แหล่ง shopping
   สินค้าจากร้านค้า
City Garden Tower (ซิตี้ การ์เด้น ทาวเวอร์)
ดูขนาดรูปภาพจริง
Real Hair 4 กล่อง (เรียวแฮร์ เซรั่มปลูกคิ้ว หนวด เครา จอน)
ดูขนาดรูปภาพจริง
คอนโดสำหรับเช่า 1 ห้องนอน Paradise Ocean View Condominium (พาราไดซ์ โอเชี่ยน วิว คอนโดมิเนียม)
ดูขนาดรูปภาพจริง
คอนโดสำหรับเช่า 1 ห้องนอน City Garden Tropicana (ซิตี้ การ์เด้น ทรอปิคานา)
ดูขนาดรูปภาพจริง
Lucas Papaw 25g
ดูขนาดรูปภาพจริง
สบายใจการ์ดเมทัลลิคแถบแม่เหล็ก 0.76
ดูขนาดรูปภาพจริง
เครื่องไล่นกระบบไฟฟ้า BIRD PROTECT
ดูขนาดรูปภาพจริง
ชุดทดสอบกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หาสารตกค้าง ในอาหาร,ยาแผนโบราณ,พืชผักผลไม้
ดูขนาดรูปภาพจริง
มันเส้น
ดูขนาดรูปภาพจริง
เครื่องไล่นกระบบไฟฟ้า BIRD PROTECT
ดูขนาดรูปภาพจริง
เครื่องจ่ายคลอรีน ปั๊มจ่ายสารละลาย ปรับคุณภาพน้ำ ระบบบำบัดน้ำดี บำบัดน้ำเสีย
ดูขนาดรูปภาพจริง
RJK SNAIL Natural Eye Serum 5 ml. เซรั่มเข้มข้นสำหรับบำรุงผิวรอบดวงตา
ดูขนาดรูปภาพจริง
โปรแกรมคลินิก , โปรแกรมคลินิค , โปรแกรมบริหารงานคลินิก , โปรแกรมโรงพยาบาล , สถานเสริมความงาม ,CLINIC
ดูขนาดรูปภาพจริง
พร้อมส่ง Coach 69621 Lane Satchel
ดูขนาดรูปภาพจริง
Kinesys (คินเนซิส) SPF50 กันแดดสำหรับคนเป็นสิว
ดูขนาดรูปภาพจริง
บัตรพลาสติกโปร่งแสง การ์ดพีวีซีโปร่งใส โฟโต้การ์ดใส
ดูขนาดรูปภาพจริง
บริษัท เอส ไรคส์ จำหน่ายเครื่องจ่ายสารละลายคลอรีนสารส้มปูนขาวจ่ายน้ำยาล้างตะกรัน
ดูขนาดรูปภาพจริง
ขนมกล้วยอบเนย
ดูขนาดรูปภาพจริง
เอส ไรคส์ จำหน่ายปั๊มอุตสาหกรรม ปั๊มเคมี เครื่องสูบส่งของเหลว-หนืด
ดูขนาดรูปภาพจริง
บาตรไม้ บาตรน้ำมนต์ ทำจากไม้แท้ แบบปิดทองและประดับกระจก มี 3 ขนาด
ดูขนาดรูปภาพจริง
Onitsuka Tiger รุ่น Mexico66 Vintage
ดูขนาดรูปภาพจริง
ขนมขาไก่สามรส
ดูขนาดรูปภาพจริง
Coach F76636 Town tote in signature canvas
ดูขนาดรูปภาพจริง
ลำโพงบลูทูธ Wireless Speaker Bluetooth ไร้สาย HPJBL X3 สเตอริโอ ขนาดพกพา
ดูขนาดรูปภาพจริง
Lacsal Serum ลดการอุดตันของรูขุมขน พร้อมกับลดรอยแดงดำ ลดรอยคล้ำริมฝีปาก
ดูขนาดรูปภาพจริง
 
เรื่องย่อละคร ตามบทโทรทัศน์
 

ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน [ ตอนที่ 37 - 38 ]

 

จำนวนคนเข้าชม : 499 ครั้ง            update : 6/7/2010

   
   
 

ซอนต๊อก 37 

 องค์หญิงต๊อกมานแสดงความยินดีกับมีซิล
 "บ้าน ท่านจะมีงานมงคล ยินดีด้วยนะ"
 "เพคะ เห็นแก่ท่านยูซิน ที่รีบร้อนอยากให้หม่อมฉันรับปาก"
 "หึ ใครๆ ก็หวังอยู่รอด"
 "หม่อม ฉันจะส่งเสริมเขา ให้เป็นผู้นำองครักษ์อย่างเต็มภาคภูมิ"
 "แน่นอน เพราะไม่ว่าคุณสมบัติไหนๆ เขาก็เด่นกว่าใคร"
 "ใช่ แต่ว่า หม่อมฉันก็ไม่โง่พอที่จะเชื่อว่าคนอย่างเขาจะมาอ่อนข้อด้วยความจริงใจ"
 "ใช่ เพราะฉะนั้น ข้าก็จะพยายามให้มากขึ้น ถ้าท่านไม่กลัวเขาจะถูกแย่งกลับมา"
 "พยายาม หรือ องค์หญิงช่างรับสั่งได้ตรงนัก"
 "ข้ากำลังสู้กับใครอยู่ มีหรือจะไม่รู้จักประเมิน"
 "หึ การถวายงานต่อพระราชาคือสิ่งที่หม่อมฉันต้องเรียนรู้ ตั้งแต่เด็กมา จึงหัดที่จะปรนนิบัติผู้ชายทุกอย่าง"
 "ใช่ พระเจ้าจินฮึง องค์ชาย “ทงยุน” หรือแม้แต่พระเจ้าจินจิ ท่านก็เคยรับใช้มาหมด ทั้งท่านเซจอง ท่านซอวอน อ้อ ได้ยินว่ายังมีผู้ชายอีกมากหน้าหลายตา"
 "เพราะฉะนั้น วิธีที่จะให้ผู้ชายมาสยบแทบเท้าคงไม่มีใครชำนาญเท่าหม่อมฉันแน่ แต่ว่า องค์หญิงเป็นเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์ต้องคำนึงถึงพระเกียรติเลยไม่กล้าทำอย่าง งั้น อาจต้องใช้ความสามารถอย่างหนักถึงจะดึงเขากลับไปได้"
 "หึ ยังไงก็ ขอบคุณสำหรับคำเตือนดีๆ ที่ท่านมักจะมีให้เสมอ"
 คิมยูซินมาพบองค์หญิง ต๊อกมานและกล่าวกับเธอว่า
 "ในที่สุด องค์หญิงกับหม่อมฉัน"
 องค์หญิง ต๊อกมานพูดก่อนว่า "เพราะท่านยูซิน ทำให้ข้าตาสว่างเรื่องหนึ่ง การจะปกครองอาณาประชาราษฎร์ ไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ จากการที่มีซิลใช้ชีวิตชาวคาย่าเป็นเครื่องต่อรอง ทำให้ท่านนอกจากอ่อนข้อแล้ว แทบไม่มีทางอื่นที่จะปกป้องพวกเขาให้ปลอดภัยได้ หึ เป็นการค้นพบที่น่าทึ่งจริงๆ หึ จริงหรือ นอกจากวิธีนี้แล้ว เราไม่มีทางอื่นอีก"
 "มีหรือไม่ หม่อมฉันอาจจะไม่รู้ แต่ว่า จากเหตุการณ์นี้ทำให้มั่นใจเรื่องหนึ่ง คือแผ่นดินที่แตกแยกมาตั้งแต่สมัยโบราณ อีกไม่นานจะได้ผนึกรวม ตามความฝันที่แคว้นชิลลาวาดหวังมา 200 ปี หม่อมฉันคิมยูซิน ยอมสวามิภักดิ์ต่ออุดม การณ์ของพระราชาแห่งชิลลาองค์แล้วองค์เล่า เพื่อให้ฝันนั้นกลายเป็นความจริง โดยมีหม่อมฉันก็เป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อน แค่นี้ก็รู้สึกภูมิใจแล้ว หม่อมฉัน ต้องการที่จะเหนือว่าท่านชุยบูในอดีต รวมถึงท่านยีซอ หรือแม้แต่ท่านซอวอนในปัจจุบัน เป็นนักรบและนักวางแผนชั้นเลิศ และหวังว่าองค์หญิง จะเหนือ กว่าพระเจ้าจินฮึง เหนือกว่ามีซิล เป็นนักปกครองผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติแห่งชิลลา แค่นี้ ถึงจะให้องค์หญิงและหม่อมฉัน ได้อยู่ใกล้ชิดและไม่มีวันพรากจากกัน"
 องค์ หญิงต๊อกมานคิด "แล้วใจข้าล่ะ หัวใจข้าไปอยู่ตรงไหน"
 คิมยูซินกล่าวว่า "องค์หญิง ความเชื่อมั่นระหว่างนายกับบ่าว เทียบกับความรักระหว่างชายหญิง ยิ่งเปราะบางกว่าหลายเท่านัก เส้นทางที่เราจะเดินเป็นทางวิบาก และความเชื่อมั่นระหว่างเรา ก็จะถูกทดสอบอยู่เรื่อย"
 "เรื่องนี้ข้าก็ รู้" องค์หญิงต๊อกมานคิดในใจ "แถมยัง เข้าใจยิ่งกว่าใครด้วย"
 ฟากมุนโน ก็กล่าวกับยอจงว่า
 "เพราะฉะนั้น ช่วยหาที่เงียบๆ ให้ข้าเขียนหนังสือต่อได้ไหม"
 "อ้อ ถ้าจะมอบให้คนที่ท่านไว้ใจละก้อ ข้าจะติดต่อให้ ไม่ต้องเป็นห่วง"
 "ขอบคุณมากที่ช่วยข้ามาตลอด ถ้าไม่มีท่านคอยช่วย ข้าคงไม่อาจเขียนหนังสือแผนที่ให้เสร็จได้"
 "ไม่ ต้องเกรงใจ ข้ามีลูกน้องคอยหาข่าวอยู่หลายคน แล้วอีกซักพักจะมีข้อมูลเกี่ยวกับการค้าที่แพ่กเจมาให้อีก ตอนนี้จะพาไปพบคนหาข่าวก่อน"
00000000000000

 มีเซ็งพาคิมชุนชูมา พบซอวอน คิมชุนชูมองแล้วพึมพำคนเดียว
 "เป็นบ้านเจ้ากรมกลาโหมหรือ"
 มี เซ็งเข้าไปพบซอวอน เขากระแอม "เตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง"
 ซอวอนว่า "แม้ว่าท่านเซจูจะเชื่อคำพูดท่าน บอกให้เราเตรียมตัวก็จริง แต่ลักษณะอย่างโพยาง เป็นหญิงที่คุณชายชุนชูพอใจจริงหรือ"
 "จะบ้าหรือ นี่เป็นคำพูดสบประมาทข้าอย่างแรง เท่าที่เคยได้ยินมาในชีวิต"
 "เฮ่อๆๆ ข้าไม่ได้หมายความอย่างงั้น เพียงแต่นางยังเด็กอยู่ เลยอดเป็นห่วงไม่ได้"
 "เฮ่อ ๆๆ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า แหะ มาๆ ให้ข้าดูหน่อยซิ อึ้ม เดี๋ยวก่อน เจ้าคิดว่าสีจัดจ้านแบบนั้นเหมาะกับผิวของโพยางแล้วหรือ จุ๊ๆๆ แย่จริง ใช้สีชมพูอ่อนหน่อย จะได้เข้ากับแก้มที่ดูเรื่อๆ ไง เอาแปรงมาซิ ฮึ่ม แหะๆ ฮึ่ม มา ยิ้มให้ข้าดูหน่อย ไม่ใช่ๆ อย่ายิ้มจนเห็นฟันอย่างงั้น ต้องยิ้มน้อยๆ เหมือนผู้หญิงที่เอียงอาย เคยเห็นรอยยิ้มของท่านมีซิล หรือเปล่า"
 เด็กสาวโพยางเข้ามาไป "ขอโทษด้วยค่ะ"
 มีเซ็งว่า "มีใครบอกหรือยังว่าเจ้ามีหน้าที่สำคัญแค่ไหน หือ"
 "ข้อนี้ไม่ต้องห่วง ข้าได้บอกให้นางเข้าใจแล้ว"
 "เพราะมีหน้าที่สำคัญ แม้แต่รอยยิ้มหรือคำพูดคำเดียว ก็อย่าทำรุ่มร่ามเป็นอันขาด เข้าใจหรือเปล่า อึม"
 โพจองว่า "แต่ว่า ได้ยินว่าคุณชายชุนชูเป็นคนช่างเลือกช่างติ ปกติไม่ว่าจะดื่มเหล้า หรือกินอาหารก็จะเลือกสรรไปหมด"
 แทนัมโพกล่าวว่า "ใช่ครับ เป็นคนที่เอาใจลำบากที่สุด เฮ่ย"
 พวกมีเซ็งก็ออกไปรับรองคิม ชุนชู
 มีเซ็งเรียบๆ เคียงๆ ถาม "อึ้ม เฮ่ย เฮ่อๆๆ ฮ่า มาลูกมา หึๆๆ นั่งลงๆ แหะๆ เป็นไงบ้าง ฝีมือโพยาง บรรเลงเพลงให้ฟังพอจะนับว่าไพเราะได้ไหม"
 คิมชุนชูว่า "ได้"
 โพจอง ว่า "แต่ถ้าเทียบกับฝีมือท่านน้า นับว่ายังห่างไกลมากน่ะครับ"
 ซอวอนว่า "อึม ข้าก็ว่างั้น เฮ่อๆๆ"
 มีเซ็งถ่อมตัว "เฮ้ย เฮ่อๆๆ พวกเจ้าก็ชมเกินไป เฮ่อๆๆ แหม เฮ่อๆๆ ฮึ่ม"
 ซอวอนกล่าว "ว่างก็เชิญมาที่บ้านบ่อยๆ นะ"
 โพจองบอกต่อ "นั่นสิ เกี่ยวกับความเป็นอยู่ในเมืองสุย เราอยากฟังทัศนะจากคุณชายบ้าง"
 "ได้ ที่จริง ก็ไม่ใช่ทัศนะอะไรหรอก"
 "อย่าพูดอย่างงั้น ถือว่าที่นี่เป็นบ้านตัวเอง จะมาเมื่อไหร่ก็ได้"
 "แน่นอน จะได้เล่าให้โพยางได้เปิดหูเปิดตา เกี่ยวกับโลกภายนอกซะบ้างดีมั้ย หือ เฮ่อๆๆ เฮ่อๆๆ"
 "ได้ครับ ด้วยความยินดี" คิมชุนชูกล่าว
 "ดีๆ เฮ่อๆๆ แหม เห็นมั้ยว่าน่ารักแค่ไหน อ่อนหวานแช่มช้อยไปหมด เฮ่อๆๆ"
 พีดัมคุก เข่าต่อหน้ามุนโนและกล่าวว่า
 "ข้า รู้ว่าตัวเองมีข้อเสียหลายอย่าง และรู้ว่า ทำลายความหวังที่อาจารย์เคยคิดไว้ ต่อไปข้าจะ พยายามทำตัวให้ดีขึ้น ข้าจะพยายาม"
 "ใช่ เจ้าต้องพยายามอยู่แล้ว ไม่ใช่สิ เราสองคน ล้วนต้องพยายามทั้งคู่"
 "เพราะฉะนั้น หนังสือนั่น มอบให้ข้าได้ไหมครับ"
 "ข้าเคยบอกว่าทางที่ดีเราต้องไปจากที่นี่ ฉะนั้น จงลืมเรื่องราวเกี่ยวกับที่นี่ให้หมด แล้วไปกับข้าดีกว่า"
 พีดัมคิด "ทำไมต้องเป็นคิมยูซิน ท่านบอกว่าต้องทำความดี สร้างเกียรติประวัติอันยิ่งใหญ่ สร้างตำนานของตัวเอง ถึงคู่ควรป็นพระราชาใช่ไหมครับ"
 พีดัมนึกถึงตอนที่ตัวเองเป็นเด้กและถาม มุนโนว่า
 "ถ้าหาก โตขึ้นข้าสามารถทำงานใหญ่ให้สำเร็จได้ ก็จะได้ครองเมืองหรือเปล่า"
 "อาจจะต้อง ทำให้มากกว่าพระราชา ยิ่งใหญ่กว่าพระราชาทุกองค์ที่เคยมี"
 "มีงานแบบนี้ด้วยหรือครับ"
 "พระ ราชาคือผู้ครองเมืองธรรมดา แต่งานที่เราจะทำ คือเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของสามแคว้นและขึ้นเป็นใหญ่แทน"
 "เปลี่ยน ประวัติศาสตร์ ของสามแคว้นหรือครับ"
 มุนโนตอบว่า "ใช่"
 พอถึงปัจจุ บัตพีดัมก็กล่าวกับมุนโนว่า "เพราะคำพูดที่อาจารย์เคยบอกให้รู้ ทำให้ข้าตั้งความหวังมาตั้งแต่ยังเด็กนัก ท่านเคยรู้บ้างมั้ย เพราะคำพูดของท่านประโยคเดียวเท่านั้น ทำให้ข้ากล้าที่จะฆ่าคน รวดเดียวถึงสิบกว่าคน เพื่อจะปกป้องหนังสือนั่นไว้ ท่านเคยบอกว่าหนังสือเป็นของข้าและท่านก็ทำเพื่อข้า ข้าจึงหวังว่า จะให้ท่านชื่นชมบ้าง แต่แล้ว ทำไมกลายเป็นยูซินไปได้ ทำไมไม่ใช่ข้าที่อยู่กับท่านมานาน เพราะอะไร กลายเป็นคนที่เพิ่งรู้จัก เพิ่งเคยพบไม่กี่ครั้ง"
 "เพราะความคิดของเจ้าจริงจังเกินไป อะไรที่ข้าบอกว่าสำคัญมาก เจ้าก็ตั้งอกตั้งใจเพื่อจะได้รับคำชม ถึงขนาดฆ่าคนมากมาย นั่นคือความมุ่งมั่นของเจ้า เพราะเจ้าเป็นคนแบบนี้ เหมือนอย่างมีซิล ข้าจึงอยากบอกให้รู้ หนังสือเล่มนั้นไม่ได้เป็นของเจ้าซักนิด"
00000000000000

