แหล่ง shopping
   สินค้าจากร้านค้า
Lovely : Seecon ดำ E18
ดูขนาดรูปภาพจริง
Real Hair 4 กล่อง (เรียวแฮร์ เซรั่มปลูกคิ้ว หนวด เครา จอน)
ดูขนาดรูปภาพจริง
ตุ๊กตาอัดเสียง Doraemon 10 นิ้ว
ดูขนาดรูปภาพจริง
เตียงฉุกเฉิน ติดรถพยาบาล,วัคซีนและยาคุมกำเนิดหมาและแมว,ถังขยะ,ถังดับเพลิง
ดูขนาดรูปภาพจริง
สกรีนฟอยด์
ดูขนาดรูปภาพจริง
สเปรย์เคลือบแก้วกราฟีน ROCKZ G HYBRID SET D เงาสุดขีด+กันน้ำ
ดูขนาดรูปภาพจริง
Joy Stick T.Flight Stick X C0071 280959
ดูขนาดรูปภาพจริง
เครื่องซักผ้า SIEMENS WM16W640EUTH 9KG 1600RPM
ดูขนาดรูปภาพจริง
เครื่องสแกนลายนิ้วมือ ZK U260-C
ดูขนาดรูปภาพจริง
แฮนด์ลิฟท์ ราคาถูก
ดูขนาดรูปภาพจริง
RJK SNAIL Natural Day Cream SPF20 PA+++ 5 ml. ครีมบำรุงเมือกหอยทาก
ดูขนาดรูปภาพจริง
Skin Biology Super Cop 2X Set (2 Items) เซ็ต
ดูขนาดรูปภาพจริง
Olympus City Garden (โอลิมปุส ซิตี้ การ์เด้น)
ดูขนาดรูปภาพจริง
ตัวอย่างสินค้าของลูกค้า ทำบัตรพื้นใส
ดูขนาดรูปภาพจริง
เครื่องไล่นกระบบไฟฟ้า BIRD PROTECT
ดูขนาดรูปภาพจริง
Real Hair : Natural Hair Spray 50ml. 2 กล่อง(เรียวแฮร์เนเชอรัลสเปรย์)
ดูขนาดรูปภาพจริง
Remax Proda Power bank แบตสำรอง 30000 mAh 4USB+ของแถม3รายการ ซอง-สายชาร์ต-หัวชารต
ดูขนาดรูปภาพจริง
ตู้จดหมายฝังกำแพง
ดูขนาดรูปภาพจริง
ลำโพง บลูทูธ Bluetooth Speaker มีไฟเธคกระพริบ HPT208
ดูขนาดรูปภาพจริง
บัตรพลาสติกโปร่งแสง การ์ดพีวีซีโปร่งใส โฟโต้การ์ดใส
ดูขนาดรูปภาพจริง
Beautelush Essential Facial Set (Day + Night)
ดูขนาดรูปภาพจริง
Lifeford อายไลเนอร์ Lifeford Paris Eyeliner Hi-Precise Eye Pen
ดูขนาดรูปภาพจริง
เทคโนโลยีลดเวลาการขนถ่ายสารเคมีข้นหนืดในกระบวนการสูบส่ง
ดูขนาดรูปภาพจริง
Skin Biology Super CP Serum Set (2 Items) เซ็ต
ดูขนาดรูปภาพจริง
โปรแกรมร้านอาหาร บน android, โปรแกรมร้านอาหาร บน Smart Phone, โปรแกรมร้านอาหาร บน iPad, โปรแกรมร้านอาหาร บน iPhone, โปรแกรมร้านอาหาร รองรับ PDA, โปรแกรมร้านอาหาร รองรับ Android, โปรแกรมขายอาหารออนไลน
ดูขนาดรูปภาพจริง
 
เรื่องย่อละคร ตามบทโทรทัศน์
 

มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน [ ตอนที่ 3 - 4 ]

 

จำนวนคนเข้าชม : 378 ครั้ง            update : 17/7/2009

   
   
 

มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน 3
 พระราชายูริทรงฝันร้ายถึงเรื่องราวต่างๆ ทรงตกใจตื่น
 "เราจะใช้เลือดของเขา ระงับความโกรธของสวรรค์เบื้องบน ข้าจะลงมือ เอาเลือดของลูกชายข้า ลบล้างอาเพททั้งหลายที่เกิด จงพาเขาไปเมือง "โชบุน" เลี้ยงอย่างคนธรรมดาสามัญ ถือว่าได้ตายจากญาติพี่น้องไปหมดสิ้น และชื่อของเขา ให้ชื่อว่า "มูยุล" แปลว่าไม่มีเลือดเนื้อและจิตวิญญาณ"
 คนร้ายทำร้ายมูยุล และขู่เฮยาว่าถ้าไม่บอกว่าสุสานจูมงอยู่ที่ไหนจะฆ่ามูยุลก่อน
 "สุสานจูมงอยู่ไหน"
 "สุสานของอดีตพระราชา เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หน้าไหนกล้าย่ำยี มันจะไม่ได้ตายดี"
 "เป็นหรือตายเป็นเรื่องของข้า เจ้าแค่พาข้าไปถึงที่ก็พอ"
