แหล่ง shopping
   สินค้าจากร้านค้า
เลนส์เสริมมือถือ รุ่น HPLQ-035 พร้อมไฟแฟลช Flash Light 3 in 1 Camera Lens
ดูขนาดรูปภาพจริง
Olympus City Garden (โอลิมปุส ซิตี้ การ์เด้น)
ดูขนาดรูปภาพจริง
คอนโดสำหรับเช่า 1 ห้องนอน City Garden Tropicana (ซิตี้ การ์เด้น ทรอปิคานา)
ดูขนาดรูปภาพจริง
แอร์ SHARP PR19
ดูขนาดรูปภาพจริง
ตัดเสื้อเชิ้ต ยูนิฟอร์ม เสื้อเชิ้ตพิมพ์ลาย
ดูขนาดรูปภาพจริง
Mandelic Acid 30% ช่วยรอยสิวกับหลุมสิวหายเร็วขึ้น
ดูขนาดรูปภาพจริง
Real Hair : Natural Hair Serum 50ml. (เรียวแฮร์ เนเชอรัล เซรั่ม)
ดูขนาดรูปภาพจริง
Car Camera "Magic Tech" G-30
ดูขนาดรูปภาพจริง
Onitsuka Tiger รุ่น Mexico66 Slip on Paraty ขาว/ชมพู
ดูขนาดรูปภาพจริง
[ส่งฟรี EMS] นวดปู่คาด เชียงใหม่
ดูขนาดรูปภาพจริง
สกรีนฟอยด์
ดูขนาดรูปภาพจริง
Lucas Papaw 25g
ดูขนาดรูปภาพจริง
ตัวอย่างสินค้าของลูกค้า ทำบัตรพื้นใส
ดูขนาดรูปภาพจริง
ครีมบำรุงผิวผสามสมุนไพร ดร.สาโรช ตำหรับพิเศษ (ขนาด 60 กรัม )
ดูขนาดรูปภาพจริง
Clip Lens Super Wild "Selfie Cam Lens" สีแดง ชมพู ฟ้า ดำ c009
ดูขนาดรูปภาพจริง
Skin Biology Super Cop 2X Set (2 Items) เซ็ต
ดูขนาดรูปภาพจริง
แอร์ SHAPR PR24
ดูขนาดรูปภาพจริง
CI&SI-1531 เสื้อแขนสั้น มิกกี้ Chanel สีดำ/สีแดง
ดูขนาดรูปภาพจริง
ชุดลดการหลุดร่วง-ปลูกผม สมุนไพรภิญญดา สมุนไพร 100% ผมร่วงผิดปกติ ผมบาง
ดูขนาดรูปภาพจริง
สบายใจการ์ดเมทัลลิคแถบแม่เหล็ก 0.76
ดูขนาดรูปภาพจริง
ปั๊มสูบส่งของเหลว ปั๊มสูบส่งของหนืด สำหรับอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม
ดูขนาดรูปภาพจริง
Beautelush Essential Facial Set (Day + Night)
ดูขนาดรูปภาพจริง
ที่นอน Sleep Care 6 ฟุต หนา6 นิ้ว
ดูขนาดรูปภาพจริง
สเปรย์เคลือบแก้วกราฟีน ROCKZ G HYBRID SET D เงาสุดขีด+กันน้ำ
ดูขนาดรูปภาพจริง
City Garden Tropicana (ซิตี้ การ์เด้น ทรอปิคานา)
ดูขนาดรูปภาพจริง
 
เรื่องย่อละคร ตามบทโทรทัศน์
 

ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน [ ตอนที่ 31 - 32 ]

 

จำนวนคนเข้าชม : 785 ครั้ง            update : 10/6/2010

   
   
 