 พระเจ้า จินพยองตรัสถามคิมซอยอนกับองค์หญิงมานมยองว่า
 "เรื่องนี้ จำเป็นต้องลงเอยแบบนี้จริงหรือ"
 "หม่อมฉันก็รู้สึกปวดใจมากพะยะค่ะ"
 องค์ หญิงมานมยองทูลว่า "ขอฝ่าบาททรงเห็นพระทัยความจำเป็นของเราด้วยเพคะ"
 พระ เจ้าจินพยองถอนพระทัย "เฮ่อ ข้าจะไม่เข้าใจความลำบากของพวกท่านได้ยังไง"
 "ฝ่า บาท"
 "อีกอย่าง ในเมื่อองค์หญิงต๊อกมานไม่พูดซักคำ ข้าจะเอ่ยปากก็กระไรอยู่"
 "แม้ว่า เราจะเกี่ยวดองกับท่านมีซิลก็จริง แต่หม่อมฉันกับยูซิน ยังคงภักดีต่อฝ่าบาทเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน"
 พวก องครักษ์ฝึกไป พวกกุกซอน โกโต แทพุง จุปังก็คุยกันไป
 โกโตว่า "พูดก็พูด ท่านยูซินทำแบบนี้เหมือนทิ้งองค์หญิงเลยนะ"
 กุกซอนเห็นด้วย "นั่นสิ ถ้าเป็นข้าจะพาองค์หญิงหนีไปซะ ฮึ"
 แทพุงว่า "องค์หญิงคงไม่เป็นไรนะ"
 จุ ปังว่า "ข้าเพิ่งรู้ว่า ท่านยูซินจะเป็นคนแบบนี้"
 "นั่นสิ แบบนี้คือการนอกใจชัดๆ"
 "ไม่ใช่อย่างงั้น เจ้าคิดผิดแล้ว สิ่งที่ท่านยูซินทำ คือใช้ปัญญาแก้ปัญหาความวุ่นวาย ไม่ให้เกิดการเข่นฆ่า ยอมสละความรักแต่เลือกบ้านเมืองแทน ถึงสมเป็นลูกผู้ชายที่แท้จริง ช่างเถอะๆ เอาเป็นว่า อีกหน่อยท่านยูซินจะเป็นคนที่ทำงานใหญ่เป็น ฮึ่ม" จุปังว่า
 "ถึง งั้นก็เถอะ ข้าไม่เห็นชอบเลย"
 "เจ้าจะรู้อะไร จริงสิ พ่อค้าซีเยี่ยมาถึงแล้วใช่ไหม ข้าไปล่ะ หลีกไปๆ" จุปังออกไป
 แทพุงงง "อ้าว จะไปไหนน่ะ หา"
 ทางด้านซอแจก็กล่าวกับแวยาว่า
 "คุณชาย เป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงจริงๆ ท่านยูซินกล้าตัดสินใจแบบนี้ได้"
 "มองใน แง่การเมือง เขาทำแบบนี้ก็ไม่แปลก เพราะไม่ว่ายังไง ก็ต้องปกป้องชาวบ้านไว้ก่อน ถึงเขาจะร่วมมือกับท่านมีซิล เราก็ไม่มีอะไรเสียหายซักนิด"
 "ถึงอย่างงั้นก็เถอะ เท่ากับว่าต่อไปเขาจะห่างเหินกับองค์หญิงองค์หญิงต๊อกมาน และองค์หญิงก็ต้องเสียพระทัยกับการกระทำของเขาด้วย"
 "ยังไงก็ตามแต่ เท่ากับท่านเป็นหนี้บุญคุณเขาแล้วรู้มั้ย"
 "ข้อนี้ข้ารู้"
 พระมเหสี มายารู้สึกเป็นห่วงองค์หญิงต๊อกมานมาก
 "องค์หญิงต๊อกมาน เจ้าจะทำงานไปถึงเมื่อไหร่กัน"
 องค์หญิงต๊อกมานทูลว่า "เสด็จแม่ ชุนชูทำให้หม่อมฉันเป็นห่วงนัก ได้ยินว่าเขาไม่ค่อยจะอยู่ในวัง และไม่ชอบอ่านหนังสือด้วย"
 "หึ ใช่ ตอนอยู่เมืองสุยก็ไม่ชอบอ่านแล้ว ทุกครั้งที่เอาหนังสือไป เขาจะแค่พลิกผ่านๆ แล้วบอกว่าน่าเบื่อ ขอไปทำอย่างอื่นแทน จนวันนี้ก็ไม่เห็นจะอ่านได้เรื่องซักอย่าง"
 "งั้น หม่อมฉันจะไปดูเขาว่าทำอะไรอยู่ตอนนี้"
 เวลานั้นคิมชุนชูก็ถามไอชองว่า
 "มี หนังสืออื่นบ้างมั้ย"
 "หึ คุณชาย ท่านฉีกหนังสือทำเป็นลูกเต๋าหรือนี่ ถึงจะอ้างว่าอายุน้อยไม่รู้ความ แต่ก็ไม่ควรทำแบบนี้น่ะครับ องค์หญิงชอนมยองสิ้นพระชนม์เพราะอะไร ท่านทำแบบนี้ไม่รู้สึกผิดบ้างหรือ"
 "แหะ นี่ อันนี้ยิ่งเหมือนหรือเปล่า หือ" คิมชุนชูเป่าเล่น "หึๆๆ"
 "ทำอะไร แบบนี้น่ะ ท่านไม่คิดหรือว่านี่เป็นการเสียเวลาเปล่าน่ะ"
 "เฮ่อๆๆ อึ๊บ อึ๊บ"
 ไอชองเตือน "เฮ่ย คุณชายครับ"
 "เฮ่อๆๆ โอ๊ะ หึๆๆ"
 ไอชอง รีบบอก "องค์หญิง หึ เสด็จมาแล้วหรือ"
 องค์หญิงต๊อกมานกล่าวกับคิมชุนชู "เจ้าเคยบอกข้าว่า อย่าคิดอาศัยบารมีแม่เจ้าเป็นอันขาด"
 คิมชุนชูถอนใจ "เฮ่อ"
 องค์หญิงต๊อกมานกล่าวต่อ "เพราะคนที่จะแทนที่นางได้ ไม่ใช่ข้าแต่เป็นเจ้า เมื่อมีความคิดแบบนี้แล้ว ทำไมยังทำตัวเหลวไหลไม่ได้เรื่องอีก เสียทีที่แม่เจ้า"
 คิมชุนชูขัดขึ้น ก่อนที่องค์หญิงต๊อกมานจะกล่าว "องค์หญิง วันๆ ทรงว่างมากหรือไง เรื่องของหม่อมฉัน หม่อมฉันจัดการเองได้ ไม่ต้องมาสอนแทนแม่หม่อมฉันหรอก"
0000000000000000000

 จุ ปังกับโกโตไปพบโซวา จุปังสั่งให้โกโตพูดกับโซวา
 "เอ่อ คือว่า ไม่ทราบพอมีเวลาหรือเปล่าครับ คือ ถ้าไม่ยุ่งมากนัก เชิญไปพบ ลูกพี่ข้าซักแป๊บนึงได้ไหม เพราะเขา บอกว่าชอบท่านมากน่ะครับ แหะๆๆ"
 "เอ่อ คือ แบบว่า เอ่อ ข้าจะมาขอเฝ้า องค์หญิงหน่อยน่ะจ้ะ แหะ" จุปังว่า
 โซ วากล่าวว่า "องค์หญิง เข้าไปพบคุณชายชุนชูอยู่ โปรดรอซักครู่"
 "ได้ เฮ้ย เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งไปๆ คือ เอ่อ แหะ คือ หมวกแบบนี้ องค์หญิงเคยใส่สมัยที่เพิ่งเจอกันแรกๆ ใช่ไหม"
 "ใช่ค่ะ ส่วนใหญ่พ่อค้าชาวซีเยี่ย จะใส่หมวกแบบนี้"
 จุปังเห็นด้วย "ใช่ ข้า ก็ว่างั้น คือ เมื่อก่อนที่องค์หญิง เป็นองครักษ์อยู่กับพวกเรา มักจะเล่าให้ฟังว่าตอนอยู่ทะเลทรายมีความสุขยังไงบ้าง และสนุกแค่ไหน"
 "อ้อ หึ ใช่"
 "คือ องค์หญิง คงจะเสียพระทัยไม่น้อย เกี่ยวกับเรื่อง ท่านยูซินใช่ไหม"
 "หึ ใช่ค่ะ"
 "ข้าเลยไปซื้อมาถวายให้องค์หญิง"
 โก โตโวย "ข้าซื้อให้ต่างหาก โอ๊ย"
 จุปังแก้ "แหะ คือว่า เวลาที่เราเสียใจ ถ้าได้นึกถึงอดีต มันจะช่วยได้มาก แหะๆ ช่วยไปถวายองค์หญิงด้วย"
 "อ้อ ขอบคุณมากนะคะ"
 "แหะๆๆ แหม ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ้ะ แหะ"
 "เมื่อก่อน ตอนถูกขังอยู่ด้วยกัน ท่านคอยเป็นห่วงข้าเสมอ ข้ายังไม่ได้ตอบแทนน้ำใจท่าน ไม่คิดว่า ท่านจะเป็นคนใจดีขนาดนี้"
 "แหม ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก คือ จริงๆ แล้ว ข้าก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก แหะๆ"
 พอองค์หญิงต๊อกมานกลับมา โซวาก็เล่าเรื่องจุปังมาหาให้ฟัง
 "องครักษ์ชื่อจุปัง เอาตุ๊กตาแกะสลักมาถวายองค์หญิง"
 องค์หญิงต๊อกมานชมตุ๊กตา "โอ นี่มัน เหมือนท่านอาคังตั๊กไม่มีผิดเลย"
 "เพคะ โอ้ องค์หญิงต๊อกมาน ไม่เจอกันนานนะ"
 องค์หญิงต๊อกมานดีใจ "หึ ท่านอาคังตั๊ก หึ"
 "หึ องค์หญิงต๊อกมาน ได้ยินว่าเจ้าได้เป็นองค์หญิงแล้วหรือ"
 องค์หญิงต๊อก มานหัวเราะ "หึๆๆ"
 โซวาว่าต่อ "เมื่อก่อนที่อายุยังน้อย บอกว่าโตขึ้นจะเป็นวีรบุรุษ แต่กลับกลายเป็นองค์หญิงแทน"
 องค์หญิงต๊อก มานหัวเราะชอบใจ "หึ ใช่ หึๆๆ"
 "น่าสงสารเจ้าจริงๆ วีรบุรุษมักจะว้าเหว่เสมอ องค์หญิง"
 "ฮือ ได้โปรด เรียกข้าว่าองค์หญิงต๊อกมานเถอะ ช่วยเรียกหน่อย เรียกข้าว่าองค์หญิงต๊อกมานได้ไหม"
 "หึ องค์หญิงต๊อกมาน"
 "ท่านแม่ ฮือ ข้าเสียใจมากเลย ฮือ ฮือ พรุ่งนี้แล้วใช่ไหม ฮือ"
 "ฮือ เฮ่ย"  องค์หญิงต๊อกมานร้องไห้
 องค์หญิงต๊อกมานไปพบซอแจกับแวยา
 "พวกท่านคง รู้ว่า ท่านยูซินปกป้องเมืองอัมยางจูด้วยวิธีไหน อย่างงั้นใช่ไหม"
 "แน่ นอน เสียสละส่วนตัวเพื่อส่วนรวม ซ้ำยังช่วยให้พวกเราพ้นจากความหิวโหย สมัยก่อนองค์หญิงก็เคยเห็นความอดอยากของเรา ตอนนั้น เราแทบไม่มีหวังจะอยู่ต่อด้วยซ้ำ"
 "ใช่ เพราะฉะนั้น ขอเพียงท่านยูซินสั่งมาคำเดียว ทุกคนที่อยู่นี่ ต่อให้บุกน้ำลุยไฟก็ไม่เกี่ยง ไม่ว่าให้ทำนาหรือฝึกทหาร หรือแม้แต่ ให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับ ทุกคนก็จะอยู่อย่างสงบเสงี่ยม องค์หญิงทรงวางพระทัยได้"
00000000000000000000