 เฮยาจำต้องพาไป เพราะไม่ใช่นั้นมูยุลอาการแย่มาก พอถึงที่หมาย หัวหน้าคนร้ายก็สั่งลูกน้องว่า
 "เข้าไปในสุสาน ข้างในจะมีกระบี่เล่มหนึ่ง ไปเอามาให้ข้า"
 พวกคนร้ายเข้าไปกันหลายคน แต่กลับออกมาคนเดียว
 "เกิดอะไรขึ้น"
 เฮยาจึงบอกว่า "ข้าเคยเตือนแล้วนี่นา ถ้าใครคิดย่ำยี มันจะไม่ตายดี"
 "โอ๊ะ ข้างใน มีค่ายกล พวกเราตายหมดเลยครับ" พูดจบก็ตาย
 "เจ้าต้องเข้าไปเองแล้ว" คนร้ายสั่งเฮยา
 "ไม่มีประโยชน์หรอก ข้าเข้าไป ก็จะฆ่าตัวตายต่อหน้าแท่นบูชา"
 "แต่ถ้าไม่เข้าไปเดี๋ยวนี้ ข้าจะตัดหัวเจ้าก่อน"
 มูยุลว่า "เดี๋ยวก่อน หึ ข้าเข้าไปเอง จะเอากระบี่มาให้ท่าน"
 เฮยาตกใจ "มูยุล"
 "ไม่ต้องห่วง ข้าจะเข้าไปเอง"
 "เจ้าคิดง่ายเกินไป ถ้าใครกล้าล่วงเกิน สุสานของอดีตพระราชา งั้นก็สู้ ตายอยู่ตรงนี้ดีกว่า"
 "คนตายไปแล้วยังจะถือกฎอะไรอีก ข้าอยู่ในถ้ำนี้ตั้งแต่เด็ก เรื่องอะไรจะยอมตายในที่นี้ ข้าต้องอยู่ต่อไป มีชีวิตอยู่ ถึงสามารถช่วยท่านได้ หึ"
 เฮยาร้องไห้ "มูยุลๆ ฮือๆๆๆ"
 มูยุลนึกถึงสมัยเด็กที่เขากับมาโนเข้ามาเจอชายแก่คนหนึ่ง มูยุลถามว่า
 "ท่านปู่มาทำอะไรที่นี่ครับ"
 "ข้าหรือ เฮ่อๆๆ ข้ามีหน้าที่ คอยเฝ้าสุสานของพระราชาจูมง หึๆๆ"
 "เมื่อกี้เห็นท่านทำอะไรอยู่ครับ"
 "แหะๆๆ อยากรู้มากหรือไง แหะๆๆ ดูให้ดีล่ะ เฮ่อๆๆ อึ้บ"
 มูยุลดูอย่างตื่นตาตื่นใจ "โห"
 "เฮ่อๆๆ พวกนี้เขาเรียกว่าค่ายกล ค่ายกลที่ข้าสร้างขึ้น แม้แต่ "แฮวา" ก็ไม่มีทางทำลาย  เฮ่อๆๆ"
 "แฮวา เป็นใครหรือครับ"
 "สมัยก่อนนานมา เป็นขุนนางคนหนึ่งของพระราชา "ทัมกุง" ลือกันว่าเชี่ยวชาญเรื่องค่ายกลเป็นที่หนึ่ง เฮ่อๆๆ"
 มูยุลเข้าไปในสุสานนานแล้ว คนร้ายจึงหันมา คิดจัดการกับเฮยา โชคดีที่มาโนพาองค์ชายแฮเมียงมาช่วยไว้ทัน และจัดการกับคนร้าย
 มาโนถามเฮยา "เป็นไงบ้างครับ"
 องค์ชายแฮเมียงเข้ามาดูเฮยา "หึ เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม"
 "ไม่เป็นไร"
 มาโนถาม "มูยุลล่ะครับ ตอนนี้เขาอยู่ไหน"
 "เด็กคนนั้น เกิดอะไรขึ้นหรือไง"
 เวลานั้นมูยุลบาดเจ็บหนัก องค์ชายแฮเมียงมองเข้าไปในสุสานและกล่าวว่า
 "ข้างในนั้น เต็มไปด้วยค่ายกลสารพัด น่ากลัวมากไม่ใช่หรือ"
 มาโนอึ้ง "งั้น มูยุลจะเป็นไงบ้างครับ มูยุล เขาจะตายหรือเปล่า"
 เฮยามองแฮเมียง "องค์ชาย"
 "ข้าจะไปดูให้เห็นกับตา ว่าเด็กคนนั้นเป็นหรือตายแน่ หลีกไป หึ"
 แต่แล้วมูยุลก็นำกระบี่ออกมาได้ ทุกคนอึ้งและร้องเรียกมูยุล
 แม่ทัพเข้ามารายงานองค์ชายแฮเมียงว่า
 "ค้นตัวคนร้าย เจอของสิ่งนี้พะยะค่ะ"
 องค์ชายแฮดมกลิ่น แม่ทัพกล่าวต่อว่า
 "เรียกว่าผงปลิดชีพ ถ้าใครทำงานล้มเหลว กินเข้าไปจะตายทันที อีกอย่าง เสื้อผ้าที่พวกเขาใส่เป็นชุดหนังแกะ แสดงว่า น่าจะเป็นทหารของแคว้นพูยอ ที่ใส่ในยามหน้าหนาวเท่านั้น ดูจากรูปการณ์ น่าจะมาด้วยคำสั่งอ๋องเทโซเป็นแน่"
 แคว้นพูยอ แชบูทูลพระราชาเทโซว่า
 "นี่คือองครักษ์ที่เพิ่งรับมาใหม่พะยะค่ะ"
 "เลือกคนที่เก่งที่สุดมาประลองกับข้าหน่อย เพราะต่อไปชีวิตข้าจะขึ้นกับพวกเขา ยังไงก็ควรมีอะไรดีบ้างไม่ใช่หรือ ข้าจะทดสอบด้วยตัวเอง"
 ทังโนทูล "เฮ่อๆ ฝ่าบาท งั้นคงต้องเตรียมตัวหน่อย เพราะองครักษ์ชุดนี้ ไม่ใช่ปราบได้ง่ายๆ"
 "ถ้าข้าเป็นฝ่ายชนะล่ะ"
