แหล่ง shopping
   สินค้าจากร้านค้า
ปั๊มเติมสารละลายสำหรับกระบวนการบำบัดน้ำเพื่อการอุปโภค เครื่องเติมสารละลาย
ดูขนาดรูปภาพจริง
เอส ไรคส์ จำหน่ายปั๊มอุตสาหกรรม ปั๊มเคมี เครื่องสูบส่งของเหลว-หนืด
ดูขนาดรูปภาพจริง
CI&SI-1531 เสื้อแขนสั้น มิกกี้ Chanel สีดำ/สีแดง
ดูขนาดรูปภาพจริง
Best Korea มีโฟมล้างหน้าแล้วนะ 3 สูตรพิเศษ สำหรับปัญหาผิววัยรุ่น 100ml
ดูขนาดรูปภาพจริง
Real Hair 2 กล่อง (เรียวแฮร์ เซรั่มปลูกคิ้ว หนวด เครา จอน)
ดูขนาดรูปภาพจริง
ไอเดียการ์ดใส ปั๊มเคเงิน-เคทอง ประกายวาว
ดูขนาดรูปภาพจริง
Verena Nutroxsun นวัตกรรมใหม่ของผลิตภัณฑ์กันแดดในรูปแบบของการชงแล้วดื่ม
ดูขนาดรูปภาพจริง
ลำโพงบลูทูธ Wireless Speaker Bluetooth ไร้สาย Remax HPRM-M1 SUSHI สเตอริโอ ขนาดพกพา
ดูขนาดรูปภาพจริง
ลำโพงบลูทูธ Wireless Speaker Bluetooth ไร้สาย Remax HPRB-M5 สเตอริโอ ขนาดพกพา
ดูขนาดรูปภาพจริง
พระขุนแผนพรายกัญญา พรายแม่นิด เนื้อลองพิมพ์ ฝังตะกรุดเงิน ญาครูจุณฑ์ เสนาสนะวัตร์ป่าเจ้าสัว อุบลฯ
ดูขนาดรูปภาพจริง
Reebok เสื้อยืดคอกลมสีม่วงเข้ม ไซส์ S ของมันต้องมี
ดูขนาดรูปภาพจริง
ครีมบำรุงผิวผสามสมุนไพร ดร.สาโรช ตำหรับพิเศษ (ขนาด 60 กรัม )
ดูขนาดรูปภาพจริง
เลนส์เสริมมือถือ รุ่น HPLQ-027 คลิปเลนส์ 0.45X Wide-angle 10X Macro-lens
ดูขนาดรูปภาพจริง
Music D.J. (M16E) +USB แถม Microphone - C0521
ดูขนาดรูปภาพจริง
ใครที่กำลังมองหางายอยู่ มาถูกทางแล้วค่ะ โทรเข้ามาเลยค่ะ เรามีงานให้ทำแน่นอน
ดูขนาดรูปภาพจริง
ตุ๊กตาอัดเสียง Doraemon 10 นิ้ว
ดูขนาดรูปภาพจริง
แอร์ HAIER HSU-18CEK03-T
ดูขนาดรูปภาพจริง
พร้อมส่ง Coach 69621 Lane Satchel
ดูขนาดรูปภาพจริง
แบตเตอรี่สำรอง ELOOP รุ่น E12 ความจุ 11000 mAh ลายไม้ E
ดูขนาดรูปภาพจริง
Onitsuka Tiger รุ่น Mexico66 Slip on Paraty ครีม/กรม
ดูขนาดรูปภาพจริง
ต้นกฐิน
ดูขนาดรูปภาพจริง
Real Hair : Natural Hair Serum 50ml. (เรียวแฮร์ เนเชอรัล เซรั่ม)
ดูขนาดรูปภาพจริง
ตัวอย่างสินค้าของลูกค้า ทำบัตรพื้นใส
ดูขนาดรูปภาพจริง
Kinesys (คินเนซิส) SPF50 กันแดดสำหรับคนเป็นสิว
ดูขนาดรูปภาพจริง
แอร์ SHAPR PR13
ดูขนาดรูปภาพจริง
 
เรื่องย่อละคร ตามบทโทรทัศน์
 

ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน [ ตอนที่ 39 - 40 ]

 

จำนวนคนเข้าชม : 708 ครั้ง            update : 6/7/2010

   
   
 

ซอนต๊อก 39 

 องค์หญิงต๊อกมานงัดข้อกับชนชั้นสูงด้วยการแจกจ่าย เสบียงอาหารสำหรับการศึกเพื่อกระทบกระเทือนต่อชนชั้นสูง
 มีซิลกล่าวกับ องค์หญิงต๊อกมานว่า
 “แล้ววันหลังล่ะ เกิดอนาคตสินค้ามีราคาสูงอีก จะใช้เสบียงของหลวงอีกหรือ มันเป็นวิธีที่ง่าย แต่ใช้ไม่ได้ตลอดหรอกนะ จริงอยู่ คราวนี้เหมือนจะสัมฤทธิ์ผล องค์หญิงทรงกล้าได้กล้าเสียแบบนี้ ใครบ้างจะไม่ตกใจกับสิ่งที่ทรงทำ แต่ว่า เคยคิดถึงผลที่ตามมาในอนาคตหรือเปล่า”
 องค์หญิงต๊อกมานว่า "ใช่ วิธีนี้อาจใช้ไม่ได้หลายครั้ง แต่ว่า เมื่อทุกคนรู้ว่ามีองค์หญิงที่ใจกล้า ซ้ำยังมีหัวการค้าอีก ต่อไปเหล่าขุนนาง ถ้าคิดจะควบคุมกลไกตลาดก็ต้องชั่งใจไว้บ้าง"
 "หึ หม่อมฉันยอมรับในความกล้าขององค์หญิง แต่ว่า จะดีหรือร้าย ทุกภาคส่วนของบ้านเมืองนี้ก็อยู่ในมือขุนนางทั้งสิ้น ขั้นตอนการเก็บส่วย ฝ่ายปกครองทุกระดับชั้นล้วนขึ้นอยู่กับขุนนาง การเป็นศัตรูกับพวกเขา แล้วองค์หญิงจะทำงานได้ยังไง หม่อมฉันเป็นห่วงนัก จึงอยากจะเตือนไว้ ยังไงก็ ขอให้องค์หญิงทรงโชคดี"
 "เดี๋ยวก่อนท่านเซจู ข้ามีเรื่องบางอย่าง ที่ข้องใจและคิดไม่ตกมานาน ท่านเป็นคนฉลาดหลักแหลมนัก มองการณ์ไกล รู้แจ้งเห็นจริงในทุกเรื่อง มีความเป็นผู้นำที่เฉียบขาด ความสามารถยิ่งกว่าชายอกสามศอก แต่ว่า ทำไมหลังจากพระเจ้าจินฮึงสิ้นพระชนม์ บ้านเมืองไม่เห็นจะเจริญขึ้น ตามหลักถ้ามีผู้นำที่เก่ง บ้านเมืองน่าจะรุดหน้าไปไกล แต่ทำไม ที่ข้าอ่านบันทึกประวัติศาสตร์ในหลายปีนี้ ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นบ้าง หลังจากยุคพระเจ้าจินฮึง กลับยิ่งเสื่อมถอยลง หึ เพราะอะไรถึงเป็นแบบนี้ ท่านรู้สาเหตุหรือเปล่า"
 เมื่อมีซิลแยกไปแล้ว คิมยูซินก็ถามองค์หญิงต๊อกมานว่า
 "ทรงไปเติมเชื้อไฟทำไมอีก"
 "หึ อะไรนะ"
 "หม่อมฉันหมายถึงท่านมีซิล"
 "อ้อ นางน่ะหรือ จริงๆ แล้ว ข้าถามด้วยความสงสัยจริงๆ ปกติ ถ้าได้คนเก่งมาบริหารบ้านเมือง ย่อมจะนำความเจริญมาให้ไม่มากก็น้อย แต่นี่ กลับไม่ใช่อย่างงั้น ข้าก็เลยนึกสงสัย ต้องรู้ถึงสาเหตุ ข้าถึงไม่ให้ซ้ำรอยนางได้"
 "หึ เสบียงที่ออกไป เราจะซื้อคืนกลับมาได้หรือ"
 เวลานั้นคิมชุนชูไปพบยอจง และถามเขาว่า
 "ตกลงว่า ได้เสบียงมาครบหมดใช่ไหม"
 "ปกติเรื่องแบบนี้ ถ้าชาวบ้านไม่มั่นใจ สถานการณ์ก็จะพลิกทันที ตอนนี้พวกขุนนางเลยพากันเทขายแทบไม่ทัน เฮ่อๆๆ"
 "งั้นหรือ"
 "เรื่อง อื่นข้าก็ไม่ค่อยรู้ แต่เรื่องการค้าขององค์หญิงถือว่าเก่งนัก ขายกระสอบละ 20 ตำลึง ซื้อเข้าสิบตำลึง เท่ากับกำไรทั้งขึ้นทั้งล่อง เฮ่อๆๆ"
 "แสดง ว่า เงินในท้องพระคลังก็ร่อยหรอเต็มที แต่เพื่อจะต่อกรกับเหล่าขุนนาง ยังกล้าวัดดวงกับพวกเขาอีก"
 ยอจงยกยอ "สมแล้วที่เป็นคุณชายชุนชู ไม่คิดว่าท่านจะดูออก ราชสำนักยังอ่อนหัดนัก ขุนนางก็เหมือนเด็กทารก แงๆ แม่อยู่ไหน ฮ่าๆๆ"
 "คือว่า เกี่ยวกับเรื่องแผนที่สามแคว้น เอ่อ ท่าน"
 "แผ่น ที่สามแคว้นทำไมหรือครับ เชิญท่านพูดมาได้"
 คิมชุนชูมัวอึกอัก พีดัมก็เข้ามา เขาได้แต่ถอนใจ "เฮ้ยๆๆ มาจนได้ เอ่อ"
 พีดัมถาม "พูดอะไร แผนที่สามแคว้นหรือ"
 คิมชุนชูยิ่งอึกอัก "เอ่อ"
 "ทำไม ต้องสนใจเรื่องนี้นักหนา"
 "เปล่า คือข้า ข้าพูดเล่นไปอย่างงั้นเอง เอ่อ ไหนๆ ว่างอยู่ ข้าไปเล่นทอดลูกเต๋าดีกว่า แหะ ไปล่ะ"
 "เดี๋ยว คุณชาย ข้าไปด้วยคนสิ ว้าย"
 ยอจงจะไปแต่คิมชุนชูว่า "เจ้านี่ เอ่อ แหะๆๆ ไม่มีอะไร แหะ"
 พีดัมทำเสียง "ฮึ่ม อย่าลืมว่า ข้าเป็นคนไว้ชีวิตท่าน หนังสือที่อาจารย์ข้าเขียนไว้ บวกกับพวกสายลับ อย่าพยายามปากโป้งนัก"
 ยอ จงรับคำอย่างเสียมิได้ "รู้แล้วน่า"
 พีดัมถาม "เสบียงได้คืนหมดแล้วใช่ไหม"
000000000000000