 ที่พักของมุนโน มุนโนกล่าวว่า
 "ต่อให้เจ้าตั้งใจสู้จริง จะชนะคิมยูซินได้หรือเปล่า ข้าก็ยังไม่รู้แน่ เพื่อหวังจะได้คำชมจากข้าเท่านั้น เจ้าถึงขนาดฆ่าคนได้หมด นี่คือความมุ่งมั่นของเจ้า เจ้าก็คือคนแบบนี้ ข้า จะวางเดิมพันไว้ที่เขา"
 พีดัมถาม "ท่าน เขียนหนังสือเสร็จแล้วใช่ไหม"
 "เลิก มายุ่งกับหนังสือของข้าซะที"
 "ท่านคิดว่า จะเอาหนังสือ ไปมอบให้ท่านยูซินจริงหรือ ถ้าอย่างงั้น ให้ท่าน ผ่านศพข้าไปก่อนเถอะ"
 "อะไร นะ"
 "หนังสือชุดนี้ต้องเป็นของข้าคนเดียว แผ่นดินนี้นอกจากข้าแล้ว ใครก็ไม่คู่ควรจะได้อ่านมัน"
 "เจ้านี่มันบ้าแล้วจริงๆ คนอย่างเจ้า ไม่มีสิทธิ์ได้ครอบครองหนังสือชุดนี้"
 "สิทธิ์หรือ? ใครมีสิทธิ์กันแน่ ขึ้นอยู่กับท่านเป็นคนตัดสินใจเท่านั้น อาจารย์เลี้ยงข้ามา ก็ควรจะสอนข้าบ้าง"
 "เรื่องการฆ่าคนหรือไม่ควรฆ่า ยังต้องให้สอนกันอีกหรือ หลีกไปเดี๋ยวนี้"
 "ข้าไม่หลีกซะอย่าง"
 "บอก ให้หลีก"
 "ข้าไม่หลีก"
 "ความโอหังของเจ้า เหมือนกระบี่ที่ไม่มีด้ามจับ ถ้าใครคิดจะจับเจ้าไว้ ความคมของกระบี่จะทำให้บาดถูกมือ ข้าเคยคิดว่าตัวเองจะสามารถกลายเป็นด้ามจับ เพื่อควบคุมทิศทางของกระบี่นั้น แต่เมื่อถึงวันนี้ยังไม่อาจทำได้ ข้าคงได้แต่ จำต้องหักกระบี่ทิ้งไปด้วยตัวเอง เจ้าคิดว่า อยากให้ข้าทำอย่างงั้นมั้ย"
 "เฮ่อ ถ้าหาก นี่เป็นความประสงค์ของท่านจริง ก็เชิญมาหักได้เลย ดูซิท่านจะหักกระบี่ข้าได้ไหม คำสอนของอาจารย์ ชาตินี้ ข้าจะไม่มีวันลืมเลย ย้าก อาจารย์"
 พีดัมต่อสู้กับมุนโน และมุนโนก็ถูกพิษสลบไป พีดัมตกใจ "อาจารย์ๆๆ"
 มุนโนรู้สึกตัวอีกครั้งก็ไอ พีดัมเรียก "หา อา อาจารย์ หึ อาจารย์ครับ"
 มุนโนหอบ "หึ ข้าไม่รอดแล้ว"
 "ไม่จริง หึ ข้าจะพาท่านไปรักษา"
 "หึ พีดัม ทำไมเจ้า ไม่รีบเอาหนังสือไปซะ กลับแบกข้ามาที่นี่แทน หึ ทำไมต้องทำแบบนี้ หึ"
 พีดัมพูดไม่ออก "ฮือ"
 "ข้า ไม่คู่ควรจะเป็น อาจารย์เจ้านานแล้ว เฮ่อ"
 "ฮือ ไม่ อาจารย์ครับ"
 "หึ เหมือนที่เจ้าพูด ไม่แน่ว่าข้าอาจกลัวเจ้าก็เป็นได้ ฮือ ข้าไม่เคยที่จะเข้าใจเจ้า โอ๊ะ ไม่เคยที่จะอบรมให้ถูกทาง โอ๊ะ หึ มีแต่ พยายามจะข่มเจ้าเอาไว้ โอ๊ะ หึ โอ๊ะ ข้า ข้า ฮือ ฮือ ขอโทษด้วยนะ"
 พี ดัมร้องไห้ออกมา "ฮือๆๆ"
 "ไม่นึกว่าถึงตอนนี้ ข้าเพิ่งเห็นน้ำใจที่แท้จริงของเจ้า แต่ มันก็สายไปแล้ว แต่ว่า ข้าต้องขอบใจเจ้า โอ๊ะ หึ โอ๊ะ กลับไปซอนาบูซะ ไปเป็นองครักษ์" มุนโนกล่าวไปหอบไป
 "ฮือ อาจารย์"
 "ไปอยู่กับยูซิน และช่วยองค์หญิงองค์หญิงต๊อกมานทำงาน หึ ไม่ว่าใครพูดอะไร เจ้า ก็คือลูกศิษย์ข้า โอ๊ะ โอย"
 "ฮือ อาจารย์" มุนโนสิ้นใจตาย
 "อาจารย์ ครับ อา อาจารย์ ฮือ ฮือๆๆ ลืมตามาเร็วเข้า อาจารย์ ฮือๆๆ อาจารย์ครับ ฮือๆๆ อาจารย์ ฮือ ๆๆ"
0000000000000000

 คิมยูซินสอนคิมชุนชูจับ กระบี่
 "จับกระบี่แบบนี้จะทำให้เจ็บข้อมือ แขนไม่ต้องออกแรงเยอะ ค่อยๆ วางไป"
 "ข้ารู้สึกเหนื่อยแล้ว ขอพักได้ไหม เฮ่ย เฮ่อ"
 "ท่านเพิ่งจะ ฝึกไม่นานเอง ขี่ม้าก็ไม่เป็น ฝึกกระบี่ยังจับไม่ถูกท่า แล้วต่อไปจะปกป้องตัวเองได้ยังไง"
 "คนที่ชอบนึกว่าตัวเองปีนต้นไม้เก่ง ส่วนใหญ่มักจะตกต้นไม้ตาย บางคนบอกว่าชำนาญกระบี่ ก็จะตายเพราะกระบี่ซะเอง"
 "ถ้า ได้ตายด้วยกระบี่จริง ก็เป็นเกียรติขององครักษ์"
 "เฮอะ เกียรติขององครักษ์หรือ องครักษ์ต้องไปออกรบ ถึงจำเป็นต้องฝึกกระบี่ให้เก่ง ข้าไม่เห็นต้องออกศึกเลย แล้วทำไม ต้องฝึกการใช้กระบี่ด้วย"
 "ถ้าศัตรู อยู่ข้างนอกบุกมา ท่านจะรับมือยังไง นั่งเฉยๆ รอมันมา แล้วบอกว่าข้าสู้ไม่เป็น ขอให้มันไว้ชีวิตงั้นหรือ แบบนี้จะถือเป็นลูกผู้ชายได้ยังไง ถือกระบี่แล้วไปฝึกอีกครั้ง"
 "หึ ได้ยินว่า ก่อนแม่ข้าจะเสีย ท่านเป็นคนที่อยู่กับนาง หึ เห็นบอกว่า ตอนนั้นท่านกับแม่ข้ากำลังจะพูดเรื่องแต่งงานด้วยซ้ำ หึ สุดท้าย งานของท่านกับแม่ข้ากลับล้มเหลว แล้วท่านก็หวังเป็นสวามีขององค์หญิงองค์หญิงต๊อกมาน พอเรื่องนี้ไม่สำเร็จ ท่านก็เบนเข็ม ไปเกี่ยวดองกับครอบครัวท่านมีซิล เป็นเขยในตระกูลนั้นแทน นี่คือสิ่งที่ลูกผู้ชายควรทำหรือเปล่า ข้าอยากรู้นัก หึ มันก็จริงนะ ด้วยฐานะอย่างท่าน ถ้าไม่อาศัยการแต่งงานจะมาถึงขั้นนี้ได้หรือ"
 "ท่าน จะพูดอะไรกับข้ากันแน่"
 "ดูผิวเผินหมือนเป็นคนซื่อ แต่จริงๆ มากเล่ห์เพทุบาย ตอนอยู่ในงานประลองยุทธ ข้าดูท่านไม่เห็นจะเก่งอะไร อ๋อ สงสัยท่าทางเงียบๆ หงิมๆ แบบนี้ ก็คืออาวุธของท่านใช่ไหม"
 องค์หญิงชอน มยองเคยกล่าวกับคิมชุนชูว่า "ข้าดูลักษณะของเจ้า เห็นจะไม่ค่อยฉลาดแถมฝีมือก็ไม่ได้เก่งมากมาย แม้จะพอมีอิทธิพลในที่กันดารแบบนี้ แต่ฐานะคงไม่เอื้อ อยากจะเอาอย่างทหารในเมืองหลวง แต่ความสามารถไม่ถึงก็เลยจนใจ แต่ว่า ถ้าจะเป็นผู้นำทหารจริงก็ต้องแสดงฝีมือให้เห็น"
 "นั่นสินะ ท่านใช้ความซื่อเป็นฉากบังหน้า ทำให้หลายคนหลงเชื่อสนิท"
 "เลยใช้วิธี ดันทุรัง หลับหูหลับตาฝึกไปเรื่อย เป็นอย่างงั้นใช่ไหม"
 "และนี่ก็คือ วิธีที่จะเอาตัวรอดในชิลลา ตามแบบฉบับของท่านล่ะสิ"
 "หึ ข้าพูดถูกส่ะสิ อยากฝึกทหารให้เก่ง แต่มีปัญญาอันน้อยนิดเลยคิดได้แต่วิธีโง่ๆ แบบนี้"
 คิม ชุนชูมองคิมยูซินและถามว่า ไมองอะไร ขำอะไร"
 "มีคนๆ หนึ่ง เมื่อก่อนก็เคยพูดแบบนี้เหมือนกัน ข้าจำได้" คิมชุนชูกระแอม
 คิมยูซินก ล่าวกับพวกองครักษ์ในที่ประชุมว่า
 "ไหว้พระจันทร์ปีนี้ เราจะคัดเลือกองครักษ์ใหม่ที่มาจากต่างเมืองให้มาสังกัดเมืองหลวง"
 โพ จองว่า "ใช่ เป็นงานที่มีมาทุกปี"
 "แต่ว่า ปีนี้เราจะรับคนเพิ่มเป็นสองเท่า" คิมยูซินว่า
 องครักษ์คนหนึ่งงง "จะเพิ่มองครักษ์ต่างเมืองมาทำไม"
 "แถมยังมากตั้งสองเท่า"
 ซกพุงว่า "หึ ถ้ารับเป็นสองเท่า พวกเขาก็จะมีจำนวนมากกว่าองครักษ์เมืองหลวง ถึงตอนนั้น ฐานะของเรามิต้อง"
 คิมยูซินกล่าวว่า "ขณะเดียวกัน องครักษ์ในเมืองหลวง จะได้รับการเลื่อนขั้นตามสัดส่วน โดยทำการคัดเลือกจากคนที่มีผลงาน"
 "เอางั้นหรือ"
 "งบประมาณก็ต้อง มากขึ้นสิ"
 "แล้วใครจะรับผิดชอบ"
 "ข้าก็ไม่รู้"
 ซกพุงว่า "ถ้าทำได้อย่างงั้นจริง มันก็ดีหรอก แต่ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าอาหาร และยังมีอาวุธอีก"
 องค์หญิงต๊อกมานกล่าวขึ้นว่า "ส่วนนี้ราชสำนักจะรับผิดชอบเอง เพราะฉะนั้น เพื่อให้ได้องครักษ์ใหม่ ที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมกว่าที่แล้วมา ขอให้ท่านชิซูดูแลให้ด้วย"
 ชิซู ว่า "พะยะค่ะองค์หญิง หม่อมฉันจะทำตามที่สั่ง แต่ว่า ได้ยินว่าท่านมุนโน ออกจากเมืองหลวงไปแล้ว"
 "หึ งั้นก็รบกวนท่าน ทำงานแทนเขาไปชั่วคราว ซึ่งอาจจะต้อง เพิ่มภาระให้ท่านมากขึ้น"
 ชิซูน้อมรับ "พะยะค่ะ"
 พี ดัมเข้ามาพบองค์หญิงต๊อกมาน
 "องครักษ์พีดัม ถวายบังคมองค์หญิง"
 "หึ นี่มันอะไรกันนี่ หลายวันที่ผ่าน เจ้าไปอยู่ไหนมา"
 "ท่านมุนโนล่ะ มากับเจ้าด้วยหรือเปล่า" คิมยูซินถาม
 "ตอนนี้อาจารย์ข้า ไปอยุ่บนเขา แทแผ่กซาน"
 องค์หญิงต๊อกมานงง "ไปอยู่บนเขาหรือ"
 "อาจารย์บอกให้ข้า มาที่นี่ ทำงานแทนเขาในฐานะลูกศิษย์เต็มตัว ที่สำคัญ อาจารย์ให้ข้ากลับมาเมืองหลวง สานต่อเจตนารมณ์ในฐานะองครักษ์ต่อไป"
 องครักษ์ แปลกใจ "ถ้าเขามา แล้วยิมจงจะไปอยู่ตรงไหน"
 "นั่นสิ"
 โพจองว่า "แต่เจ้ามาคนเดียวไม่มีลูกน้องซักคน จะมาเทียบกับพวกเราได้ไง"
 "ข้าจะ รับสมัครลูกน้องตั้งแต่วันนี้" พีดัมว่า
 ซกพุงถาม "ใช่ลายมือท่านมุนโนหรือเปล่า"
 "โปรดอย่าลบหลู่ ความคิดของอาจารย์ข้า" พีดัมโกรธ
 มีซิลรู้จากชิซูเรื่องพีดัมก็ถามย้ำว่า
 "พีดัมกลับมาอีก หรือ"
 ชิซูว่า "มาพร้อมกับจดหมายของมุนโน ให้การรับรองว่าเขามีสิทธิ์เป็นองครักษ์เต็มตัว และเป็นลายมือมุนโนไม่ผิดแน่"
 "แล้วตอนนี้มุนโนไปอยู่ไหน"
 "ได้ยิน ว่าขึ้นเขาแทแผ่กซาน"
 "แทแผ่กซานหรือ? มุนโนไม่มา มาแต่พีดัมคนเดียว" มีซิลนิ่งคิด
 จากนั้นพีดัมก็ไปพบยอจง
 "มีอะไร เข้ามาทำไม มีธุระอะไร ข้าถามว่าใครเข้ามาทำไม หือ เฮ้ย เอ่อ เจ้าเป็นใคร หึ หึ เข้ามาถึงนี่ได้ไง หึ"
 "สงสัยมากหรือ เลือดพวกนี้ไม่ใช่ของข้าหรอก รู้มั้ยว่า มันเป็นเลือดใคร หือ"
 "เอ่อ ฮือ ใครอยู่ข้างนอกบ้าง พิลบู ทัมซูอยู่ไหน หึ"
 พีดัมว่า "ตอบถูกแล้ว"
 ยอจงตกใจ พีดัมกล่าวต่อ "ข้าบอกว่าตอบถูก"
 "เฮ้ย อย่านะ ไปให้พ้น"
 "คนที่รู้เรื่องในวัด นั้น และรู้เกี่ยวกับเรื่องหนังสือ มีแต่เราสองคนเท่านั้น แต่ข้าไม่ได้ลงมือฆ่าอาจารย์ ก็ต้องเป็นท่าน ใช่ไหม"
 "หึ เฮ่อๆๆ เจ้าคิดดีแล้วหรือที่มาฆ่าคนในบ้านพ่อค้าอย่างข้าแล้วจะได้อะไร เฮ่อๆๆ ต้องการหนังสือคืนหรือจะแก้แค้นให้อาจารย์ล่ะ"
 "ต้องการทั้งสองอย่าง"
 "เฮ่อ ๆๆ ถ้าเจ้าฆ่าข้าละก้อ"
 "ถ้าฆ่าท่านก็จะไม่ได้หนังสือคืน ไม่ได้คืนก็ไม่เห็นจะเป็นไร ข้าไม่เห็นสนใจซักนิด"
 ยอจงอึ้ง "เอ่อ"
 "ถ้า ไง ข้าจะฆ่าท่านปิดปากก่อน เฮ่อๆๆ"
 "เฮ่อๆๆ แสดงว่า เจ้ามาแก้แค้นล่ะสิ หือ เฮ่อๆๆ แต่ว่า เดิมทีเจ้าก็คิดจะฆ่าท่านมุนโนอยุ่แล้ว จริงหรือเปล่า หึๆๆ เฮ่อๆๆ ถ้าไง เราไปหาหนังสือก่อน แล้วค่อยเจรจาอีกทีดีมั้ย หือ เฮ่อๆๆ เฮ่อๆๆ โอ๊ะ โอย เบาๆ ก็ได้ ทำไมต้องผลักด้วย เอ่อ หึๆ เอาเถอะๆ รู้แล้วๆ ข้ากลัวเจ้า เฮ่อๆๆ แหะๆๆ"
 "อย่าลูกเล่นให้มากนักนะ"
 "นี่ เจ้าโหดขนาดนี้ ใครจะกล้าเล่นตุกติก หือ เฮ่อๆๆ เฮ่อๆๆ ตามมาเร็วเข้า ที่นี่แหละ เฮ่อๆๆ เฮ่อๆๆ บอกแล้วว่าไม่มีอะไรก็ไม่เชื่อ เจ้านี่ใจเสาะซะจริง"
 พีดัมฮึดฮัด "ฮึ่ม ฮึ่ม เดี๋ยว"
 "นั่นอะไร เฮ้ย อยากรู้ว่าคืออะไรน่ะ หือ"
 พีดัมว่า "แผนที่สามแคว้น"
 ยอจง เจ็บ "โอ๊ะ โอ๊ย โอย"
จบ 37

