไอ ชองดุ "บังอาจ นั่นเป็นองค์หญิงเชียวนะ ถ้ายังลามปามอีกละก้อ"
 "เอาน่า รู้แล้วๆ แหม ไว้เจอวันหลัง ข้าจะให้ความเคารพละกัน ยอมแล้วล่ะ ข้ายอมซูฮกนาง"
 คิมยูซินถาม "ว่าแต่องค์หญิง ก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดความจริงกับเจ้าหรือ"
 "ไม่ได้พูดเลย พวกท่านก็ไม่รู้หรือ"
 "นางบอกว่าเคยหลงกลท่านมีซิลมาก่อน เพราะฉะนั้น เลยต้องปิดบังเราด้วย จะได้หลอกให้นางหลงเชื่อสนิท"
 "หึ เป็นแผนที่เยี่ยมยอดจริงๆ"
 "แม้ว่ามีซิล จะเดาใจข้ากับพีดัมออก แต่ไม่สามารถรู้ใจองค์หญิงต๊อกมานที่อยู่เบื้องหลังได้"
 "ถึงบอกไงว่า เป็นแผนที่ร้ายกาจนัก เฮ่อๆๆ"
 เวลาเดียวกันนี้องค์หญิงต๊อกมานก็นึกถึง พระมเหสีมายาที่พบหน้ากันครั้งแรก
 "ฮือ ไม่นึกว่าจะสวยขนาดนี้ ฮือ ช่างเป็นองค์หญิงที่งามนัก กลับมาเป็นผู้หญิง เจ้าก็ไม่แพ้ใครเลย ฮือ ฮือ ถ้าได้โตมาพร้อมกับชอนมยอง คงเป็นพี่น้องที่ผูกพันกันมาก ฮือ"
 และยัง มีองค์หญิงชอนมยองที่กล่าวว่า "ถึงจะพบเจ้า แต่ไม่อาจยอมรับเป็นพี่น้องอย่างเปิดเผย ไม่สามารถพูดคุยเล่นหัว แย่งของเล่นหรือเสื้อผ้าเหมือนคนอื่นได้ โตขึ้นก็ไม่ได้แย่งเครื่องประดับ แม้แต่แหวนวงเดียว ควรจะให้เจ้าใส่ หรือให้ข้าใส่ดี เรื่องพวกนี้เราไม่เคยมีมาก่อน"
 "เจ้ามาแทนที่ชอนมยอง สิ่งที่เป็นของนาง ข้าจะให้เจ้าได้เสพสุขอย่างเต็มที่"
 องค์หญิงต๊อกมาน นึกถึงทั้งสองแล้วก็ได้แต่พูดในใจว่า "พระมเหสี หม่อมฉัน ไม่ได้หวังจะกลับมาเสพสุข ใช้ชีวิตเป็นองค์หญิงอยู่ในวัง ที่สำคัญ หม่อมฉันไม่ได้หวังตำแหน่งนี้ จึงดิ้นรนเพื่อจะกลับมา ความคิดนี้ถูกทิ้งไปนานแล้ว หม่อมฉัน เคยสาบานต่อหน้าพี่หญิงไว้ ให้นางได้รับรู้"
 องค์หญิงต๊อกมานเข้าเฝ้าพระเจ้าจินพยอง
 "นั่งลง ก่อน ได้พบเจ้าอีกครั้ง ข้าควรจะพูดอะไรดี คิดแล้วคิดอีกก็พูดไม่ออก ขอโทษด้วยนะ เจ้ายังโกรธข้าอยู่ใช่ไหม"
 "เพคะ ฝ่าบาท"
 "เฮ่อ มันก็ไม่แปลก สมควรอยู่แล้ว แต่ว่า เจ้าก็ควรเข้าใจ"
 "เข้าใจเพคะ หม่อมฉันเพิ่งจะเข้าใจ เพราะทรงเป็นพระราชา ตำแหน่งอันสูงส่ง ทำให้ไม่มีทางเลือก ต้องเห็นแก่ราชสมบัติ แม้แต่เลือดเนื้อเชื้อไขก็ทรงตัดได้ หม่อมฉันเข้าใจดี แต่ว่าที่ทำให้หม่อมฉันยิ่งโกรธกว่านั้น คือในเมื่อยอมทิ้งลูกเพื่อจะรักษาบัลลังก์ไว้แล้ว ทำไมไม่ทรงมีอำนาจซะที ที่สำคัญ ก่อนหม่อมฉันจะกลับมา ฝ่าบาทก็ยิ่งไม่ควร จะสูญเสียพี่หญิงไป น่าจะทรงปกป้องนางไว้"
 "ข้ารู้ เจ้ามีเรื่องไม่พอใจหลายอย่าง เป็นใครก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา เพราะข้าสั่งให้ฆ่าเจ้าด้วย"
 "ฝ่าบาท เดิมทีหม่อมฉันจะไปอยู่แล้ว แต่ที่กลับมาอีกครั้ง เหตุผลมีอยุ่ข้อเดียว ก็คือ จะแทนที่พี่หญิงชอนมยอง จะช่วยนาง ทำลายอิทธิพลของมีซิล"