ซอนต๊อก 31 

 องค์หญิงต๊อกมานและโซวาพบกันอีกครั้ง ครั้งนี้โซวาเป็นฝ่ายปริปากพูดคุยกับต๊อกมานก่อน
 "ฮือ ฮือ องค์หญิงต๊อกมาน ฮือ"
 "หึ ท่านแม่" โซวาดีใจ "ท่านแม่"
 "องค์หญิง ต๊อกมาน ฮือๆๆ"
 "ฮือ ท่านแม่ ใช่ท่านจริงหรือนี่ ท่านไปอยู่ไหนมาน่ะ ท่านไปอยู่ไหน ฮือๆ"
 "หึๆๆ องค์หญิงต๊อกมาน หึๆๆ"
 "ฮือ ข้านึกว่าท่านตายแล้วซะอีก ฮือ ตายเพราะขาดอากาศหายใจในทะเลทราย ฮือ นึกว่าหลุมทรายกลบท่านจนมิดแล้ว ฮือ"
 "หึๆๆ ไม่หรอกลูก แม่ยังไม่ตาย ฮือ แม่ยังอยู่ถึงวันนี้ ฮือ"
 "ท่านแม่ ฮือๆๆ"
 ทุกคนพลอยดีใจไป ด้วย แล้วยิ่งเห็นโซวาพูดได้ต่างก็ยินดีด้วย
 ชิซูมองอย่างอึ้ง "โซวา"
 ขณะ ที่มุนโนแปลกใจ "ที่แท้ผู้หญิงคนนี้ ก็คือหนึ่งในองค์หญิงแฝดหรือ"
 "หึ ท่านแม่ บอกข้ามาเร็ว ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่"
 "เจ้าช่างสวยจริงๆ งามสมกับเป็นองค์หญิงนัก"
 "หึ ท่านแม่ บอกให้พูดไงล่ะ"
 "หึ ไว้วันหลังเถอะ"
 องค์หญิงต๊อกมานนึกได้ "ชิซู ข้าเห็นคนๆ นี้กลับมาด้วย เขามากับท่านใช่ไหม"
 โซวาไม่ตอบกลับถามว่า "หึ เจ้าเป็นองค์หญิงได้ไงน่ะ ทำไมกลับมาเป็นองค์หญิงได้ล่ะ"
 องค์หญิงต๊อก มานขัดใจ "เฮ่อ ท่านแม่คะ"
 โซวายอมบอก "เฮ่อ หึ คือ คนๆ นั้น ช่วยชีวิตแม่ไว้"
 "อะ อะไรนะ ชิซูน่ะหรือ"
 "อึม หลังจากถูกทรายกลบจนมิดท่วมตัว เขาจับเชือกที่ผูกตัวแม่ไว้ได้"
 องค์ หญิงต๊อกมานยังอดสงสัยไม่ได้ "หึ งั้นหรือ แปลว่าถึงตอนนั้น เขายังคิดจับท่านอีกหรือ"
 "หึ ไม่รู้สิ อาจเพราะไม่ตั้งใจจับก็ได้"
 "แล้ว ไงอีกคะ เป็นไงต่ออีก"
 "ต๊อกมาน"
 "ว่าไง"
 "แม่น่ะ รู้สึกปลื้มใจเหลือเกิน ดีใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนอยู่ในความฝันก็ไม่ปาน"
 "หึ ท่านแม่"
 "เรื่องอื่นไว้คุยวันหลังเถอะนะ หือ ไม่ต้องรีบหรอก หึ"
 องค์ หญิงต๊อกมานตกลง "งั้นก็ได้ แล้วแต่ท่าน"
 โซวาเข้าเฝ้าพระเจ้าจินพยอง และพระมเหสีมายา พระเจ้าจินพยองตรัสถามว่า
 "ทำไมเจ้าถึงพูดได้อีก และสมัยก่อนหนีจากเงื้อมมือมีซิลได้ยังไง"
 พระมเหสีมายาซักต่อ "นั่นสิ ตอนนั้นเราก็ส่งคนไปตามหา แต่ยังไงก็ไม่มีข่าวคราวเจ้าซะที"
 "หึ ฝ่าบาท"
 "ว่าไง พูดมาเร็วเข้า"
 "เรื่องในอดีตของหม่อมฉัน องค์หญิงไม่ทรงทราบใช่ไหมเพคะ และที่ หม่อมฉันกลับมาอีกครั้ง และถูกมีซิลจับไปอีก นางก็ไม่ทราบใช่ไหม"
 พระมเหสีมายาตรัสตอบ "ใช่ นางไม่รู้"
 "ถ้าอย่างงั้น อย่าให้ทรงทราบได้ไหมเพคะ"
 "ไม่อยากให้ นางเป็นห่วงใช่ไหม เจ้าไม่เพียงถูกเราจับมา ยังถูกใต้เท้าอึยเจจับไปอีก ตอนหลังยังไปอยู่กับมีซิล ถ้าให้องค์หญิงต๊อกมานรู้เข้าคงเป็นเรื่องใหญ่"
 "เพราะ ตอนนี้ นางกลับมาเป็นองค์หญิงเหมือนเดิม ฮือ หม่อมฉันเป็นเพียงนางในต่ำต้อย ไม่ควรให้องค์หญิงมาทรงเป็นห่วงอีก สมัยที่เลี้ยงดูองค์หญิง เพื่อไม่ให้หม่อมฉันเป็นห่วง ฮือ นางจึงปลอมตัว ท่าทางทะโมนราวกับเด็กผู้ชาย ฮือ แม้ว่าฝ่าบาท จะทรงมอบองค์หญิงให้หม่อมฉันเลี้ยงดู แต่จริงๆ แล้ว เพราะองค์หญิง เป็นฝ่ายดูแลหม่อมฉันมากกว่า"
 พระมเหสีมายาตรัสว่า "ไม่ใช่หรอก เพราะเจ้าเลี้ยงนางมาดี ถึงเป็นเด็กฉลาดนัก ทั้งเป็นเด็กดี ทั้งใจกล้า เจ้าเลี้ยงให้นางสมเป็นองค์หญิงแท้ๆ"
 พระเจ้าจินพยองตรัสต่อว่า "เฮ่ย โซวา ข้าอยากจะบอกว่า ขอบใจเจ้าเหลือเกิน ต่อให้ตอบแทนเจ้าชั่วชีวิต ยังไม่พอแก่บุญคุณที่เจ้ามีต่อเรา ขอบใจมากนะโซวา ฮือ ขอบใจเจ้าจริงๆ"
 ชิ ซูรีบกลับไปรายงานให้มีซิลทราบทั้งยังบอกเรื่องมุนโนด้วย
 องค์หญิงต๊อก มานชวนโซวานอนด้วยกันเหมือนก่อน
 "หึ เดี๋ยวนี้ คงทำอย่างงั้นไม่ได้ เพราะทรงเป็นองค์หญิงต๊อกมานแล้ว และหม่อมฉัน ก็เป็นแค่นางใน" โซวาว่า
 "ไม่ รู้ล่ะ ข้าจะนอนกับท่าน"
 "ไม่ได้หรอก เอ่อ จริงสิเพคะองค์หญิง วันนี้ ดูเหมือนว่าหม่อมฉันจะเห็นท่านมุนโน"
 องค์หญิงต๊อกมานแปลกใจ "ใครนะ ท่านมุนโนหรือ"
 "ใช่ ตอนนั้น หม่อมฉันเกือบจะถูกคนทำร้าย จู่ๆ มีคนมาช่วย เหมือนจะเป็นท่านมุนโนน่ะ"
 มีซิลเรียกซอวอนมาคุยเรื่องที่มุ นโนปรากฎตัวขึ้นอีก
 ซอวอนว่า "เพราะข้าสงสัยว่า วิชาของหนุ่มที่ชื่อพีดัมรู้สึกคุ้นๆ เลยให้ชิซูคอยดูความเคลื่อนไหว"
 "หมาย ความว่าพีดัม เป็นลูกศิษย์ของมุนโนอย่างงั้นหรือ"
 "ใช่"
 "ถ้างั้น ก็แปลว่ามุนโนไม่ได้ไปไหน แต่กลับคอยปกป้ององค์หญิงต๊อกมานอยู่ตลอด"
 "เรื่อง นี้ข้าก็ไม่รู้รายละเอียด"
 "ปัญหานี้ไม่ใช่เล็กน้อยซะแล้ว ถ้ามุนโนจะกลับมาเป็นองครักษ์เพื่อจะช่วยองค์หญิงต๊อกมานอีกแรงละก้อ มันจะต่างกับการสร้างหอดูดาวชนิดฟ้ากับดินเลยล่ะ"
 "ใช่ เพราะหอดูดาวแม้จะเริ่มสร้าง กว่าจะเสร็จก็อีกนาน แต่ว่า ถ้ามุนโนกลับมาคือเรื่องใหญ่ทันที"
 "พวกองครักษ์ ถ้ามุนโนจะกลับมาปกครององครักษ์อีก"
 "คงต้องเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำ องครักษ์ใหม่ โฮแจก็ใกล้จะครบวาระแล้ว"
 "ข้าก็คิดอย่างงั้นเหมือนกัน โพจองเป็นรองหัวหน้ามานาน ตามหลักน่าจะขึ้นเป็นผู้บัญชาการองครักษ์ได้"
 "ใช่ อีกอย่าง ข้าอยากให้ชิซู กลับมาดูแลองครักษ์อีกต่อ"
 "ชิซูน่ะหรือ"
 "ใช่ เพราะข้าต้องคุมทหาร จึงไม่มีเวลาไปจัดการเกี่ยวกับเรื่ององครักษ์"
 "ให้ ชิซูเป็นครูฝึก จะได้ทำให้องครักษ์เก่งขึ้นและปรองดองมากขึ้น"
 "ใช่ ที่สำคัญชิซู เหมือนไม่กินเส้นกับมุนโนมาแต่ไหนแต่ไรด้วย อีกอย่าง เราทำตามที่ท่านบอก ไม่ให้ชิซูรู้ว่าโซวาเคยอยู่ในกำมือเรามาพักใหญ่"
 "ดี มาก งั้นตามชิซูมาพบข้า" มีซิลสั่ง
 โพจองไปตามชูซิมาพบมีซิล
 "องค์ หญิงต๊อกมานได้คืนฐานะเป็นองค์หญิงแล้ว ฝ่าบาทคงไม่มีความจำเป็นต้องฆ่าโซวาเพื่อปิดปากอีก ฉะนั้นต่อไป คงจะให้นางอยู่รับใช้องค์หญิงเหมือนเดิม เห็นทีเจ้ากับนางคงไม่มีวาสนาต่อกันแล้ว อีกอย่างองค์หญิงองค์หญิงต๊อกมานก็มีอคติต่อเจ้านัก ข้าเลยอดเป็นห่วงความปลอดภัยไม่ได้ แต่ยังไงข้าก็ไม่ทิ้งเจ้า เพราะสมัยก่อนเรื่ององค์หญิงแฝดเป็นความผิดของฝ่าบาทต่างหาก ข้าอยากให้เจ้าเป็น วอนซังฮา”
 "วอนซังฮาคือ" ชิซูถาม
 "ตำแหน่งครู ฝึกองครักษ์หรือก็คืออาจารย์ของพวกเขา นอกจากช่วยฝึกให้พวกเขาเก่งขึ้นอันเป็นการรับใช้บ้านเมืองแล้ว เท่ากับเจ้าได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น องค์หญิงก็จะไม่กล้าทำอะไรเจ้าอีก"