ซอนต๊อก 38 

 คิมชุนชู พบกับพีดัมก็สนใจจึงถามว่าเขาเป็นใคร พีดัมย้อนว่า
 "หึ เจ้าอายุเท่าไหร่ มาถามข้าหรือเฮ่ย หึ มานี่"
 "โอ๊ะ เดี๋ยวๆๆ ใจเย็นๆ เย็นไว้ก่อน ค่อยๆ พูดก็ได้ โอ๊ะ เดี๋ยวซี่ ค่อยพูดค่อยจา ใจเย็นๆ อย่าใช้กำลังนะ"
 "ใจเย็นหรือ ไม่เย็นด้วยแล้ว หนอยแน่ ทำแสบนัก"
 "เดี๋ยว ฟังข้าพูดก่อนซี่ อย่าทำบ้าๆ นะ อ๊าก โอ๊ย ตีข้าทำไมเล่า หยุดเดี๋ยวนี้นะ บอกให้หยุด จะบ้าหรือไง"
 พีดัมดุอีก "หนังสือของข้า เอามาพับลูกเต๋าเล่นหรือ กล้าดียังไงน่ะ"
 พีดัมตีอีก คิมชุนชูร้องลั่น "โอ๊ะ โอ๊ย"
 "นั่นไม่ใช่หนังสือธรรมดา รู้หรือเปล่า โง่นัก"
 ยอจง เห็นก็ตกใจ "ตายล่ะ คุณชาย"
 พีดัมเสียงเข้ม "ออกไป ไม่ต้องยุ่ง"
 ยอ จงร้องลั่น "โอ๊ย ตายล่ะ โดนเข้าเต็มๆ เลย"
 "โอ๊ะ โอ๊ย โอ๊ย พอที หยุดได้แล้ว ข้ายอมรับผิดก็ได้ ข้าสำนึกผิดแล้ว โอ๊ะ โอ๊ย ข้าบอกว่าขอโทษแล้วไง ไม่ได้ยินหรือ โอ๊ะ โอย บอกให้หยุดเดี๋ยวนี้ พอที ข้าไม่ไหวแล้วนะ จะฆ่ากันหรือไง โอ๊ย พอได้แล้ว"
 ยอจงกระแอมเสียงดัง พีดัมจึงถามว่า "เขาเป็นใครกัน"
 "เอ่อ คือ ฐานะแท้จริงของคุณชายท่านนี้ อึ๋ย"
 พีดัมไม่สน "อยากตายใช่ไหม"
 "โธ่เอ๊ย บ้าชะมัด ยกเท้าซะสูงเชียว"
 คิมชุนชูได้แต่หัวเราะ "แหะ"
 พีดัมดุ "คลี่ให้เป็นแผ่นเร็วๆ หึ เขาเป็นใครกันแน่"
 ยอจงตอบว่า "เอ่อ คือ คุณชายท่านนี้คือ โอย ไม่ไหว ปวดขาชะมัด เขาชื่อคิมชุนชูน่ะ โอย"
 พี ดัมก็ยังไม่รู้จัก "คิมชุนชูหรือ แล้วเป็นใคร"
 "โธ่ ลูกชายองค์หญิงชอนมยองไง"
 "เชื้อพระวงศ์เสียสติเนี่ยนะ"
 ยอจงดุ "เสียสติหรือเปล่าข้าไม่รู้ แต่เป็นเชื้อพระวงศ์ล่ะแน่นอน ถ้าไม่เพราะปู่ของเขาคือพระเจ้าจินจิถูกถอดถอน ป่านนี้อาจเป็นรัชทายาทก็ได้ เฮ่อๆๆ"
 พีดัมไม่สน "ฮึ่ม แล้วยังไง แปลว่าเจ้าหนุ่มเพี้ยนคนนี้สั่งให้ท่านไปฆ่าอาจารย์ข้าแล้วชิงเอาแผนที่มา งั้นหรือ จะให้ข้าเชื่อหรือเปล่า"
 "ไม่ใช่ เข้าใจผิด ข้าเอาไปให้เขาอ่านเอง แต่เขาไม่รู้อะไรเลย หึ" ยอจงแก้ต่าง
 พีดัมถาม "เพราะอะไร"
 "เพราะความคิดข้าไม่ตรงกับอาจารย์เจ้า ข้าคิดว่าเจ้าของหนังสือนี่ไม่ควรเป็นท่านยูซิน แต่เป็นเขาจะดีกว่า"
 พี ดัมถอนใจ "เฮ่อ"
 คิมชุนชูว่า "เอ่อ คือ ข้าไม่ได้ขี้เกียจนะ เพียงแต่ของีบหน่อย แล้วค่อยทำงานต่อไป ก็เท่านั้น"
 ยอจงรีบขอโทษคิมชุน ชู "คุณชายครับ ต้องขออภัยด้วย"
 พีดัมเรียก "หึ นี่"
 ยอจงดุ "หือ เรียกเขาว่าคุณชาย ไม่ใช่นี่"
 "อยากตายมั้ย นี่ พวกนี้ ทำไมไม่เรียงตามลำดับแต่ละหน้าล่ะ" พีดัมดุ
 "แต่ ข้าว่า มันก็เรียงอยู่ ไม่ผิดซักหน่อย"
 "เจ้า จำลำดับของมันได้หรือ"
 หลังจัดการคิมชุนชู ให้เรียงหนังสือเรียบร้อยก็หันมาเล่นงานยอจงต่อ
 ยอจงโวย "ว้าย นี่ จะทำอะไรอีก ยังจะฆ่าข้าหรือ ฮือ"
 "ในเมื่อได้หนังสือมาแล้ว ถ้าฆ่าท่านอีกคน ก็คงหมดเรื่อง"
 "เอ่อ แหะๆๆ ล้อเล่น ทำแบบนี้ได้ไงน่ะบ้าหรือ เฮ่อๆๆ"
 "ห้ามหัวเราะนะ" พีดัมสั่งเสียงเฉียบขาด
 ยอจงยิ่งหัวเราะ "ฮ่าๆๆ เจ้าล้อเล่นใช่ไหม เฮ่อๆๆ"
 "หน้าเจ้าเล่ห์ของท่าน ข้าหมั่นไส้มาตั้งแต่แรกเห็นแล้ว อยากรู้ว่าถ้าตัดหัวท่านออกมาซะ ยังจะหัวเราะได้ไหม ฮึ่ม"
 ยอจงตกใจ เมื่อเห็นพีดัมเอาจริง "เฮ้ย อย่าๆๆ อย่าเพิ่งลงมือ เจ้า เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก เพราะว่า เรา เราเป็นฆาตกรทั้งคู่ จริงมั้ย"
 พี ดัมหอบ "ฆาตกรหรือ"
 "ท่านมุนโนผู้ยิ่งใหญ่ จะตายเพราะเข็มพิษเล็กๆ เล่มเดียวได้ยังไง จริงมั้ย ฮ่าๆๆ ไม่มีทางอยู่แล้ว แต่เพราะตอนนั้นเขามัวพะวงอยู่กับการจู่โจมของศิษย์รักอย่างเจ้า เลยไม่ทันระวังถูกเข็มพิษเข้าอย่างจัง จริงมั้ยล่ะ หรือจะเถียง"
 พีดัม โกรธมาก "เจ้าคนสารเลว"
 "เอาซี่ ใช่ ข้ามันเลว จะฆ่าก็เชิญลงมือ เมื่อข้าตายแล้ว เจ้าจะได้ฆ่าตัวตายตาม เพราะเราต่างก็เป็นฆาตกรที่ฆ่ามุนโนทั้งคู่ จริงมั้ย เฮ่อๆๆ หึ หรือไม่งั้น ก็ปล่อยให้ข้ารอดซะ เจ้าก็อยู่ต่อด้วย ดีมั้ยล่ะ โอ๊ย" ยอจงถูกพีดัมเตะ
 "อ๊าก หึ ท่านลองพูดเหตุผลซัก 3 ข้อ หึ ให้ข้าไว้ชีวิตท่านหน่อยซิ หึ"
 ยอจง หอบ "เจ้าต่างหากที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง หา นึกว่าแผนที่สามแคว้นเป็นของอาจารย์เจ้าหรือ ไม่ใช่ เป็นของข้ากับมุนโนร่วมกันต่างหาก หึ เขาพเนจรอยู่ข้างนอก 20 ปี เอารายได้ที่ไหนเลี้ยงตัวเอง ถ้าไม่ใช่มาจากข้า ที่สำคัญมุนโน เคยเดินทางไปโกคูรยอ แพ่กเจ เมืองสุยคนเดียวซะเมื่อไหร่ ถ้าไม่ได้ลูกน้องข้าคอยวิ่งเต้น เสาะหาข้อมูลให้เขาเขียนหนังสือจะออกมาเป็นรูปเล่มได้หรือ แล้วอย่างงี้ จะบอกว่าเป็นสมบัติส่วนตัวของเขาได้ไง หา นั่นเป็นของข้าด้วย"
 "หึ แล้วไงอีก"
 ยอจงกล่าวต่อ "แล้วจู่ๆ เขาบอกว่าจะมอบหนังสือให้คนชื่อคิมยูซินอะไรนั่น ข้าไม่รู้จักซักหน่อยแล้วจะยอมได้ไงล่ะ"
 พีดัมว่า "แล้วยังไง มีอะไรอีก พูดมาซิ"
 ยอจงอึกอักนิดๆ "หึ ข้าน่ะ มีคนที่เป็นสายลับอยู่มากมาย ถ้าข้าตายไป พวกเขาก็เท่ากับถูกตัดขาด เหมือนว่าวที่หลุดลอยไป ถ้าให้ดี ข้าช่วยเจ้าต่อติดเอามั้ยล่ะ หือ"
 "เพื่ออะไร"
 "ถามได้ ท้ายที่สุดแล้ว เราจะช่วยกันส่งเสริมให้ใครซักคนเป็นพระราชา คนอย่างเจ้านอกจากเป็นผู้ช่วยคนอื่นแล้วไม่เห็นจะทำอะไรได้ซักอย่าง เจ้าหนุ่มนั่น กล้าหลอกกระทั่งท่านมีซิล แสดงว่าเป็นคนใจกล้าไม่เบาล่ะว่ามั้ย เอ่อ มองอะไร หา แหะ เจ้าก็เหมือนกัน เคยคิดว่าหนังสือเป็นของเจ้า แต่จู่ๆ ไปให้คิมยูซิน เลยโกรธจนต้องสู้กับท่านมุนโนใช่ไหม ถูกมั้ยล่ะ คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจข้า แต่คิดว่าเจ้าต้องเข้าใจ จริงมั้ย หึๆๆ"
 พีดัมลงมืออีก "ฮึ่ม ย้าก"
 "โอ๊ย อ๊าก ฮือๆๆ เจ้าคนสารเลว ทำไมทำกับข้าแบบนี้ ฮือๆๆ" ยอจงร้องไห้
 "หึ อีกหน่อยทุกครั้งที่รู้สึกเจ็บแผล ส่องกระจกแล้วเตือนสติตัวเองไว้ให้ดี ถ้าทรยศข้าก็คือตาย หนีก็คือตายเหมือนกัน ที่สำคัญ หึ พระราชาองค์ต่อไปที่เราจะเกื้อหนุน ไม่ใช่หนุ่มคนนั้น"
 ยอจงเอาแต่ ร้องไห้ "ฮือๆๆ ฮือๆๆ อ๊าก ฮือๆๆ ฮือๆๆ"
 พีดัมคิด "มีซิล คิดจะช่วยหนุ่มคนนี้จริงหรือ คนที่เอาแต่เสพสุขท่าเดียว หึ ไม่เข้าใจเลยว่าแม่ข้า คิดจะทำอะไรกันแน่ ไม่เข้าใจเลย"
00000000000000