00000000000000000000000000

 มี ซิลลังเลใจว่าจะนำกองกำลังออกมาดีหรือไม่ แต่แล้วนางก็เลิกล้มความคิด
 มี เซ็งกล่าวว่า "เพิ่งจะบอกว่าไม่เกิดสุริยคราสแน่นอน แล้วจู่ๆ ก็ปรากฎให้เห็นตำตาซะงั้น ท่านก็เห็นใช่ไหมว่าชาวบ้านเทิดทูนนางยังกะเป็นธิดาแห่งสวรรค์คนใหม่งั้น แหละ"
 "ก็ถึงว่าน่ะสิครับ ท่านแม่ เราส่งทหารไปจับนางดีกว่า องค์หญิงอะไรกัน โมเมล่ะไม่ว่า เรามีทั้งอำนาจและกำลังทหารจะไปกลัวทำไม" ฮาจองว่า
 "นั่นสิท่านเซจู ข้าจะเรียกประชุมขุนนางที่เป็นฝ่ายเราทั้งหมดดีมั้ย"
 "เกิดถึงเวลา คนที่บอกว่าเป็นฝ่ายเรา แต่กลับแปรพักตร์ขึ้นมาจะทำไง ถึงตอนนั้น มิยิ่งแย่หรอกหรือ เหตุการณ์จะยิ่งบานปลายด้วยซ้ำ"
 "ข้าว่า คงไม่ถึงอย่างงั้นหรอก"
 "เหตุการณ์ตอนนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ยิ่งถ้ามีการใช้ทหาร คนจะนึกว่าก่อกบฎด้วยซ้ำ เพราะฝ่ายเรา เป็นฝ่ายเสียเปรียบเห็นๆ อยู่"
 "เจ็บใจนัก เราจะเป็นฝ่ายได้อยู่แล้วเชียว เฮ่ย"
 "ดีแล้ว ข้าก็เจ็บใจเหมือนเจ้า แต่ว่า ตอนนี้สำคัญที่สุด คืออย่าให้คนของเราหันเหไปเข้ากับฝ่าบาทแม้แต่คนเดียว" มีซิลว่า "ข้าจึงอยากให้ท่านพี่ ไปบอกให้ทุกฝ่ายยอมรับฐานะขององค์หญิงต๊อกมาน ข้าอยากให้เกิดภาพที่ว่า ภายใต้การนำของท่าน เหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์ต่างให้อภัยกับความผิดพลาดของฝ่าบาท ที่สำคัญ พยายามต่อรองผล ประโยชน์ที่จะได้จากราชสำนักมากขึ้น เอาภาษีที่นาที่ขุนนางต้องจ่ายให้ทางการในอัตราส่วน 6 ต่อ 4 เปลี่ยนเงื่อนไขเป็นครึ่งต่อครึ่งซะ เมื่อได้สิ่งตอบแทนที่มากขึ้น ขุนนางก็จะไม่หนีจากเราไปไหน ที่เคยเป็นพวกเดียวกับเรา เมื่อกินอิ่มก็จะไม่แปรพักตร์ เข้าใจหรือเปล่า"
 เซจองรับปาก "หึ ได้"
 "อีกอ ย่าง ท่านซอวอนก็เหมือนกัน พยายามผูกมิตรกับทหารระดับแม่ทัพขึ้นไป ให้พวกเขามาอยู่กับเราให้มาก"
 "ได้ เรื่องพวกนี้ข้าได้เตรียมการไว้อยู่แล้ว"
 "โพจอง เจ้าเอง ก็ไปสังสรรค์กับเหล่าองครักษ์ ถ้าเห็นคนไหนฐานะง่อนแง่นเลี้ยงลูกน้องไม่ไหว ก็สนับสนุนเรื่องเงินให้เขา ไม่ต้องหวงล่ะ"
 "ครับ ข้าทราบแล้ว"
 ขณะ ที่พระเจ้าจินพยองตรัสกับยองชุนและคิมซอยอนว่า
 "นี่คือฎีกา แสดงความเห็นด้วยที่จะให้ต๊อกมานเป็นองค์หญิงงั้นหรือ"
 "พะยะค่ะ เสียงส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันหมด"
 คิมซอยอนทูล "แต่ว่า ตามหลักฝ่ายของมีซิล น่าจะคัดค้านอย่างหนักมากกว่า"
 พระเจ้าจินพยองตรัส ว่า "สมัยก่อนข้ายอมเสียลูกสาวไปครั้งหนึ่งแล้ว ถ้าตอนนี้เหล่าขุนนางยังไม่เห็นด้วยอีก ข้าก็ขอแลกกับตำแหน่ง ปกป้องนางให้ถึงที่สุด"