 "ข้า ขอคิดดูก่อน"
 "อีกอย่าง เจ้าไม่รู้สึกว่ามุนโน ยังมีอิทธิพลต่อองครักษ์รุ่นหลังจนทุกวันนี้บ้างหรือ เจ้าสู้เขาไม่ได้ตรงไหนบ้าง ถึงจะไม่รู้ว่ามุนโนจะกลับมาอีกครั้งหรือเปล่า แต่ด้วยความเคารพที่ทุกคนมีต่อเขา ข้าอยากให้เจ้าได้อย่างงั้นบ้าง"
 "ขอ เวลาข้าคิดดู"
 ชิซูไม่สามารถตัดใจจากความรักที่มีต่อโซวาไปได้ ไปดักพบ แต่โซวาตกใจวิ่งหนี พอตั้งสติได้ก็กลับมาหาชิซู
 "เมื่อกี้ปุปปับเจอท่าน ข้าเลยตกใจไปหน่อย"
 "เจ้าสามารถพูดได้แล้วหรือ"
 "ใช่"
 "เห็น เจ้าตรอมใจเพราะเสียลูก หายได้ก็ถือว่าดีแล้ว เจ้าบอกว่าตกใจที่เห็นข้า แสดงว่าคงนึกถึงเรื่อง เหตุการณ์ที่เกิดในทะเลทราย"
 "ท่านเป็นคนช่วยข้า ไว้ ซ้ำยังพาข้ากลับมาเมืองหลวง จนที่สุดก็ได้พบองค์หญิงอีกครั้ง หึ ต้องขอบคุณท่านมาก"
 "ตอนนี้ เรากลับมาทั้งคู่ และต่างก็อยู่ในฐานะเดิมของตัว"
 "ใช่ ข้า เป็นนางใน ของฝ่าบาทและองค์หญิง"
 "ส่วนข้า ก็เป็นองครักษ์ของท่านมีซิล"
 มีซิ ลมาถามองค์หญิงต๊อกมานว่ารู้จักชิซูใช่ไหม
 องค์หญิงต๊อกมานตอบว่า "ใช่ รู้จักดี ดูเหมือนจะถูกชะตาเป็นพิเศษด้วย"
 "ถ้าสมัยก่อนฝ่าบาท รับสั่งให้รู้เกี่ยวกับเรื่ององค์หญิงแฝด เรื่องไม่ดีก็คงไม่เกิด หม่อมฉันกับชิซู ล้วนทำเพื่อประโยชน์ต่อบ้านเมืองทั้งสิ้น หม่อมฉันจึงอยากให้เขาเป็น “วอนซังฮา” เป็นครูฝึกให้แก่เหล่าองครักษ์"
 "ข้า ได้ยินมาแล้ว หวังว่าท่านชิซูจะเปลี่ยนจาก ความมุ่งมั่นในการตามล่าข้า เป็นความตั้งใจ ที่จะสอนองครักษ์ของเราให้เก่งขึ้น แล้วอีกไม่นาน องครักษ์ทุกคนก็จะเก่งเหมือนท่าน"
 "หึ ดูเหมือนข้างนอกจะเตรียมพร้อมแล้ว เชิญเสด็จเถอะ" มีซิลเชิญ
 โพจองรีบ บอกยังไปไม่ได้ เพราะตอนนี้มีการต่อสู้กันขึ้น เนื่องจากมุนโนจะเข้ามาแต่เหล่าองครักษ์พากันห้ามทำให้เกิดการต่อสู้ องค์หญิงต๊อกมานกับมีซิลรีบไปดูทันที มีซิลเข้าไปทักมุนโน
 "ไม่เจอกัน หลายปีทีเดียว นึกว่าจะไม่ได้เห็นท่านอีกแล้ว ท่านมุนโน"
 มุนโนทักตอบ "ใช่ ไม่เจอกันนานมาก ท่านมีซิล"
 "ว่าแต่ วันนี้นึกยังไง ถึงกลับมาที่นี่อีก"
 "ข้าเผอิญผ่านมาทางนี้ ได้ยินว่าจะมีการแต่งตั้งวอนซังฮาคนใหม่ โดยเฉพาะที่นั่งของข้ายังว่างอยู่ไม่ใช่หรือ"
 "ใช่ แน่นอนอยู่แล้ว เราเผื่อที่นั่งให้ท่านมาหลายปี ท่านจะกลับเมื่อไหร่ก็ได้"
 "พริบตาก็ ไม่ได้เจอกันเกือบ 20 ปี"
 "เพราะอะไรกัน เป็นเพราะอะไรถึงต้องกลับมาอีก คำถามที่ข้าจะถามท่านก็มีเพียงข้อนี้ แต่ว่า คำตอบที่ท่านต้องตอบข้า ดูเหมือนจะมีมากกว่า นึกถึงสมัยก่อน เราเคยร่วมวางแผนและทำงานใหญ่ด้วยกันมานับไม่ถ้วน ท่านอารักขาพระเจ้าจินฮึง ในขณะที่ข้าดูแลองครักษ์ ตอนปลดพระเจ้าจินจิ เรายังมีความคิดตรงกันอยู่ หรือแม้แต่ ตอนหลังให้ท่านแต่งงานกับญาติผู้น้องของข้าจนมีบรรดาศักดิ์เป็นชนชั้น ปกครอง"
 "ท่านพูดมาถูก ข้าเป็นลูกองค์หญิงเผ่าคาย่า มียศศักดิ์ขึ้นมาก็เพราะท่านมอบให้"
 "เมื่อรู้แล้ว ทำไมต้องทำอย่างงั้นอีก เพราะอะไร ถึงพาองค์หญิงแฝดอีกคนหนีไป อันเป็นการช่วยฝ่าบาท ที่สำคัญ พอรู้ว่าองค์หญิงแฝดกลับมาวังหลวงไม่ทันไร ท่านก็ตามกลับมาด้วย มันหมายความว่าไง" มีซิลว่า
 เหล่าองครักษ์พากัน ตื่นเต้นที่ได้รู้จักมุนโน เวลานั้นมุนโนยังคงคุยกับมีซิลว่า
 "ภรรยาข้า ที่ท่านเป็นแม่สื่อให้ และพ่อของนาง หรือก็คือพ่อตาข้าซึ่งเป็นเสนาบดีใต้เท้า “ชุยบู” นั้น ไม่เพียงเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ สมัยก่อนยังเคยชี้แนะให้ข้าหลายอย่าง จำได้ว่าท่านชุยบู เคยพูดกับข้าสมัยที่พระเจ้าจินจิ ถูกถอดถอนโดยมีท่านเป็นตัวตั้งตัวตี บอกให้ข้าสวามิภักดิ์ต่อท่าน"
 "ก็ ควรเป็นอย่างงั้น เพราะท่านชุยบูกับข้ามักมีความคิดที่ตรงกันเสมอ"
 "ใช่ ตอนนั้นพระเจ้าจินจิไม่ทรงห่วงใยบ้านเมืองเท่าที่ควร จึงต้องถูกถอดถอน จากนั้นไม่นาน มเหสีพระมเหสีมายาก็กลับมา ทำให้ท่านผิดหวังที่ไม่ได้ตำแหน่งมเหสีแทน"
 "แล้วตอนนี้ ท่านจะพูดอะไรกับข้ากันแน่"
 "ในวันประสูติขององค์หญิงฝาแฝด บังเอิญพ่อตาข้าก็เสียชีวิตในวันนั้น"
 "แล้วยังไง หมายความว่า ท่านสงสัยว่าข้าฆ่าเขาหรือ"
 "ไม่ใช่อย่างงั้น ข้าแค่จะบอกว่าทั้งสองเรื่องล้วนทำให้สับสน เหมือนจู่ๆ ก็จับต้นชนปลายไม่ถูก สุดท้ายเลยออกจากวังเงียบๆ เพื่อไปทำใจซักพัก"
 "งั้น ตอนนี้ทำใจได้แล้ว เลยจะกลับมาอีกครั้ง อย่างงั้นใช่ไหม"
 "ไม่ใช่ ที่ข้ากลับมาเพื่อจะช่วยไม่ให้คนอื่นสับสนด้วย"
 "ช่วยคนอื่น ไม่ให้สับสนหรือ"
 "ตำแหน่งผู้บัญชาการองครักษ์ ข้าจะเป็นคนคัดเลือกเอง"
 อีก ฝั่งหนึ่งองค์หญิงต๊อกมานก็รับฟังเรื่องราวจากโซวา
 "ตอนนั้นหนีไปเพราะ ไม่อยากเจอเขาหรือ"
 โซวาว่า "เพคะ ท่านมุนโนบอกว่า ให้ไปรอที่หังโจวก่อน แล้วเขาจะมารับเรา แต่สุดท้าย หม่อมฉันก็พาองค์หญิง หนีไปอยู่ทะเลทรายแทน"
 องค์หญิงต๊อกมานไม่เข้าใจ "เพราะอะไร"
 "เพราะ ไม่อยากให้องค์หญิง กลับมาอยู่ในชิลลาที่มีมีซิลเป็นผู้ครองอำนาจอีก ที่สำคัญฝ่าบาท รับสั่งว่าให้เลี้ยงองค์หญิง ให้มีชีวิตรอดก็พอแล้ว อีกอย่าง ไหนๆ ก็เลี้ยงมาแล้ว หม่อมฉันเลยเห็นองค์หญิงไม่ต่างกับลูกในไส้ แต่ว่า เมื่อกี้ มีหนุ่มคนหนึ่งบอกว่าเป็นศิษย์ท่านมุนโนหรือเพคะ"
 "หึ ใช่"
 "แล้ว ชื่อของเขา คือพีดัม ใช่หรือเปล่า"
 "ใช่"
 โซวาตกใจ "หา"
 องค์หญิงต๊อกมานสงสัย "ทำไมหรือ มีอะไร"
 "เอ่อ หึ ไม่มีอะไรเพคะ เพียงแต่ เหมือนจะเคยได้ยินมาก่อน"
 โซวานึกถึงคำพูดของมุ นโนที่กล่าวว่า
 "พีดัม เจ้าว่านางน่ารักมั้ย พีดัม อีกหน่อยองค์หญิงน้อยจะเป็นคู่ครองของเจ้า"
 โซวาตกใจ "อะไรนะคะ ท่านมุนโน พูดอะไรออกมาน่ะ"
 "นี่คงเป็นสวรรค์ลิขิต แต่ข้าก็ถือว่าเป็นหน้าที่สำคัญ เด็กที่เป็นศัตรูกับมีซิล และลูกชายของนาง มาอยู่กับข้าหมด"
 ยิ่งฟังโซวายิ่งตกใจ "หา"
 "อีกหน่อยองค์หญิงอาจ ได้เป็นพระมเหสี ส่วนพีดัมซึ่งเป็นโอรสของพระเจ้าจินจิ ก็จะได้เป็นราชบุตรเขย"
 "เอ่อ แต่ว่า เขาเป็นสายเลือดท่านมีซิลนะคะ"
 "เป็น ลูกที่ถูกนางทอดทิ้ง และพระเจ้าจินจิก็ให้ข้าช่วยเลี้ยงแทน"
 "เอ่อ แต่ว่า"
 "ข้าจะให้เด็กสองคนนี้ได้ทำงานเพื่อบ้านเมือง หรือมันอาจจะเป็น ชะตาของพวกเขาสองคนก็ได้"
00000000000000000