 "หม่อมฉันจะถวายทาสร้อยคนให้ฝ่าบาทดีมั้ย"
 "ก็ดี ถ้าข้าเป็นฝ่ายแพ้ ก็มอบทาสร้อยคนให้ท่านเหมือนกัน งั้นก็เลือกคนเก่งมาให้ข้าเร็วๆ"
 "ฝ่าบาท พวกเขาล้วนผ่านการคัดเลือกจากทหารที่มากประสบการณ์ และต้องฝึกซ้อมอย่างหนักจนมีวันนี้ เกิดทำร้ายฝ่าบาทเข้า"
 "เฮ่อๆๆ ยิ่งใครมาสบประมาทว่าข้าแก่ก็ยิ่งต้องขอลองดู เฮ่อๆๆ เลือกมาซักคนเร็วเข้า"
 เมื่อได้คนประลอง พระราชาเทโซตรัสว่า
 "สัญญาระหว่างเราก็คือ ถ้าเจ้าสามารถชนะข้าได้ จะให้เป็นหัวหน้าองครักษ์ แต่ถ้าแพ้ละก้อ ข้าอาจสั่งประหารเจ้าก็ได้"
 ปรากฏว่าทหารคนนั้นล้มพระราชาเทโซได้ ทรงแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าองครักษ์ และยังมอบทาสให้ทังโนอีกร้อยคน พร้อมตรัสว่า
 "แต่ข้ามีงานสำคัญอย่างหนึ่งอยากให้ท่านช่วยหน่อย"
 "เชิญรับสั่งมาได้"
 "ไปดูความเคลื่อนไหวของทหารตามชายแดนและประเมินสถานการณ์ด้วย"
 "หม่อมฉัน น้อมรับพระบัญชา"
 ขุนนางเข้ามาทูลว่าหัวหน้ากลุ่มนักรบทมิฬกลับมาแล้ว พระราชาเทโซรีบออกไปสอบถามผลงาน พอทราบว่าล้มเหลวก็ทรงโกรธมาก
 แชบูรีบเตือน "ฝ่าบาทอย่าทรงกริ้วเลย"
 "เราใช้เวลาเป็นสิบปีในการหาสุสานของจูมง เพื่อกระบี่เล่มเดียว ข้าต้องทุ่มเทขนาดไหน แล้วมาบอกว่าล้มเหลวงั้นหรือ กว่าจะฝึกนักรบทมิฬขึ้นมา ข้าต้องเสียอะไรไปบ้าง แล้วจู่ๆ ก็ตายหมดซะอย่างงั้น หึ ถ้าไม่สามารถหากระบี่ให้พบ ข้ากับโกคูรยอ จะต้องเปิดศึกในเร็ววันนี้ หึ"
000000000000
 ทางด้านพระราชายูริ คูชูนำธนูขึ้นมาถวายให้ทอดพระเนตร
 "ธนูคันนี้ ทำจากไม้ "ถานมู่" จึงยิงได้ไกลกว่าปกติถึง 4 เท่า"
 "ถ้าจะผลิตเพิ่มขึ้นแล้วส่งให้ทหารใช้ ต้องใช้เวลาแค่ไหน"
 "ปัญหาอยู่ที่เวลาในการผลิต ถึงเร่งยังไงก็ต้องใช้เวลาถึง 2 ปีพะยะค่ะ"
 "ยอจิน"
 "พะยะค่ะ"
 "ไปเอากระบี่มาซิ ข้าอยากดูว่าเพลงกระบี่เจ้าก้าวหน้าถึงไหน ตั้งใจฝึกหรือเปล่า เอากระบี่ของเจ้ามาเร็ว"
 พระมเหสีมียู พระมเหสีองค์ใหม่ทรงดุ "ยืนเฉยทำไม ไปเอามาสิ"
 องค์ชายยอจินทูลว่า "วันนี้ หม่อมฉันไม่ได้พกกระบี่ ที่ทรงประทานมาด้วย"
 "ไม่ได้เอามาหรือ อย่าบอกนะว่าทำหายน่ะ"
 "หม่อมฉัน ไม่ชอบเรื่องการต่อสู้ รู้ดีว่าไม่มีพรสวรรค์ ฉะนั้น จึงเอากระบี่ที่ทรงประทาน ไปมอบให้ช่างฝีมือคนหนึ่ง เพื่อแลกกับสิ่งที่หม่อมฉันต้องการ"
 พระราชายูริทรงโกรธ "เป็นถึงองค์ชายแท้ๆ กลับไม่เห็นความสำคัญของกระบี่ ข้าเคยสั่งไว้ ต้องเก็บรักษาให้ดีไม่ใช่หรือ ของที่เอากระบี่ไปแลก มันคืออะไรบอกมาซิ"
 องค์ชายยอจินอึกอัก นำออกมาให้พระราชายูริทอดพระเนตร
 "นี่มันเป็นเครื่องประดับนี่"
 "หม่อมฉันทำเองพะยะค่ะ หม่อมฉัน เอากระบี่ไปให้ช่างคนนั้น เพื่อแลกความรู้ในการทำเครื่องประดับ"
 พระราชายูริทรงหัวเราะออกมา "ฮ่าๆ ฮ่าๆ ทำได้ขนาดนี้ ให้เจ้าเป็นช่างฝีมือก็คงดีไม่น้อย"
 "ถ้าฝ่าบาททรงอนุญาต หม่อมฉันก็อยากเป็นช่างฝีมือ หม่อมฉันจะสร้างสรรค์ ของใช้ในงานพิธีต่างๆ"
 พระมเหสีมียูดุ "พูดเหลวไหลน่ะ ฝ่าบาท ให้โอกาสลูกคนนี้ ได้แสดงผลงานบ้างเถอะเพคะ เพราะวันๆ ไม่มีอะไรทำ ถึงได้สนใจแต่เรื่องไร้สาระ"
 "ถ้าเจ้าสนใจทางนี้ ก็ไปห้องงานฝีมือ ประดิษฐ์สิ่งของไว้สำหรับงานพิธี นั่นก็มีความหมายเหมือนกัน"