 "ฝ่าบาท ท่านเสนาบดีมาขอเฝ้า"
 "เชิญเข้ามา"
 เซ จองกระแอมนิด "ฝ่าบาท ที่พวกเรามาเฝ้า เพื่อจะทูลเรื่ององค์หญิงต๊อกมานพะยะค่ะ ขุนนางระดับสูง มีมติเห็นพ้องให้มาทูลว่า ถ้าสมัยก่อนที่องค์หญิงแฝดมีประสูติกาล แล้วฝ่าบาททรงเปิดเผยเรื่องนี้ เหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์อาจให้การยอมรับ แล้วค่อยหาวิธีแก้ไขใหม่ แต่นี่ ฝ่าบาทและพระมเหสีกลับทรงปกปิดเรื่องนี้ ถึงขนาดให้พระธิดาองค์รอง ไปใช้ชีวิตอยู่นอกวังจนเติบใหญ่"
 "ใช่ ด้วยเหตุนี้ เหล่าขุนนางที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ จึงเกิดความสับสน และ สุดท้าย ยังเกิดเหตุการณ์สูญเสียองค์หญิงชอนมยอง เป็นที่เสียใจของทุกฝ่ายด้วย"
 "พอทีเถอะ ไหนๆ ฝ่าบาทกับพระมเหสีก็ทรงยอมรับผิดต่อหน้าราษฎรทั้งหลาย พวกท่านก็อย่ารื้อฟื้นอีกเลย"
 "แต่ว่า ความไม่พอใจของขุนนางและเชื้อพระวงศ์ ยิ่งทวีความรุนแรง"
 พระเจ้าจินพ ยองตรัสว่า "เพราะฉะนั้น ท่านจะมาบอกว่าไม่อาจยอมรับต๊อกมานเป็นองค์หญิงได้ใช่ไหม"
 "มิได้พะยะ ค่ะ ในวันที่ 5 นี้ จะมีพิธีแต่งตั้งอย่างเป็นทางการการ ซึ่งหม่อมฉันได้กำชับให้ทุกฝ่าย เข้าร่วมงานนี้โดยพร้อมเพรียง"
 ยองชุน ถามว่า "นี่แปลว่า ยังมีเงื่อนไขอื่นมาต่อรองใช่ไหม"
 "เพื่อปกปิดความ ผิดที่พระมเหสีทรงก่อไว้ หม่อมฉันต้องใช้ทั้งวิธีเกลี้ยกล่อมและข่มขู่ แต่จนวันนี้ หลายคนยังฮึดฮัดแสดงความไม่พอใจอยู่ดีพะยะค่ะ" เซจองทูล
 มี เซ็งว่าต่อ "เพราะฉะนั้น ในวันที่มีการแต่งตั้ง ถ้าฝ่าบาททรงเมตตายอมให้เหล่าขุนนางได้ลดภาษีจากการให้เช่าที่นา เชื่อว่าพวกเขาน่าจะพอใจ และถวายความภักดีต่อฝ่าบาทและองค์หญิงมากขึ้น"
 "นั่น สิพะยะค่ะ ไหนๆ ทุกครั้งที่มีเรื่องมงคล ก็ต้องมีคำสั่งอภัยโทษหรือไม่ก็ลดโน่นลดนี่อยู่แล้ว จริงมั้ยพะยะค่ะ"
 ซอ วอนกลับมาบอกมีซิลว่า
 "ได้กำหนดแล้วว่า พรุ่งนี้จะมีพิธีแต่งตั้งองค์หญิงอย่างเป็นทางการ"
 "งั้นหรือ"
 "เนื่อง จากเพิ่งสิ้นองค์หญิงชอนมยองไม่นาน พิธีแต่งตั้งจึงให้จัดอย่างเรียบง่ายก็พอ"
 มีซิลสีหน้านิ่ง "ดี"
 "ท่าน เซจู ข้าต้องขอโทษด้วย"
 "อยู่ดีๆ มาขอโทษข้าเรื่องอะไร ทำไมทำหน้าทำตาอย่างงั้นล่ะ ข้า คือมีซิลนะ เรื่องแค่นี้ไม่มีผลต่อข้าหรอก"
 พระ มเหสีมายาตรัสกับองค์หญิงต๊อกมานว่า
 "พรุ่งนี้จะมีพิธีแต่งตั้งเจ้า อย่างเป็นทางการ ตามหลักต้องมีการเตรียมงานหลายวัน และให้มีการเฉลิมฉลองด้วย"
 "ไม่ต้องหรอกเพคะ รีบๆ จัดให้เสร็จไป จะได้ไม่ต้องวุ่นวายนัก"
 "หึ พรุ่งนี้ต้องลุกขึ้นมาแต่งตัวแต่เช้า คืนนี้รีบเข้านอนซะล่ะ"