 ในที่ประชุม องค์หญิงต๊อกมานกล่าวกับทุกคนว่า
 "เสบียงกองทัพได้คืนมาแล้ว"
 มี เซ็งว่า "ปัญหาตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่เสบียงจะซื้อคืนได้หรือไม่"
 ฮาจอง สนับสนุน "ใช่แล้ว ประเด็นสำคัญคือองค์หญิงทรงใช้เสบียงโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากกรมกลาโหม ก่อน"
 เซจองว่า "นั่นสิพะยะค่ะ การทำงานต้องเป็นไปตามขั้นตอน เพราะฉะนั้น จึงอยากให้องค์หญิงองค์หญิงต๊อกมาน ทรงอธิบายเหตุผลให้ฟังหน่อย"
 องค์หญิงต๊อกมานกล่าวว่า "นั่นเป็นเพราะว่า ทุกท่านในที่นี้ ล้วนเป็นฆาตกรทั้งสิ้น"
 ฮาจองตกใจ "อะไรนะ ฆาตกรอะไรกัน องค์หญิงอย่าทรงดูหมิ่นพวกเราแบบนี้นะ"
 มีเซ็งว่า "นั่นสิ ถึงจะเป็นองค์หญิงก็เถอะ ไม่ควรมาหยามหน้าขุนนางผู้ใหญ่นะ"
 ฮา จองว่า "หม่อมฉันขอให้ถอนรับสั่งเดี๋ยวนี้"
 "ถอนรับสั่งเร็ว ไม่งั้นเราไม่ยอม ต้องถอนรับสั่ง" ทุกคนพูดไปเรื่อยๆ
 องค์หญิงต๊อกมาน ไม่สน กล่าวว่า "ท่านเซจอง 1 800 กระสอบ ท่านฮาจอง 980 กระสอบ ท่านมีเซ็ง  1 280 กระสอบ ท่านซอวอน 320 กระสอบ ท่านซกพุง 850 กระสอบ ท่านยองชุน 330 กระสอบ ท่านยินตง"
 ทุกคนพากันงง ฮาจองถาม "จะทรงรับสั่งอะไรกันแน่"
 "ท่าน ยินตง 180 กระสอบ นี่คือจำนวนสินค้าเกษตร ที่ทุกท่านซื้อไว้เพื่อหวังจะกักตุนถูกมั้ย"
 ทุกคนกระแอม องค์หญิงต๊อกมานไม่สนใจกล่าวต่อ
 "เพราะสาเหตุที่สินค้ามีราคาพุ่งพรวด ทำให้พ่อค้าคนหนึ่งถูกฆ่าตาย บางคนอุตส่าห์เหนื่อยาก ทอผ้าเป็นจำนวนมาก ยังแลกข้าวสารไม่ได้แม้แต่แค่เม็ดเดียว เมื่อเป็นแบบนี้ พวกท่านยังไม่ใช่ฆาตกรทางอ้อมหรอกหรือ"
 ฮาจองรีบปฏิเสธ "ไม่ใช่ เราใช้เงินตัวเองซื้อของมาตุนไว้ คนอื่นจะมีสิทธิ์มาว่าอะไรได้"
 องค์ หญิงต๊อกมานย้อน "ข้าเอง ก็ไม่อยากทนเห็นชาวบ้านถูกเอารัดเอาเปรียบ จึงได้ใช้เสบียงไปส่วนหนึ่ง แค่นี้ก็ผิดด้วยหรือ"
 "แต่นั่นเป็นเสบียง ของกองทัพนี่นา จะให้ใช้ได้มั้ย ต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาขุนนางก่อนถึงจะมีผล"
 องค์หญิงต๊อกมานเถียง "แต่ความทุกข์ยากของราษฎร โดยเฉพาะเรื่องปากท้องถือเป็นความสำคัญเร่ง ด่วน ถ้าไม่มีพวกเขาก็ไม่มีพวกท่าน ยิ่งสภาขุนนางด้วยแล้วจะมีความหมายอะไร"
 เซ จองโต้กลับ "แต่ยังไงก็ตาม ปัญหาแบบนี้ ที่เกี่ยวพันถึง"
 องค์หญิงต๊อก มานเอ่ยแทรกขึ้น "ปัญหาปากท้องของราษฎร ไม่ใช่เรื่องที่จะมาคำนึงถึงธรรมเนียมปฏิบัติให้ยุ่งยาก"
 คิมซอยอนเห็น ด้วย "รับสั่งถูกแล้ว ถ้าทางการเพิกเฉยต่อปัญหาแบบนี้ ไม่แน่อาจกลายเป็นจลาจลขึ้นมาก็ได้"
 มีเซ็งไม่พอใจ "เป็นขุนนางฝ่ายทหาร แต่ยอมปล่อยเสบียงง่ายๆ ยังกล้ามาพูดมากอีกหรือ ใต้เท้าคิม หือ"
 ฮา จองว่า "ก็ถึงว่าน่ะสิ ยังไงก็ตามแต่ เรื่องนี้ถือว่าผิดขั้นตอนและผิดกฎหมายอย่างแรงด้วย เราไม่ควรให้องค์หญิงยุ่งเกี่ยวกับราชกิจอีก ขอให้ทุกท่านช่วยออกเสียงเดี๋ยวนี้"
 ทุกคนเห็นพ้อง "ใช่ๆ อย่าให้องค์หญิงมายุ่งด้วย ไม่ใช่ธุระของนาง นั่นสิ ข้าก็ว่างั้น"
 องค์ หญิงต๊อกมานทำทีอ่อนลง "ก็ได้ ถ้าจะไม่ให้ข้ายุ่งการเมืองก็มีวิธีเดียว ข้าจะออกกฎหมายไม่ให้มีการกักตุนสินค้า ถ้าทุกท่านเห็นชอบ หลังจากนั้น ข้าจะวางมือจากการเมืองทันที"
 มีเซ็งค้าน "ไม่ได้เด็ดขาด การซื้อของเป็นสิทธิส่วนบุคคล"
 ฮาจองเห็นด้วย "นั่นสิ เงินของหม่อมฉันเอง ทำไมต้องห้ามไม่ให้ซื้อโน่นซื้อนี่"
 ยองชุนกล่าว ขึ้นว่า "ทรงหมายความว่าเพราะความโลภของขุนนาง ทำให้ชาวบ้านลำบากมากขึ้นยังไม่เข้าใจอีกหรือ"
 ฮาจองย้อน "ท่านก็ซื้อตุนด้วยไม่ใช่หรือ เรื่องอะไรมาแปรพักตร์ง่ายๆ แบบนี้"
 ยอง ซุนเถียง "ท่านฮาจอง พูดจาให้ดีหน่อย อย่ามาหมิ่นประมาทข้านะ"
 "เฮอะ อ้อ ข้ารู้แล้ว เพราะท่านซื้อเก็บไว้น้อยล่ะสิ ส่วนท่านซอยอนแทบไม่ได้ตุนเลย ท่านสองคน รู้เห็นเป็นใจมาแต่แรกใช่ไหม"
 ยอง ชุนโมโห "หนอย หุบปากเดี๋ยวนี้"
 มีเซ็งปราม "เดี๋ยวก่อนท่านยองชุน"
 ฮา จองทำเบ่ง "จะทำไม หา เจ้านี่ มาตวาดข้าได้ไง นึกว่าข้ากลัวหรือ เอาซี่ เข้ามาเลย"
 ยองชุนโต้ "ข้าก็ไม่กลัวท่าน พูดแบบนี้หมายความว่าไง หา"
 ทั้ง สองทะเลาะกันใหญ่ องค์หญิงต๊อกมานและเหล่าขุนบอกให้ยุติการประชุมและทยอยกันกลับไป คิมซอยอนนำเรื่องนี้ไปเล่าทูลพระเจ้าจินพยองและพระมเหสีมายาทรงทราบ
 "สุด ท้าย แม้แต่ท่านฮาจองก็กลับไปด้วยความหงุดหงิดพะยะค่ะ" คิมซอยอนเล่า
 พระ มเหสีมายาตรัสว่า "นั่นสิ หึๆ พอได้ฟังเรื่องนี้ ข้าอยากขอบใจเขาด้วยซ้ำ"
 "ไม่ หรอก ถึงเขาจะเป็นคนเอะอะมะเทิ่งก็จริง แต่เรื่องผลประโยชน์จะไม่ยอมเสียให้ใคร องค์หญิงต๊อกมานเสนอว่าห้ามมีการกักตุนสินค้าอีก ซักวันพวกเขาก็จะรวมหัวต่อต้านอีกครั้ง แต่ที่ทำเป็นเอะอะโวยวายขึ้นมา เพราะไม่อยากเสียประโยชน์ตอนนี้ต่างหาก" พระเจ้าจินพยองตรัส
 คิมซอยอน ว่า "เรื่องจะจบยังไงยังไม่รู้แน่ แต่พอรู้นิสัยคนบางคน เลวยิ่งกว่าเดรัจฉานอีก"
 การนี้องค์หญิงต๊อกมานยังมีความคิดที่จะนำ ประโยชน์ที่ได้ใช้เหล็กคุณภาพดีผลิตเครื่องมือเครื่องใช้ทางการเกษตร คิมยูซินเห็นด้วยอย่างยิ่ง มีซิลจับตาดูความเคลื่อนไหวขององค์หญิงต๊อกมานอย่างเงียบๆ
 องค์หญิงต๊อก มานยังได้ทูลบอกพระเจ้าจินพยองกับความคิดนี้ พระเจ้าจินพยองทรงเห็นด้วยและตรัสว่า
 "งั้นก็ทำต่อไป"
 "หึ หมายความว่า ฝ่าบาททรงอนุญาตแล้วหรือเพคะ"
 "ใช่ แม้ว่ามันจะไม่ง่ายเหมือนที่เจ้าวาดฝันก็ตาม แต่ว่า ก็ต้องลองดู"
 "ขอบ พระทัยเพคะ ขอบพระทัยฝ่าบาท"
 "แต่ว่า เงินที่ได้มา เจ้าคิดว่าจะทุ่มให้กับโครงการนี้ทั้งหมดจริงหรือ"
 "เพคะ ยังไงก็ต้องทำ และทำให้ดีด้วย"
 "งั้นก็ได้ แล้วแต่เจ้าเถอะ"
 องค์หญิงต๊อกมานรีบ ไปสั่งการกับคนงาน
00000000000000