 ซอ วอนฟังเรื่องราวของมุนโนจากมีซิลแล้วก็ไม่ค่อยพอใจ
 "เขาบอกว่าจะเลือก ผู้บัญชาการองครักษ์ด้วยตัวเองหรือ"
 มีซิลว่า "ใช่"
 "ความจริงก็ เป็นความคิดที่ดี ตามหลักต้องให้โพจองขึ้นตำแหน่งผู้บัญชาการองครักษ์ แต่ตอนนี้มีองค์หญิงองค์หญิงต๊อกมานมาเป็นนายใหม่ ย่อมทำให้มีเสียงครหา แต่ถ้าให้มุนโนตัดสินเอง พวกเสียงนกเสียงกาก็จะเบาลง ข้าหมายความว่าผลจะออกมายังไง แม้แต่มุนโนก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้"
 "ถ้า ทดสอบด้วยฝีมือจริง ไม่มีใครสู้โพจองได้อยู่แล้ว"
 ซอวอนเห็นด้วย "ใช่"
 "และ มุนโนก็ไม่กล้าลำเอียงหรือตัดสินอย่างมีอคติด้วย"
 "ใช่ คนอย่างเขาไม่ยอมทุจริตอยู่แล้ว"
 "ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ อิทธิพลที่เขามีต่อเหล่าองครักษ์และความศรัทธาที่ทุกคนมีต่อเขา ก็จะถูกลดลงไปทันที"
 "ถูกต้อง"
 มุนโนเข้ามาถามมีซิล "ท่านตัดสินใจได้แล้วใช่ไหม"
 "ใช่ ข้าเห็นด้วยกับท่าน ที่จะให้จัดงานคัดเลือก และให้ท่านรับผิดชอบงานนี้เอง"
 "ดี ข้าจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย"
 "ข้อนี้ข้าไม่สงสัยอยู่แล้ว เดี๋ยวก่อนท่านมุนโน"
 "ครับ ท่านเซจู"
 "ไม่มีอะไร เชิญท่านออกไปได้"
 "ครับ ข้าขอตัว"
 ซอวอนกล่าวกับมีซิลว่า "ท่านเซจู ท่านไม่ได้ถามเขา เกี่ยวกับเรื่องของ “ยอนจง” หรอกหรือ ได้ยินว่าสมัยก่อนพระเจ้าจินจิทรงกำชับให้เขาดูแลยอนจงแทน หลังจากนั้นเขาก็พาเด็กออกจากวังไป"
 "ลูกที่ทิ้งไป ข้าไม่อยากสนใจอีก ท่านก็รู้ไม่ใช่หรือ เกี่ยวกับเรื่องอดีต ข้าไม่เคยเสียใจ"
 "เด็กหนุ่ม ที่ชื่อพีดัม ท่านจะสนใจบ้างมั้ย หรือจะให้ข้าสืบประวัติดู"
 มีซิลเสียง ดุ "เรื่องไร้สาระ อย่าไปยุ่งเลย ดูเรื่องการประลองดีกว่า"
 แล้วมีซิลก็ ประกาศให้องครักษ์ทราบทั่วกันว่า
 "ตามกฎขององครักษ์ จะมีการคัดเลือกผู้บัญชาการรุ่นที่ 15 และการประลองในคราวนี้ จะให้ท่านมุนโนเป็นประธานการตัดสินและดูแลทั้งหมด ส่วนการแข่งขันจะแบ่งเป็น 3 ประเภท ประเภทที่หนึ่งนั้น อีก 3 วันจะจัดที่ห้องประชุม ของเรา ขอให้องครักษ์ทุกคนร่วมเป็นกำลังใจและเป็นสักขีพยาน"
 องค์หญิงต๊อกมาน คุยกับมุนโนว่า
 "ข้าหาตั้งแต่อยู่ทะเลทรายจนถึงชิลลา หึ ในที่สุดก็ได้พบท่าน"
 "ได้ยินว่าองค์หญิงกลับมาก็เพราะหม่อมฉัน"
 "หึ ใช่ เมื่อก่อนนึกว่าท่าน เป็นพ่อบังเกิดเกล้าของข้า"
 "อย่างงั้นหรอก หรือ"
 "ใช่ แม้ตอนนี้จะรู้ว่าไม่ใช่ แต่ความรู้สึกยังคงมีอยู่ เหมือนได้เจอญาติผู้ใหญ่ที่จากไปนาน ทำให้ข้ารู้สึกอุ่นใจขึ้น"
 "องค์ หญิง ได้ยินว่าทรงชิงอำนาจจากมีซิล ทำให้ได้รับการยอมรับในวันนี้"
 "ใช่"
 "ป้าย หินนั่นก็เป็นการทำขึ้น"
 "หึ ใช่"
 "แน่นอนว่า หม่อมฉันรู้ว่าองค์หญิงจะมอบอำนาจให้ราษฎร เพราะวันก่อน ได้ไปดูการก่อสร้างหอดูดาว ทรงคิดว่าอะไรคือผู้ครองเมือง หน้าที่ของผู้ครองแคว้นชิลลาต้องทำอะไรบ้าง จริงอยู่ที่องค์หญิงชอนมยองประสบเหตุร้าย ทำให้หม่อมฉันเสียใจต่อเหตุที่เกิดขึ้น ซ้ำยังโกรธแค้นมีซิลอีกต่างหาก แต่ว่า ความแค้นอาจกลายเป็นพลังให้เราเดินหน้าก็จริง แต่ไม่อาจช่วยให้บรรลุเป้าหมายง่ายๆ ไม่ใช่ มันอาจกลายเป็นคุณสมบัติที่เลวร้าย สำหรับการเป็นนักปกครองด้วยซ้ำ เพราะจะทำให้เกิดความอาฆาต"
 องค์หญิงต๊อกมานไม่เข้าใจ "ท่านจะพูดอะไรกับข้ากันแน่"
 "หม่อมฉันไม่เห็นด้วยที่องค์หญิงคิดจะ ปกครองแคว้นชิลลา เหตุผลมีอยู่หลายประการ ที่ทูลไปเมื่อกี้ คือเหตุผลข้อที่หนึ่ง ฉะนั้น หม่อมฉันจะไม่ให้ความช่วยเหลือแก่องค์หญิง แต่ถ้าจะทรงเดินหน้าต่อไป องค์หญิงก็ต้องพิสูจน์ให้หม่อมฉันดู ว่าทรงมีอะไรเหนือกว่ามีซิลบ้าง ถ้าอยากใช้หม่อมฉันก็ต้องมีผลงานเหมือนกัน"
 เวลา ต่อมามุนโนก็กล่าวกับโซวาทำนองดุ
 "สมัยก่อนทำไมทำอย่างงั้น ทำไมต้องหนีข้า ไม่ทำตามที่สั่ง รู้มั้ยว่าเจ้าทำให้ข้าเสียงานแค่ไหนน่ะ"
 "หมาย ถึงเรื่องคู่ครอง ขององค์หญิงต๊อกมานหรือคะ หึ ไม่ได้เด็ดขาด ท่านก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นลูกใคร แล้วทำไม ยังจะพยายามให้องค์หญิงองค์หญิงต๊อกมานอภิเษกกับเขาอีกล่ะคะ แม้ว่า ข้าจะโง่เขลาเบาปัญญา แต่ยังไงก็ไม่เห็นด้วยกับความคิดแบบนี้ หึ เหมือนที่ฝ่าบาทรับสั่ง ให้ข้าออกจากวัง พาองค์หญิงไปเลี้ยงอย่างคนธรรมดาก็พอแล้วนี่คะ หึ เป็นตายร้ายดี ข้าก็ไม่ให้องค์หญิงกับพีดัม ได้แต่งงานอย่างแน่นอน"
 พีดัมแอบฟังและคิด "แต่ง แต่งงานอะไรกัน ข้ากับ องค์หญิงต๊อกมานน่ะหรือ"
 "ท่านยังไม่เลิก ล้มความตั้งใจอีกหรือ" โซวาว่า
 "เรื่องนี้ สมัยก่อนข้าคิดว่าเป็นชะตาของพวกเขา ส่วนตัวเองก็ต้องทำหน้าที่ให้ดี แต่เพราะเจ้าเป็นต้นเหตุ ทำให้ข้าไม่ได้เลี้ยงองค์หญิงเอง ส่วนพีดัม นิสัยเขาก็ไม่เป็นอย่างที่คิด"
 พีดัมคิดตาม "หรือว่าเรื่องในอดีตเรื่องนั้น เขายังจำได้? ให้ข้าแต่งงานกับองค์หญิงองค์หญิงต๊อกมานหรือ หึ ข้าจะคู่ควรได้ยังไง เฮ่อ หึ เฮ่ย แต่ว่า ถ้าข้าได้แต่งงานกับองค์หญิงต๊อกมานจริง ตำแหน่งพระราชา มิตกเป็นของข้าหรอกหรือ"
 พระมเหสีมายาเข้าไปเรียกองค์หญิงต๊อกมาน ทำให้องค์หญิงต๊อกมานที่นั่งเหม่อรู้สึกตัว
 "แม่เข้ามายังไม่รู้ นั่งคิดอะไรอยู่"
 "เปล่าเพคะ ไม่ได้คิดอะไร ว่าแต่ เมื่อไหร่ชุนชู จะกลับมาซะทีล่ะเพคะ เราส่งคนไปรับ นี่ก็ผ่านไปพักใหญ่แล้ว"
 "คงใกล้จะ มาถึงแล้ว ทำไมจ๊ะ เจ้าเป็นห่วงเขาหรือไง"
 "หึ หม่อมฉันก็อยากพบเขา ใจหนึ่งรู้สึกยินดี อีกใจก็รู้สึกกลัวเพคะ"
 "เจ้าน่ะหรือกลัว เพราะอะไรน่ะ"
 "เพราะว่า หม่อมฉันต้องขอให้เขาอโหสิกรรมบางอย่าง"
 พระ มเหสีมายาไม่เข้าพระทัย "ให้เขาอโหสิอะไรกัน"
 "หม่อมฉันเป็นต้นเหตุ ทำให้เขาต้องกำพร้าแม่"
 "องค์หญิงต๊อกมาน พูดอะไรน่ะลูก ทำไมคิดอย่างงั้นล่ะจ๊ะ"
จบ 31