 ขณะ เดียวกันคิมยูซินก็กล่าวกับแวยาและทุกคนว่า
 "องครักษ์แห่งหน่วยยองวา จุปังและซอแจ ให้เลื่อนเป็น "แทนังโท" ยางกิดแห่งหน่วยบีชอน ให้เลื่อนตำแหน่งเป็น "แทโต" ส่วนแวยา ให้เลื่อนตำแหน่งเป็น "โซกัม" เป็นผู้ช่วยท่านไอชองในการทำงานต่อไป"
 แวยาว่า "น้อมรับคำสั่งท่านผู้นำ"
 "นับแต่นี้ทุกคนต้องตระหนักในหน้าที่ ปกป้องราชสำนักและเชื้อพระวงศ์ทุกระดับ ที่สำคัญ ให้จัดกำลังถวายอารักขาความปลอดภัยให้ถ้วนทั่ว ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด"
 ทุก คนรับคำ "ครับ"
 "ต่อไปการฝึกองครักษ์ จะเป็นหน้าที่ของท่าน"
 แวยา น้อมรับ "ครับ ตามมา"
 ซกพุงกล่าวกับชิซูเรื่องของแวยาว่า
 "คนชื่อแว ยานั่น เป็นลูกชายเจ้าเมืองมานโนน่ะครับ สมัยก่อนที่ท่านซอยอนไปอยู่เมืองมานโนก็ได้รู้จักเขา และรับไว้เป็นลูกบุญธรรม"
 "สงครามทำให้เราเสียองครักษ์ไปเยอะ คราวนี้ที่มีการปรับเลื่อนตำแหน่ง แม้แต่ท่านมีซิลก็เห็นด้วย แต่ว่า"
 "ท่าน เป็นห่วงว่ายูซินจะมีแผนอื่น ในการปรับโครงสร้างครั้งนี้ใช่ไหม"
 "แต่ ว่า คือ เรื่องนี้ท่านไม่ต้องห่วง พวกเขาทำอะไรบ้าง ข้าจะคอยสอดแนมให้เองน่ะครับ"
 "หึ ต่อไป พวกเจ้าต้องหมั่นมารายงานข้า เกี่ยวกับเรื่องภายในขององครักษ์ ใครเป็นพวกไหน ทะเลาะกับใครก็ต้องมาบอกให้รู้ล่ะ" ชิซูสั่ง
 ซกพุงกับองครักษ์อีกคนรับ คำ "ครับ"
 ชิซูถาม "ว่าแต่ คนที่ชื่อพีดัมล่ะ"
 "จนวันนี้ เขายังไม่มีลูกน้อง เลยดูไม่ออกว่าจะทำอะไรแน่"
 ชิซูพยักหน้า "เข้าใจแล้ว"
 องค์หญิงต๊อกมานคุยกับยองชุนว่า
 "สมัยพระเจ้าจินฮึ งได้ขยายดินแดนไปไม่น้อย แล้วทำไมจนทุกวันนี้ยังไม่ได้ผลผลิตที่พอให้ชาวบ้านได้พอเลี้ยงตัวเองซะที"
 ยอง ชุนว่า "ต่อให้มีดินแดนกว้างขวาง แต่ครึ่งหนึ่งเป็นที่รกร้าง ไม่อาจใช้เป็นที่เพาะปลูกได้พะยะค่ะ"
 องค์หญิงต๊อกมานแปลกใจ "หึ ไม่อาจเพาะปลูกได้หรือ"
 "ที่สำคัญ แปลงนาส่วนใหญ่หลังจากผ่านการเพาะปลูกไปหนึ่งปี ปีที่สองก็ไม่อาจให้ผลผลิตได้อีก"
 องค์หญิงต๊อกมานถาม "ไม่มีทางที่จะพลิกฟื้นที่นาบ้างหรือ"
 วาชอนบอกกับองค์หญิงต๊อกมานว่า "ความรู้ที่เรามี จนทุกวันนี้สามารถผลิตอาวุธที่ทำจากเนื้อเหล็กคุณภาพดี ในสมัยพระเจ้าจินฮึงนั้น ทรงให้การสนับสนุนวิทยาการด้านโลหะ ทำให้แคว้นชิลลาก้าวหน้าทางด้านนี้ จนวันนี้ยังนำหน้าแคว้นอื่นอยู่"
 องค์ หญิงต๊อกมานว่า "ใช่ แล้วเหล็กที่ผลิตเครื่องมือเกษตรกับผลิตอาวุธต่างกันหรือเปล่า"
 วาชอน ว่า "ต่างกันอย่างมาก เหล็กที่ใช้ผลิตเครื่องมือเกษตรยังถือว่าด้อยคุณภาพ ทำให้แม้แต่จอบเสียมก็ยังไม่ทนทาน"
 องค์หญิงต๊อกมานกำลังคิดเรื่องต่างๆ อยู่ คิมยูซินเข้ามาหา
 "ทรงคิดอะไรอยู่หรือพะยะค่ะ"
 "อ้อ กำลังคิดเรื่องที่ท่านคงไม่เห็นด้วย"
 คิมยูซินแปลกใจ "หา"
 องค์ หญิงต๊อกมานว่า "เอาอาวุธมาหลอมละลาย ทำเป็นเครื่องมือเกษตรคงไม่ได้ใช่ไหม"
 "ใช่ ไม่ได้เด็ดขาด"
 ไอชองว่า "อ้อ ทำไมปฏิเสธองค์หญิงเสียงแข็งอย่างงั้นล่ะ"
 คิมยูซินย้อน "ไม่งั้นถ้าเป็นท่านจะตอบยังไง"
 ไอชองอึ้ง "เอ่อ หึ"
 "ต้องหาวิธี ผลิตเครื่องมือเกษตร โดยไม่กระทบถึงการผลิตอาวุธ หม่อมฉันทูลลาก่อนเพราะต้องไปสอนคุณชายชุนชู" คิมยูซินไป
 ไอชองมองตาม "หึ เขาก็ช่างดุจริง"
 เวลาบ่ายคล้อย จุปัง โกโต กุกซอนและแทพุงไม่ได้ไปรวมตัวตามที่แวยาสั่ง แทพุงกับกุกซอนดูกลัวๆ
 กุก ซอนว่า "นี่ เราออกมาอย่างงี้จะดีหรือ"
 แทพุงก็กลัว "นั่นสิ ตอนบ่ายท่านแวยาบอกให้ไปรวมตัวด้วย"
 จุปังดุ "พวกเจ้านี่ใจเสาะจริง อะไรก็ไม่รู้ ถามหน่อย วันนี้เป็นวันอะไร หา วันที่ข้าได้เลื่อนตำแหน่งเป็น "แทนังโท" เชียวนะ พูดแล้วจะหาว่าคุย ยังต้องกลับไปฝึกซ้อมอีกหรือ หา"
 โก โตว่า "นั่นสิ ท่านแวยาก็ได้เลื่อนตำแหน่ง เขาคงปล่อยเราซักวัน"
 "แน่ นอน วันนี้ข้าได้เลื่อนเป็นอะไร บอกซิ"
 โกโต แทพุง และกุกซอนกล่าวพร้อมกัน "แทนังโท"
 "พูดดังๆ อีกที"
 "แทนังโท"
 "ถูก ต้อง เมื่อข้าได้เลื่อนขั้น วันนี้ใครอยากกินอะไร ข้าจะเลี้ยงเอง เป็นเจ้ามือ"
 "กินทุกอย่างที่ขวางหน้า"
 "ไม่มีปัญหา รับรองจะเลี้ยงจนพุงกาง เดินกลับบ้านไม่ไหว ไปเร็วเข้า พวกเราลุย"
 ทุก คนหัวเราะ "ลุยเลย ฮ่าๆๆ"
 ระหว่างนี้มีชายอ้วนกับพ่อค้ากำลังทะเลาะกัน
 ชาย อ้วนไม่พอใจ "หึ ทำแบบนี้ได้ไง หา"
 พ่อค้าชักสีหน้า "อะไรอีกล่ะ"
 "อาทิตย์ ที่แล้วบอกว่าผ้า 14 พับแลกข้าวได้ 5 กระสอบ พอวานซืนก็บอกว่า ต้องใช้ 20 พับถึงแลกได้ มาวันนี้ก็ไม่ให้แลกอีก จะขูดเลือดขูดเนื้อพวกเราไปถึงไหนน่ะ หา"
 "ก็ราคาข้าวมันขึ้นสูง จะให้ข้าทำไงล่ะ"
 "ช่วยหน่อยไม่ได้หรือ เห็นใจกันหน่อยซี่"
 พ่อค้าว่า "เพราะหน้าแล้งเลยไม่มีข้าวส่งมา ช่วยไม่ได้แล้ว"
 "หึ แล้วนั่นอะไร ที่กองอยู่ท่วมหัวไม่ใช่ข้าวหรอกหรือ"
 "โธ่เอ๊ย พูดไม่รู้เรื่องนี่ บอกว่ามีคนซื้อไปแล้ว จะให้พูดกี่ครั้งถึงยอมเข้าใจซะที หา"
 "ได้โปรด เถอะ ฮือ ลูกเมียข้าจะอดตายอยู่แล้ว ช่วยหน่อยไม่ได้หรือ หา"
 "ไม่ต้อง มาขอร้อง นั่นเป็นเรื่องในบ้านเจ้า ไม่เกี่ยวกับข้า ก็ของมันแพง จะให้ขายส่งเดชได้ไง"
 โกโตมอง "ทะเลาะกันอีกละ"
 แทพุงว่า "เพราะราคาข้าวแพงขึ้นมั้ง"
 กุกซอนว่า "แม่ข้าก็เป็นห่วงเรื่องนี้เหมือนกัน บอกว่าหลายวันนี้ราคาขึ้นเอาๆ"
 จุ ปังทำเสียง "จุ๊ๆๆ ไปเถอะ มันไม่ใช่หน้าที่เราที่จะแก้ปัญหาเรื่องปากท้องของชาวบ้าน อีกอย่าง เรามีงานสำคัญต้องทำอีกจริงมั้ย ไปเร็วเข้า"
 ชายอ้วนโมโห "ตายซะเถอะเจ้าหน้าเลือด"
 พ่อค้าเจ็บ "โอ๊ะ โอ๊ย"
 พวกชาวบ้านตกใจ พวกจุปังก็ตกใจ
 คิมยูซินกำลังสอนคิมชุนชู แต่คิมชุนชูไม่ยอมทำตาม
 คิม ยูซินดุ "ทำไมไม่ยอมพูดตามข้าล่ะ ต้องนับเสียงดังๆ แล้วค่อยออกแรงฟันลงไป"
 "ข้า นับในใจไม่ได้หรือไง"
 "ต้องออกเสียงถึงเป็นการเดินลมปราณที่ถูกต้อง และช่วยให้มีสมาธิมากขึ้นด้วย"
 "ท่านบอกว่าต้องตะโกนเสียงดัง ถึงช่วยให้มีสมาธิหรือ แต่ปกติ เขาว่าต้องเงียบๆ ถึงจะเกิดสมาธิต่างหาก"
 จุ ปังวิ่งหอบเข้ามา "ท่านยูซิน ท่านยูซิน หึ ท่านยูซิน เกิดเรื่องแล้วครับ"
 "เกิด อะไรขึ้น"
 โกโตว่า "มีคนก่อเรื่องในตลาดน่ะครับ"
 "อะไรนะ ก่อเรื่องยังไง"
 "ท่านไปดูเองเถอะ อย่าถามเลย"
 คิมชุนชูรีบให้แทนัม โพพาหนีไปโดยเร็ว
 ชายอ้วนขาดสติจับเด็กเป็นตัวประกันพูดเสียงดัง
 "อย่า เข้ามานะ ไม่งั้นข้าเอาจริงด้วย อย่าเข้ามาล่ะ ฮือ"
 คิมยูซินถาม "เกิดอะไรขึ้นนี่"
 โพจองว่า "เขาจับเด็กเป็นตัวประกัน กำลังอาละวาดอยู่"
 ชาวอ้วนส่งเสียง "ไม่งั้นเด็กจะตายก่อน ได้ยินมั้ย ฮือๆๆ อย่าเข้ามานะ ฮือๆๆ"
 เด็กหญิงที่เป็นตัวประกันร้องไห้ "ฮือๆๆ"
 ชาย อ้วนส่งเสียงพูดไปเรื่อย "ข้าลงมือจริงๆ อย่าเข้ามาล่ะ ข้าไม่เกรงใจด้วย อย่ามายุ่งกับข้านะ ฮือ วันนี้เป็นไงก็เป็นกัน ฮือ ไหนๆ ก็ต้องตายอยู่แล้ว เรามาตายพร้อมกันก็ได้ ข้าไม่กลัวหรอก ฮือ เมื่อไม่มีข้าวให้กิน ข้าก็ต้องอดตายอยู่แล้ว งั้นสู้มาตายที่นี่ดีกว่า อย่าเข้ามานะ ใครก็อย่ามาจับข้า ไม่งั้นเด็กจะตายก่อน โอ๊ะ โอ๊ย"
 แล้วชายอ้วนก็ถูก จับ "อย่านะ ทำอะไร ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ปล่อยซี่ มาจับข้าทำไม โอย ฮือ"
 จุ ปังเล่าว่า "เรื่องก็คือประมาณนี้ล่ะครับ คนๆ นี้จะขอซื้อข้าว แต่อีกคนไม่ยอม ไม่ยอมขายให้ ทั้งที่มีข้าวอยู่ สุดท้ายสองคนก็เลยทะเลาะกัน แล้วคนๆ นี้ก็ระงับอารมณ์ไม่อยู่ ก็เลยถือขวาน ฟันฉับลงไป"
 "เป็นความ จริงหรือเปล่า"
 ชายอ้วนร้องไห้ "ฮือ จริงครับใต้ท้า ข้าโมโหเลยพลั้งมือไปหน่อย แต่พ่อค้านั่น มันก็สมควรตายจริงๆ ฮือ ทีแรกบอกว่ามีผ้า 14 พับ แลกข้าวได้ 5 กระสอบ จากนั้นก็ค่อยๆ ลดลง เหลือแค่ 2 กระสอบ จนสุดท้ายบอกว่าจะไม่ขายให้อีก ฮือ ที่นาก็แล้งอยู่แล้ว ปลูกอะไรไม่ขึ้นซักอย่าง ฮือ ที่บ้านแทบไม่มีข้าวให้ลูกกิน ฮือ ลูกเมียข้าจะอดตายอยู่แล้ว ฮือ เชิญประหารข้าเถอะครับ เพราะไม่ว่าถูกประหาร หรือจะอดตายก็คือตายเหมือนกัน เชิญประหารข้าเถอะ ฮือ ข้ายินดีรับโทษ ฮือๆๆ ฮือๆๆ"
0000000000000