 เวลาต่อมา อีกด้านหนึ่งนั้น เนื่องจากชาวเมืองอันคังประสบภาวะหิวโหยจึงพากันลุกฮือขึ้นมา จนเกิดจลาจล พระเจ้าจินพยองทรงทราบก็ตกพระทัย
 "อะไรนะ เมือง "อันคัง" เกิดจลาจลงั้นหรือ"
 คิมซอยอนทูล "พะยะค่ะ ชาวบ้านบุกเข้าตัวเมือง ซ้ำยังจับตัวผู้ว่าไว้อีกพะยะค่ะ"
 "เมืองอันคังเป็นที่ดินของท่านเซจอง ไม่ใช่หรือ ทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ได้ล่ะ" พระมเหสีมายาตรัสถาม
 คิมซอยอน ทูลว่า "เห็นว่าการเพาะปลูกได้ผลผลิตน้อยมาก บวกกับถูกแมลงรบกวนจึงได้ข้าวแค่ 500 กระสอบเท่านั้น"
 "ต่อให้ผลผลิตลด น้อยลง ก็ไม่จำเป็นต้องจับเจ้าเมืองไว้นี่นา"
 "ใช่ แต่ปัญหาอยู่ที่ท่านฮาจอง ยืนยันจะเก็บส่วยเท่าเดิม ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถจ่ายได้"
 "ผลผลิตลดลงยังพอว่า แต่การเก็บส่วย ยังคงเท่าเดิมคือ 500 กระสอบ"
 องค์หญิงต๊อกมานว่า "ทำให้ราษฎร แม้จะเก็บเกี่ยวได้บ้าง แต่ก็หมดตัวในเวลาเดียวกัน"
 ยองชุนเห็นพ้อง "ใช่ เพราะเอาผลผลิตไปหมด ไม่เหลือไว้ให้บริโภคบ้าง"
 องค์หญิงต๊อก มานกล่าวต่อว่า "ปีที่แล้วเห็นว่าถูกแมลงทำลายอย่างหนัก เรื่องนี้ ได้แจ้งให้ทางการรับรู้ เพื่อให้ผ่อนผันเรื่องส่วยไม่ใช่หรือเพคะ"
 "เพราะ ฮาจองทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลง เรื่องที่เมืองอันคัง พวกท่านจะแก้ปัญหายังไงดี" พระเจ้าจินพยองก็ตรัสถามในที่ประชุม
 ฮาจอง ทูล "ฝ่าบาท หม่อมฉันแค่ทำในสิ่งที่เคยปฏิบัติมาเท่านั้น"
 เซจองทูลว่า "เก็บส่วย 500 กระสอบ แล้วแบ่งครึ่งหนึ่งให้ทางการตามที่กฎหมายว่าไว้ ไม่ถูกหรือพะยะค่ะ"
 องค์หญิงต๊อกมานว่า "แต่ว่า นั่นเป็นที่ๆ เคยมีแมลงรบกวน จึงทำให้ผลผลิตลดลงกว่าครึ่ง แล้วยังจะเก็บส่วยเท่าเดิมได้ยังไง"
 "ถ้าอย่างงั้น ราชสำนักยอมลดส่วย 250 กระสอบมั้ยล่ะพะยะค่ะ"
 องค์หญิงต๊อกมานย้อนถาม "แปลว่าให้ทางการ รับผิดชอบในส่วนที่ลดลงงั้นหรือ"
 ฮาจองไม่สน "ใช่ ถ้าได้อย่างงั้นจริง หม่อมฉันก็จะคืนผลผลิตให้ชาวบ้าน 250 กระสอบให้พวกเขาไป แต่ว่า ส่วนของหม่อมฉันเห็นจะลดไม่ได้ เพราะคราวก่อนองค์หญิงทรงทำการค้า ได้กำไรไปสองต่อ ทำให้หม่อมฉันขาดทุนป่นปี้นัก"
 ขณะเดียวกันคิมยูซินก็ ปรึกษากับพีดัม
 "ราชสำนักยอมลดส่วย แม้จะช่วยให้ชาวบ้านไม่ต้องลำบากก็จริง แต่ท้องพระคลังมิต้องร่อยหรอหรอกหรือ"
 พีดัมว่า "ท่านฮาจองกับท่านเซจองรับเข้าเหมือนเดิม เท่ากับไม่มีอะไรเสียหายเลย"
 "ถึง เวลาเราอาจต้องเปิดยุ้งฉาง ก็ไม่ต่างกับบริจาคข้าวอยู่ดีจริงมั้ย"
 "และ ไม่ต่างกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วย"
 "ที่สำคัญคือฮาจอง ยืนกรานเสียงแข็ง ในขณะที่องค์หญิงก็ยืนยันจะช่วยชาวบ้านให้ได้"
 "ปัญหา ก็คือพวกขุนนาง ถือไพ่เหนือกว่าฝ่ายเรามากนัก"
 ฮาจองกลับไปเล่าให้มีซิ ลฟัง นางสะใจไม่น้อยและอยากรู้ว่าองค์หญิงต๊อกมานจะหาวิธีแก้อย่างไร ขณะที่มีเซ็งก็รีบไปเล่าให้คิมชุนชูฟังที่ได้แก้เผ็ดองค์หญิงต๊อกมาน
 อีก ด้านหนึ่งไอชองก็มาบอกพีดัมกับคิมยูซินว่าองค์หญิงต๊อกมานจะไปเยี่ยมชาวบ้าน ที่เมืองอันคัง และให้คิมยูซินตามตัวผู้นำชาวบ้านที่ก่อการจลาจลมาเจรจา
 และ เมื่อองค์หญิงต๊อกมานไปถึงก็ถามคิมยูซินทันทีว่าเหตุการณ์เป็นยังไงบ้าง
 "ชาว บ้านรอพบองค์หญิงอยู่"
 "เจ้าเมืองล่ะ"
 "หึ ถูกชาวบ้านในเมือง จับเป็นตัวประกันไว้ ถ้าไง จะเสด็จไปพบเลยมั้ย"
 องค์หญิงต๊อกมานตอบ ทันที "ได้"
 คิมยูซินพาองค์หญิงต๊อกมานไปพบชายสามสี่ในกระโจม
 ชายคน หนึ่งกล่าวว่า "ถ้าพวกเราไม่กลับไปภายในสองชั่วยาม เจ้าเมืองและทหารที่ถูกจับอยู่ จะถูกประหารทันที"
 คิมยูซินว่า "องค์หญิงไม่ทรงฟังคำขู่ของใครหรอกนะ"
 "ที่เราทำแบบนี้ เพราะไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว"
 "ใช่ครับ ผลผลิตที่ได้ถูกทางการเอาไปหมดแล้วจะให้ทำไง"
 "นั่นสิพะยะค่ะ ปีที่แล้วก็มีแมลงมาทำลายผลผลิต แล้วทำไมทางการ ยังจะเก็บส่วยเท่าเดิมอีก ไม่เข้าใจเลย"
 องค์หญิงต๊อกมานกล่าวขึ้น "ท่านเป็นผู้ใหญ่บ้าน ทำเรื่องแบบนี้มันถูกแล้วหรือ นี่เป็นการก่อจลาจล ไม่เพียงท่านคนเดียว ยังอาจพาทุกคนมาตายหมด"
 "เราทำงานหนักทั้งปี สุดท้ายผลผลิตก็ถูกทางการยึดไปหมด ชีวิตชาวบ้านก็เหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว ไม่มีบ้านไหนเลย ที่จะมีเศษข้าวไว้รองท้องบ้าง อีกอย่าง ตอนขนส่งก็มีเรื่องกับทหารที่เฝ้าด่านจนเกิดการปะทะกันรุนแรง ฆ่าคนหนุ่มของเราไปอีก 16 คน จากนั้น ไปเจรจากับเจ้าเมือง ก็ฆ่าคนของเราไปอีก ฮือ ถึงขั้นนี้แล้ว เราคงไม่มีทางเลือก เป็นไงก็เป็นกันแล้ว หนุ่มคนนี้บอกว่า องค์หญิงทรงมีหนทางที่จะช่วยเหลือเราได้ เราจึงเสี่ยงตายมาขอเฝ้าซักครั้ง"
 องค์ หญิงต๊อกมานว่า "ถ้าข้ามีทางจะช่วยจริง พวกท่านจะยอมทำตามหรือเปล่า"
 "ยัง ไงหม่อมฉัน ทำเรื่องขนาดนี้คงอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ถ้าทรงช่วยทุกคนได้จริง ให้พอได้อิ่มปากอิ่มท้องก็พอแล้ว"
 แต่ชายอีกสองคนรีบคัดค้าน "องค์หญิง ไม่ได้นะพะยะค่ะ"
 "เราไม่ยอม"
 "จะทรงเอาชีวิตผู้ใหญ่ได้ยังไง"
 "ไม่ได้นะ"
 ไอ ชองปราม "เงียบๆ ก่อน"
 องค์หญิงต๊อกมานเสียงดังขึ้น "หยุดเดี๋ยวนี้ ผลผลิตที่ส่งมา 250 กระสอบ เราจะคืนให้พวกท่านไป"
 "หา เพราะอะไร"
 ชาย อีกคนก็อึ้ง "ทำไมถึง"
 องค์หญิงต๊อกมานกล่าวต่อว่า "อีกอย่าง จะจัดสรรที่ดินเปล่าให้พวกท่าน ครอบครัวละ 3 ซุก พร้อมทั้งแจกเครื่องมือเพาะปลูกที่ทำจากเหล็กชั้นดี"
 ชายเหล่านั้นพากัน อึ้ง "หา เอ่อ องค์หญิง รับสั่งจริงหรือพะยะค่ะ"
 "คืนผลผลิตให้เรา จะแบ่งที่ให้ ซ้ำยังให้เครื่องมืออีกหรือ"
 องค์หญิงต๊อกมานกล่าวต่อ "แต่ว่า จะมีการคิดดอกเบี้ยขั้นต่ำ"
 "คิดดอกเบี้ย ขั้นต่ำหรือ"
 "ก็ แปลว่า ไม่ได้ให้เราเปล่าๆ หรอกหรือ"
 องค์หญิงต๊อกมานบอกต่อว่า "จากที่ต้องส่งส่วย 250 กระสอบ บวกกับที่ปลูกได้ในปีนี้อีก 50 กระสอบ ปีหน้าต้องส่งส่วยให้เรา 300 กระสอบ"
 "300 กระสอบหรือ"
 "แต่ว่า ถ้าที่แห้งแล้งเกินกว่าจะเพาะปลูก ทางการจะเก็บอย่างน้อย 50 กระสอบ แล้วที่เหลือให้พวกท่านหมด แต่หากสามารถพลิกฟื้นจนดินดี ที่ผืนนั้นก็จะเป็นสมบัติของพวกท่าน"
 ชายคนหนึ่งว่า "ที่ดินแห้งแล้ง ถ้าเพาะปลูกขึ้นได้ ผลผลิตจะเป็นของเราหมดหรือพะยะค่ะ"
 "หมายความว่า ต่อไปถ้าเก็บเกี่ยวได้ ก็ไม่ต้องส่งให้พวกขุนนางแล้วหรือพะยะค่ะ"
 องค์ หญิงต๊อกมานพยักหน้า "ใช่"
 "แต่ยังไง ผลผลิต 250 กระสอบในปีนี้ก็จะคืนให้เราใช่ไหมพะยะค่ะ"
 องค์หญิงต๊อกมานว่า "ถ้าสามารถพลิกฟื้นจนดินดี นับแต่นี้ไป ไม่ว่าปีไหนๆ พวกท่านก็ไม่ต้องลำบากอีกแล้ว"
 "ถ้าอย่างงั้น จะทรงประทานเครื่องมือให้เราเดี๋ยวนี้หรือเปล่า"
 องค์หญิงต๊อกมานบอก "ใช่ ทั้งที่ทำกินและเครื่องมือ เราจะมอบให้ในเร็ววัน นี่คือสัญญาจากข้า"
 ชาย แก่ผู้นำรีบรับข้อตกลง "หึ ได้ งั้นเราจะทำตามรับสั่งขององค์หญิง"
 เมื่อ ชาวบ้านออกไปแล้ว ไอชองก็บอกองค์หญิงต๊อกมานว่า
 "แต่ว่า ยังไงก็ต้องลงโทษนะพะยะค่ะ"
 "ใช่ เพราะยังไงก็เป็นพวกก่อความวุ่นวาย การลงโทษคนที่เป็นหัวโจกก่อจลาจลกับการประทานที่ดิน มันเป็นคนละเรื่องกัน"
 องค์ หญิงต๊อกมานค้าน "พวกเขาทำเพื่อความอยู่รอดของส่วนรวม"
 คิมยูซินไม่เห็น ด้วย "องค์หญิง แต่ว่า นั่นคือการก่อจลาจลนะ"
 องค์หญิงต๊อกมานจำต้อง ประกาศกับผู้นำชาวบ้าน
 "แม้จะเห็นใจความจำเป็นของท่าน แต่ว่า ยังไงท่านก็เป็นหัวโจก ที่ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง"
 "เอ่อ หึ พะยะค่ะ หม่อมฉันก็เตรียมใจไว้อยู่แล้ว"
 องค์หญิงต๊อกมานว่า "ข้าคงต้องจับตัวท่านไว้ เพื่อรักษาความยุติธรรมของกฎหมาย"
 "หึ ขอเพียงทรงเมตตา ไว้ชีวิตชาวบ้านอื่นก็พอ"
 "แต่ว่า ถ้าวันนี้ข้าปล่อยท่าน ท่านจะกลับไปบอกชาวบ้านข้างนอก ต่อไปอย่าทำอะไรโดยพละการ ให้ช่วยกันพลิกฟื้นที่แห้งแล้งให้กลายเป็นดินดีได้ไหม"
 ชายแก่ผู้นำอึ้ง ไปอีก "องค์หญิง"
 ไอชองค้าน "ไม่ได้นะพะยะค่ะ"
 องค์หญิงต๊อกมานไม่ สนใจ "ถ้าเพาะปลูกสำเร็จได้จริง พวกท่านก็จะมีที่ทำกินของตัวเอง ที่ไม่ต้องส่งส่วยให้แก่ขุนนางอีก"
 "ขอเพียงทรงไว้ชีวิตหม่อมฉัน แม้จะแลกด้วยชีวิต หม่อมฉันก็จะพยายาม"
 องค์หญิงต๊อกมานกล่าวต่ออีก "นอกจากอภัยโทษ ฐานพาชาวบ้านมาก่อจลาจลแล้วยังจะมี"
 ไอชองรีบห้าม "องค์หญิง"
 คิมยูซินช่วยพูด "องค์หญิง ไม่ได้นะพะยะค่ะ เรื่องนี้"
 องค์ หญิงต๊อกมานมองดุทั้งสอง "ข้ากำลังคุยกับพวกเขาอยู่ อย่าสอดได้ไหม"
 "ขอ ทรงอภัย แต่ว่า"
 องค์หญิงต๊อกมานไม่สน "คำพูดของข้า ก็เปรียบเหมือนตัวแทนทางการ ที่สำคัญ ข้าเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น ถ้าพวกท่านไม่เกียจคร้าน อีกไม่นานทุกคน ก็จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ถ้าทำตามคำพูดไม่ได้ ที่ละเว้นพวกท่านในวันนี้ ข้าจะมาเอาชีวิตในภายหลัง ได้ยินหรือเปล่า"
 "พระเมตตาขององค์หญิง หม่อมฉันยินดีถวายชีวิต ก็จะทำตามพระบัญชาให้ได้ ขอบพระทัยพะยะค่ะ ขอบพระทัยองค์หญิง ฮือๆๆ"
 จาก นั้นองค์หญิงต๊อกมานก็บอกไอชองกับคิมยูซินว่าจะไปต่อยังเมือง คาแฮ
000000000000000