 "หึ เพคะ" องค์หญิงต๊อกมานนึกถึงองค์หญิงชอนมยอง "พี่หญิง นี่เป็นแค่เริ่มต้น โปรดช่วยข้าด้วย ข้ารู้สึกกลัว เฮ่อ"
 วันรุ่งขึ้น คิมยูซินเข้ามาตามองค์หญิงต๊อกมาน
 "ได้เวลาเสด็จไปลานพิธีแล้ว"
 "ได้"
 "ทำไมต้องยืนตัวสั่น องค์หญิงสามารถเอาชนะมีซิล จนมาถึงตำแหน่งนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวอะไรอีก"
 และก่อนเข้าพิธี มีซิลก็กล่าวกับองค์หญิงต๊อกมานว่า
 "ยินดีกับองค์หญิง ที่ได้คืนสู่ราชสำนัก"
 "คงต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากท่านด้วย"
 "หม่อม ฉันน่ะหรือ"
 "ระหว่างที่ข้าวางแผนนี้ ในสมองจะนึกถึงคำพูดท่านทุกประโยค จากนั้นก็แปรให้เป็นเลือดกับน้ำตา เพื่อจะทำงานต่อไป สุดท้ายข้าก็ทำอย่างท่านได้ และคนก็ยกย่อง ให้ข้าเป็นองค์หญิง"
 "แล้ว ตอนนี้เป็นไงบ้าง จนป่านนี้แล้ว ยังเอาชนะความกลัวในใจไม่ได้อีกหรือ"
 เหล่า องค์รักษ์นำโดยโฮแจกล่าวขึ้นว่า
 "ทุกคนแสดงความเคารพ พวกเราเหล่าองครักษ์ทั้งหลาย ขอถวายความภักดี"
 องค์หญิงต๊อกมานกล่าวคำ มั่นว่า "องค์หญิงต๊อกมาน ในฐานะนายคนใหม่ ขอให้สัญญาว่าจะทำให้หน่วยองครักษ์ยิ่งเกรียงไกร ต่อไปองครักษ์ทุกหน่วย ไม่เพียงได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม หากใครมีความสามารถโดดเด่น เมื่อผ่านการประลองยุทธก็จะได้เลื่อนขั้น เพราะฉะนั้น ขอให้ทุกคนยึดมั่นในกฎ ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง"
 "พะยะค่ะองค์หญิง"
 "ท่าน ไอชอง"
 "พะยะค่ะ"
 "ท่านเดินมาข้างหน้า ข้าขอสั่งให้ท่าน เป็นองครักษ์ประจำตัวข้า ส่วนหน่วยบีชอนของท่าน ก็ดูแลความปลอดภัยให้ข้า"
 "หม่อม ฉันองครักษ์ไอชอง ขอถวายความภักดีแด่องค์หญิง"
000000000000000

 ส่วน มีซิลก็สั่งซอวอนให้ไปจับตัวใต้ซือวาชอนมาเดี๋ยวนี้
 "ใต้ซือวาชอนหรือ"
 "ถ้า เป็นเรื่องตาแก่นี่ ต้องให้คิมซอยอนคิมยูซินกับไอชองไปคุมด้วยตัวเอง ท่านไปสะกดรอยพวกเขาและจับตัวมาให้ได้"
 "ไม่ต้องห่วง ข้าไปเดี๋ยวนี้ แต่ว่า ข้าจะพันแผลให้ท่านก่อน"
 "หึ ถ้าไม่สามารถเอาตัวเขากลับมาได้ ก็ฆ่าทิ้งซะ เพราะคนที่ไปอยู่กับต๊อกมานจะไม่มีประโยชน์ต่อเราอีก"
 พี ดัมเข้ามาในห้องประชุมก็ตื่นเต้น
 "โห ว้าว นี่เป็นห้องประชุมหรือนี่ แหม ใหญ่โตซะจริงๆ 1 2 3 4 5 6 7 8 ทั้งหมด 10 ที่นั่งก็เท่ากับสิบหน่วย แหะๆ อ้าว แหม ว้าว แต่งแบบนี้ค่อยน่าดูหน่อย แหม"
 ไอชองดุ "เจ้าคนป่าเถื่อนนี่ กล้าเสียมรรยาทหรือ"
 "ฮึ ข้าน่ะโดนต้มซะเปื่อยเชียว เจ้านี่ร้ายกาจจริงๆ แหะๆ"
 "ยังจะพูดอีก"
 องค์ หญิงต๊อกมานกล่าวว่า "ท่านไอชอง เพื่อจะให้มีซิลหลงเชื่อ ข้าเลยต้องทำอย่างงั้น"
 พีดัมตัดบท "อึม ช่างเถอะ ข้ายอมรับก็ได้ หึ ทีแรกก็แพ้มีซิล แล้วยังถูกเจ้า"