 "พะยะค่ะ หม่อมฉันจะทำให้ดี"
 เมื่อเสด็จออกมาแล้ว พระมเหสีมียูทรงดุองค์ชายยอจินอีก
 "เครื่องประดับหรือ เป็นถึงองค์ชายแท้ๆ กลับสนใจเรื่องเครื่องประดับ"
 "นั่นเป็นสิ่งที่หม่อมฉันชอบ"
 "ยังไม่รีบหุบปากอีก หึ องค์ชายใหญ่มีศัตรูรอบด้าน เกิดวันไหนเขาเป็นไรไป ใครจะขึ้นเป็นรัชทายาทแทน คือเจ้าเท่านั้น เพราะฉะนั้น เลิกสนใจสิ่งที่ไร้แก่นสารต่อชีวิตซะที"
 เคยูมาเฝ้าปากถ้ำและชวนแม่ทัพคุย เขาถามท่านแม่ทัพว่า
 "ว่าแต่ หัวหน้าช่างเขียน เป็นอะไรกับองค์ชายหรือครับ"
 "หัวหน้าช่างเฮยา เป็นนางในขององค์ชายโทจู"
 เคยูตกใจ "หา องค์ชายโทจู คือเชษฐาที่สิ้นพระชนม์ขององค์ชายแฮเมียงนี่"
 "อึม หลังจากองค์ชายโทจูสิ้นพระชนม์ ตามหลักเฮยาต้องถูกฝังด้วย แต่องค์ชายทรงช่วยนางไว้ เลยทำให้องค์ชาย ถูกมองว่าพอพระทัยหญิงที่เป็นสมบัติของพระเชษฐา"
 "จริงๆ พวกเขา ก็พอใจกันและกันอยู่"
 องค์ชายแฮเมียงมีรับสั่งกับเฮยาว่า
 "ข้าได้สั่งเพิ่มกำลังทหาร มาเฝ้าอยู่หน้าถ้ำแล้ว เจ้าคงจะวางใจได้ หลายปีนี้ เพราะข้าเลินเล่อเกินไป นึกว่าอยู่ห่างเจ้านั่นคือการปกป้อง ต่อไปจะไม่ทำอย่างงั้นอีก"
 "องค์ชาย โปรดอย่าเปลี่ยนความตั้งใจ" 
 "เฮยา"
 "เพราะหม่อมฉัน ทำให้องค์ชายลำบากมามาก และทรงเป็นทุกข์ จำไม่ได้แล้วหรือเพคะ หม่อมฉัน ไม่อยากเป็นอุปสรรค ต่ออนาคตขององค์ชาย แต่จนวันนี้ หม่อมฉันมีเรื่องขอร้อง บอกฐานะมูยุลให้หม่อมฉันรู้ เด็กคนนี้ สามารถเข้าถึงแท่นบูชา ที่ใครก็ไม่อาจเข้าถึงจนได้กระบี่ออกมา แม้ว่าหม่อมฉัน จะรู้ว่า เขาคงไม่ใช่คนธรรมดา แต่นี่ก็ทำให้ตกใจมากแล้ว เขาเป็นใครหรือเพคะ จริงๆ แล้ว เขาเป็นอะไรกับองค์ชายหรือเปล่า"
 "ตอนนี้ ข้ายังบอกอะไรเจ้าไม่ได้ ถึงเวลาก็จะรู้เอง จงอย่าถามอีกเลย"
 "หม่อมฉันจนปัญญา ไม่อาจสั่งสอนเขาให้ดีได้ เด็กคนนี้ คิดจะออกไปอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่เขา สนใจต่อโลกภายนอกนั้น หม่อมฉันไม่รู้จะห้ามยังไงดี ต่อไป ให้องค์ชายสอนเขาเองดีกว่า"
 องค์ชายแฮเมียงมาบอกเคยูว่าจะให้สอนมูยุลกับมาโนฝึกดาบ และเมื่อมูยุลกับมาโนมาพบเคยู เขาก็แนะนำตัว
 "ข้าชื่อ เคยู นับแต่วันนี้ไป ชีวิตของพวกเจ้าจะอยู่ในมือข้า หรือก็คือ ข้าบอกให้ไปตายก็ต้องตาย บอกให้อยู่ก็ต้องอยู่ เอาล่ะ เรามาเริ่มได้แล้ว เด็กๆ"
 "ครับ ท่านแม่ทัพ"
 "เอากระบี่ให้พวกเขายืม"
 มาโนรับมาแล้วร้อง "อุ๋ย"
 "หึ นั่นคือกระบี่ของแท้ จะเอามาฆ่าข้าก็ตามสบาย แต่ถ้าฆ่าข้าไม่ได้ละก้อ ข้าอาจฆ่าพวกเจ้าแทนก็ได้ มองอะไร เข้ามาซี่ เฮ่อ พลาดโอกาสที่ข้ามอบให้ซะแล้ว ถึงทีข้าบ้างล่ะ เฮ้ย"
 และเมื่อทดสอบฝีมือแล้วเคยูก็สั่งให้ทั้งสองไปอยู่คอกม้า
 มาโนบ่น "โอ๊ย ข้าไม่อยากทำอีกแล้ว ออกจากถ้ำมาเพื่ออะไร วันๆ มีแต่เก็บอึม้ากับซักผ้า วันดีคืนดีก็ถูกซ้อมแทบกระอัก ข้าขอกลับไปดีกว่า ไปกับข้าเถอะนะ หือ"
 "อยากไปก็ไปเอง ข้ามีงานต้องทำอีก"
 "งานอะไร"
 "ก่อนอื่น คือเอาชนะเคยู เรื่องอื่นข้าไม่อยากคิด คิดแต่จะชนะเขายังไง แค่นี้ก็พอแล้ว"
 "เจ้าเพี้ยนแล้วหรือไง ฝีมือเขาอยู่ในเมืองโชบุนแทบไม่มีใครสู้ได้  แล้วเจ้าจะชนะได้ไง"
 "ซักวันหนึ่ง คงชนะได้"
 "วันนั้นคือวันไหนเล่า ถ้ายังทำงานอยู่อย่างงี้ โอ๊ย อยากจะบ้า อะไรก็ไม่รู้"