 ด้าน พวกมีซิลรู้เรื่องที่องค์หญิงต๊อกมานปล่อยตัวผู้นำการก่อจลาจล ก็เริ่มคิดหาทางใหม่ เพราะครั้งนี้องค์หญิงต๊อกมานได้รับการสรรเสริญไม่น้อยจากชาวบ้าน
 องค์ หญิงต๊อกมานกลับถึงวังหลวงก็ทราบข่าวร้ายว่าชาวเมืองอันคังนำเครื่องมือเพาะ ปลูกกับผลผลิตหนีไปหมดเลย คิมยูซินสั่งให้เรียกประชุมองครักษ์ด่วน
 โพ จองถามว่า "ท่านจะประชุมเรื่องอะไร"
 "ข้าจะไปจับชาวบ้านพวกนั้น เอาตัวกลับมาให้หมด เร็วเข้า"
 องค์หญิงต๊อกมานทราบก็ขอไปด้วย แต่ก่อนเดินทางองค์หญิงต๊อกมานต้องอธิบายให้เหล่าขุนนางฟังถึงเหตุผลในการ เจรจาครั้งนี้
 มีซิลว่า "องค์หญิง รับสั่งว่าไงนะเพคะ ใช้ความจริงใจ ความหวัง และการพูดคุยเพื่อเข้าถึงชาวบ้านงั้นหรือ ความจริงใจจะกลายเป็นภาระให้พวกเขา ความหวังคือสิ่งที่เลื่อนลอย ยิ่งพอให้เสรีภาพด้วยแล้ว พวกเขาก็จะเหลิงทันที ราษฎรที่ขาดความรู้ ก็เหมือนเด็กที่ชอบขอโน่นขอนี่ หม่อมฉันถึงบอกว่าน่ากลัว และจะทำให้เราเหนื่อยด้วย แต่แล้ว องค์หญิงกลับให้เด็กที่เอาแต่กินอย่างเดียว เอาข้าวสารกับฟืนไป และบอกให้ไปหุงข้าวกินเอง ฮ่าๆๆ ที่สำคัญ การที่องค์หญิงไม่ลงโทษพวกเขา คนอื่นก็จะยิ่งถือเป็นเยี่ยงอย่าง การลงโทษต้องทำให้เฉียบขาดและรวดเร็ว ส่วนรางวัลก็ให้ทีละเล็กละน้อย นี่คือวิธีปกครองโดยพื้นฐาน องค์หญิงจะทรงทำลายรากฐานของเราหรือยังไง"
 องค์หญิงต๊อกมานว่า "หึ อันดับแรก การที่ชาวบ้านลุกขึ้นมาต่อสู้เพราะความลำบาก ไม่ถือเป็นการก่อจลาจล แต่เป็นการเรียกร้องเพื่อปากท้อง"
 มีซิลเย้ย "เพื่อปากท้อง สุดท้ายก็เลยหนีไป หักหลังคนที่จะช่วยพวกเขางั้นหรือ"
 องค์ หญิงต๊อกมานยังไม่ยอมแพ้ "อาจเพราะไม่เข้าใจความหมายของข้า เพราะภายใต้การปกครองของท่าน ไม่เคยมีทางออกที่ดีแบบนี้ แต่ไหนแต่ไรมา มีแต่ปกครองด้วยความเผด็จการ ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่า นี่คือสาเหตุที่ หลังจากพระเจ้าจินฮึงสวรรคตแล้ว บ้านเมืองเรายิ่งถอยหลังเข้าคลองไปใหญ่"
 "ทรง คิดว่า เพราะอะไรงั้นหรือ"
 "เป็นเพราะท่าน ท่านคนเดียว เพราะท่านไม่ใช่เจ้าของแคว้นชิลลา ถ้าสำนึกว่าบ้านเมืองนี้เป็นของท่าน ท่านจะรู้ว่าราษฎรก็เปรียบเหมือนลูกหลาน จากนั้น ก็จะพยายามสื่อสารกับพวกเขา รับฟังความคิดเห็น และหวังว่า จะเห็นพวกเขามีพัฒนาการที่ดี แต่ว่า ถ้าไม่ใช่ของๆ เรา ก็จะเหมือนลูกคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเราเลย จะลงโทษฆ่าแกงยังไงก็ได้ คิดแต่จะไม่ให้พวกเขาได้โงหัว หึ ถ้าไม่ใช่เจ้าของชิลลา จะมีอุดมการณ์ที่จะทำเพื่อบ้านเมืองและราษฎรได้ยังไง แล้วนี่ ท่านทำอะไรไปบ้าง คนที่ไม่มีเป้าหมาย จะไม่มีวันกลายเป็นวีรบุรุษได้ เมื่อไม่มีเป้าหมาย ไม่ว่าทำอะไรก็ไม่มีวันเจริญขึ้น อ้อ เมื่อกี้ท่านพูดประโยคหนึ่ง ทำให้ข้าติดใจ การลงโทษต้องให้เฉียบขาด ส่วนรางวัลก็ให้ทีละน้อย อีกอย่าง อย่าเพิ่งให้ความหวังกับคนที่ด้อยความรู้ ข้าก็เห็นด้วย เพราะฉะนั้น นับแต่นี้ ข้าจะทำสิ่งที่ใครก็คาดคิดไม่ถึง"
 องค์ หญิงต๊อกมานไปถึง พวกไอชองก็จับชาวบ้านเหล่านั้นไว้แล้ว องค์หญิงต๊อกมานถามทันทีว่า
 "ทำไมต้องพาคนหนีไปหมด"
 "เอ่อ ขอทรงอภัย เราผิดไปแล้ว ให้โอกาสอีกครั้งเถอะพะยะค่ะ"
 "ใช่ ถ้าองค์หญิงทรงให้โอกาสอีกครั้ง เราขอถวายสัญญา จะทำนาให้ได้ผลพะยะค่ะ"
 องค์ หญิงต๊อกมานถามย้ำอีก "ข้าถามว่าทำไมพวกท่านต้องหลบหนี"
 "เพราะการไป บุกเบิกที่แห้งแล้ง มันไม่มีหลักประกัน เกิดพลิกฟื้นที่นาไม่สำเร็จ หนี้สินของพวกเราก็จะยิ่งพอกพูนมากขึ้น"
 องค์หญิงต๊อกมานว่า "ข้าบอกแล้วว่าให้เครื่องมือที่ต่างจากอดีต นั่นทำจากเหล็กกล้า จะช่วยทำงานให้ได้ประสิทธิภาพมากกว่า"
 "จริงๆ แล้ว เราก็ไม่รู้ว่าเหล็กชนิดไหนดีหรือไม่ดีหรอก แต่เรื่องของเรื่อง คือองค์หญิงก็ทรงหวังผลประโยชน์จากพวกเราจึงมาหลอกใช้ ซึ่งก็ไม่ต่างจากขุนนางที่แล้วมาอยู่ดี"
 องค์หญิงต๊อกมานพยายามอธิบาย "ข้าน่ะ อยากให้พวกท่านได้เป็นอิสระ พ้นจากการกดขี่ของเหล่าขุนนาง ไม่ใช่รอแค่การบริจาค แล้วนั่งงอมืองอเท้าไปวันๆ ต้องลงทุนลงแรง สร้างงานของตัวเอง ถึงจะอยู่รอดได้ พลิกฟื้นที่นาให้สมบูรณ์แล้วจะเป็นสมบัติของพวกท่าน หึ ข้าหวังว่า พวกท่านจะไม่ต้องเป็นทาสให้กับชนชั้นสูงอีก หรือว่าพวกท่านชอบที่จะเป็นอย่างงั้น เป็นลูกไก่ในกำมือพวกเขา และให้ลูกหลานในอนาคต ทายาทรุ่นแล้วรุ่นเล่า มีฐานะเป็นทาสตลอดไปหรือไง ทำไมไม่เข้าใจข้าบ้าง ข้าจะมอบที่ดินให้พวกท่านนะ ที่ๆ จะมีผลผลิตงอกเงยไม่สิ้นสุด และสามารถสืบทอดให้ลูกหลาน เป็นสมบัติที่แท้จริงของพวกท่าน เฮ่อ หึ"
จบ 39