 ไอชองดุ "หนอย"
 พีดัมรีบแก้ "แหะ ถูกองค์หญิงหลอกซ้ำอีกทีหนึ่ง แหะๆ เอาเป็นว่า ฉลาดลึกทั้งสองคน"
 องค์ หญิงต๊อกมาน "หึ ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องทำได้ ยังไงก็ขอขอบใจ และขอโทษด้วย"
 "ขอ โทษหรือ แหะ เอ่อ ว่าแต่ ทำไมองค์หญิงถึงเกลี้ยกล่อมไต้ซือวาชอนได้น่ะ"
 "หม่อม ฉันก็อยากถาม เพราะเขาเคยบอกว่าไม่ต้องการและไม่กลัวอะไรทั้งนั้น แล้วทำไมยังเกลี้ยกล่อมได้" คิมยูซินว่า
 "นั่นสิ หม่อมฉันก็สงสัยเหมือนกัน"
 "เฮ่อ ใช่ ตอนนี้ เราคงต้องจัดการเรื่องนี้ก่อน ท่านทั้งสอง ไปพาใต้ซือวาชอนมาพบข้า เขาน่าจะทำงานบางอย่าง ตามที่ข้าสั่งไว้แล้ว"
 "พะยะค่ะองค์หญิง"
 "อีกอ ย่าง ส่งข่าวให้กลุ่มโพยารู้ด้วย"
 "ทราบแล้วพะยะค่ะ"
 "หม่อมฉันจะไป สั่งให้ลูกน้องเตรียมตัว"
 ขณะที่พระเจ้าจินพยองก็ตรัสกับองค์หญิงต๊อก มาน โดยมีพวกยองชุนอยู่ด้วย
 "พูดแบบนี้หมายความว่าไงน่ะ"
 ยองชุนว่า "เรื่องแบบนี้เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด"
 คิมซอยอนทูล "นั่นเป็นสิ่งที่ องค์หญิงชิงมาจากมีซิลด้วยความยากเย็นไม่ใช่หรือ"
 พระเจ้าจินพยองตรัส "แล้วตอนนี้ เจ้าจะวางมือได้ยังไง"
 "เพื่อเห็นแก่บ้านเมือง จำเป็นต้องทำแบบนี้เพคะ"
 "เห็นแก่บ้านเมืองหรือ ข้าไม่เข้าใจเจ้าพูดอะไรกันแน่"
 พระมเหสีมายาตรัสกับองค์หญิงมานมยอง ด้วยความแปลกใจว่า
 "อะไรนะ ทำไมมีความคิดแบบนี้ล่ะ"
 องค์หญิงมานม ยองว่า "ได้ยินว่า องค์หญิงทรงยืนกรานไม่ยอมเปลี่ยนความตั้งใจ"
 "นางไม่ รู้หรือว่าถ้าทำจริง จะมีอุปสรรคมากมายแค่ไหนน่ะ"
 "อาจเพราะว่าองค์หญิง ทรงใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกนานไป จนไม่เข้าใจระเบียบแบบแผนของราชสำนัก น่าเป็นห่วงนะเพคะ"
 จุปังกับโกโตที่ติดตามคิมยูซินไปทำงาน แต่ระหว่างทางขอตัวออกมาพักทำให้ถูกจับตัวมัดไว้ จนคิมยูซินตามมาพบ ทำให้รู้ว่าใต้ซือวาชอนมีอันตราย
 โพจองกับพวกไปพบใต้ซือวาชอน ทันใดนั้นพวกคิมยูซินก็มาถึง ทำให้เกิดการต่อสู้กัน
 คิมยูซินร้องบอก "ทิ้งกระบี่เดี๋ยวนี้"
 "ก็เอาซี่ ตาแก่นี่จะตายเหมือนกัน"
 โพจองบอก ว่า "นี่เป็นคำสั่งท่านเซจู"
 คิมยูซินสวนว่า "ข้ารับบัญชาจากองค์หญิง ถ้าไม่รีบถอยไป ข้าจะถือว่าพวกเจ้าเป็นศัตรูกับองค์หญิงอย่างเปิดเผย พวกเจ้าเป็นองครักษ์ กล้าขัดคำสั่งองค์หญิงเชียวหรือ"
 "นึกว่าเมื่อก่อน เคยชนะข้าแล้ว จะมาทำยะโสได้หรือ เรามาประลองอีกครั้งเอามั้ยล่ะ"
 ไอชอง เข้ามา "หยุดเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าทำอะไร"
 "หึ ที่เรามานี่ เพื่อทำตามพระบัญชาขององค์หญิง ถ้าอยากประลองฝีมือกับข้า วันหลังมีโอกาสอีกเยอะ"