 มูยุลกับมาโนได้พบกับพักโซ มูยุลคิดจะทวงสร้อยคืน พอดีเขาเห็นเคยูจึงขอให้ช่วย ว่าแล้วมูยุลก็บุกเข้าไปทวงสร้อย แต่กลับถูกพักโซอัดไม่เป็นท่า แถมเคยูก็ไม่ช่วย เขาจึงต่อว่า แต่เคยูบอกว่า
 "เมื่อกี้บอกว่าจะช่วยเราไม่ใช่หรือ" มูยุลต่อว่า
 "ใช่ แต่ว่า ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นนักเลงหัวไม้ ในฐานะแม่ทัพแห่งโกคูรยอ จะให้ลดตัวไปสู้กับอันธพาลได้ไง เรื่องแค่นี้ พวกเจ้าก็จัดการเองสิ เฮ่ย"
 มูยุลโกรธแทบจะกินเลือดกินเนื้อ แต่เคยูกลับชอบใจ
 "ดีมากเจ้าหนุ่ม ข้าอยากเห็นแววตาแบบนี้ เมื่อมีแววตาเคียดแค้นแล้ว พรุ่งนี้เราก็เริ่มฝึกการต่อสู้ได้"
 องค์หญิงเซยูแอบเสด็จออกมาชมการค้าในเมืองหลวง องค์ชายแฮเมียงทรงเห็นก็เข้ามาทัก
 "หึ เจ้าพี่"
 "เฮ่อๆๆ เซยู ข้าเคยบอกแล้วไงว่า อย่าไปข้างนอกคนเดียว"
 "ก็มันเบื่อนี่นา อยู่ในวังทุกวัน เหมือนนกน้อยในกรงทอง"
 "เฮ่อๆ เจ้าน่าจะออกเรือนได้แล้ว พี่จะหาคนดีๆ ให้ หึๆ"
 "ข้าน่ะ มีคนที่ชอบพออยู่แล้ว"
 "หือ พี่รู้จักด้วยหรือเปล่า"
 "รู้จักสิ เจ้าเมืองโชบุนไงล่ะคะ หึๆ"
 "เฮ่อๆๆ อำพี่เก่งนักนะ เฮ่อๆๆ"
 องค์หญิงเซยูหัวเราะชอบใจ
 องค์ชายแฮเมียงเข้าเฝ้าพระราชายูริ ทรงตรัสถามว่า
 "มีคนบุกรุกสุสานหลวง รู้หรือเปล่าว่าเป็นฝีมือพวกไหน"
 "คิดว่าเป็นนักรบทมิฬ ของอ๋องเทโซพะยะค่ะ"
 "นักรบทมิฬหรือ"
 "ใช่ ได้ยินว่าหลายปีนี้ อ๋องเทโซได้ซุ่มฝึกปรือนักรบกลุ่มหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่สอดแนมในประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากฝีมือสูงแล้ว ยังไปมาว่องไว ปกติ จะขึ้นตรงต่ออ๋องเทโซ ให้ทำงานอย่างลับๆ พะยะค่ะ ฝ่าบาท สุสานหลวง เป็นที่ๆ แม้แต่ชาวโกคูรยอยังไม่รู้จัก และไปไม่ถูกด้วยซ้ำ แต่กลับมีคนนอกไปบุกรุก ก็มีแต่ชาวพูยอเท่านั้น และการเจาะจงไปยังที่นั้น จุดประสงค์เพื่ออะไร ไม่บอกก็รู้อยู่แล้ว"
 "ต้องการกระบี่ของพระราชาจูมง เพราะเทโซมีความเชื่อว่า ใครได้ครอบครองกระบี่เล่มนี้ก็จะเป็นจ้าวแห่งดินแดนทางเหนือ จึงต้องการเอากระบี่ไป จากนั้นค่อยมาตีโกคูรยอของเรา"
 "ถ้าเขามีแผนแบบนี้จริง เราต้องหาทางรับมือนะพะยะค่ะ"
 "หัวหน้าองครักษ์อยู่มั้ย"
 แทชองเข้ามา "พะยะค่ะ"
 "ไปตามท่าน แพกึย มาพบข้าเดี๋ยวนี้"
 คูชูอธิบายให้องค์ชายแฮเมียงฟังว่า
 "หึ คนๆ นี้ก็คือแพกึย เป็นลูกบุญธรรมของหัวหน้าเผ่าพีรู ฝ่าบาททรงแต่งตั้งให้เป็นอำมาตย์ฝ่ายขวา"
 "ลูกชายหัวหน้าเผ่าพีรู ได้เป็นถึงอำมาตย์ ทำไมมอบตำแหน่งแบบนี้ ให้คนของเผ่าพีรูได้ล่ะ"
 "หม่อมฉันก็เคยทูลเตือนฝ่าบาท แต่ทรงโปรดปรานและไว้วางพระทัยเขามากกว่าใคร ทุกวันนี้ ไม่ว่าราชกิจใหญ่น้อยก็ทรงหารือกับแพกึยคนเดียว"
ทางด้านแพกึยทูลพระราชายูริว่า
 "ทุกวันนี้เทียนเฉาถูกบรรดาพระญาติกุมอำนาจไว้หมด จนไม่แก่ใจไปยุ่งกับพูยอ ยิ่งเทียนเฉาวุ่นวายเท่าไหร่ พูยอก็จะฉวยโอกาสมาตีเรา เราคงไม่มีทางรับมือได้"
 "ฝ่าบาท หม่อมฉันแทชอง"
 "เข้ามา"
 "ฝ่าบาท พูยอส่งทูตมาพะยะค่ะ" แทชองทูล
 แชบูเข้าเฝ้าพระราชายูริ "ทรงสำราญดีมั้ยพะยะค่ะ หม่อมฉันนำราชสาส์นจากอ๋องเทโซมาถวาย ทรงมีรับสั่งว่า เพื่อมิตรภาพที่ดีต่อกัน ขอเชิญพระราชาโกคูรยอเสด็จไปพบฝ่าบาทของเราซักครั้ง"