ซอนต๊อก 40  
 
 จาก ความช่วยเหลือขององค์หญิงต๊อกมาน แม้ว่าชาวเมืองเมืองอันคังต่างยินดีให้องค์หญิงต๊อกมานใช้ที่ดินเพื่อทำการ เกษตร แต่กลับไม่ปฏิบัติตามวิธีการขององค์หญิงต๊อกมาน ซ้ำร้ายยังพากันหลบหนีไปอีกด้วย เรื่องนี้สร้างความผิดหวังให้องค์หญิงต๊อกมานเป็นอันมาก
 องค์หญิงต๊อก มานตัดสินใจกลับไปหาชาวเมืองอีกครั้งเพื่อปลิดชีวิตหัวหน้าหมู่บ้านซึ่ง ทำลายศรัทธาของชาวบ้าน การนี้ทำให้ชาวบ้านต่างพากันให้การสนับสนุนองค์หญิงต๊อกมาน
 มีซิลทราบ เรื่องราวก็รู้สึกทึ่งองค์หญิงต๊อกมาน
 "ความรู้สึกของนาง ป่านนี้คงจะทรมานนัก นึกถึงสมัยพระเจ้าจินฮึง ตอนสู้รบที่ เนิน "มาอู" ได้ไหม"
 ซอวอนว่า "จำได้ ตอนนั้นเราสองคนถูกทหารโกคูรยอเล่นงานจนแทบหมดทางต่อสู้"
 "เดิมทีพาทหาร ไปตั้ง 3 พันคน แต่ตอนกลับ เหลือไม่ถึง 200 ที่จะรับมือ ซ้ำยังเป็นครั้งแรกที่ข้าออกศึกด้วย"
 "แต่ก็สามารถสร้างผลงานได้อย่าง น่าภาคภูมิ เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็รู้"
 มีซิลกล่าวต่อว่า "ในส่วนของเรา มีทหารที่หลบหนีมากขึ้นทุกวัน จนวันหนึ่ง เราจับทหารได้ 7 คนที่กำลังหลบหนี หนึ่งในนั้น ยังเป็นคนสนิทของข้าที่เคยช่วยชีวิตข้าไว้และเป็นที่ไว้ใจนัก ท่ามกลางความรู้สึกที่คิดว่าเขากำลังทรยศ แม้จะมีบุญคุณต่อข้า แต่ก็ปล่อยไว้ไม่ได้อีก สุดท้ายจึงต้องสังหารเขา รวมกับลูกน้องอีก 6 คนด้วยมือของข้าเอง และข้าก็ร้องไห้อยู่นาน จริงๆ ข้าไม่เคยตกใจกับสภาพการตายของศัตรูคนไหน แต่ตอนนั้นกลับรู้สึกกลัวจนแทบถือกระบี่ไม่อยู่"
 "เป็นเรื่องที่แม่ทัพ คนไหนๆ ก็ต้องเจอ อาจเพราะนั่นเป็นครั้งแรกก็ได้"
 "ใช่ แต่ว่า หลังจากนั้น ไม่นานนัก มือข้าก็ไม่เคยสั่นอีกเลย และเรียกกำลังใจกลับมาได้ใหม่ สุดท้าย ข้าก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ท่านคิดว่านาง จะเปลี่ยนด้วยหรือเปล่า" มีซิลกล่าวทิ้งท้าย
 องค์หญิง ต๊อกมานเศร้าใจมาก พีดัมเข้ามาหา
 "องค์หญิง เอ่อ คือ องค์หญิง"
 องค์ หญิงต๊อกมานเงยหน้ามอง "มาแล้วหรือ"
 "องค์หญิงไม่จำเป็น ต้องเอาอย่างมีซิลก็ได้ หม่อมฉันเห็นว่า ถึงองค์หญิงจะไม่ฆ่าคน ก็สามารถทำงานได้ดี และน่าชื่นชมด้วย"
 องค์หญิงต๊อกมานทำเสียงในลำคอ "หึ ข้าอาจจะใจร้อนเกินไป ไม่ทันคิดให้รอบคอบก็ได้ เรื่องแบบนี้ ชาวบ้านไม่เคยเจอมาก่อน เลยตั้งรับไม่ถูก การพลิกฟื้นที่ดิน เพื่อจะเป็นเจ้าของที่เอง จากนั้นก็มีสิทธิ์สืบทอดชั่วลูกชั่วหลาน เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่มีวันเข้าใจ"
 "ต่อหน้าหม่อมฉัน องค์หญิงไม่ต้องทรงทำเป็นเข้มแข็งก็ได้ ไม่งั้น จะดูน่าสงสาร ชาวบ้านคงตกใจ ที่เห็นองค์หญิงไปพูดคุยด้วยตัวเอง แต่ก็ต้องสอนพวกเขา นานวันเข้า ก็จะคิดเองได้ แล้วก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง บางที องค์หญิงจะได้รู้ว่า ข้าก็เปลี่ยนได้เหมือนกัน"
 "หึ ขอบใจเจ้ามากนะ"
 องค์หญิงต๊อกมาน เรียกคิมยูซินมาพบและบอกว่า
 "ที่ให้มาพบเพราะเรื่องของเมืองอันคัง"
 "พะ ยะค่ะ"
 องค์หญิงต๊อกมานกล่าวว่า "ทุกวันนี้แม้ท่านจะงานยุ่ง แต่ก็อยากให้ช่วยดูเรื่องนี้หน่อย ส่งองครักษ์ที่ไว้ใจได้ผลัดกันไปประจำที่นั่นอย่าได้เว้น คอยส่งข่าวมาให้ข้ารู้เป็นระยะ เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้แก้ไขทัน"
 "พะยะ ค่ะ ทรงเป็นไรหรือเปล่าพะยะค่ะ"
 "หึ หึ ข้าไม่เป็นไรแล้ว"
 "ต้องทรง ปรับตัวให้ได้"
 องค์หญิงต๊อกมานว่า "ข้ารู้สึกว่า ตัวเองเป็นคนโชคดี ที่ผ่านมา มีท่านยูซินคอยชี้แนะอยู่เสมอ บาง ครั้งก็ได้พีดัมเป็นเพื่อนปลอบใจ บวกกับท่านไอชองที่คอยอารักขา หึ แล้วข้ายังจะไม่สบายใจได้ยังไง"
 โซวาเข้ามา "หึ องค์หญิง รีบเสด็จไปตำหนักใหญ่เถอะเพคะ"
 อีกด้านหนึ่งนั้น อาการพระประชวรของพระเจ้าจินพยองทรุดหนักลงทุกที ทำให้พระองค์ทรงมีพระประสงค์ให้องค์หญิงต๊อกมานแต่งงานโดยเร็ว ให้พระมเหสีมายากับองค์หญิงมานมยองดูว่าใครเหมาะสม
 องค์หญิงต๊อกมานมา เข้าเฝ้า "ฝ่าบาท ทรงดีขึ้นบ้างมั้ยเพคะ"
 "หึๆๆ เสียใจด้วยนะ ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หึ หลายวันนี้แทบไม่ได้ออกประชุมขุนนางเลย องค์หญิงต๊อกมาน เรื่องแต่งงานของเจ้าจะรอช้าไม่ได้อีก สวามีของเจ้าจะได้เป็นรัชทายาท เราจะได้หมดห่วงกับเรื่องนี้ซะที"
 พระ มเหสีมายาว่า "ใช่ ฝ่าบาททรงเป็นห่วงเรื่องนี้มาตลอด จนวันนี้เจ้ามีคนที่ชอบพอบ้างหรือยัง"
 จากนั้นพระเจ้าจินพยองตรัสกับยอง ชุนและคิมซอยอนว่า
 "อีก 4 วัน เราจะหารือเรื่องคู่ครองขององค์หญิงต๊อกมาน พวกท่านช่วยไปเตรียมการด้วย"
 "พะ ยะค่ะฝ่าบาท"
 "เชื้อพระวงศ์ไม่ว่าสายไหน ล้วนมีสิทธิ์เข้ารับการคัดเลือก อย่าลืมบอกตามนี้ด้วยล่ะ"
 "ทุกคนคงรู้ ว่า ลูกชายของตนมีคุณสมบัติยังไง เหมาะจะเข้ารับการคัดเลือกหรือไม่"
 พระ มเหสีมายาตรัสว่า "งานนี้ทางฝ่ายมีซิล ก็คงมีบางคนที่จะมาคัดเลือกด้วย"
 พระ เจ้าจินพยองทรงเห็นเช่นนั้นเหมือนกัน "ข้าก็คิดอย่างงั้น แต่ยังไงก็ต้องประกาศให้รู้กันทั่ว พวกท่านช่วยไปดูแลท้องพระโรงให้มีบรรยากาศของงานมงคลหน่อย"
 "พะยะค่ะฝ่า บาท"
 โซวากล่าวกับองค์หญิงต๊อกมานว่า
 "ช้าเร็วก็ต้องเข้าพิธีอภิเษก อยู่แล้วเพคะ หรือว่าทรงมีคนที่ชอบพอ อยู่ก่อนแล้ว เอ่อ องค์หญิง ทรงประชวรหรือเพคะ"
 องค์หญิงต๊อกมานปฏิเสธ "อ้อ เปล่าหรอก แค่มือสั่นนิดหน่อยเท่านั้น"
 พีดัมมองแล้วถาม "มือเป็นอะไร เป็นอย่างงี้บ่อยหรือเปล่า"
 "หึ ไม่บ่อยหรอก"
 "ยังว่าไม่บ่อยอีก"
 "หึ บอกว่าไม่เป็นไรไงล่ะ"
 "ยังสั่นอยู่ชัดๆ ต้องหาหมอหรือเปล่า หรือจะเป็นเพราะไม่ได้ถือกระบี่นาน ความจริงให้ท่านยูซินจัดการก็ได้ ยังมีท่านไอชองอีกคน"
 องค์หญิงต๊อกมานหัวเราะ "หึ"
 "หึ องค์หญิง ทรงขำอะไรหรือ"
 องค์หญิงต๊อกมานมองพีดัม "แบบนี้ค่อยเหมือนพีดัมคนเก่าหน่อย"
 "แหะ คือ ได้ยินว่าจะมีการหารือ เกี่ยวกับการอภิเษกขององค์หญิง"
 องค์หญิงต๊อกมานว่า "ใช่ ป่านนี้คงกำลังจะเริ่มต้นขึ้น อีกไม่นานคงได้เป็นเรื่องใหญ่แน่"
 "แล้ว องค์หญิง ยังทรงยืนกราน ความคิดเดิมใช่ไหม"
 "แน่นอน ข้า จะไม่มีวันแต่งงาน ที่สำคัญ งานของข้าเพิ่งจะเริ่มต้น"
 พีดัมถาม "หึ แล้ว มือเป็นไงบ้าง"
 องค์หญิงต๊อกมานบอกว่า "ไม่เป็นไรแล้ว"
 "ให้ หม่อมฉันดูอีกทีซิ ทีหลังเรื่องแบบนี้อย่าไปทำเองล่ะ ขนาดท่านยูซินกับท่านไอชองเห็นเข้ายังตกใจจะแย่"
 องค์หญิงต๊อกมานย้ำอีก "บอกแล้วว่าไม่เป็นไรไง"
 "ใช่แล้ว หม่อมฉันเคยฝึกวิชาฝังเข็มกับอาจารย์มา ถ้าไงลองฝังให้องค์หญิงดีมั้ย"
 องค์ หญิงต๊อกมานปฏิเสธทันที "หึๆ ไม่ต้องหรอก"
 "อย่าเกรงใจเลย"
 ซอ วอนบอกทุกคนว่า อีก 4 วันให้มีการประชุมเรื่องสำคัญ
 มีเซ็งรู้ทันที "ไม่บอกก็รู้ว่าคงเป็นเรื่องอภิเษกขององค์หญิง"
 เซจองว่า "ทางเราก็ได้แต่หารือ เพราะสุดท้าย ยังไงก็ต้องทำตามความประสงค์ขององค์หญิงอยู่ดี"
 "ใช่ ตอนนี้คิมยูซินก็แต่งงานแล้ว ไม่แน่ผลประโยชน์อาจตกแก่ไอชองที่เป็นคนสนิทอีกคน"
 "อาจจะเป็นอย่างงั้น ก็ได้ ไอชองเป็นลูกขุนนางระดับหกซึ่งไม่มีอิทธิพลนัก ถ้าเป็นราชบุตรเขยจะไม่มีผลกระทบต่อเราเลย"
 "เห็นทีข้าต้องทำอะไร บางอย่างก่อน"
 มีซิลว่า "ใช่ ได้ยินว่าพ่อของไอชองเป็นคนที่ชอบงานศิลปะนัก ถ้าไงเจ้าก็หางานดีๆ ไปฝากเขาหน่อย จะได้เป็นพวกเดียวกับเรา"
 "ได้เลยพี่ใหญ่ ข้าจะจัดหาให้เอง"
 มีซิลว่า "รวมถึงชุนชูกับยูซิน ก็ต้องจับตาสองคนนี้ไว้ให้ดี"
 เมื่อทุกคนออกไปแล้ว ซอวอนก็ขอคุยกับมีซิลลำพังแล้วบอกเธอว่า
 "เกี่ยวกับเรื่องพีดัม ข้าดูแล้วเหมือนเขาจะสนิทกับองค์หญิงต๊อกมานเป็นพิเศษ"
 "ข้าไม่เข้าใจ สิ่งที่ท่านพูด"
 "ถ้าให้พีดัมเป็นสวามีองค์หญิงต๊อกมาน ท่านว่าเป็นไปได้หรือเปล่า"
 "ท่านซอวอน"
 "ท่านเซจู เขาไม่ใช่ลูกท่านหรอกหรือ ว่าไปก็คือองค์ชายองค์หนึ่งด้วยซ้ำ เราต้องประเมินคนที่จะเข้ามาเกี่ยวข้อง ว่าเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายเราแค่ไหน"
 "เขา เป็นลูกที่ข้าทิ้งไปแล้ว ไม่ว่ายังไง ข้าจะไม่มีวันยอมรับ"
 เวลาต่อมาฮา จองก็ทราบข่าวดีว่ายองโมลูกสาวของเขาที่เป็นภรรยาของคิมยูซินตั้งครรภ์ ฮาจองรีบไปบอกข่าวดีกับมีซิล
 มีซิลดีใจ "งั้นทางนี้ก็หมดห่วงไปเปลาะหนึ่ง แล้วด้านชุนชูจะว่ายังไง"
 ซอวอนว่า "ทุกวันนี้ยังไปมาหาสู่โพยางอยู่"
 "ท่าทีที่แสดงออก น่าจะเข้ากับฝ่ายเราแน่นอน แต่ว่า อาจจะกลัวฝ่าบาทไม่พอพระทัย เลยเลี่ยงที่จะไม่พูดเรื่องแต่งงาน" มีเซ็งว่า
 "ถ้าไงข้าจะดูไว้ให้ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง"
 มีซิลยิ้ม "ดีมาก เหล่าขุนนางไปติดต่อหรือยัง"
 "ขุน นางใหญ่น้อยที่เป็นฝ่ายเราทั้งหมด ได้ส่งจดหมายไปบอกให้รู้แล้ว"
 "ใช่ ครับ แม้แต่ขุนนางท้องที่ก็ไม่ขาดตกซักคน เฮ่อๆๆ"
 "งั้นก็ดีแล้ว พรุ่งนี้ฝ่าบาท จะทรงคัดเลือกผู้ที่จะมาเป็นราชบุตรเขย"
 "แต่ว่า ไม่ว่าใครเป็นราชบุตรเขย อำนาจการปกครองก็ยังอยู่ในมือพวกเราอยู่ดี"
 "คิม ยูซิน คุณชายชุนชู ไอชอง รวมถึงบรรดาเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายก็เป็นฝ่ายเราทั้งนั้นจริงมั้ยครับ ฮ่าๆๆ เฮ่อๆๆ" ฮาจองพอใจมาก
 เซจองว่า "จะเป็นใครก็ช่าง ถึงเวลาอย่าแผลงฤทธิ์มากนัก ให้รู้จักอ่อนน้อมต่อเราก็พอ"
 "รอแค่พรุ่ง นี้เท่านั้น ถึงเวลาเมื่อไหร่ ตำแหน่งสำคัญที่ถูกปล่อยว่างมานานหลายปี ก็จะมีคนมาครอบครองซะที" มีซิลว่า
00000000000000000000000