 คิมยูซินนำเรื่องนี้มาปรึกษากับองค์หญิง ต๊อกมาน
 "สินค้าเกษตรราคาผันผวนมาก วันนี้ในตลาดเกิดคดีฆ่าคน สาเหตุก็เพราะเรื่องนี้"
 องค์หญิงต๊อกมานฟังแล้วตกใจ "หา"
 ไอชอง ตกใจเช่นกัน "หึ แค่นี้ถึงกับฆ่าแกงเชียวหรือ"
 พีดัมว่า "เพียงแค่ราคาข้าวเนี่ยนะ"
 คิมยูซินว่า "เพราะสิบวันที่ผ่าน แต่เดิมข้าวกระสอบละ 3 ตำลึง ราคาขึ้นถึง 15 ตำลึงพะยะค่ะ"
 องค์หญิง ต๊อกมานแปลกใจ "หา ทำไมขึ้นเร็วขนาดนี้ ตั้ง 15 ตำลึงเชียวหรือ"
 "พะยะ ค่ะ เป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก"
 พีดัมว่า "ถ้าอย่างงั้น หม่อมฉันจะไปคุยกับพวกพ่อค้าดู"
 องค์หญิงต๊อกมานถาม "เจ้ามีวิธี ติดต่อกับพ่อค้าได้หรือ"
 "ไม่มีก็ต้องหาหนทาง หม่อมฉันจะลองดูก่อน"
 องค์ หญิงต๊อกมานตกลง "งั้นก็เอาตามนี้"
 ไอชองว่า "ส่วนหม่อมฉัน จะไปดูในตลาด ไม่ให้พวกพ่อค้าโก่งราคา"
 องค์หญิงต๊อกมานห้ามไว้ "ท่านไม่ต้องไปเอง เราจะไปด้วยกัน ข้าก็อยากไปดูเหมือนกัน"
 โซวาไปลอง ซื้อข้าวที่ตลาด
 "เอ่อ จะขอซื้อข้าวสาลีหน่อยน่ะค่ะ"
 พ่อค้ากลับ บอกว่า "ไม่มีขายแล้ว"
 "แต่ว่า ที่วางอยู่ไม่ใช่ข้าวสาลีหรือ"
 "พวก นี้มีคนมาจองหมดแล้ว"
 "มีคน มาจองหรือคะ ได้โปรดเถอะนะ มากหรือน้อยก็ขายให้เราหน่อย" โซวาอ้อนวอน
 "ก็บอกว่ามีคนจองไปหมดแล้ว ไง"
 "ถ้างั้น ข้าจ่ายเพิ่มให้อีก 3 ตำลึง"
 พ่อค้าตาโต "สามตำลึงหรือ"
 โซวาพยักหน้า "อึม"
 พ่อค้าทำยืนยัน "ฮึ่ม ไม่ได้ๆ มีคนจองแล้วจริงๆ ขายให้ไม่ได้หรอก เห็นหรือเปล่า เราขายไปแล้วจริงๆ"
 องค์ หญิงต๊อกมานแทรกเข้ามา "รู้มั้ยว่า ใครมารับซื้อไป"
 พ่อค้ามอง "เจ้าจะรู้ไปทำไมล่ะ"
 เวลาเดียวกันพีดัมก็ไปพบยอจงที่นอนกรนอยู่
 ยอ จงถาม "มีธุระอะไร ใครน่ะ หือ เฮ้ย เจ้าอีกแล้วหรือนี่ โอย ตกใจหมดเลย ทำไมเข้ามาเงียบๆ ล่ะ บอกแล้วว่าข้าเป็นคนขวัญอ่อน อย่าบุกเข้ามาเงียบๆ ได้ไหม"
 พีดัมว่า "ข้ามีเรื่องจะถาม"
 "อะไรอีกล่ะ"
 "ทุกวันนี้ ที่ข้าวมีราคาสูง หึ รู้มั้ยว่าเป็นเพราะใคร ท่านใช่ไหม"
 องค์หญิงต๊อก มานกลับไปปรึกษากับคิมยูซิน
 "เหตุการณ์ที่ตลาด "ซอซี" ก็เหมือนกัน มีข้าวอยู่ชัดๆ แต่ไม่ยอมขาย" คิมยูซินว่า
 องค์หญิงต๊อกมานว่า "บอกว่ามีคนจองแล้วใช่ไหม"
 "พะยะค่ะ"
 "ข้าอยากรู้ว่าเป็นเพราะใคร ที่ทำให้เป็นแบบนี้ ต้องให้ใครซักคนคอยดูความเคลื่อนไหวของพวกพ่อค้า แถมยังทำอย่างเงียบๆ ด้วย ท่านคิดว่ามีใครที่เหมาะ"
 จุปังว่า "เอ่อ หม่อมฉันขอรับอาสา ในฐานะที่เป็น "แทนัมโท" หม่อมฉันจะพยายาม สืบหาต้นตอมาให้องค์หญิงพะยะค่ะ"
 องค์หญิงต๊อกมานตกลง "หึ ดีมาก งั้นเอาตามนี้"
 พวกจุปังตามไปสืบจนรู้ว่าพ่อค้านำข้าวไปส่งให้บ้านซอวอน เป็นสิบกระสอบ อีกขบวนไปส่งที่บ้านซกพุง
 แทพุงสงสัย "ว่าแต่ ทำไมส่งไปบ้านพวกเศรษฐีหมดเลยล่ะ"
 จุปังสั่งต่อ "เดี๋ยวก่อน ไปดูให้แน่ใจอีกที อึม ฮึ่ม"
 พ่อค้ากำลังคุยกับโพจอง
 โพจองถาม "มีแค่นี้เองหรือ"
 "โธ่ แค่นี้ก็มากพอแล้ว ทุกวันนี้อย่าว่าแต่ข้าวสาร แม้แต่ข้าวสาลี ถั่วเมล็ดแห้งก็แทบหายากเต็มทีน่ะครับ"
 "ฮึ่ม สรุปก็คือ เราจะให้ราคาสูงที่สุด มีเท่าไหร่เอามาให้หมด"
 "ครับ ยังไงก็มีแน่นอน อ้อ แหะ เร็วเข้า ขนไปไว้ข้างใน"
 โพจองว่า "ของพวกนี้ มาเท่าไหร่ เราจะรับซื้อไว้หมด"
 ซอวอนว่า "เจ้าช่วยจัดการละกัน ได้ยินว่าคุณชายชุนชูมานี่หรือ"
 คิมชุนชูกำลังได้รับการต้อนรับอย่างดี จากยอจงและโพยางที่เอาใจอย่างมาก
 ยอจงว่า "นี่ก็สวย นั่นก็งาม ตาลายไปหมดแล้ว ถ้าเป็นข้าคงจะเลือกไม่ถูก พวกมันเหมือนจะพูดว่า เลือกข้าเถอะๆ นั่นแหละครับ ชิ้นนั้นงามที่สุดแล้ว"
 โพยางว่า "ชิ้นนี้เป็นไงคะ"
 ยอจงว่า "ข้าว่ามันก็สวยแล้วนะ หาไม่ได้อีกแล้ว แหะๆ โอ๊ะ นั่นก็สวยเหมือนกัน"
 "ถ้างั้น แบบนี้ล่ะคะ"
 คิมชุนชูว่า "รูปหน้าอย่างเจ้า ไม่เหมาะจะใส่ต่างหูรูปทรงกลม"
 "หรือคะ"
 "ใช่ แล้ว แบบนี้ดีกว่า"
 "แหม จะหาใครตาถึงเท่าคุณชายไม่มีอีกแล้ว แหะๆ เป็นของใหม่ที่มาจากต่างเมือง ไม่มีใครเหมือนแน่ เฮ่อๆๆ"
 "เพราะเจ้า เป็นคนหน้าใสอยู่แล้ว จึงไม่เหมาะจะใส่เสื้อผ้าสีฉูดฉาดเหมือนคนอื่น" คิมชุนชูว่า
 โพยางว่า "หึ ถ้ารีบไปสั่งตัด น่าจะเสร็จทันงานไหว้พระจันทร์ในเดือนหน้านี้นะคะ"
 คิมชุนชูว่า "ใช่"
 "ตา ถึงอีกแล้ว เข้าใจเลือกจริงๆ เป็นเครื่องบรรณาการที่จะไปถวายฮ่องเต้เมืองสุยน่ะครับ เฮ่อๆๆ" ยอจงคุย
 คิม ชุนชูว่า "เป็นของเลียนแบบ ท่านถูกหลอกแล้ว"
 ยอจงทำเป็นตกใจ "หา ข้าซื้อมาตั้งแพงนะ"
 "ที่ริมหน้าผาเขา "เชียนฝอ" ที่เมืองสุย มีรูปแกะสลักมากมาย เพราะเนื้อหินของที่นั่นเหมาะแก่การแกะเป็นลวดลายต่างๆ และต้องเป็นเครื่องกังไสที่ผลิตจากดินของที่นั่นเท่านั้น ถึงจะไปถวายฮ่องเต้ได้"
 ยอจงทำเป็นชื่นชม "อ้อ หึ ช่างเป็นความรู้แก่ข้านัก เฮ่อๆๆ"
 คิมชุนชูหัวเราะ "หึๆๆ"
 ยอจงพูด เบาๆ "อะไรจะรู้ลึกรู้ดีขนาดนี้ แหม เฮ่ย"
 "เจ้ารู้มั้ยว่า คนๆ นั้นเป็นใครน่ะ"
 "ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นเจ้าเมืองฮันซาน" โพยางว่า
 คิม ชุนชูว่า "ชื่อของเขา คือ "คิมยินมุน" ใช่หรือเปล่า"
 "หึ ไม่ใช่ค่ะ คิมยุนมินเป็นแม่ทัพเมือง "ฮาซอนลา" ต่างหาก ส่วนคนนี้ เขาชื่อ "นิมยองจี" ต่างหาก"
 "อึม นิมยองจีหรือ เพิ่งเคยได้ยินชื่อครั้งแรกนะนี่"
 "แต่ ข้าเคยเล่าให้ฟังหลายครั้งแล้วนะคะ สมัยก่อนที่ไปตีเมือง "คาจัง" ของแคว้นแพ่กเจ เขาเป็นรองแม่ทัพใหญ่น่ะค่ะ เนื่องจากสร้างผลงานไว้มาก ตอนหลังจึงได้เป็นถึงรองเจ้ากรมกลาโหมด้วย หึ เรื่องแค่นี้ยังจำไม่ได้อีก ข้าไม่เข้าใจความคิดท่านเอาซะเลย"
 "ข้าก็เบื่อตัวเองเหมือนกัน ที่ชอบจำสับสนระหว่างชื่อของคนนี้กับหน้าตาของอีกคน"
 "เอ่อ บางคนเก่งเรื่องนี้ แต่โง่ในอีกเรื่องก็ถือว่าธรรมดาะน่ะครับ เฮ่อๆๆ ข้าก็เคยออกบ่อยไป ขนาดคนที่เจอหน้าบ่อยๆ บางครั้งนึกจะลืมก็ลืมซะงั้น ต้องคิดตั้งนานกว่าจะนึกออก เฮ่อๆๆ"
 "นั่นสิ แสดงว่าเราโง่ทั้งสองคน เฮ่อๆๆ"
 ยอจงว่า "นั่นสิครับ แต่ข้าโง่กว่าท่านอีกนะ ฮ่าๆๆ มาๆ เชิญเลือกต่อเร็วเข้า ไม่ต้องเกรงใจนะครับ ฮ่าๆๆ"
0000000000000000

 ซอ วอนเข้ามาก็กล่าวกับโพจองว่า
 "พ่อค้าคนนั้นเป็นใครน่ะ เห็นแล้วไม่ถูกชะตาเอาซะเลย"
 โพจองตอบว่า "เป็นคนในบ่อนที่ท่านน้ารู้จักดีน่ะครับ ปกติเป็นคนค้าขาย ซื้อของจากต่างเมือง มาขายในชิลลาบ่อยๆ"
 "บ้านเราอย่าให้คนแปลกหน้ามา เข้าออกบ่อยนัก" ซอวอนเตือน
 "ท่านน้ารู้จักดี ถือว่าไม่ใช่คนนอก ท่านไม่ต้องห่วงหรอกครับ"
 "แล้วหมู่นี้ คุณชายชุนชูมาทุกวันเลยหรือ"
 "หึ ครับ ดูเหมือนว่าจะชอบพอกับโพยางของเราเป็นพิเศษ คิดว่าอีกไม่นาน ท่านน้าต้องมาคุยเรื่องแต่งงานกับเราแน่"
 อีกฟากหนึ่ง ฮาจองก็คุยกับพ่อค้า
 "อะไรนะ กระสอบละ 20 ตำลึง บ้าหรือเปล่า นี่ วันก่อนเพิ่งจะแค่ 14 ตำลึง ทำไมขึ้นเร็วนัก"
 "ใต้เท้า อย่าพูดอย่างงั้นสิครับ ถ้าไปขายข้างนอก ราคาตอนนี้ขึ้นถึง 22 ตำลึงด้วยซ้ำ"
 ฮาจองกระแอม "งั้นหรือ ในเมื่อราคาขึ้นก็ช่วยไม่ได้ล่ะ เฮ่ย เอาไป"
 "อ้อ ครับ ขอบคุณท่านมาก"
 "อย่าลืมว่ามีผลผลิตมาเท่า ไหร่ เราจะรับซื้อหมดไม่มีเกี่ยงเข้าใจมั้ย"
 "ทราบแล้วครับไม่ต้องห่วง"
 "งั้น ก็เร็วๆ ขนไปเก็บที"
 "ครับท่าน" ฮาจองกระแอม
 พวกจุปังที่แอบดูอยู่ คุยกัน
 โกโตว่า "ท่านฮาจองก็รับซื้อเข้าเหมือนกัน"
 จุปังสงสัย "เอ คนพวกนี้มันจะกักตุนสินค้า เพื่อฆ่าชาวบ้านหรือยังไง"
 "ต่อให้มีบ่าว ไพร่เยอะ ก็ไม่เห็นต้องซื้อตุนขนาดนี้ หรือว่าพวกลูกน้องจะกินจุเหมือนข้า ว่ามั้ย"
 "โง่จริง อย่าใช้ความคิดแบบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางสิ เดี๋ยวนี้เจ้าไม่ใช่โกโตคนเก่าอีกแล้ว แทนัมโท เจ้าต้องรู้สึกภูมิใจในฐานะลูกน้องคนสนิทของข้าจุปัง เข้าใจหรือเปล่า" จุปังข่ม
 โกโตเข้าใจ "อึม แหะ ว่าแต่ เห็นกระสอบข้าวทีไร ข้ารู้สึกหิวทุกที ฮ่าๆๆ"
 "โกโต"
 "ฮ่าๆๆ โอ๊ะ แหะๆๆ"
 "ตะกละ นัก เดี๋ยวเถอะ ซี้ด เอาไงดี"
 จุปังเข้าไปพบองค์หญิงต๊อกมานกับคิมยูซิน
 "ท่าน ยูซิน ข้าน้อยจุปังทำหน้าที่เสร็จสิ้นแล้วขอมารายงานครับ"
 องค์หญิงต๊อก มานถาม "ได้เรื่องแล้วใช่ไหม"
 "พะยะค่ะ หม่อมฉันไปตามดูเส้นทางซื้อขายผลผลิตการเกษตร จนรู้สาเหตุแล้วพะยะค่ะ"
 "พูด มาเร็วเข้า"
 "ครับ เพราะมีพ่อค้าบางรายกว้านซื้อสินค้าไปหมด ทำให้ขาดตลาดน่ะครับ"
 องค์หญิงต๊อกมานถามต่อ "ใครกว้านซื้อ และซื้อไปทำอะไรรู้มั้ย"
 "พะยะค่ะ เท่าที่เห็นก็มีท่านซอวอน ท่านฮาจอง ท่านโพจอง กลุ่มคนเหล่านี้ที่รับซื้อสินค้าทั้งหมด และทุกราย ล้วนแต่ให้ราคาสูงพะยะค่ะ"
 องค์หญิงต๊อกมานว่า "หึ ซื้อไปตุนไว้หรือ"
 "หวัง จะปั่นราคาให้สูงแล้วค่อยปล่อยขาย"
 องค์หญิงต๊อกมานยังสงสัย "แต่ว่า แล้วเพราะอะไรกัน พวกเขาถึงยอมจ่ายราคาสูงไว้ก่อน"
 "โธ่ องค์หญิง ไม่บอกก็รู้ ยิ่งรับซื้อในราคาสูง สินค้าก็ยิ่งมีค่า เป็นที่ต้องการมากขึ้น"
 "ใช่ เพื่อหวังกำไรผลต่าง เหมือนการค้าผูกขาดที่ขูดรีดราษฎร"
 องค์หญิงต๊อกมานว่า "ข้อนี้ข้าก็รู้อยู่"
 "ถ้าอย่างงั้น"
 องค์หญิงต๊อกมานยังมีสีหน้า สงสัย "แต่ยังมีข้อข้องใจในบางเรื่อง"
 องค์หญิงต๊อกมานเข้าเฝ้าพระเจ้า จินพยอง
 "เจ้าข้องใจหรือ" พระเจ้าจินพยองตรัสถาม
 องค์หญิงต๊อกมาน ทูล "ใช่แล้วเพคะ"
 "อึม คืออะไร"
 "ในสมัยพระเจ้าจินฮึง ก็เคยมีบางช่วงที่สินค้าขาดตลาด แต่ว่า ไม่ถึงขนาดราคาสูงถึงเพียงนี้ และถ้าดูลึกไปอีกที ในสมัยพระเจ้าจินจิ ก็เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีกครั้ง"
 "แต่จะเทียบกับสมัยพระเจ้าจินฮึ งคงไม่ได้ เพราะตอนนั้น ทางการยื่นมือเข้าช่วย เหมือนตื่นมาก็มีความหวังใหม่ ให้ชาวบ้านได้จัดสรรที่ทำกิน มีที่ดินเป็นสัดส่วน แถมลดภาษีให้อีก หลังจากนั้นจึงได้เกิดผลผลิตตามมามากมาย เฮ่อ แต่ว่า ตอนนี้เราคงเอาอย่างไม่ได้ เพราะข้าไม่เอาไหนเอง"
 "ไม่ใช่หรอกเพคะฝ่า บาท สาเหตุเป็นเพราะว่า ชนชั้นปกครองกักตุนสินค้าไว้เก็งกำไร ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง"
 "แต่ว่า การตุนสินค้าไม่ถือว่าผิดกฎหมาย เพราะพวกเขาใช้เงินของตัวเองซื้อไว้ ใครจะพูดอะไรได้ ถ้าพวกเขารับซื้อไว้เยอะ ทำให้ชาวบ้านเกิดภาวะขาดแคลน ทางการก็ต้องบริจาคให้ความช่วยเหลือ ขุนนางก็ต้องเฉือนเนื้อตัวเองเหมือนกัน สิบกว่าปีมานี้ คนที่บริจาคสิ่งของและอาหารช่วยเหลือมากกว่าราชสำนักอีก ส่วนใหญ่ ก็คือมีซิลคนเดียว"
 องค์หญิงต๊อกมานทูลว่า "นี่แหละคือ สิ่งที่หม่อมฉันสงสัยเพคะ ไหนๆ ก็ต้องบริจาคอยู่แล้ว แต่กลับ รับซื้อในราคาสูง เป้าหมายที่นางทำแบบนี้ เพื่ออะไรกันแน่"
000000000000000000