 คูชูโมโห "ช่างบังอาจสิ้นดี กล้ามาสั่งฝ่าบาทของเราเชียวหรือ"
 "จ้าวแห่งภาคเหนือมีคนเดียว คืออ๋องเทโซแห่งแคว้นพูยอ ต่อมาถึงมีท่านจูมง อ้างตัวเป็นโอรสแห่งสวรรค์ สถาปนาเป็นพระราชา พฤติกรรมที่โอหังแบบนี้ ฝ่าบาทของเราจะไม่นิ่งดูดายอีก"
 แทชองโกรธ "หุบปากเดี๋ยวนี้ กล้ามาเพ้อเจ้อ อยากตายหรือไง"
 พระราชายูริรับสั่งว่า "เจ้าถอยไป"
 "เสด็จไปพบอ๋องเทโซ แล้วยอมอ่อนข้อซะดีกว่า มีแต่ทางนี้ถึงจะช่วยโกคูรยอได้"
 องค์ชายแฮเมียงทรงคัดค้าน "ฝ่าบาทจะเสด็จไปพูยอ ไม่ได้ อย่าไปนะพะยะค่ะ"
 แพกึยแย้งว่า "ถ้าไม่ไป สงครามก็จะเกิดขึ้น ถ้าฝ่าบาทไม่ยอมเสด็จไป ก็เท่ากับว่า เราจะประกาศศึกกับแคว้นพูยอ"
 องค์ชายแฮเมียงขึ้นเสียง "ประกาศก็ประกาศไปสิ อย่างมากก็แค่ทำสงคราม แม้ว่ากำลังของเราจะน้อยกว่าพูยอ แต่จะยอมรับความอัปยศได้ยังไง"
 แพกึยปราม "องค์ชาย หม่อมฉันรู้ว่าข้อเรียกร้องของอ๋องเทโซถือว่าเกินไป แต่ว่า ถ้าเราเปิดศึกกับพวกเขาจริง นั่นคือสิ่งที่อ๋องเทโซต้องการจะเห็น แม้เราจะโกรธแค้น แต่นี่ยังไม่ใช่เวลาที่จะประกาศตัวเป็นศัตรูกับพูยอ"
 พระราชายูริทรงเห็นด้วย "ท่านอำมาตย์พูดถูกแล้ว"
 องค์ชายแฮเมียงไม่พอพระทัย "ฝ่าบาท ถ้าเราทำตามข้อเรียกร้อง ก็แปลว่าโกคูรยอยอมเป็นเมืองขึ้นของ พูยอ"
 "ไม่ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ขอเพียงอ่อนข้อแล้วเราได้ประโยชน์,ข้าก็ยินดีเสมอ ข้าจะไปพูยอด้วยตัวเอง ส่งข่าวให้บรรดาหัวหน้าเผ่ารู้ด้วย"
 "พะยะค่ะฝ่าบาท"
 แพกึยมาเข้าเฝ้าองค์ชายแฮเมียงเป็นการส่วนตัว
 "หม่อมฉันคือแพกึย ตามหลักน่าจะมาเฝ้านานแล้ว แต่ติดขัดที่ฐานะก็เลยไม่สะดวก"
 "ข้าไม่รู้ว่าท่านทำยังไงถึงเป็นคนโปรดของฝ่าบาท แต่ข้าไม่ไว้ใจคนของเผ่าพีรู"
 "การที่ฝ่าบาททรงตั้งหม่อมฉันเป็นอำมาตย์ ก็เพื่อคลายความบาดหมางระหว่างราชสำนักกับชนเผ่าทั้งหลาย และตอนนี้ ถึงเวลาที่ควรปรองดองได้แล้ว"
 "ข้าเห็นด้วยกับท่าน เราต้องปรองดองถึงจะแก้ปัญหาของบ้านเมืองให้ลุล่วงได้ แต่เผ่าพีรูของท่าน เหมือนพวกหน้าเนื้อใจเสือ ถ้ากล้าทำอะไรบุ่มบ่ามละก้อ ข้าจะไม่ให้อภัยท่าน จงจำไว้ด้วย"
 แพกึยไปบอกข่าวนี้กับซังกา
 "ยูริจะไปแคว้นพูยอหรือ"
 "ใช่ครับ ข้าเป็นคนสนับสนุนเขาเอง"
 "อึมม์ เจ้าตัดสินใจผิดแล้ว คิดว่าถ้ายูริยอมอ่อนข้อให้เทโซ จะเป็นผลดีหรือผลร้ายต่อเรา ยูริยอมก้มหัวเพื่อรักษาบัลลังก์ของเขาไว้แล้วหลังจากนั้น ถ้าเราคิดการใหญ่หวังโค่นล้มเขาก็จะยิ่งลำบากมากกว่าเดิมอีก เจ้าเป็นคนของเผ่าพีรู ไม่ใช่อำมาตย์ของโกคูรยอ ถ้าได้ตามยูริไปแคว้นพูยอก็ถือโอกาสนี้ สังเกตท่าทีของอ๋องเทโซแล้วมารายงานข้าเข้าใจมั้ย" 
 "ครับ" แพกึยออกไป
 บ่าวของซังกากล่าวว่า "คนๆ นี้ ท่านไว้ใจเขาหรือครับ เขาคิดอะไรอยู่ในใจกันแน่ ข้าแทบอ่านไม่ออกเลย"
 "ฮึ่ม นี่แหละคือเหตุผลที่ข้ารับเขาเป็นลูก รู้จักเก็บงำความรู้สึกทุกอย่าง ขนาดเป็นลูกบุญธรรมข้าแท้ๆ ยังเป็นคนโปรดของยูริได้เลย หึๆๆ"
พระราชายูริเสด็จไปเข้าเฝ้าพระราชาเทโซ
 "ทรงสำราญดีมั้ยพะยะค่ะ"
 "เดินทางมาไกลคงเหนื่อยสินะ"
 "มียาที่กินแล้วช่วยให้อายุยืน ส่วนของใช้ที่ผลิตจากหยก ก็เป็นสิ่งมงคลที่หายาก ขอฝ่าบาทจงมีพระชนม์ยืนยาว"