 วัน ต่อมา พระเจ้าจินพยองประกาศในที่ประชุมว่า
 "เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า ในรัชกาลของข้า ไร้ซึ่งทายาทที่เป็นชายมาเนิ่นนาน ฉะนั้นจึงต้องให้องค์หญิงต๊อกมานอภิเษกโดยเร็ว และให้ราชบุตรเขยเป็นรัชทายาทซะ บ้านเมืองถึงจะมีความมั่นคงต่อไป ทุกท่าน เห็นว่าใครที่เหมาะกับตำแหน่งราชบุตรเขย ก็เชิญเสนอมาได้"
 "ฝ่าบาท หม่อมฉัน "ซินยู" ขอทูลเสนอว่า ลูกชายใต้เท้า "ชองแทอัน" ที่ชื่อ "ชองกวางยู" ดีมั้ยพะยะค่ะ"
 "ฝ่าบาท ลูกชายใต้เท้า "ชองแบเมียง" ปัจจุบันทำงานอยู่ฝ่ายปกครอง คุณสมบัติเพียบพร้อมนะพะยะค่ะ"
 มีซิลทูล ต่อ "ฝ่าบาท หม่อมฉันขอบังอาจทูลว่า สิ่งสำคัญยิ่งกว่าการเลือกคู่ครอง คือฟังความคิดเห็นจากองค์หญิงต๊อกมานก่อนนะเพคะ"
มหาดเล็กส่งเสียงเข้ามา "องค์หญิงเสด็จมา"
 มีซิลกล่าวกับองค์หญิงต๊อกมาน "องค์หญิง เรากำลังหารือเรื่องการเลือกคู่ขององค์หญิงอยู่ หม่อมฉันได้ทูลฝ่าบาทไปว่า สิ่งสำคัญยิ่งกว่าการอภิเษกขององค์หญิงก็คือ เราควรฟังความเห็นส่วนพระองค์ซะก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ ไม่ทราบว่าองค์หญิง มีคนที่หมายปองอยู่ในพระทัยหรือเปล่า"
 องค์หญิงต๊อกมานประกาศเสียงดัง "ข้าคิดว่า ชาตินี้จะไม่แต่งงาน"
 ยองชุนรีบปราม "องค์หญิง ตอนนี้ฝ่าบาทยังทรงแข็งแรง แน่นอนว่าไม่มีผลต่อเสถียรภาพของบ้านเมือง แต่เรื่องรัชทายาทเป็นปัญหาใหญ่ที่เราคิดหนักมานาน สมควรมีข้อยุติได้แล้ว"
 เซ จองเห็นด้วย "ใช่แล้ว ขอเพียงมีราชบุตรเขย ทุกฝ่ายก็จะสบายใจ และต่อไป บ้านเมืองก็จะเดินหน้าได้"
 องค์หญิงต๊อกมานว่า "ใช่ ข้าเอง ก็อยากให้บ้านเมืองมั่นคง ขจัดความห่วงใยของทุกท่านโดยเร็ว เพื่อจะได้นำความผาสุกกลับมา เพราะฉะนั้น ข้าจึงอยากทูลฝ่าบาทและทุกท่านให้รู้ไว้ องค์หญิงต๊อกมาน จะไม่มีวันแต่งงาน หม่อมฉันจะให้ตัวเองขึ้นเป็น รัชทายาทแห่งชิลลา เกี่ยวกับประเด็นนี้ ให้นำไปอภิปรายในสภาขุนนางได้"
 มีซิลกลับไปคิดถึงเรื่อง องค์หญิงต๊อกมานว่า
 "องค์หญิงต๊อกมาน หรือว่า สิ่งที่นางต้องการก็คือ เป้าหมายของนาง คือการครองราชย์งั้นหรือ ตั้งแต่เข้าวัง ไม่ใช่ อาจจะนานกว่านั้นที่นางหวังจะครองแคว้นชิลลา เจ้าของหรือ สร้างฝันหรือ เพราะข้าไม่ใช่เจ้าของแคว้นนี้ เฮอะ เป็นอย่างงั้นจริงหรือ นี่เป็นสิ่งที่ สมัยก่อนข้าไม่กล้าแม้แต่จะคิดฝันด้วยซ้ำ เพราะข้าเองหรอกหรือ"
 พระ มเหสีมายาทรงทราบเรื่องก็ไม่สบายพระทัยที่องค์หญิงต๊อกมานสร้างปัญหาขึ้นมา อีก แต่พระเจ้าจินพยองกลับทรงตรัสว่า
 "ไม่หรอก นี่เป็นแผนชั้นยอดขององค์หญิงต๊อกมานต่างหาก"
 "ฝ่าบาททรงหมายความว่าไง หรือพะยะค่ะ" ยองชุนไม่เข้าใจ
 "เราสืบสันตติวงศ์มาโดยตรง เชื้อสายที่แท้ ถือเป็นรากฐานสำคัญในการดำรงอยู่ของแคว้นชิลลา แล้วจะให้คนอื่นมาครองราชย์ได้ยังไง องค์หญิงต๊อกมานเป็นลูกในไส้ของข้า ถึงจะครองราชย์จริงก็ไม่เห็นแปลก"
 พระมเหสีมายาทูล "ฝ่าบาท แต่ว่า นางเป็นผู้หญิงนะเพคะ"
 พระเจ้าจินพยองว่า "ผู้หญิงอาจมีข้อจำกัดบางอย่างก็จริง แต่ยังไงนางก็คือลูกข้า เป็นเกราะเหล็กที่แม้แต่มีซิลก็ไม่อาจทำลายได้ และองค์หญิงต๊อกมาน ถือว่ามีสิทธิ์เต็มที่"
 ยองชุนทูล "แต่ว่าฝ่าบาท"
 พระเจ้าจินพยอง ตัดบทว่า "แต่ไหนแต่ไรข้าเป็นคนอ่อนแอนัก สมัยก่อนยังถูกบังคับให้เป็นพระราชาโดยไม่ทันตั้งตัว นั่นเป็นเพราะว่า ข้าสืบสายโลหิตโดยตรง องค์หญิงต๊อกมาน กำลังจะกอบกู้บางอย่างกลับคืนมา และนั่นจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะคานอำนาจกับมีซิลได้ ด้วยฐานะที่นางเป็นองค์หญิงโดยแท้"
 เวลาเดียวกัน พีดัมก็กล่าวกับมีซิลว่า
 "มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้นะ"
 มีซิลงง "เรื่องที่ช่วยไม่ได้ หมายถึงอะไร"
 "ความฝันของคนเราไม่เหมือนกัน สุดท้ายเลยเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้"
 "ความฝันไม่เหมือนกันหรือ"
 "ใช่ นั่นเป็นสิ่งที่ท่าน ไม่กล้าแม้แต่จะนึกฝันด้วยซ้ำ"
 "อุตส่าห์มารอข้า เพื่อจะพูดประโยคนี้หรือ"
 "แต่ว่า องค์หญิงต๊อกมานของข้า ก่อนจะเข้าวัง สมัยที่ไม่มีอะไรอยู่ในมือซักอย่าง ก็บอกว่า นางจะครองราชย์ให้ได้"
 "องค์ หญิงต๊อกมานของเจ้าหรือ"
 "ใช่ เป็นทางที่ข้าเลือกแล้ว นางคือ องค์หญิงต๊อกมานของข้า ลาก่อน"
 อีกด้านซกพุงคุยกับเหล่าองครักษ์เรื่อง ที่องค์หญิงต๊อกมานจะขึ้นครองราชย์
 "หึๆ องค์หญิงองค์นี้ ชอบทำอะไรที่เหนือความคาดหมายอยู่เรื่อย"
 "ข้าน่ะคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ ตำแหน่งรัชทายาทก็แค่เลือกราชบุตรเขยเท่านั้น ทำไมต้องทำให้ยุ่งยากขนาดนี้"
 "ผู้หญิง จะครองเมืองหรือ ไม่ว่าแคว้นไหนๆ ก็ไม่เคยมีมาก่อน"
 "เรื่องหอดูดาวก็ เหมือนกัน แค่นี้ก็รู้แล้วว่าความคิดของนาง ช่างไม่เหมือนคนอื่นจริงๆ"
 "แต่ ว่า นางเป็นพระธิดาองค์เดียวของฝ่าบาท นี่เป็นเรื่องจริง"
 "เจ้าพูดอะไร น่ะ เป็นพระธิดาก็คิดจะครองราชย์หรือไง มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ"
 ซกพุง ว่า "คงเพราะไม่ได้อยู่ในวังมาแต่เด็กมั้ง หึๆๆ ความคิดความอ่านเลยต่างจากผู้คนทั่วไป"
 ยิมจงว่า "รับรองว่าเสียงคัดค้านไม่เบาแน่ ดูซินางจะรับมือยังไง"
 "ข้าคนหนึ่งล่ะ ที่ไม่เห็นด้วย"
 "คราวก่อนก็เอาเสบียงของกองทัพไปขาย ช่างทำแต่เรื่องให้คนอื่นปวดหัวอยู่เรื่อย"
0000000000000