ซอนต๊อก 32  
 
 มุนโนเข้า เฝ้าพระเจ้าจินพยองและมีซิลเพื่อทูลเสนอการทดสอบคัดเลือกผู้มีความสามารถ เป็นหัวหน้าหัวหน้าหน่วยองครักษ์ มีซิลต้องการเสริมสร้างชื่อเสียงให้โพจองจึงให้โพจองเข้าร่วมการคัดเลือกโดย มั่นใจว่าโพจองต้องได้รับการคัดเลือกอย่างแน่นอน
 มุนโนกำหนดการสังเกต เป็นหัวข้อหลักในการทดสอบ จากนั้นก็ตั้งคำถามสามสิ่งที่มีความหมายต่อแคว้นซิลลา
 "การคัดเลือกผู้ บัญชาการองครักษ์ รอบที่สองกำลังจะเริ่มขึ้น เป็นที่รู้กันมานานว่า ชื่อแคว้นชิลลาของเรานั้น ได้จากการขนานนามของพระเจ้า “จีจึง” ครั้งหนึ่งพระเจ้าจินฮึงเคยตรัสว่า คำว่า “ชิลลา” นั้นมีความหมายสามอย่าง และหมายรวมถึงองครักษ์ด้วย หัวข้อทดสอบรอบที่สองก็คือ ให้เวลา 3 วัน ไปหาความ หมายสามอย่างของคำว่าชิลลามาให้ข้า"
 องค์หญิงต๊อกมาน คิมยูซินและพวกพากันค้นหาคำตอบ
 ไอชองว่า "น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับคำว่าเหล็ก"
 องค์หญิงต๊อกมานแปลกใจ "เหล็กหรือ"
 "ชื่อเมืองหลวงว่า “ซอนาบู” ก็หมายถึงเหล็กอยู่แล้ว" คิมยูซินว่า
 องค์หญิงต๊อกมานสงสัย "ถ้าหมายถึงเหล็กจริง ก็คือ แหล่งกำเนิดของแร่เหล็กงั้นหรือ"
 "ใช่ สมัยก่อนบรรพชนที่มาบุกเบิก ได้ชื่อว่าเป็นตระกูลแห่งการผลิตเหล็กกล้า โดยมีสายแร่ที่ “คัมอึนโพ” และ “ดัลชอง” เป็นแหล่งผลิตเหล็กที่ดีที่สุด"
 "ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชิลลา มีความเจริญด้านโลหะและเครื่องทองสัมฤทธิ์มากกว่าใครในละแวกนี้"
 "หึ เพราะอย่างงี้นี่เอง เราจึงมีทั้งเครื่องมือการเกษตรและอาวุธมากกว่าแคว้นอื่นที่อยู่รอบข้าง"
 "ใช่ ถ้าหาก เอาความหมายนี้เชื่อมโยงกับหน่วยองครักษ์"
 องค์หญิงต๊อกมานว่า "ก็คือการเพิ่มกำลัง และนี่คือ ความหมายแรกของการเป็นองครักษ์"
 ซกพุง ว่า "ความหมายที่สอง เราตีความจากอักษรฮั่นดูก็ได้"
 "คำว่า “ชิล” นั้น หมายถึงไม้ที่ถูกโค่นแล้วยังงอกใบใหม่ กลายเป็นแตกสาขาออกไป"
 "ส่วนคำ ว่า “ลา” ก็หมายถึงเอาทุกอย่างรวมในที่เดียวกัน"
 องค์หญิงต๊อกมานคิด "แตกแยกออกไป แล้วรวมทุกสิ่งเป็นหนึ่งเดียวหรือ"
 "ใช่ ตรงนี้จะเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชิลลาด้วย"
 "สมัยก่อนเริ่มต้นที่หัวหน้า 6 ชนเผ่า ยกย่องให้คนต่างถิ่นแต่มีความรู้อย่างพระเจ้า “ย็อคกอแซ” เป็นปฐมราชาองค์แรกของแคว้นชิลลา" ไอชองว่า
 "พวกเขาไม่เพียงยอมรับคน ต่างถิ่น ยังให้เกียรติถึงขนาดขึ้นครองราชย์ เป็นพระราชาองค์แรกของเรา"
 "ใช่ ไม่เพียงแต่คนต่างถิ่น ต่อให้เชลยศึกที่ถูกจับมา เราก็ไม่เคยรังเกียจพวกเขา อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อเรา เราจะยิ่งยอมรับใด้เร็วขึ้น"
 "เปิดกว้างสำหรับเรื่องที่เราไม่รู้ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ชิลลายิ่งเจริญ ถ้าอย่างงั้น ความหมายที่สองของแคว้นชิลลา ก็คือการสร้างคนรุ่นใหม่หรือเปล่า"
 ไอชอง ว่า "ใช่ สมัยก่อนพระเจ้าจินฮึง ทรงส่งเสริมท่านมุนโนกับท่านมีซิล รวมถึงท่านซอวอนให้มีความก้าวหน้า แต่เนื่องจากท่านซอวอนมีฐานะต่ำต้อย ท่านมุนโนก็ไม่มียศศักดิ์ จึงต้องหันไปส่งเสริมท่านมีซิลแทน"
 คิมยูซิ นว่า "ทรงดูคนที่มีความสามารถของเขา ไม่เกี่ยงว่าเป็นชายหรือหญิง ถ้าใครทำได้ก็จะยิ่งไปไกล"
 "ใช่ ซ้ำยังไม่เกี่ยงชาติกำเนิด ขอเพียงมีความสามารถโดดเด่น พระองค์ก็จะทรงสนับสนุน โดยเฉพาะในหน่วยองครักษ์ คนไหนมีความรู้ก็จะได้ทำงานในราชสำนักด้วย"
 องค์ หญิงต๊อกมานมอง "สนับสนุนคนใหม่ ให้บ้านเมืองมีความเข้มแข็งหรือ"
 ขณะ ที่พวกมีเซ็ง ซอวอน ฮาจองก็พยายามคิดคำตอบ มีซิลก็กล่าวว่า
 "อย่าว่าแต่ องครักษ์ธรรมดา แม้แต่โพจองก็คิดไม่ได้"
 "อ้าว งั้น คิดไม่ได้แล้วเราจะชนะได้ไงล่ะพี่ใหญ่"
 "ไหนๆ โพจองก็เป็นฝ่ายชนะรอบแรกไปแล้ว ถ้าคำถามข้อสอง ยกเลิกไปเพราะไม่มีใครตอบได้ งั้นโพจองแค่ชนะการประลองในรอบสุดท้ายก็ถือว่าพอแล้ว"
 "แต่ว่าท่านเซจู"
 มี ซิลกล่าวแทรกขึ้นว่า "ข้อสองให้สละสิทธิ์การตอบซะ ท่านไปบอกโพจองตามนี้"
 ซอ วอนค้าน "ท่านเซจองจะว่ายังไง ทำไมไม่เห็นพูดซักคำล่ะ"
 "หา อ้อ ข้าหรือ ท่านเซจูว่าไง ข้าก็ว่าอย่างงั้น"
 เซจองกลับมาคุยกับมีซิลตามลำพัง มีซิลกล่าวว่า
 "กำลังคิดหนักเพราะคำถามของมุนโนอยู่ใช่ไหม ท่านไม่ต้องเป็นห่วงนักหรอก เพราะคนที่รู้คำตอบจนถึงวันนี้ มีเพียงเราสองคนเท่านั้น"
 "แต่เรื่องแบบนี้มันก็ไม่แน่นัก เกิดปะเหมาะเคราะห์ร้าย มุนโนก็รู้คำตอบอีกคนล่ะ"
 "ไม่มีทางหรอก ข้าเชื่อว่ามุนโนเอง ก็ไม่น่าจะรู้คำตอบนี้ได้ อย่างเก่งก็แค่คาดเดา แน่นอนว่า คนฉลาดอย่างองค์หญิงองค์หญิงต๊อกมานไม่แน่อาจรู้คำตอบก็ได้ แต่ว่า ถึงนางรู้ก็เท่านั้น นางจะเข้าใจเองว่าคำตอบนี้เป็นความลับ ไม่สามารถพูดออกมาได้"
 "เฮ่อ จำได้ว่าครั้งแรกที่ได้ยินคำถามนี้ คือจากพ่อข้า ใต้เท้า “ยีซอบู” ซึ่งตอนนั้นข้าก็อยู่กับเขา"
 "ใช่ และนั่นเป็นรับสั่งสุดท้ายของพระเจ้า “จีจึง” ซึ่งตอนนี้ได้สูญหายไปนานแล้ว"
 "เฮ่อ นั่น เหมือนฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง"
 มีซิลนึกถึงตอนที่พระเจ้าจินฮึงตรัสกับ ขุนนางและโนลิพูว่า
 "เมื่อก่อนเสด็จพ่อข้ามักจะสอนว่า ให้มุ่งทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หมายถึงอะไรนั้นคิดว่าท่านยีซอบูคงรู้ใช่ไหม"
 "พะยะค่ะ นั่นเพราะพระเจ้าจีจึง ได้มีพระดำริบางอย่าง ในขณะที่ทรงขนานนามแคว้นชิลลา"
 "ข้า ก็รู้เหมือนกัน แสดงว่าคำว่าชิลลานี้ น่าจะหมายถึงการสร้างฝันให้เป็นจริงด้วยหรือเปล่า"
 โนลิพูทูล "ใช่แล้วพะยะค่ะฝ่าบาท"
 "แต่ว่า เรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้หรือ"
 "ฝ่า บาท โปรดให้อุดมการณ์ของพระเจ้าจีจึงสืบทอดไปยังรุ่นหลัง ให้ช่วยกันสร้างฝันให้เป็นจริงเถอะพะยะค่ะ"
 "สร้างฝันให้เป็นจริงหรือ"
 "ใช่ แล้วพะยะค่ะ ที่บอกว่า นั่นเป็นฝันที่ไกลเกินเอื้อมนั้น เพราะชั่วชีวิตของคนๆ หนึ่ง ถ้าจะทำให้สำเร็จ คงยากจะเป็นไปได้แน่นอน แต่ว่า ถ้าทายาทรุ่นหลังของฝ่าบาท ทรงมีความวิริยะเช่นเดียวกับบรรพชน เชื่อว่า สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ซักวันต้องเป็นจริงแน่"