 วัน ต่อมาคิมชุนชูมาพบคิมยูซินแต่ไม่เจอ สักครู่คิมยูซินก็เข้ามาหา
 "คุณชาย มานานแล้วหรือครับ"
 "ใช่ แต่ท่านมาสาย" คิมชุนชูจะต่อว่า
 คิมยูซิ นจึงบอกว่า "องค์หญิงมีรับสั่ง ต่อไปให้เปลี่ยนครูคนใหม่มาสอนท่านแทน"
 "งั้น หรือ ก็ดีเหมือนกัน เพราะท่านเป็นคนตรงเกินไป ไม่รู้จักผ่อนผันให้บ้าง ไม่ค่อยถูกกับนิสัยข้า ว่าแต่ อาจารย์คนใหม่เป็นใครหรือ"
 "ครับ ยืนเฉยทำไม ยังไม่รีบเข้ามาอีก" คิมยูซินเรียก
 พีดัมเข้ามา "ข้าคือครูฝึกคนใหม่ ชื่อพีดัมน่ะครับ"
 คิมชุนชูตกใจ "แต่ แต่ว่าเขา เขา"
 "พีดัมคนนี้ เป็นลูกศิษย์ท่านมุนโน ทุกวันนี้เป็นองครักษ์ของเราด้วย" คิมยูซินกล่าว
 "เดี๋ยวก่อน ท่านยูซิน ข้าว่า เราไปฝึกไอ้นี่ต่อดีมั้ย ข้าชักชอบแล้วสิ อยากจะฝึกกับท่านนานๆ จะได้เก่งกระบี่ ถ้าไง ท่านสอนข้าต่อเถอะนะ หา โอย" คิมชุนชูอ้อนวอนคิมยูซิน
 คิมยูซินไม่สนหันไปทางพีดัม "รบกวนหน่อยนะ"
 พี ดัมว่า "ไม่ต้องห่วงครับ"
 คิมชุนชูกลัว "เดี๋ยว ท่าน อย่าเพิ่งไปสิ"
 พี ดัมบอกกฎเกณฑ์การเรียนกับคิมชุนชูเป็นข้อๆ ถึงห้าข้อ พีดัมกำลังไล่ไปทีละข้อ
 "ข้อที่สาม ห้ามฉีกหนังสือไปทำของเล่นอีก ข้อสี่ ห้ามหนีเรียนไปเที่ยวที่ไหน"
 แค่นี้คิมชุนชูก็ถอนใจ "เฮ่ย"
 "ยัง มีอีก ต่อไปเป็นข้อห้า"
 คิมชุนชูค้าน "เดี๋ยวก่อน ว่าแต่ท่าน ทำไมไม่ให้เกียรติข้าเหมือนคนอื่นล่ะ"
 "หึ ข้าหรือ ขนาดองค์หญิง ข้ายังไม่กลัวเลย ข้อที่ห้า หึ ข้อที่ห้า เฮ่ย ลืมไปซะแล้ว เฮ่ย"
 "หึๆ อ้อ ว่าแต่ ตอนนี้ องค์หญิงกำลังสืบเรื่องสินค้าราคาสูงใช่ไหม"
 "นาง เป็นน้าของท่าน ให้เกียรติหน่อยได้ไหม"
 คิมชุนชูย้อน "ท่านบอกว่าไม่เคยเกรงใจเหมือนกัน"
 "เอ่อ นั่นสิ เฮ่อๆๆ มันก็จริงนะ หึๆๆ นี่"
 "ว่าไง"
 "เรื่องของเรื่อง เพราะมีการกักตุนสินค้า ทำให้ราคาขึ้น"
 "แล้วยังไง"
 "พวกขุนนาง ทำไมต้องทำแบบนี้" พีดัมนิ่งคิด 
 องค์หญิงต๊อกมานไปพบมีซิลและถามคำถามที่ทำให้มีซิลนึกขำ
 "เป็น คำถามที่น่าตลก หม่อมฉันว่า องค์หญิงไม่น่ามาถามเลย"
 องค์หญิงต๊อกมาน ว่า "ใช่ ข้ามานึกดูอีกที มันก็จริงอย่างท่านว่า"
 "แล้วนึกยังไงถึงมา ถามเรื่องนี้กับหม่อมฉัน และจะคาดคั้นให้ได้ด้วย"
 "เปล่า เพียงแต่อยากรู้เท่านั้น และทั่วทั้งชิลลา คนที่จะให้คำตอบได้ ก็มีแต่ท่านเซจูคนเดียว ข้าก็เลย ต้องมาถามท่าน หรือว่า ท่านไม่สะดวกที่จะตอบ งั้นข้าไปก็ได้"
 "อ้อ ไม่ต้องหรอก อยากรู้อะไรก็ถามมา"
 องค์หญิงต๊อกมานถาม "ได้ ในฐานะพ่อค้า ถ้าปีไหนเก็บเกี่ยวดี จะกักตุนสินค้าเอาไว้ จากนั้นก็ขายในราคาสูง เพื่อหวังกำไรส่วนต่างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าปีไหนเกิดภัยแล้ง ทุกคนต้องช่วยกันบริจาคข้าว โดยเฉพาะขุนนางกับชนชั้นสูง ถ้ากักตุนไว้เยอะก็ต้องยิ่งบริจาคมาก ไม่แน่ว่า อาจทำให้ขาดทุนก็เป็นได้"
 "ใช่ เป็นอย่างงั้นจริงๆ"
 "แล้วทำไมยังยอม รับซื้อในราคาสูง เพื่อให้สินค้าขาดแคลน ทำให้ชาวบ้านอยู่ในภาวะลำบากอีก"
 "ทรงคิดว่า ชาวบ้านลำบากเพราะอะไรล่ะ"
 ด้านพีดัมก็ยังคงทำทีถามคิมชุนชูว่า
 "ทำไม พวกขุนนางต้องทำอย่างงั้น"
 คิมชุนชูว่า "ก็ต้องหวังผลประโยชน์อยู่แล้ว ถามได้"
 "คงไม่หรอกมั้ง มันไม่ใช่ของที่มีกำไรมากมาย ถึงกักตุนไปก็เท่านั้น อาจเป็นเพราะว่า เฮ่ย บอกไป ท่านก็ไม่รู้"
 "ถ้า วัดด้วยปริมาณของสินค้า มันก็ไม่ได้คำตอบอยู่แล้ว"
 "หมายความว่าไง"
 "หึ สินค้าเกษตร แร่เหล็ก ทองคำ จำเป็นต้องซื้อขายของพวกนี้ถึงได้กำไรหรือเปล่า"
 ด้านมีซิลก้กล่า วกับองค์หญิงต๊อกมานว่า
 "เพราะอะไรชาวบ้านถึงต้องลำบาก"
 องค์หญิง ต๊อกมานว่า "เพราะสินค้าเกษตรมีราคาสูง ทำให้พวกเขาไม่มีปัญญาซื้อ เป็นเหตุให้ยิ่งยากจนมากขึ้น"
 "ถ้าอย่างงั้น คนที่ยิ่งลำบากและยากจน จะทำไงต่อไป"
 องค์หญิงต๊อกมานรีบถาม "หา ทำไงหรือ หึ ทำไงล่ะ"
 "เกษตรกร ของเรา มีทั้งเช่าที่นา และทำนาในที่ของตัวเอง แล้วเราจะแบ่งคนพวกนี้ยังไงดี"
0000000000000000

 องค์หญิงต๊อก มานรีบกลับไปหาข้อมูล คิมยูซินเห็นก็แปลกใจ
 "องค์หญิง ทรงหาอะไรหรือพะยะค่ะ"
 "หา ใช่เรื่องนี้จริงๆ หึ เพราะสาเหตุนี้แหละ หึ ในปี "ฮยองนึน" สมัยพระเจ้าจินจิปีที่สอง และปีที่สามในเดือน 7 "คอนบก" ปีที่สอง ปีที่ 13 ปีที่ 28 เฮ่อ ทุกครั้งที่เกิดภัยแล้ง ที่ดินและบ่าวไพร่ของชนชั้นสูงก็จะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว"
 "เพราะ เจ้าของที่นาสิ้นเนื้อประดาตัว?"
 องค์หญิงต๊อกมานว่า "เพราะสาเหตุนี้แหละ"
 "ถ้าอย่างงั้น สินค้าเกษตรที่พวกเขารับซื้อก็เพื่อ"
 องค์หญิงต๊อกมานว่า "ใช่ เพื่อจะขูดรีดชาวบ้านอีกที"
 "หึ ถ้าขึ้นราคาแล้วไม่มีปัญญาซื้อ ก็ต้องแลกด้วยที่ดิน จากเจ้าของที่ก็จะกลายเป็นคนเช่าแทน"
 "ส่วนพวกที่ เช่าทำนาอยู่แล้ว ก็ต้องยอมขายตัวเป็นทาส"
 "ใช่ นับแต่สมัยพระเจ้าจินจิ พอฝนแล้งทีไร ขุนนางก็เริ่มบีบคั้นพวกเจ้าของที่ เพื่อยึดมาเป็นของตัวเองซะ แถมยังเพิ่มภาษีอีกต่างหาก ในขณะที่ ภาษีที่ขุนนางต้องจ่ายกลับน้อยลงไป"
 องค์หญิงต๊อกมานกล่าวต่อ "จากนั้น ก็เอาสินค้าที่ตัวเองตุนไว้ ทำทีว่าบริจาคเพื่อช่วยชาวบ้านที่ยากไร้ อ้างว่าเห็นใจราษฎร เป็นการเรียกคะแนนนิยม"
 "แต่ว่า องค์หญิงทรงทราบได้ยังไง"
 "หึ ทั้งหมดนี้ ข้าได้ความรู้มาจากมีซิลทั้งนั้น" คิมยูซินฟังแล้วอึ้งไป
 ด้านมีซิลก็นำ เรื่องนี้ไปเล่าให้ทุกคนฟัง
 ฮาจองอึ้ง "อะไรนะครับ องค์หญิงต๊อกมานน่ะหรือ"
 เฮจองถามต่อ "แล้วยังไง เจ้าเลยสอนนางงั้นหรือ"
 "ไม่ได้ให้คำตอบตรงๆ แต่ตั้งคำถามให้ไปคิด"
 "กลัว แต่ว่าคำถามนี่แหละ จะเป็นการชี้นำอะไรหรือเปล่า"
 มีซิลว่า "ต่อให้นางรู้ที่มาที่ไปของปัญหา แล้วจะทำอะไรพวกเราได้"
 "นั่นสิครับ เราใช้เงินตัวเองซื้อของเข้ามา ใครจะมาห้ามได้"
 "นี่ พี่ใหญ่ ท่านคงไม่ใช่กลัวว่าองค์หญิงจะทำอะไรบางอย่าง เลยแกล้งสอนนางให้ตาสว่างขึ้นหรอกนะ หือ"
 ด้านคิมยูซินก็กล่าวกับองค์ หญิงต๊อกมานว่า
 "แต่ว่า เราก็ไม่อาจขัดขวางพวกเขาได้ เพราะใช้เงินตัวเองซื้อของ ถือว่าไม่ผิด ถ้าเป็นการโก่งราคา ก็ต้องออกกฎหมายเพื่อควบคุม แต่เรื่องนี้ต้องผ่านสภาขุนนาง ซึ่งพวกเขาคงไม่เห็นชอบอยู่แล้ว"
 องค์หญิงต๊อกมานว่า "หึ ใช่ ออกเป็นกฎหมายไม่ได้หรอก เมื่อเป็นการค้า ก็ต้องใช้วิธีของพ่อค้า ข้าโตมาจากแหล่งซื้อขายที่ทะเลทราย นั่นเป็นที่ๆ พ่อค้าระดับหัวกระทิของชาติต่างๆ ไปรวมตัว การค้าในชิลลาแม้จะรุ่งเรืองก็จริง แต่ยังเทียบที่นั่นไม่ได้ เพราะฉะนั้น ข้าจะลองวัดดวงกับพวกเขาดู"
 เวลานั้นพระเจ้าจินพยองก็ปรึกษากับพระมเหสี มายา คิมซอยอน องค์หญิงมานมยอง ยองซุน พร้อมด้วยองค์หญิงต๊อกมาน
 "แต่ ยังไง เราก็ไม่มีทางห้ามพวกขุนนางไม่ให้กว้านซื้อสินค้า"
 "พะยะค่ะ ใช้เงินตัวเองไปซื้อของ ใครก็ไม่มีสิทธิ์ห้าม"
 "ที่สำคัญ เป็นความเคยชินที่ปฏิบัติมาช้านานแล้วด้วย"
 องค์หญิงต๊อกมานว่า "ถ้าใช้ผลผลิตในคลังเสบียงก็จะแก้ได้"
 "เสบียงของหลวงหรือพะยะค่ะ"
 "เจ้า มีแผนจะต่อกรกับพวกเขาได้หรือ" พระมเหสีมายาตรัสถาม
 องค์หญิงต๊อกมานว่า "ฝ่าบาท เรื่องนี้ ทรงให้หม่อมฉันจัดการได้ไหม ไม่ว่ามองในระยะยาว หรือระยะสั้น วิธีนี้ก็น่าจะได้ผล"
 ยองชุนว่า "ต้องมีเสียงคัดค้านอย่างหนักแน่ องค์หญิง เพราะแม้แต่หม่อมฉันก็ซื้อไว้เหมือนกัน แต่ไม่ใช่เพื่อหวังเก็งกำไร เพียงแต่ห่วงว่าขุนนางอื่นจะไม่ยินยอม"
 "หรือไม่งั้น ก็ให้พวกเขาบริจาคตอนนี้ดีมั้ยพะยะค่ะ"
 องค์หญิงต๊อกมานว่า "แม้ว่าทุกปีเราจะมีบริจาค แต่ก็ไม่อาจช่วยชาวบ้านที่ถูกขุนนางเอารัดเอาเปรียบ ถึงขนาดเสียที่ทำกินได้เพียงพอ ข้าจึงอยากให้พวกท่าน ช่วยเหลือซักครั้ง"
 "แต่ ว่า ทางการไม่อาจไปแทรกแซงกลไกทางตลาด อาจจะต้องมีตัวแทนขึ้นมาซักคน"
 องค์ หญิงต๊อกมานกล่าวอย่างมั่นใจ "หึ ใช่ เป็นตัวแทนที่ไว้ใจได้ด้วย"
 พีดัม ไปพบยอจงและสั่งว่ามีเรื่องให้ช่วย และสั่งให้เรียกลูกน้องของยอจงมาให้หมด จากนั้นไปตามพ่อค้ามาพบ
 ยอจงบอกกับพ่อค้าว่ามีข้าว 200 กระสอบ พ่อค้าตาโต
 "ทุกวันนี้ จะหาซักสิบกระสอบก็ยังยาก เพราะถูกแย่งไปหมด แต่ท่านมีตั้ง 200 กระสอบเชียวหรือนี่ ถามจริง ของตั้งเยอะขนาดนี้ ไปเอามาจากไหนน่ะ"
 ยอจงว่า "เรื่องนี้ไม่ต้องรู้หรอก ว่าแต่จะได้ค่าตอบแทนซัก 2 พันตำลึงได้ไหม"
 "แน่นอน"
 "งั้นวันหลัง จะส่งมาเยอะกว่านี้" ยอจงว่า
 "จริงหรือ ได้ก็ดีน่ะสิ พวกขุนนางกว้านซื้อยังกะอะไร เท่าไหร่ไม่อั้น เราจะรวยก็คราวนี้แหละ เฮ่อๆๆ"
 ยอจงไปส่งเสบียงให้พ่อค้าอีกคน ได้เงิน 5 พันตำลึง
 พวกเซ จองรู้เรื่องราคาสินค้าที่สูงก็ดีใจ โดยเฉพาะฮาจอง
 "เฮ่ย สินค้าราคายิ่งสูงก็ยิ่งดี ที่สบายก็คือพวกเรา เฮ่อๆๆ"
 เซจองว่า "ยิ่งมีข่าวลือว่าของจะขาดตลาด ราคาก็ยิ่งสูงขึ้น"
 ฮาจองเห็นด้วย "ใช่ เฮ่อๆๆ"
 ซกพุงเข้ามา "ใต้เท้าเซจองอยู่มั้ยครับ"
 "เข้ามาซิ มีธุระอะไร"
 "การค้าในตลาด เกิดเหตุไม่ปกติครับ" ซกพุงกล่าวอย่างวิตก
 ฮา จองรีบบอก "โธ่เอ๊ย เรารู้ตั้งนานแล้ว สินค้าขึ้นราคาวันต่อวันจนยั้งไม่อยู่ เป็นอย่างงั้นใช่ไหม"
 องครักษ์ ว่า "ไม่ใช่ครับท่าน แต่กลายเป็นว่าปริมาณสินค้ามีมากขึ้นต่างหาก"
 ซก พุงกล่าวอย่างวิตกอีกว่า "เหมือนจะไม่ชอบมาพากล เราก็เลย มาถามว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า"
 "นั่นสิครับ พ่อข้าก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น หรือว่า ทางการจะเปิดยุ้งฉางแจกเสบียงหรือเปล่า"
 เซจองว่า "ถ้าทางการจะแจกเสบียงจริง ขุนนางอย่างข้าจะไม่รู้ได้ไง อยู่ดีๆ จะเอาอะไรไปแจกชาวบ้าน"
 ฮาจองกล่าวต่อ "อีกอย่าง ต่อให้ทางการแจกเสบียงให้ชาวบ้านจริง แล้วจะไปอยู่ในตลาดได้ไง ไม่มีทางซะล่ะ เป็นไปไม่ได้"
 "เรายังไม่มีโครงการจะแจกเสบียง พวกเจ้าอย่าห่วงเลย ออกไปก่อนเถอะ"
 "แต่ว่า ระยะนี้รู้สึกสินค้าจะเพิ่มขึ้นจริงๆ นะครับ แม้ว่า เราจะยอมจ่ายให้ราคาสูงก็ตาม ซี้ด ขนาดเมื่อวานนี้ ยังมาถามข้าว่าข้าวขึ้นราคาอีก กระสอบละ 30 ตำลึงจะรับซื้อหรือเปล่า"
 เซ จองพยักหน้า "อึ้ม มันก็แพงขึ้นจริงๆ น่ะนะ เทียบกับหลายวันก่อน ราคาขึ้นตั้งสองเท่าเชียว"
 ฮาจองว่า "ถึงอย่างงั้น เราก็ต้องรับซื้ออีกไม่ใช่หรือครับ"
00000000000000000