 องครักษ์ นำรายชื่อองครักษ์ใหม่มาให้ชิซูดู ชิซูจึงถามว่า
 "พีดัมยังไม่มีลูกน้อง อีกหรือ"
 ซกพุงตอบว่า "ครับ จนถึงวันนี้ ยังไม่มีการฝึกเหมือนคนอื่น ตัวเขาเองก็ลอยไปลอยมา อยู่ไปวันๆ"
 "แล้วแวยาล่ะ"
 "ครับ เห็นว่าเป็นลูกชายเจ้าเมืองมานโน"
 "ท่านซอยอนรับเป็นลูกบุญธรรมและให้ไป อยู่หน่วยยองวาน่ะครับ"
 "ดูสองคนนี้ไว้ให้ดี ถ้ามีอะไรผิดสังเกต รีบมาบอกข้า" ชิซูสั่ง
 ซกพุงกับองครักษ์รับคำ "ครับ"
 ซกพุงเรียบๆ เคียงๆ ถามว่า "ว่าแต่ ท่านทราบข่าวอะไรมั้ย องค์หญิงต๊อกมานจะเป็น"
 "รู้ แล้ว องครักษ์มีท่าทียังไงบ้าง"
 "ส่วนใหญ่ พากันวิจารณ์ว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอน"
 ด้านองค์หญิงต๊อกมานก็ถามคิมยูซิ นว่า
 "คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว"
 "ชาวเมืองอันคังส่วนใหญ่เริ่มมีการเพาะ ปลูก และไม่มีใครหลบหนีอีก"
 องค์หญิงต๊อกมานคิด "การตายของผู้ใหญ่บ้านทำให้พวกเขากลัว ขั้นต่อไปก็คือให้พวกเขาเห็นความหวัง คนไหนที่ขยันทำงาน เราจะมีรางวัลให้"
 "พะยะค่ะ หม่อมฉันจะคอยดูต่อไป"
 "เมือง อันคังเป็นแค่ต้นแบบ ถ้าเมืองนี้ทำสำเร็จได้ เราค่อยขยายไปยังเมืองอื่น"
 พี ดัมถามว่า "องค์หญิง หึ ในวังกำลังโกลาหล ทรงทราบหรือยัง"
 องค์หญิงต๊อก มานไม่แปลกใจ "หึ แต่ละคน ตกใจมากหรือไง"
 "เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมา ก่อน"
 ไอชองว่า "ใครจะกล้าคิดว่า มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดกับเราได้"
 องค์ หญิงต๊อกมานถาม "มันคงยากที่พวกเขาจะยอมรับ ท่านว่าจริงมั้ย"
 "เพราะไม่ เคยมีในประวัติศาสตร์ของเรา" คิมยูซินว่า
 องค์หญิงต๊อกมานว่า "เรื่องบางอย่าง ต้องใช้เวลาในการปรับตัว แล้วชุนชูล่ะ รู้เรื่องนี้กะเขาหรือยัง"
 ไอชองว่า "เป็นข่าวใหญ่ขนาดนี้ น่าจะรู้พะยะค่ะ"
 "เดี๋ยวหม่อมฉันจะไปพบคุณชายชุนชู ถ้ายังไม่รู้ หม่อมฉันก็จะบอก และดูว่าคิดยังไง" พีดัมว่า
 คิมยูซินไปคุยกับแวยาและซอ แจ
 "ข้าเคยบอกว่าเป็นความยินยอม ที่จะอยู่ใต้อำนาจองค์หญิง"
 "เรา นึกว่านั่นเป็นการเปรียบเทียบเล่นๆ ซะอีก ถ้าท่านแต่งงานกับองค์หญิงและเป็นราชบุตรเขยในภายหน้า ก็สามารถอยู่ใต้อำนาจได้" ซอแจว่า
 "ข้ายังยืนกรานเหมือนเดิม ที่จะหนุนให้นางครองราชย์" คิมยูซินยืนยัน
 ซอแจสวน "ผู้หญิงที่ไหนจะครองราชย์ได้ ท่านเสียสติหรือเปล่า"
 "นั่นไม่ใช่สิ่ง สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือใคร แต่เป้าหมายของเราคือให้คนของเผ่าคาย่าได้เป็นพระราชาต่างหาก" แวยาว่า
 คิม ยูซินบอกทั้งสองว่า "พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว เป้าหมายที่เราร่วมมือกัน คือสนับสนุนให้คนที่ห่วงใยชาวคาย่าได้เป็นใหญ่ต่างหาก"
 "ใครจะรับรองได้ ว่าองค์หญิงต๊อกมานจะห่วงเราจริงหรือเปล่า"
 "เราสองคน ตั้งใจจะร่วมมือกับท่าน ไม่ใช่ร่วมมือกับองค์หญิงต๊อกมานหรอกนะ"
 "แต่ องค์หญิงทรงมีความห่วงใยจริง ที่จะเห็นชาวคาย่าเป็นพสกนิกรของนางเอง"
 "ตอน นี้ใครก็ว่าห่วงใยทั้งนั้น แต่พอมีอำนาจในชิลลาเมื่อไหร่ ปัญหาเดิมก็จะเกิดซ้ำอีก หลอกใช้พวกเราจนหนำใจ กดขี่ข่มเหงสารพัด สุดท้ายก็กดดันให้เราต้องลุกขึ้นมาสู้อีก องค์หญิงจะมีอะไรแตกต่างบ้าง"
 "แว ยา"
 แวยาไม่สนกล่าวต่อ "เพราะฉะนั้น ปัญหานี้จะจบได้ก็ต่อเมื่อพระราชาเป็นชาวคาย่า ที่บอกว่าองค์หญิงต๊อกมานไม่เหมือนคนอื่น อย่ามาหลอกเราดีกว่า"
 "ถึงว่า น่ะสิ เรื่องอะไรเราจะยอมเชื่อท่าน จนเอาชีวิตชาวคาย่ามากมายไปฝากไว้ที่นางคนเดียว"
 "พวกเจ้าไม่ต้องเชื่อ คนอื่น แต่เชื่อข้าคนเดียวก็พอ องค์หญิงต๊อกมานจะพลิกโฉมให้ชิลลาใหม่ แล้วพวกเจ้าก็จะได้เป็น ขุนนางที่มีความดีความชอบ"
 "ท่านยูซิน"
 "ถ้า ไม่เป็นอย่างที่ข้าพูด ข้าจะเป็นผู้นำต่อต้านเอง เผ่าคาย่าเป็นของเราสองคน ไม่ใช่ขององค์หญิงต๊อกมาน"
 พวกซอวอนบ่นกับมีซิลว่าจนป่านนี้ยังไม่มีใคร กล้าออกหน้าคัดค้านองค์หญิงต๊อกมาน
 ชิซูว่า "เหล่าองครักษ์แม้จะไม่พูดเปิดเผย แต่ก็บอกว่ายอมรับไม่ได้"
 เซจองว่า "เพียงเพราะเป็นสายพระโลหิตโดยแท้ ก็หวังจะครองราชย์ เป็นราชินีงั้นหรือ"
 "นั่น สิครับ ผู้หญิงจะเป็นรัชทายาทได้ไง อย่าว่าแค่แคว้นเราเลย โกคูรยอหรือ แพ่กเจก็ไม่เคยมีมาก่อน จริงมั้ยท่านแม่ ท่านแม่ ขำอะไรครับ"
 "ถึงอย่าง งั้นแคว้นชิลลาก็ไม่เคยมีเชื้อสายอื่นมาครองบัลลังก์เหมือนกัน ไม่งั้นความเป็นสายพระโลหิตโดยแท้ก็จะหมดความหมายทันที และนี่ก็คืออุปสรรค ที่ข้าไม่อาจก้าวข้ามได้ซะที"
000000000000000