 "อีกหน่อยพวกเจ้า จะพาใต้ซือวาชอนไปที่ไหน ข้าไม่รับรู้ แต่ยังไงจะหาให้พบ และฆ่าเขาให้ได้"
 องค์หญิงต๊อกมานนิ่ง คิดคนเดียว "ยากเย็นแค่ไหน ข้าก็จะทำให้ได้ ข้าให้สัญญา ที่จะให้ท่านช่วยทำงาน ในแง่ของดาราศาสตร์ คราวนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าได้อย่างที่ต้องการจริง ข้าก็จะทำตามคำพูดเหมือนกัน"
 ต๊อกมานวางแผน สร้างหอชมดาวขึ้นมาเพื่อประกาศว่าสวรรค์มีเจตจำนงให้มีการปกครองใหม่ องค์หญิงต๊อกมานเรียกประชุม มีซิลก็มาและถามว่า
 "องค์หญิงทรงเรียก ประชุมด้วยเรื่องอะไรเพคะ"
 "วันนี้ที่เรียกประชุมเหล่าขุนนาง เพื่อจะทำหน้าที่ ในฐานะที่ข้าเป็นองค์หญิงครั้งแรก ข้าในฐานะธิดาแห่งสวรรค์คนใหม่ของชิลลา นับแต่วันนี้ จะสั่งยุบตำหนักเทพ และข้อมูลในทางดาราศาสตร์ทุกอย่าง จะเปิดเผยให้ราษฎรได้รู้ทั่วกัน เชิญใต้ซือเข้ามาได้"
 "พะยะค่ะ เชิญใต้ซือเข้ามา"
 ใต้ซือวาชอนเข้า มา องค์หญิงต๊อกมานกล่าวว่า
 "ต่อไปบ้านเมืองเรา จะมีที่สำหรับดูปรากฎการณ์ การเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้าและเดือนดาวทั้งหลาย โดยข้ามีความคิดว่า จะทำเป็นสิ่งปลูกสร้างขึ้นมา ส่วนชื่อนั้น ข้าจะให้ชื่อว่าหอดูดาว ผู้ที่รับผิดชอบในการนี้ ข้าจะมอบหน้าที่ ให้ใต้ซือวาชอนเป็นผู้ดูแล"
 ใต้ซือวาชอนกล่าวว่า "ที่ฐานนั้น เราจะใช้หินก้อนใหญ่ 12 ก้อน อันสื่อถึงว่าในหนึ่งปี จะมี 12 เดือน จากนั้นก็เรียงด้วยหิน สี่เหลี่ยมผืนผ้าให้เป็นทรงกลม ทั้งหมด 365 ก้อน ด้านบนสุด ตั้งเป็นรูปสี่เหลี่ยมปากกว้าง ลักษณะคล้ายบ่อน้ำ อันหมายถึง 1 ใน 4 ฤดูกาลของปี ฉะนั้น มันจะหมายถึง 365 วันแล้วคูณด้วย 4 อีกครั้ง จากฐานถึงกึ่งกลาง จะมีช่องว่าง 12 ช่อง และจากกึ่งกลางถึงด้านบนสุด ก็จะมีช่องว่างอีก 12 ช่อง ทั้งหมดจึงรวมเป็น 24 ชั้น อันหมายถึง 24 ฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน และจากบนสุดลงไปจะมี 28 ชั้น สื่อถึงดาวบนฟ้า 28 ดวง"
 "ต่อ ไปเมื่อมีหอดูดาวแล้ว ไม่ว่าใครก็จะสังเกตการเปลี่ยนแปลงของท้องฟ้าได้ และนับแต่นี้ จะไม่ให้ตำหนักเทพที่ศึกษาเรื่องนี้ หรือแม้แต่ใครคนใดคนหนึ่ง อาศัยความไม่รู้ของราษฎร แต่งเรื่องยังไงก็ได้ เพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของตัวเอง"
 "แปลว่าองค์หญิงจะยอมสละอำนาจของตัว เองด้วยหรือ" มีซิลถาม
 "ข้ามีความคิดอย่างงั้นอยู่"
 "องค์หญิง โลกนี้ นอกจากทางสายตรงแล้ว เราอาจมองเป็นทางขวางได้อีก"
 "ข้าไม่เข้าใจ สิ่งที่ท่านพูด"