 พีดัมกลับ มาองค์หญิงต๊อกมานรีบถามว่า
 "งานที่ข้าสั่งเป็นไงบ้าง"
 "ตอนนี้เรา มีอยู่ 1 พันกระสอบ กะว่าจะปล่อยจำนวนนี้ออกไปให้หมด"
 "แต่จนวันนี้ ราคาข้าวยังไม่เห็นจะลดลงเลย" คิมยูซินว่า
 ไอชองบ่น "พวกขุนนาง เมื่อไหร่จะหยุดการรับซื้อก็ไม่รู้"
 องค์หญิงต๊อกมานว่า "ถ้าเพียงแค่จะแทรกแซงกลไก ป่านนี้ก็น่าจะหยุดได้แล้ว แต่ว่า เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขา คือยึดที่ทำกินของชาวบ้าน เลยต้องรับซื้อต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันที่พวกเขาตาสว่าง ว่ารับซื้อมากไป แถมราคาที่ซื้อเข้าก็สูงเกินไปด้วย"
 คิมยูซินถูกมีซิ ลตามตัวไปพบ
 "ท่านเซจู เรียกหาข้าหรือครับ" คิมยูซินถาม
 ฮาจองตอบ ว่า "ใช่ เรามีเรื่องจะถามเจ้าหน่อย ซี้ด คงไม่ใช่องค์หญิง เอาเสบียงที่อยู่ในยุ้งฉางของหลวง ไปขายข้างนอกหรอกนะ เพราะจู่ๆ สินค้าเกษตรก็มีมากขึ้นน่ะ"
 "ใช่ เนื่องจากสินค้าเกษตรมีราคาขึ้นสูง องค์หญิงจึงคิดว่าถ้าปล่อยเสบียงที่อยู่ในยุ้งฉางออกไป ไม่แน่อาจช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้นก็ได้"
 ซอวอนว่า "นี่แปลว่าราชสำนักจะทำการค้าด้วยหรือไง มันผิดธรรมเนียมนะ"
 ขณะที่ซก พุงก็กล่าวกับพวกองครักษ์ว่า
 "เปิดยุ้งฉาง เอาเสบียงไปขายงั้นหรือ"
 "ได้ ยินว่าทางการจะขายให้หมดด้วยซ้ำ เชอะ"
 "ถ้าอย่างงั้น ราคาสินค้ามิต้องตกฮวบหรอกหรือ เห็นทีข้าต้องกลับไปบอกพ่อ ให้รู้ ว่าของที่ตุนไว้ ไปขายให้หมดดีกว่า"
 "ถ้าเราขายอีก ราคาก็จะยิ่งตกมากขึ้น"
 "นั่นสิ เราต้องเก็บไว้ก่อน ไม่งั้นมีหวังขาดทุนป่นปี้แน่"
 "ใครที่พอมีฐานะทางการเงินยังพอไหว แต่อย่างพวกเรา ถ้าตุนสินค้าไว้แล้วขายไม่ออก ดีไม่ดีตัวเองต้องขายที่ใช้หนี้ด้วยซ้ำ"
 "นั่นสิ ที่ข้ายอมลงทุนก็เพื่อหวังที่ในเขต "ยองจิน" จะมาเป็นของข้า แต่ตอนนี้ กลับยิ่งเสียหายมากกว่า รีบไปดูเร็วเข้า"
 คิมยูซินกล่าวกับองค์หญิงต๊อก มานกับไอชองว่า
 "พวกที่ตุนสินค้า เริ่มมีการปล่อยออกบ้างแล้ว"
 "ใช่ ทำให้ราคาในตลาด ค่อยๆ ลดลงทีละนิด"
 องค์หญิงต๊อกมานดีใจ "หึ งั้นก็ดีมาก เจ้ากับท่านซอยอน ไปดำเนินการขั้นต่อไป"
 พีดัมรับคำ "พะยะค่ะ"
 องค์หญิงต๊อกมานกล่าวต่อ "ส่วนข้าเอง ก็มีสิ่งที่ต้องทำเหมือนกัน"
 องค์หญิงต๊อกมานเรียกประชุมเรื่องราคา สินค้ากับเหล่าขุนนาง
 "วันนี้ข้าเป็นตัวแทนฝ่าบาท มาประชุมเรื่องราคาสินค้า ที่ค่อนข้างผันผวนในระยะนี้ ใครมีความเห็นยังไง ก็เชิญพูดมาได้"
 เซจองว่า "องค์หญิง ไม่ทราบว่า ได้มีพระบัญชา ให้เปิดยุ้งฉางจริงหรือพะยะค่ะ"
 องค์หญิงต๊อกมานยอมรับ "ใช่"
 ฮาจอง ว่า "ไม่ใช่เพื่อแจกเสบียงให้ชาวบ้าน แต่เอาเสบียงของหลวงไปขายหรือพะยะค่ะ"
 มี ซิลกล่าวต่อ "สินค้าราคาขึ้นสูง ก็ต้องปล่อยออกให้มากขึ้น ช่างน่าผิดหวังจริงๆ เป็นความคิดที่ไร้เดียงสาเกินไป"
 ซอวอนว่า "ราชสำนักจะทำการค้ากับชาวบ้านได้ยังไง เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้หรือ"
 เซ จองว่า "เสบียงที่เก็บไว้ เพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน เผื่อปีไหนเกิดภัยแล้ง จะได้นำออกแจกจ่าย แต่นี่องค์หญิง กลับทรงนำไปขายซะ"
 องค์หญิงต๊อก มานบอกทุกคนว่า "ข้ายังมีวิธีอื่น ที่จะรับซื้อเสบียงกลับมาอีก ใช่ การค้าก็คือการค้า พักก่อน เราขายออกไปในราคาสูง แต่ตอนนี้ราคาลดลง เราก็กว้านซื้อกลับมาซะ ทำแบบนี้ เท่ากับทางการได้ขึ้นทั้งล่อง ที่สำคัญ เมื่อสินค้าในตลาดมีจำนวนมากขึ้น"
 "ราคาก็จะลดลง การค้าก็จะเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ว่า ถ้าคนที่กักตุนไว้ รวมมือกันไม่ยอมปล่อยสินค้าล่ะ ถึงตอนนั้น องค์หญิงจะทรงแก้ยังไง" มีซิลถาม
 องค์ หญิงต๊อกมานบอกว่า "ทนกันได้ไม่นานหรอก ยังมีเสบียงกองทัพ ก็เตรียมปล่อยออกเพื่อช่วยชาวบ้านอีกระลอก ตอนนี้ ท่านซอยอนกำลังดำเนินการอยู่"
 เซจองว่า "จะปล่อยเสบียงกองทัพหรือ เรื่องแค่นี้ไม่เป็นจะต้อง"
 มีซิลกล่าวเสริม "เพราะสินค้ามีราคาสูง จึงต้องปล่อยเสบียงที่ทางการเก็บเอาไว้ ทรงคิดว่าทำแบบนี้ จะเป็นการแก้ปัญหาได้หรือ"
 "ไม่แน่ว่า ถ้าไปยุ่งกับเสบียงของกองทัพ อาจมีคนต่อต้านก็ได้"
 องค์หญิงต๊อกมานกล่าวว่า "การที่ราคาผันผวน เพียงเพราะสินค้าขาดตลาดอย่างเดียวหรือเปล่า ไม่ใช่เป็นเพราะว่า เหล่าขุนนางต้องการยึดที่ทำกินของชาวบ้านหรอกหรือ ข้าน่ะ ไม่คิดทำการค้าเพื่อจะเอาเปรียบราษฎร เพื่ออยากค้าขายกับขุนนางที่เห็นแก่ได้มากกว่า"
 ซอวอนค้าน "แต่เสบียงของกองทัพต้องสำรองไว้เพื่อการทำศึก เรื่องนี้ องค์หญิงจะทรงรับผิดชอบได้หรือ เกิดวันดีคืนดีแคว้นแผ่กเจมารุกรานเรา"
 องค์ หญิงต๊อกมานว่า "จริงๆ แล้ว จะปล่อยออกก็ได้ หรือไม่ปล่อยก็ได้เหมือนกัน"
 มี ซิลไม่พอใจ "อะไรนะ ไม่ปล่อยก็ได้หรือ"
 "ใช่ สำคัญอยู่ที่การปล่อยข่าวมากกว่า"
 ฮาจองอึ้ง "การปล่อยข่าวงั้นหรือ"
 องค์ หญิงต๊อกมานว่า "สินค้าราคาพุ่งสูงได้ยังไง จริงๆ แล้วเพราะคนกลัวว่าจะขาดตลาด เกิดภาวะขาดแคลนสินค้า จึงรีบไปกว้านซื้อราวกับคนเสียสติ เหตุผลก็เช่นเดียวกัน ความจริงเราไม่ต้องปล่อยขายก็ได้ แค่บอกว่าจะปล่อยเสบียงของกองทัพออกไป ทีนี้คนที่กักตุนสินค้าไว้ ก็จะเทขายแทบไม่ทัน จากนั้น ราคาสินค้าก็จะลดลงเอง"
 มีซิลย้อนว่า "แต่ว่า ถ้าขุนนางไม่ปล่อยสินค้า ไม่ยอมให้ราคาลงล่ะ"
 "จะเอาอย่างงั้นก็ได้ เรามาลองดูซักตั้ง กล้ามั้ยล่ะ ถึงตอนนั้น ของที่พวกท่านรับซื้อไว้ ราคาจะตกกว่านี้อีกเท่าตัว" องค์หญิงต๊อกมานท้าทาย

จบ 38






เครดิต : oknation.net/blog/lakorn







   
 
ความคิดเห็น


.: ต้องการแสดงความคิดเห็น กรุณาบันทึกความคิดเห็นของคุณลงบนแบบฟอร์มข้างล่างนี้ ขอบคุณค่ะ :.

ละครปัจจุบันตอนล่าสุด
(ตอนอื่น ๆ)
ตอนที่ 37 - 38
ละครที่ฉายอยู่ปัจจุบัน
จามอง ยอดหญิงผู้พิทักษ์แผ่นดิน (3)
ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน (15)
ร่วมแสดงความคิดเห็น
* ชื่อ :  
   
อีเมล์ :  
   
* รายละเอียด  
 

ใส่ข้อมูลได้อีก ตัวอักษร
 
* ใส่ค่าตามภาพ  
 
 
 
SABUYJAISHOP ผู้ให้บริการทางการตลาดออนไลน์ สำหรับร้านค้าหรือผู้ประกอบการ ที่ต้องการนำเสนอสินค้า โฆษณา ประชาสัมพันธ์ร้านค้า หรือสินค้าในร้าน โดยเรามีเครื่องมือที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเปิดร้านค้า โฆษณาสินค้า และระบบการสั่งซื้อสินค้าไว้พร้อมสรรพแล้ว สำหรับผู้ที่ต้องการช่องทางในการทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์