 "เป็นความคิดที่ ไม่เลว แล้วข้าจะถ่ายทอดให้ลูกหลานยังไง"
 "ฝ่าบาท ทรงเรียบเรียงเป็นหนังสือก็ดีนะ"
 "เป็นหนังสือหรือ"
 "ถ้าไงเชิญ ท่าน “ชุยบู” มาเฝ้า และให้เขาบันทึกเป็นประวัติของแคว้นชิลลา เพื่อให้พระดำริของฝ่าบาทสืบต่อไปยังชั่วลูกชั่วหลาน"
 "นั่นสิพะยะค่ะ ทรงบันทึกเป็นประวัติก็ยิ่งดี" โนลิพูเห็นดีด้วย
 "อึม มันจะเป็นตำนานการบุกเบิกแผ่นดินกว่า 500 ปีของแคว้นชิลลา จึงให้บันทึกไว้เพื่อสืบต่อไปยังชั่วลูกชั่วหลาน เพื่อให้พระราชาที่ต่อจากข้าได้เจริญรอยตามบรรพชนของเรา หนังสือประวัติศาสตร์เล่มนี้ ให้ชื่อว่า กุกซา”
 "พะยะค่ะฝ่าบาท เมื่อมีรับสั่งลงมา หม่อมฉันก็จะตั้งใจ เรียบเรียงให้ครบถ้วนพะยะค่ะ"
 เมื่อ ขุนนางแก่ทราบก็ตกใจ "ตายล่ะ ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะฝ่าบาทสั่งการหรือ"
 โน ลิพูกล่าวว่า "รับสั่งว่าคำสอนของบรรพชนไม่มีความหมาย จากนั้น ก็ให้ทำลายหนังสือประวัติศาสตร์ทั้งหมด"
 มีซิลถามโนลิพู "ท่านคิดจะทำไงต่อดีคะ"
 "นั่นเป็นพระดำริของพระเจ้า “จีจึง” มานานปี ไม่นึกว่าพระเจ้าจินจิ กลับไม่ทรงเห็นความสำคัญ"
 "ตอนนี้อำนาจอยู่ในมือ เรา เห็นทีคงต้องทำอะไรบางอย่างแล้ว"
 "ในเมื่อเสนาบดีทั้งสองให้การสนับ สนุนข้า ก็เปรียบเหมือนมีกำลังทหารนับแสนอยู่ในมือ รอให้ถึงพรุ่งนี้เช้า ข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเอง"
 มีซิลเข้าเฝ้าพระเจ้ากึมยุน
 "ฝ่าบาท จะทิ้งหม่อมฉันจริงหรือเพคะ ที่สำคัญ ยังมีลูกชายของเราด้วย ให้เป็นลูกที่เกิดจากสนมได้หรือเพคะ หม่อมฉัน ถึงขนาดปิดบังราชโองการของอดีตพระราชา เพื่อให้ฝ่าบาท ได้ทรงครองราชย์อย่างทุกวันนี้นะเพคะ"
 "มีซิล ต่อไปห้ามพูดเรื่องราชโองการอีก จำไว้ด้วย"
 มีซิลให้ซอวอนไปคุยกับมุนโน ให้มาเป็นพวกเดียวกัน แต่มุนโนปฏิเสธบอกว่าขอเป็นกลาง
 มีซิลกล่าวว่า "องครักษ์ทั้งหลาย มีความประสงค์ให้ฝ่าบาททรงสละบัลลังก์ ก่อนอดีตพระราชาจะสวรรคตได้มีรับสั่ง ผู้สืบบัลลังก์ต่อจากพระองค์นั้น ไม่ใช่โอรสองค์รองคือองค์ชายกึมยุน หากแต่เป็น โอรสขององค์ชายใหญ่ ทงยุน หรือก็คือพระนัดดาองค์โต องค์ชายแผ่กจองเป็นพระราชาองค์ต่อไป"
 โนลิพู ประกาศก้อง "องค์ชายแผ่กจอง คือพระราชาของเรา"
 เหล่าขุนนางกล่าว "ฝ่าบาทๆๆๆ"
 ขุนนางแก่คนหนึ่งถอนใจ "เฮ่อ ถัดจากนี้ ก็คือ เราต้องช่วยให้มีซิลได้เป็นพระมเหสี"
 "แต่ว่า เรื่องบางอย่างข้าก็อดห่วงไม่ได้เหมือนกัน เพราะวันที่พระเจ้าจินฮึงสวรรคตนั้น ท่านได้ยินข่าวลือบางอย่างหรือเปล่า"
 "เป็น ข่าวที่ไม่มีมูลความจริงไม่ใช่หรือท่าน"
 "เฮ่ย แม้จะเป็นข่าวไม่สู้ดีนัก แต่ก็เป็นความจริง แต่ว่า จะให้เสียงวิพากษ์ วิจารณ์ภายนอก มาทำให้เราเสียจุดยืนก็ไม่ถูกเหมือนกัน เพราะที่นางต้องการ ก็คือตำแหน่งมเหสีเท่านั้น หากนางได้เป็นจริง คงมีความจงรักภักดี และถวายการรับใช้ฝ่าบาทอย่างซื่อสัตย์ที่สุด เฮ่ย เพราะฉะนั้น ก่อนที่นาง จะบรรลุเป้าหมายที่ต้องการจริงๆ ขอให้พวกท่านช่วยนางหน่อย"
 "ถือซะว่า เห็นแก่ความอยู่รอดของบ้านเมืองเถอะนะ"
 และเมื่อพระมเหสีมายาเสด็จกลับ วังหลวงอย่างปลอดภัย ขุนนางก็มาบอกกล่าวกับมีซิลว่า
 "พระชายา ไม่ใช่ ในเมื่อพระมเหสีเสด็จกลับมา แล้วเราจะทำไงต่อดี เท่ากับว่าท่าน ไม่มีวาสนาได้ครองในตำแหน่งนี้"
 "ท่านพูดราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดา"
 "แม้ จะเป็นเรื่องน่าเสียดายก็จริง แต่ท่านเซจู ก็ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยรับสั่งของพระเจ้าจินฮึง ไม่ใช่เพราะ เห็นแก่ตำแหน่งพระมเหสีจึงได้ก่อการไม่ใช่หรือ"
 "เพราะฉะนั้น จึงต้องตัดใจจากตำแหน่งนี้ และทำงานเพื่อบ้านเมืองต่อไป ท่านจะพูดแบบนี้ใช่ไหม"
 "ใช่ ตามหลักเราน่าจะเปิดเผยประวัติชิลลาที่ถูกพระเจ้าจินจิทำลายไป เพื่อเผยแพร่เจตนารมณ์ของพระเจ้าจินฮึงมากกว่า"
 "เผยแพร่เจตนารมณ์หรือ"
 "ท่าน เซจู มีปัญหาอะไรหรือ"
 "สิ่งที่พระเจ้าจินฮึงต้องการให้ทายาทรุ่นหลัง ได้รับรู้ก็คือ การส่งเสริมให้เชื้อพระวงศ์มีอำนาจมากขึ้น แล้วทำไมเราต้องทำอย่างงั้นด้วย"
 "ท่านเซจู"
 "สงครามก็เป็นการสร้าง อำนาจอยู่แล้ว ขุนนางจะถูกมองข้ามความสำคัญ เพราะฉะนั้น แล้วทำไม เราต้องไปทำตามอีก"
 "นี่แปลว่าข้ามองผิด อุดมการณ์ของเราไม่ได้ตรงกันหรอกหรือ ถ้างั้นเพราะอะไร ท่านต้องถอดถอนพระเจ้าจินจิด้วย"
 "ถ้าข้าเป็นมเหสี การสร้างอำนาจก็เท่ากับส่งเสริมตัวเอง ถ้าข้าเป็นมเหสี ไม่ว่ามีพระบัญชาอะไร ข้าก็จะทำตามหมด แต่ว่า ตอนนี้ข้าไม่ได้เป็นมเหสีซักหน่อยท่านชุยบู ถ้าพระราชามีอำนาจมากขึ้น ขุนนางก็จะหมดความหมายโดยนัย และสุดท้าย ก็จะไม่มีการลงมติ ทุกอย่างจะเป็นไปตามความประสงค์ของพระราชาไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ท่านต้องการอย่างงั้นหรือ ช่วยบอกหน่อยซิ"
 "ฮึ่ม แม้ท่านจะไม่ยอมช่วยทำงานอีก แต่ข้าจะยึดตามรับสั่งของพระเจ้าจินฮึง เปิดเผยเรื่องประวัติชิลลา ให้เป็นที่รับรู้โดยทั่วกัน"
 "ข้าก็ไม่ได้ ว่าจะเผาประวัติชิลลาทิ้งไปซักหน่อย เพียงแต่อยากจะขอแก้นิดหน่อยเท่านั้น ชื่อแคว้นชิลลาอันประกอบด้วยความหมาย 3 อย่างนั้น ให้เผยแพร่เพียงแค่สองอย่างก็พอ"
 "ท่านเซจู ข้าจะขอเตือนท่านไว้ก่อน ห้ามทำแบบนี้เด็ดขาด นั่นเป็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์"
 "งั้นหรอกหรือ งั้นก็เข้าใจแล้ว เอาเป็นว่า ข้าเข้าใจความหมายของท่านอย่างถ่องแท้"
 "วัน ที่พระเจ้าจินฮึงสวรรคต ข้าอยากรู้ว่าท่าน ไปทำอะไรในตำหนักหรือเปล่า แม้ว่าคำให้การของหมอหลวงจะใช้อ้างอิงไม่ได้ก็จริง แต่ในวันที่พระเจ้าจิน ฮึงสวรรคตนั้น กระถางต้นไม้ที่อยู่ข้างพระแท่น อยู่ดีๆ ก็เฉาตาย"
 "พระ เมตตาที่ทรงประทาน หม่อมฉันจะไม่มีวันลืมเพคะ ที่สำคัญฝ่าบาท แม้จะถึงบั้นปลายของพระชนม์ ก็ไม่ต้องให้หม่อมฉันตอบแทนน้ำพระทัยอันประเสริฐ หม่อมฉัน จะไม่มีวันลืมพระองค์อย่างแน่นอน"
 "อีกอย่าง ในคืนนั้นทหารที่เฝ้าตำหนักใหญ่ จู่ๆ ก็ถูกโยกย้ายออกไป เรื่องนี้ท่านจะอธิบายยังไง"
 "คำตอบของข้าคือเก็บความสงสัยของท่านไว้ อย่าพูดให้มากนัก"
000000000000000