 มีซิลกล่าวว่า "ถ้ามองทางตรงก็จะแบ่งได้ดังนี้คือ ชาวแพ่กเจ โกคูรยอ และชิลลา และในแคว้นชิลลา ยังมีแบ่งคนที่ภักดีต่อองค์หญิง ภักดีต่อหม่อมฉันมีซิล แต่ถ้ามองในอีกแง่ ลักษณะของทางขวาง มนุษย์จะแบ่งเป็นสองประเภทเท่านั้น คือผู้ ปกครอง กับผู้อยู่ใต้ปกครอง ถ้าเรามองในทางขวาง องค์หญิงกับหม่อมฉันก็คือพวกเดียวกัน เราต่างมีหน้าที่ในการปกครองบ้านเมือง ในเมื่อชิงอำนาจจากหม่อมฉันไป องค์หญิงก็ควรรักษาให้ดี"
 "ถ้าอย่างงั้น วันหนึ่งก็จะมีคนแย่งไปจากข้าอีก"
 "เพราะกลัวถูกแย่งเลยยอมทิ้งก่อน หรือ"
 "นี่ไม่ใช่การทิ้ง แต่เป็นการคืนอำนาจให้แก่ราษฎร"
 "ความหมาย ก็คือทิ้งนั่นแหละ ไม่มีอำนาจแล้วเราจะปกครองได้ยังไง"
 องค์หญิงต๊อกมาน คิดในใจ "นางพูดจริงหรือ นั่นคือการทิ้งอำนาจ แล้วข้ายังจะปกครองบ้านเมืองได้หรือเปล่า"
 มีซิลกล่าวต่อว่า "จริงอยู่ องค์หญิง ตอนนี้เราเหมือนกำลังชิงอำนาจอยู่ แต่การช่วงชิงก็ควรมีกฎเกณฑ์บ้าง ทรงทำแบบนี้ ก็เท่ากับผิดกติกาชัดๆ ไม่งั้นองค์หญิงจะสร้างอำนาจให้เป็นที่ยำเกรงของผู้คนได้ยังไง"
 องค์ หญิงต๊อกมานคิดตอบในใจ "สร้างอำนาจ ให้เป็นที่ยำเกรงหรือ"
 "องค์หญิงจะ ใช้อะไรปกครองชาวชิลลาของเรา"
 องค์หญิงต๊อกมานนิ่งคิด "ใช้อะไรปกครอง?"
 "ไหน ลองรับสั่งหน่อยซิ องค์หญิงจะปกครองด้วยอะไร"
 องค์หญิงต๊อกมานตอบว่า "ข้าจะใช้ความจริงใจ"
 "ความจริงใจ อะไรคือจริงใจขององค์หญิงไม่ทราบ ในขณะที่ราษฎรร้องตะโกนต้อนรับธิดาแห่งสวรรค์คนใหม่ องค์หญิงจะมอบอะไรให้พวกเขา “ข้าไม่รู้อะไรเลย ข้าไม่มีพลังวิเศษในตัวหรอก” นี่คือความจริงใจงั้นหรือ"
 "การค้นคว้านั้น ไม่เพียงให้รู้ที่มาของสรรพสิ่งในโลก ยังจะคลี่คลายสัจธรรมบางอย่างด้วย"
 "แล้ว ยังไง"
 "ในขณะที่ท่าน อ้างว่าต้องการหาความรู้ในสรรพสิ่ง แต่กลับนำสิ่งที่ได้มาสร้างภาพลวง ให้ตัวเองดูราวกับเป็นเทพจุติลงมา"
 "ชาว บ้านก็ต้องการภาพลวงอยู่แล้ว ฝนแล้งก็อยากให้มีฝนตก ต้องการใครก็ได้ที่สามารถบันดาลในสิ่งที่พวกเขารอคอย ผู้นำคนไหนที่สนองตอบในจุดนี้ได้ก็จะเป็นผู้ปกครองที่ยั่งยืน"
 "ผิดแล้ว แท้ที่จริง พวกเขาต้องการความหวังต่างหาก"
 "ต้องการความหวังหรือ องค์หญิง คำว่าราษฎร หรือแม้แต่มวลชนนั้น มีความน่ากลัวแค่ไหน ทรงรู้หรือเปล่า"
 องค์หญิงต๊อกมานคิด "น่า น่ากลัวหรือ นางก็รู้จักกลัวเป็นด้วยหรือ"
 มีซิลกล่าวว่า "ความหวังของราษฎร ก็คือความโลภ องค์หญิงไม่รู้หรอกว่าความโลภเป็นสิ่งน่ากลัวแค่ไหน"
 "ใช่ เพราะข้าไม่เคยกลัวพวกเขา อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่พวกเขาต้องการก็แค่กินอิ่มนอนหลับในแต่ละวัน มีความเป็นอยู่ดีขึ้นเท่านั้น ไม่ได้หวังอะไรมากกว่านี้เลย"