 "โกคูรยอ ว่าไปก็คือเมืองน้องที่แยกตัวไปจากพูยอของเรา เมื่อน้องยอมมาฝากเนื้อฝากตัวก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดี ในเมื่อเป็นคนกันเอง ให้จัดงานเลี้ยงเต็มที่หน่อยนะ"
 แชบูน้อมรับ "พะยะค่ะ"
 พระราชาเทโซตรัสต่อว่า "เป็นสิ่งมงคลสื่อถึงความมีอายุยืนหรือ เฮ่อๆๆ ข้ากับจูมงเป็นพี่น้องที่โตด้วยกันมา เจ้าก็คือหลานข้า ต่อไปจะเรียกลุงก็ได้นะ"
 "คำสอนของเสด็จลุง หม่อมฉันจะจำใส่ใจไว้"
 "ข้าน่ะ เหมือนได้ลูกหลานมาเพิ่มอีกคน เฮ่อๆๆ ได้ข่าวว่าวันที่จูมงตาย มีมังกรเหินลงจากฟ้า และเขาก็ขี่มังกรขึ้นสวรรค์ไป จริงหรือเปล่า"
 "นั่นเป็นคำพูดของชาวบ้าน ที่ลือกันส่งเดช"
 "นั่นสิ ข้าก็ว่างั้น คนธรรมดาตายไป จะมีมังกรมารับไปขึ้นสวรรค์ได้ยังไง ขนาดผู้ยิ่งใหญ่อย่างจูมง สุดท้ายยังไม่พ้นความตาย ทิ้งอำนาจให้อยุ่เบื้องหลัง แต่ว่าถ้าต้องการเสวยอำนาจต่อไปละก้อ เจ้าคงต้อง ยอมก้มหัวให้กับแคว้นพูยอของเรา แล้วสงครามก็จะไม่เกิดขึ้น เข้าใจหรือเปล่า"
 "เข้าใจพะยะค่ะ หม่อมฉัน ยินดีสวามิภักดิ์ต่อพูยอ"
 "เฮ่อๆๆ จะให้ข้า เชื่อคำพูดของลูกชายจูมงได้ยังไง"
 "ถ้าอย่างงั้น หม่อมฉันจะแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ"
 ทางด้านมูยุลกับมาโนก็กำลังฝึกซ้อมกับเคยูอยู่ เคยูบอกทั้งสองว่า
 "วันนี้ข้าจะทดสอบความก้าวหน้าในการฝึกของพวกเจ้า ใครอยากสุ้กับข้าก็ออกมา ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ขอเพียงสามารถเอาชนะข้า ข้าจะแถมเบี้ยหวัดให้หนึ่งเดือน หึ แต่ละคนช่างใจเสาะจริงๆ หึ ออกมา"
 "ท่านบอกว่า ใช้วิธีอะไรก็ได้ใช่ไหม" มูยุลถาม
 "แน่นอน"
 มูยูลย้ำ "พูดจริงหรือเปล่า"
 "ทำไมจะไม่จริง จะสู้ยังไงก็แล้วแต่เจ้า ใช้อาวุธชนิดไหน หรือแม้แต่มือเปล่าก็ไม่รังเกียจ โอ๊ะ โอ๊ย"
 แล้วมูยุลก็ชนะเคยู ทำให้ถูกเคยูสั่งให้ไปอยู่หอเตือนภัย มูยุลจึงถามว่า
 "หา ทำไมส่งเราไปที่นั่น"
 "พอใจซะอย่าง อย่าพูดมากให้รำคาญได้ไหม"
 "จะแก้แค้นที่มูยุลชนะท่านใช่ไหม" มาโนว่า
 "บ้าหรือ เห็นข้าเป็นอะไรน่ะ เฮ่ย นั่นเป็นชายแดนที่ติดกับพูยอ ต้องคอยเฝ้าให้ดี อย่าทำเป็นประมาท ไม่งั้นถูกทหารพูยอฆ่าตายไม่รู้ด้วย"
 มาโนบอกมูยุลว่า "นี่ ออกมาก็ดีเหมือนกัน เทียบกับการอยู่ในคอกม้า ถูกคนแกล้งทั้งวัน สู้ไปหอเตือนภัย ห่างไกลผู้คนดีกว่า"
 "ไปก่อนถึงจะรู้"
 "อย่าห่วงเลยน่า ไม่ว่าใครจะอยู่ที่นั่น ข้าก็ประจบเขาได้ หึ"
 และเมื่ออยู่ที่หอเตือนภัย เคยูก็ถามหาน้ำมัน มาโนแปลกใจ
 "น้ำมันอะไรอีกล่ะ"
 "หึ โง่ซะจริง มีแค่ฟืนอย่างเดียวจะจุดไฟได้หรือเปล่า มันต้องราดน้ำมันก่อนไม่ใช่หรือ"
 "เอ่อ เราแค่ เอาของใช้ที่จำเป็นติดตัวมา"
 "เฮ่ย กลับไปอีกรอบซิ"
 มาโนอึ้ง "หา เดี๋ยวก่อน ทางไม่ใช่ใกล้ๆ นะ"
 "บอกให้ไปก็ไปซี่"
 "หึ จะบ้าหรือ หึ" มาโนไปกับมูยุลพลางบ่น "เฮ่ย นี่ ข้าว่าหมอนี่ จงใจเป็นศัตรูกับเราแน่ ว่ามั้ย โอ๊ย ไม่เอาแล้ว ข้าจะไม่ไปไหนอีก ยอมตายอยู่นี่ ดีกว่าฟังคำสั่งบ้าๆ นั่น"
 แต่ระหว่างทางทั้งสองก็เห็นคนกลุ่มหนึ่ง
 "หา เฮ้ย หมอนั่น พวกเขา นั่นไปชายแดนนี่นา นี่ พวกเขาทำอะไร จะข้ามชายแดนไปหรือ.