 องค์หญิงต๊อกมาน ปรึกษากับคิมยูซินว่า
 "การประชุมวันพรุ่งนี้ อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก คงมีการโต้เถียงและคัดค้านอย่างชนิดหัวชนฝา"
 "ใครก็ตามที่เป็นชาวชิลลา จะไม่กล้าปฏิเสธความชอบธรรมในการครองราชย์ขององค์หญิง เพราะฉะนั้น ถึงเถียงไปก็ไร้ประโยชน์"
 "ใช่ เชื่อว่าการประชุมพรุ่งนี้ เรื่องที่ข้าจะเป็นรัชทายาท คงไม่มีใครกล้าคัดค้านแต่ว่า ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ชาวชิลลาทุกระดับชั้น บางคนอาจไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการเมือง จะเริ่มมีการวิพากษ์วิจารณ์ เกี่ยวกับคำนามใหม่ของข้า"
 "คำนามที่ว่าก็ คือ"
 "นามที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ไม่มีประวัติเล่มไหนเคยจารึกไว้ ไม่เคยเกิดในบ้านเมืองของเรา มันจะมีขึ้น หึ "ราชินี" ตำแหน่งใหม่ที่จะถือกำเนิด เราต้องยึดถือคำๆ นี้ไว้ เป็นใบเบิกทางหนแรก"
 คิม ชุนชูได้พบกับพีดัมก็ถามเขาก่อนว่า
 "นี่ นี่ ท่านก็รู้นานแล้วใช่ไหม เรื่องที่ องค์หญิงจะขึ้นครองราชย์น่ะ"
 พีดัมพยักหน้า "หึ อึม"
 "คิด ว่าเป็นไปได้มั้ย"
 พีดัมถอนใจ "เฮ่อ มันก็ไม่ง่ายนักหรอก เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน"
 "มีคนเคยบอกว่าโลกนี้ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้และไม่เคยเกิด เห็นว่าจนวันนี้ ไม่เคยมีเชื้อสายอื่นขึ้นครองราชย์ พอๆ กับไม่เคยมีผู้หญิงได้ครองเมือง แต่ว่า อีกไม่นาน หนึ่งในสองอย่างนี้อาจเกิดก็ได้"
 "หนึ่งใน สองอย่างนี้หรือ"
 "หึ เฮ่อๆๆ เห็นทีว่าคงจะน่าสนุก เรามาเดาเล่นๆ ว่าอะไรจะเกิดก่อนมั้ย พระราชาที่เป็นหญิง หรือไม่ก็ คนนอกมาแทน หึ หึๆ" คิมชุนชูหัวเราะ
 มีซิลคิดจะไปพบคิมชุนชู ก็พอดีกับที่คิมชุนชูมาขอพบนางก่อน หลังจากพูดคุยกันแล้วมีซิลก็สั่งให้มีเซ็งตามเซจองมาพบด่วน
 และในวัน รุ่งขึ้น ในที่ประชุม เซจองก็กล่าวขึ้นว่า
 "ในประวัติศาสตร์ 700 ปีของแคว้นเรา ไม่เคยมีผู้หญิงได้เป็นรัชทายาทซักคน"
 ฮาจองว่า "ข้าก็ว่าอย่างงั้นเหมือนกัน อย่าว่าแต่โกคูรยอหรือแพ่กเจ แม้แต่เมืองขึ้นใหญ่น้อยของเมืองสุยก็ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้"
 มีเซ็งก็ ว่า "นั่นสิ โดยเฉพาะราษฎรด้วยแล้ว จะให้เข้าใจเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ผู้หญิงจะเป็นรัชทายาทเนี่ยนะ"
 ยองชุนค้าน "แต่ว่า แคว้นเราไม่มีองค์ชาย แล้วเรื่องนี้จะให้ทำยังไง ที่น่าเสียดายก็คือ สายพระโลหิตที่เป็นชายล้วนแต่อายุสั้น"
 คิมซอยอนว่า "ใช่ องค์หญิงต๊อกมานแม้จะเป็นอิสตรี แต่ทรงเป็นพระธิดา สืบสายโดยตรง และเป็นดาวแคยางมาจุติด้วย"
 "แต่ว่า ถึงงั้นก็เถอะ"
 "จริงอยู่ ทรงเป็นหน่อเนื้อเชื้อพระวงศ์ ไม่ผิดแน่ แต่มีปัญหาคือ" มีเซ็งยังกล่าวไม่จบ โพจองก็บอกทุกคนว่า
 "ท่านมีซิลมาขอเฝ้า"
 มีซิ ลเข้ามา "หม่อมฉันติดงานสำคัญบางอย่างจึงทำให้มาช้า ขอทรงอภัยด้วย"
 พระ เจ้าจินพยองแปลกพระทัย "ติดงานสำคัญหรือ คืออะไรกัน"
 "ฝ่าบาท ตอนนี้เรากำลังถกปัญหาเรื่องรัชทายาทองค์ใหม่ใช่ไหมเพคะ"
 "หึ ใช่แล้วทำไม"
 "ที่สำคัญ ฝ่าบาทเคยรับสั่งว่า ใครที่เป็นเชื้อพระวงศ์ ก็มีสิทธิ์ได้เป็นรัชทายาททั้งนั้น"
 "แล้วยังไงอีก"
 "เพราะฉะนั้น หม่อมฉันจึงพาผู้มีสิทธิ์อีกคนมาให้ทุกท่านพิจารณา เชิญเข้ามาได้"
 คิม ชุนชูเข้ามา "โอรสขององค์หญิงชอนมยอง ซึ่งเป็นดาวแคยางมาจุติ คิม ชุน ชู ถวายบังคมฝ่าบาท ที่ข้ากลับมาชิลลา เพื่อต้องการอะไรกันแน่ ข้ากลับมา เพื่อจะทวงสิทธิ์ของข้า ที่พึงจะได้"
 พระเจ้าจินพยองตกพระทัย "อะไรกัน ชุนชู แล้วเจ้า ทำไมถึงได้"
 มีซิลรีบสนับสนุน "คุณชายชุนชู พูดถึงฐานะในตอนนี้ คือทายาทคนเดียวของท่านยองซู โอรสในพระเจ้าจินจิกับองค์หญิงชอนมยอง ถ้าสมัยก่อนเสด็จปู่ไม่ถูกปลดเป็นสามัญชน เขาก็มีสิทธิ์เป็นเชื้อพระวงศ์เต็มตัว ที่สำคัญ"
 คิมซอยอนค้าน "แต่ว่า นี่คือรัชทายาท ใครมีประวัติเป็นมายังไงก็ช่าง ที่เราต้องการคือสายพระโลหิตที่แท้จริง"
 "ใช่ ถ้าพูดถึงความชอบธรรมในการครองราชย์ ก็ต้องเป็นหน่อเนื้อเชื้อพระวงศ์โดยแท้ แต่ว่า คุณชายชุนชู"
 คิมชุนชูกล่าวว่า "กฎที่มีอยู่ ถือว่าล้าหลังเต็มที"
 "คุณชายพูดจาระวังปากหน่อย การสืบสันตติวงศ์เป็นกฎที่มีมานาน ใครก็ไม่ควร" คิมซอยอนเตือน
 คิมชุน ชูกล่าวว่า "หม่อมฉัน แม้จะอายุน้อยและโง่เขลาเบาปัญญา แต่กฎการสืบสันตตติวงศ์ที่คร่ำครึแบบนี้ ที่เมืองสุย หรือซีเยี่ย ยังไม่เคยเคร่งครัดถึงขนาดนี้"
จบ 40







เครดิต : oknation.net/blog/lakorn





   
 
ความคิดเห็น


.: ต้องการแสดงความคิดเห็น กรุณาบันทึกความคิดเห็นของคุณลงบนแบบฟอร์มข้างล่างนี้ ขอบคุณค่ะ :.

ละครปัจจุบันตอนล่าสุด
(ตอนอื่น ๆ)
ตอนที่ 39 - 40
ละครที่ฉายอยู่ปัจจุบัน
จามอง ยอดหญิงผู้พิทักษ์แผ่นดิน (3)
ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน (15)
ร่วมแสดงความคิดเห็น
* ชื่อ :  
   
อีเมล์ :  
   
* รายละเอียด  
 

ใส่ข้อมูลได้อีก ตัวอักษร
 
* ใส่ค่าตามภาพ  
 
 
 
SABUYJAISHOP ผู้ให้บริการทางการตลาดออนไลน์ สำหรับร้านค้าหรือผู้ประกอบการ ที่ต้องการนำเสนอสินค้า โฆษณา ประชาสัมพันธ์ร้านค้า หรือสินค้าในร้าน โดยเรามีเครื่องมือที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเปิดร้านค้า โฆษณาสินค้า และระบบการสั่งซื้อสินค้าไว้พร้อมสรรพแล้ว สำหรับผู้ที่ต้องการช่องทางในการทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์