 "ชาวบ้าน น่ะ ไม่อยากรู้หรอกว่าทำไมฝนถึงตกหรือไม่ตก พวกเขา ไม่อยากรู้ว่าสุริยคราสเกิดเพราะอะไรและทำไมถึงเกิด ขอแค่มีคนทำให้ฝนตก มีคนช่วยยับยั้งไม่ให้เกิดอาเพทที่มากับสุริยคราส แค่นี้ก็พอแล้ว นี่แหละคือความโง่ของราษฎร"
 "นั่นเพราะว่า พวกเขาไม่มีความรู้"
 "ใช่ ไม่มีความรู้ ไม่คิดจะศึกษา หรือแม้แต่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรด้วย"
 "แต่ ถ้าชาวบ้านมีปฏิทิน พวกเขาจะรู้เรื่องฤดูกาล รู้ว่าเมื่อไหร่เหมาะแก่การเพาะปลูก ถึงตอนนั้น แม้จะไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดฝนตก แต่อย่างน้อยเมื่อมีประสบการณ์ก็จะรู้ว่า ไม่ควรใช้น้ำจนหมด ให้เผื่อไว้ตอนหน้าแล้งบ้าง หลังจากนั้น พวกเขาจะค่อยๆ ปรับตัวและเรียนรู้เรื่องธรรมชาติ นี่แหละคือราษฎร"
 "คนที่รู้มาก ยิ่งฉลาดหลักแหลม แท้จริงมันเป็นความทุกข์มากกว่า การสอนให้พวกเขารู้เยอะๆ มันเป็นงานที่เหนื่อยและหนักมาก"
 "แต่ความหวัง จะทำให้คนยอมอดทน รับความเจ็บปวดทุกอย่าง ราษฎรที่มีความหวัง จะเป็นพลังขับเคลื่อนให้บ้านเมืองเจริญขึ้น ข้าต้องการคนที่มีความมุ่งมั่นเหมือนกัน เพื่อจะสร้างชิลลา ให้เป็นเมืองใหม่"
 มีซิลนิ่งคิด "หรือว่า สิ่งที่เด็กคนนี้ต้องการก็คือ"
 องค์หญิงต๊อกมานเองก็คิด "คำพูดเหล่านี้ ทำไมออกจากปากข้าได้ นี่ข้าพูดเองหรือ"
 "องค์หญิง สิ่งที่หม่อมฉันพูดคือภาพลวงตาของชาวบ้าน ในขณะที่องค์หญิง รับสั่งถึงความหวังของราษฎร แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นภาพลวงตา หรือความฝันอันสวยงาม สุดท้ายก็สู้ความจริงอันโหดร้ายไม่ได้อยู่ดี จริงๆ แล้วองค์หญิงเจ้าเล่ห์กว่าหม่อมฉันซะอีก"
 องค์หญิงต๊อกมานคิด "ใช่ ไม่แน่อาจเป็นอย่างงั้นก็ได้ แต่ว่า"
จบ 29






เครดิต : oknation.net/blog/lakorn




   
 
ความคิดเห็น


.: ต้องการแสดงความคิดเห็น กรุณาบันทึกความคิดเห็นของคุณลงบนแบบฟอร์มข้างล่างนี้ ขอบคุณค่ะ :.

ละครปัจจุบันตอนล่าสุด
(ตอนอื่น ๆ)
ตอนที่ 28 - 29
ละครที่ฉายอยู่ปัจจุบัน
จามอง ยอดหญิงผู้พิทักษ์แผ่นดิน (3)
ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน (15)
ร่วมแสดงความคิดเห็น
* ชื่อ :  
   
อีเมล์ :  
   
* รายละเอียด  
 

ใส่ข้อมูลได้อีก ตัวอักษร
 
* ใส่ค่าตามภาพ  
 
 
 
SABUYJAISHOP ผู้ให้บริการทางการตลาดออนไลน์ สำหรับร้านค้าหรือผู้ประกอบการ ที่ต้องการนำเสนอสินค้า โฆษณา ประชาสัมพันธ์ร้านค้า หรือสินค้าในร้าน โดยเรามีเครื่องมือที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเปิดร้านค้า โฆษณาสินค้า และระบบการสั่งซื้อสินค้าไว้พร้อมสรรพแล้ว สำหรับผู้ที่ต้องการช่องทางในการทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์