 ปัจจุบัน มีซิลถามมุนโนเรื่องคำถามว่า
 "ท่านมุนโน ทำไมถึงตั้งคำถามที่เปราะบางแบบนี้ ท่านต้องการอะไรกันแน่"
 "สมัย ก่อนพระเจ้า “จีจึง” เคยตรัสว่าชื่อแคว้นชิลลามีความหมายสามอย่าง"
 "ใช่ แต่ที่รู้กันมีเพียงสองข้อ ข้อสามไม่เป็นที่เปิดเผยมานาน"
 "แต่สมัย ก่อนใต้เท้าชุยบูเคยรับบัญชาจากพระเจ้าจินฮึงให้เรียบเรียงประวัติชิลลาขึ้น ใหม่ ในนั้นมีเขียนว่าความหมายที่สามคืออะไรไม่ใช่หรือ"
 "เขาอาจจะลืม เลยไม่ได้บันทึกไว้ก็ได้"
 "ตำราทั้งหมด 48 เล่ม เปิดมาเล่มแรกว่าด้วยเรื่องของพระเจ้า “จีจึง” ก็ได้ถูกบันทึกไว้แล้ว แต่ได้สูญหายไป หลังพระเจ้าจินจิถูกถอดถอนไม่นาน"
 "แล้วยังไง ท่านจะบอกว่า ข้าแก้ไขดัดแปลงงั้นหรือ"
 "หลังจากนั้นใต้เท้าชุยบู ก็เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ"
 "เฮ่อๆๆ แล้วยังไง ท่านเลยมาสงสัยข้า หาว่าเป็นคนฆ่าเขาหรือ ครั้งหนึ่งท่านชุยบูเคยมีความคิดตรงกับข้า เราจึงร่วมมือถอดถอนพระเจ้าจินจิออกจากบัลลังก์"
 "ข้ารู้ว่าเรื่องการ ปลดพระเจ้าจินจิ เป็นความเห็นชอบของหลายฝ่าย ตอนนั้นแม้แต่ข้าเองก็ไม่คัดค้านแต่อย่างใด แต่ว่า หลังจากนั้นประโยชน์ที่ได้ก็แตกต่างกันไป"
 "พระเจ้า “จีจึง” เป็นองค์แรกที่มีดำริเกี่ยวกับอุดมการณ์ที่ไกลเกินเอื้อม จากนั้นโอรสคือพระเจ้าจินฮึง จึงคิดสานต่ออุดมการณ์นั้น แต่ว่า จะทรงทำได้หรือ ข้าอยากถามท่านหน่อยว่า รู้มั้ยว่าอุดมการณ์นั้นคืออะไรกันแน่"
 "ใช่ ข้ายอมรับว่าตัวเองไม่รู้ เพียงแต่รู้ว่าควาหมายที่สามของชื่อแคว้น ไม่ได้รับการเผยแพร่ต่อมาเท่านั้น จึงอยากให้เด็กรุ่นหลังที่มีหัวคิดและห่วงใยบ้านเมือง ช่วยหาความหมายตรงนี้ออกมา"
 "ถ้าอย่างงั้น มันก็เป็นแค่ความคาดหวังของท่าน"
 "คิดว่าท่านเซจู คงจะรู้คำตอบล่ะสิ"
 "ใช่ ข้ารู้คำตอบในเรื่องนี้"
 คิมยูซิน ไอชองและองค์หญิงต๊อกมานเข้าไปค้นข้อมูล
 คิมยูซินว่า "เดี๋ยวก่อน ตราประทับไม่เหมือนกัน"
 "จริงด้วย หนังสือที่ถูกส่งมา จะมีตราประทับของเจ้ากรมพิธีการ"
 "แต่ทำไมเล่มแรกไม่เหมือนเล่มอื่น"
 "น่า แปลกที่ว่า ตราประทับเล่มแรกไม่ใช่มาจากเจ้ากรมพิธีการนี่สิ"
 องค์หญิง ต๊อกมานถาม "ได้ข้อมูลอะไรบ้างมั้ย"
 "ไม่มีข้อมูลพิเศษพะยะค่ะ นอกจากความแตกต่างของหนังสือบางเล่ม"
 "ความต่างของหนังสือหรือ"
 องค์ หญิงต๊อกมานไปเฝ้าพระเจ้าจินพยอง ทรงตรัสว่า
 "อาจเพราะเล่มแรกถูกทำลาย และมีการเขียนใหม่ จึงทำให้ตราของเจ้ากรมพิธีการดูเปลี่ยนไปก็ได้"
 "ถูก ทำลายหรือเพคะ"
 "หลังจากแม่เจ้ากลับมา แล้วไม่นานเจ้ากับชอนมยองก็เกิด ไต้เท้าชุยบูได้มอบจดหมายให้ข้าฉบับหนึ่ง จากนั้นไม่นาน เขาก็ล่วงลับจากโลกนี้ไป และเหล่าขุนนางก็มีมติให้ท่านเซจองเป็นเสนาบดีแทน"
 "ท่าน เซจองหรือเพคะ"
 "ไม่รู้เพราะบังเอิญหรืออะไร ในช่วงคาบเกี่ยวนั้น จู่ๆ ประวัติเล่มแรกก็หายไป หึ และคนที่รับหน้าที่ในการเขียนใหม่ คือท่านเซจอง จึงได้เขียนอีกเล่มขึ้นมา"
 "ถ้าอย่างงั้น เกี่ยวกับที่มาของชื่อแคว้น"
 "มี เพียงคำร่ำลือว่าพระเจ้าจีจึง รวมเอาความหมาย 3 อย่างในการขนานนามชื่อแคว้นของเราใหม่เท่านั้น แต่ว่า ความหมายที่แท้จริงกลับไม่มีใครรู้"
 "หมายความว่า ไม่มีอยู่ในบันทึกหรือเพคะ"
 "ประวัติที่ท่านเซจองเขียนใหม่ จารึกความหมายแค่สองอย่างเท่านั้น หึ ว่าแต่ ทำไมท่านมุนโนถึงตั้งโจทย์แบบนี้ได้นะ"
 "ถ้างั้น จดหมายของไต้เท้าชุยบู ให้หม่อมฉันดูหน่อยได้ไหมเพคะ"
 "เอากล่องใส่จดหมายมาซิ"
 มหาดเล็ก น้อมรับ "พะยะค่ะฝ่าบาท"
 องค์หญิงต๊อกมานทูล "ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เอาไหน เป็นห่วงเสถียรภาพของบ้านเมือง และความอยู่รอดของราชสำนัก จึงได้ถวายงานด้วยความภักดี ขอฝ่าบาททรงตระหนัก ปกครองบ้านเมืองให้ร่มเย็นด้วยเถอะ"
 "เขาแค่บอกว่าเป็นห่วงข้า และห่วงบ้านเมืองของเราเท่านั้น ไม่มีอะไรนอก เหนือจากนี้"
 "เพคะ"
 คิม ยูซินกล่าวกับองค์หญิงต๊อกมานอย่างแปลกใจ
 "อะไรนะ แปลว่าท่านเซจองเขียนประวัติใหม่หรือ"
 "ก่อนอื่น เราต้องสืบเรื่องท่านชุยบูให้แน่ชัดอีกที เพราะไม่ว่าประวัติเล่มแรกที่หายไป หรือแม้แต่ การเสียชีวิตกระทันหันของท่านชุยบู ก็ล้วนแต่น่าสงสัยทั้งนั้น ข้าอยากให้พวกท่านไปสืบดู ข้าก็จะสืบอีกทางเหมือนกัน"
 คิมยูซินกับไอชอง รับคำ "พะยะค่ะ"
 ในที่ประชุมยองชุนกล่าวขึ้นว่า
 "ท่านชุยบูคนนี้ สมัยก่อนถือเป็นเสนาบดีคนโปรดของพระเจ้าจินฮึง เคยช่วยงานพระองค์หลายอย่าง รวมถึงเรื่องศาสนาด้วย"
 "ได้ยินว่าเป็นแม่ทัพฝีมือดีด้วย ตอนยึดครองเนิน “เมาอุน” เขาเป็นแม่ทัพคู่พระทัยที่ไปรบด้วยกัน"
 "ใช่ สุดท้าย ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นถึง “ยีชังกา” ไม่ว่าพระเจ้าจินฮึงจะเสด็จไปไหน เขามักอยู่เคียงข้างตลอด"
 "ไม่เพียง รู้เรื่องประว้ติศาสตร์ ซ้ำยังเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ ที่สำคัญ เขียนบทความได้อย่างน่าทึ่ง เป็นทั้งนักรบและนักวิชาการ" คิมซอยอนว่า
 คิม ยูซินกล่าวต่อ "จึงรับหน้าที่ ในการเรียบเรียงประวัติแคว้นชิลลา"
 "ใช่ ตอนเรียบเรียงประวัติชุดนี้ ได้ยินว่าเขาพานักวิชาการ 20 คน ไปอยู่ในวัด “ฮึงยุน” เพื่อทำงานนี้โดยเฉพาะ"
 "ไปอยู่วัดฮึงยุน? หมายความว่าใต้เท้าคนนี้"
 องค์หญิงมานมยองว่า "ถ้าเทียบกับปัจจุบัน ก็คล้ายกับท่านมีเซ็งนั่นแหละเพคะ"
 องค์หญิงต๊อกมานถาม "ท่านมีเซ็งหรือ"
 "เท่าที่หม่อมฉันจำได้ในวัยเด็ก เขามีความรอบรู้ในวิชาหลายแขนง ไม่เพียงแต่วรรณศิลป์ แม้แต่โหราศาสตร์ คัดลายมือและดนตรี อ้อ เขายังเป็นนักประดิษฐ์ที่เก่งอีกต่างหากเพคะ"
 พระ มเหสีมายาตรัสว่า "หลายคนรู้แต่ว่า ท่านชุยบูคนนี้เป็นนักรบกับนักวิชาการเท่านั้น"
 "ใช่แล้วเพคะ และที่ต่างจากเปลือกนอกก็คือ เขาเป็นคนมีอารมณ์ขันและชอบแกล้งคนเล่น การละเล่นในวงสุรา บางอย่างเขาก็เป็นคนคิดขึ้นเหมือนกัน"
 "อย่างงั้น หรอกหรือ"
 "ไม่เพียงแต่แค่นี้ เขาเป็นคนละเอียดอ่อนแม้แต่เรื่องลายมือ บางครั้งถ้วยสุราก็จะสลักชื่อตัวเองไว้เป็นอนุสรณ์ ไม่แค่ของใช้ที่เป็นไม้ แม้แต่ก้อนหินก็สามารถเขียนตัวอักษรได้ อ้อ เขาชอบเขียนตัวอักษรจิ๋วด้วยเพคะ"
 "ตัวอักษรจิ๋วหรือ"
 "ใช่ จำได้ตอนหม่อมฉันยังเด็ก เขาเคยให้ตุ๊กตาแกะสลักพร้อมตัวอักษรเล็กๆ เขียนไว้ ตอนเด็กสายตาดีเลยพอมองเห็นบ้าง แต่เดี๋ยวนี้อายุมากแล้ว กลับไปอ่านอีกทีก็มองไม่เห็นแล้วเพคะ"
 คิมยูซินกล่าวว่า "ว่าแต่องค์หญิง หม่อมฉันเห็นเรื่องแปลกอย่างหนึ่ง"
 "เรื่องอะไร"
 "วัน ก่อนเราไปที่หอตำราหลวง เจอท่านโพจองกับซกพุงกำลังค้นหาประวัติชิลลาอยู่ จากนั้นท่านซอวอนก็เข้ามา บอกให้หม่อมฉันไปอ่านให้พอ ส่วนสองคนนั้นก็ให้ออกจากห้องนั้นไป"
 "หึ งั้นหรือ"
 "และหลังจากวัน นั้น ท่านโพจองก็ไม่เคยไปที่ห้องเก็บตำราอีกเลย"
 องค์หญิงต๊อกมานปรึกษา กับคิมยูซิน
 "ถ้าหาก มีซิลรู้คำตอบเหมือนที่เราคิด"
 "ถ้ามีซิลรู้คำ ตอบจริง นางก็ต้องบอกให้โพจองรู้อยู่แล้ว"
 "แต่ว่า คำตอบที่มีซิลรู้ก่อน ท่านมุนโนจะถามได้ยังไง อีกอย่าง พฤติกรรมของท่านซอวอนกับโพจอง"
 "หรือว่า มีซิลรู้คำตอบนี้ก็จริง แต่ไม่กล้าพูดออกมา"
 "ข้าว่าอาจเพราะมีซิล มีส่วนเกี่ยวพันกับคำถามนี้มากกว่า ถ้าไง ข้าจะไปวัด “ฮึงยุน” ซักครั้ง"
 ขณะ ที่พีดัมก็มาสอบถามมุนโนเรื่องชาติกำเนิด
 "ทำไมจู่ๆ สนใจอยากรู้ขึ้นมา"
 "เพราะ ว่า ข้าอยากเป็นองครักษ์น่ะครับ"
 "อะไรนะ องครักษ์หรือ"
 "ในเมื่อ ตั้งใจจะทำงานให้องค์หญิง ข้าก็อยากเป็นองครักษ์เหมือนคนอื่น แต่ว่า ถ้าไม่มีหัวนอนปลายเท้าก็เป็นองครักษ์ไม่ได้ จริงมั้ยครับ เลยอยากรู้ว่า พ่อแม่ข้าเป็นใครกันแน่"
 พวกองค์หญิงต๊อกมานไปพบใต้ซือ
 "ห้องนี้ แหละพะยะค่ะ ที่สมัยก่อนท่านชุยบู มาทำการเรียบเรียงประวัติศาสตร์ชิลลาในห้องนี้ ซึ่งเรายังรักษาสภาพคงเดิมอยู่ และให้เป็นห้องค้นคว้าหาความรู้สำหรับเด็กรุ่นหลัง"
 องค์หญิงต๊อกมานถาม "แล้วนั่นคืออะไรหรือคะ"
 "ไม่ว่าจะอ่านทางตรงหรืออ่านทางขวาง ความหมายก็เหมือนกัน"
 "นั่นสิพะยะค่ะ “หมิงยึกวาง” แปลว่าแสงอาทิตย์สาดส่อง “ยึเทียนหมิง” อาทิตย์ส่องกระจ่างทั่วฟ้า “กวางหมิงเหยิน” ส่องสว่างถึงชาวโลกด้วย อ่านทางขวางก็ความหมายเดียวกัน"
 "เป็น วิธีเล่นอักษรไขว้ของคนโบราณ"
 "เล่นอักษรไขว้หรือคะ"
 "เหมือนที่ทุก คนเห็น ไม่ว่าอ่านตรงหรืออ่านขวางก็ความหมายเดียวกัน เมื่อก่อนตอนท่านชุยบูทำงานหนังสือจนรู้สึกเหนื่อยล้าทีไร ก็จะใช้วิธีเล่นอักษรไขว้ เพื่อเป็นการคลายเครียดให้ตัวเอง ซึ่งไม่เพียงเล่นอักษร เขายังเป็นคนช่างประดิด ประดอย ทำโน่นทำนี่ให้เป็นของใช้ขึ้นมา บางครั้งถ้าว่างก็จะนั่งเขียนรูปเป็นการผ่อนคลายอีกทางหนึ่ง"
 "แล้ว ระหว่างที่ท่านชุยบู หาข้อมูลเพื่อจะเรียบเรียงประวัติศาสตร์ ข้อมูลพวกนั้นยังอยู่หรือเปล่าคะ"
 "ข้อมูลส่วนใหญ่ ส่งกลับไปราชสำนักให้ทางการเก็บเหมือนเดิม เหลือเพียงบางส่วน ให้เด็กรุ่นหลังที่อยากรู้ ไว้เป็นแหล่งศึกษาหาข้อมูลอ้างอิง"
 "งั้นขอ เราดูหน่อยได้ไหมคะ"
 "เชิญตามสบาย"
 "ขอบคุณ"
 พระเจ้าจินพยองถาม มุนโนว่า
 "เพราะอะไรกันแน่ ทำไมต้องตั้งโจทย์แบบนี้ มีเหตุผลอะไร หรือว่า ท่านไม่รู้ความหมายที่สามของชื่อแคว้นหรือไง"
 "หม่อมฉันไม่ทราบ พะยะค่ะ"
 "ในเมื่อไม่รู้ แล้วทำไมต้องตั้งโจทย์แบบนี้อีก แต่ไหนแต่ไรมา ข้าพยายามจะหาความหมายนี้ เที่ยวไปสืบเสาะทุกทาง และไม่รู้ว่า มันจะเกี่ยวกับรับสั่งของพระเจ้าจินฮึง ที่ให้ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้หรือเปล่า ถ้ามันเกี่ยวจริง สิ่งที่เสด็จปู่เคยรับสั่งไว้ คืออะไรกันแน่ เฮ่ย ข้านึกยังไงก็นึกไม่ออก เฮ่ย ข้าไม่รู้ว่าตัวเอง ควรทำอะไรเพื่อเสด็จปู่ได้บ้าง"
 "หม่อมฉันก็ อยากรู้คำตอบนี้ จึงได้ตั้งโจทย์แบบนี้ออกมา เพราะเชื่อว่าความ หมายที่สาม มีแต่มีซิลคนเดียวเท่านั้นที่รู้"
 "นางรู้คำตอบคนเดียวหรือ ถ้างั้น ท่านหมายความว่านางจงใจปกปิดความหมายที่สามไว้ บิดเบือนประวัติศาสตร์งั้นหรือ"
 คิมยูซินอยู่กับครอบครัว องค์หญิงมานมยองกล่าวกับคิมยูซินว่า
 "นี่คือรูปแกะสลัก ที่สมัยก่อนท่านชุยบูเคยมอบให้แม่ไว้ ที่แม่เอาออกมา เพราะคิดว่าอาจเป็นประโยชน์ต่องานของเจ้าบ้าง"
 "แล้วทำไมตรงนี้"
 "หึ เจ้ายังหนุ่มอยู่ สายตาก็เลยดี ท่านชุยบูสลักอักษรจิ๋วไว้ แต่แม่มองไม่เห็นแล้ว"
 "อักษรจิ๋วหรือ ท่านแม่ ข้าจะไปข้างนอกเดี๋ยวนะ"
 องค์ หญิงต๊อกมานนำเรื่องอักษรไขว้มาปรึกษาคิมยูซิน
 "หึ เท่าที่รู้คือท่านชุยบูเป็นผู้เชี่ยวชาญการเล่นอักษรไขว้"
 "หมายความ ว่า"
 "จดหมายฉบับสุดท้ายที่เขาถวายให้เสด็จพ่อก่อนจะตาย นั่นอาจจะ ไม่ใช่จดหมายธรรมดาก็ได้ หา ประโยคตรงกลาง ท่านเห็นหรือเปล่า เป็นห่วงเสถียรภาพของบ้านเมือง"
 "แสดงว่า คำว่าเป็นห่วง"
 "ความอยู่ รอดของราชสำนัก"
 "คำว่า อยู่รอด”
 "จึงได้ถวายงานด้วยความภักดี"
 "ด้วย ความภักดี"
 "ขอให้ฝ่าบาทจงตระหนัก"
 "จงตระหนัก"
 "อ่านว่า “ซู ย็อค ตู ซอง” ถึงจะออกเสียงไม่เหมือน แต่หมายถึงมีดโซยับแน่ มีดโซยับ จงตระหนักหรือ เอ่อ มีดเล่มนี้จะเขียนอะไรบ้าง"
 "อักษรจิ๋ว ตรงนี้มีอักษรจิ๋ว"
จบ 32




เครดิต : oknation.net/blog/lakorn



   
 
ความคิดเห็น


.: ต้องการแสดงความคิดเห็น กรุณาบันทึกความคิดเห็นของคุณลงบนแบบฟอร์มข้างล่างนี้ ขอบคุณค่ะ :.

ละครปัจจุบันตอนล่าสุด
(ตอนอื่น ๆ)
ตอนที่ 31 - 32
ละครที่ฉายอยู่ปัจจุบัน
จามอง ยอดหญิงผู้พิทักษ์แผ่นดิน (3)
ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน (15)
ร่วมแสดงความคิดเห็น
* ชื่อ :  
   
อีเมล์ :  
   
* รายละเอียด  
 

ใส่ข้อมูลได้อีก ตัวอักษร
 
* ใส่ค่าตามภาพ  
 
 
 
SABUYJAISHOP ผู้ให้บริการทางการตลาดออนไลน์ สำหรับร้านค้าหรือผู้ประกอบการ ที่ต้องการนำเสนอสินค้า โฆษณา ประชาสัมพันธ์ร้านค้า หรือสินค้าในร้าน โดยเรามีเครื่องมือที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเปิดร้านค้า โฆษณาสินค้า และระบบการสั่งซื้อสินค้าไว้พร้อมสรรพแล้ว สำหรับผู้ที่ต้องการช่องทางในการทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์