 "ตามมาเร็ว"
 "ไปไหน นี่ๆ รู้มั้ยว่าเรากำลังจะข้ามแดนแล้ว"
 "เงียบๆ ได้ไหมเล่า" มูยุลดุ
 มูยุลบุกเข้าไปทวงสร้อยคืนจากพักโซ แต่พักโซดุกลับ
 "เจ้านี่มันบ้าจริงๆ แต่คงไม่ได้แล้ว เจ้ามาเห็นความลับของเรา คงต้องตายซะ"
 ทหารเข้ามาจับตัวมูยุลไป มาโนรีบกลับไปบอกท่านแม่ทัพ
 "ท่านแม่ทัพๆ เกิดเรื่องแล้ว หึ มูยุลน่ะครับ เขาถูกทหารพูยอจับไป"
 แม่ทัพรีบทูลองค์ชายแฮเมียง ทรงรับสั่งว่า
 "ไปสั่งการเดี๋ยวนี้ เราจะระดมพล"
 "องค์ชาย"
 "ถ้าให้พวกมันนึกว่าเป็นไส้ศึก อาจจะถูกตัดหัวหมด"
 "งั้นเราส่งสาส์นเจรจาไปก่อน ขอคุยกับแม่ทัพชายแดนแคว้นพูยอก็ได้"
 "กว่าจะเจรจาสำเร็จ มูยุลคงถูกฆ่าไปแล้ว"
จบ 3

มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน 4  
 มูยุลซึ่งถูกควบคุมตัวไปยังชายแดนแคว้นพูยอนั้นถูกทรมานแสนสาหัส ด้วยความที่มูยุลถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสายลับ ทำให้มูยุลกำลังตกอยู่ในอันตรายไม่รู้ตายวันตายพรุ่งอย่างไร
 เมื่อองค์แฮเมียงทรงรู้เรื่องนี้  พระองค์ก็ทรงนำกำลังทหารไปประชิดชายแดนแคว้นพูยอเพื่อช่วยชีวิตมูยุลโดยทรงไม่คำนึงว่าพระเจ้ายูริกำลังทรงเจริญสัมพันธไมตรีกับพระเจ้าเทโซที่แคว้นพูยอ
 แม่ทัพทูลองค์ชายแฮเมียงว่า
 “ถ้าเราข้ามแดนไป จะถอยกลับไม่ได้อีกแล้ว ตอนนี้พวกหัวหน้าเผ่ายิ่งกำลังหาข้ออ้างสารพัดที่จะเล่นงานองค์ชายอยู่ ทำแบบนี้เท่ากับเข้าทางพวกเขานะพะยะค่ะ”
 องค์ชายแฮเมีปยงทรงตรัสว่า "ถอยกลับไป”
 "องค์ชาย ไหนๆ ก็ตัดความสัมพันธ์ไปนานแล้ว ถ้าไง ทรงลืมซะดีกว่า"
 "ข้ามเขา ชอนมา แล้วใช้ทางลัด" พูดจบองค์ชายแฮเมียงก็ออกไปทันที
 อีกด้านหนึ่ง นายกองกล่าวกับยอน
 "ยังไงก็ต้องตายอยู่แล้ว อย่าเสียแรงเปล่าเลย"
 "แม้จะเป็นศัตรู แต่ก็ไม่ควรเห็นชีวิตคนเป็นผักปลานะ" ยอนว่า
 "ที่นี่เป็นชายแดนและเราเป็นทหาร ไม่จำเป็นต้องสงสารศัตรูที่รุกล้ำดินแดนของเรา คุณหนูทำแบบนี้เท่ากับช่วยเหลือคนผิด หากใครกล้าฝ่าฝืนจะถูกลงโทษอย่างหนัก นี่คือกฎของเราจงรู้ไว้ด้วย"
 "ในเมื่อรู้กฎของทหารดี แล้วทำไมไม่รู้กฎหมายระหว่างบ้านเมืองบ้างล่ะ ตอนนี้พระราชาโกคูรยอมาอยู่ในแคว้นพูยอของเรา ท่านแม่ทัพไม่อยู่ อย่าทำให้เรื่องบานปลายจะดีกว่า" ยอนว่าแล้วก็เดินไป
 นายกองหันไปดุทหาร "เฮ่ย สั่งแล้วว่าห้ามใครเข้ามาไง"
 "ขอโทษครับ"
 "หึ ฆ่าพวกมันซะ ข้าบอกให้ฆ่าพวกนั้นให้หมด"
 ทหารไปนำตัวพวกพักโซและมูยุลออกมาจะประหาร พวกพักโซร้องขอชีวิต
 "หยุดเดี๋ยวนี้" มูยุลเสียงดังกว่า
 "ทำไม มีเรื่องสั่งเสียก่อนตายหรือไง" นายกองถาม
 "ข้าน่ะ เป็นสายลับ หึ ส่วนพวกเขา เป็นชาวบ้านธรรมดาที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย ปล่อยพวกเขาซะ หึ ทหารพูยอมีกฎอยู่ว่า จะไม่ฆ่าชาวบ้านที่ไม่ใช่สายลับ ไม่งั้นจะทำให้พวกท่านถูกผู้คนประณาม" มูยุลว่า
 "ใครจะเป็นสายลับ หรือชาวบ้านก็ช่าง ข้าไม่สนใจทั้งนั้น สิ่งสำคัญก็คือ พวกเจ้าล่วงล้ำดินแดนของเรา ไม่งั้นรู้มั้ยว่า จะกลายเป็นข้ออ้างที่ดี ให้เรายกทัพไปตีโกคูรยอ ฆ่าให้หมด"
 พวกนักเลงร้องขอชีวิตกันให้วุ่นวาย พอดีหัวหน้าทหารเข้ามารายงานว่ามีคนมาจู่โจม นายกองรีบถามว่าเกิดอะไรขึ้น
 "ทหารโกคูรยอมาครับ"
 "อะไรนะ รีบจัดการพวกเขาซะ" นายกองสั่ง
 แต่มูยุลและพวกพักโซฮึดสู้ แล้วพากันหนีออกไป มูยุลได้พบกับพวกมาโนที่ตามมาช่วย
 ภายในแคว้นพูยอ เนื่องจากพระราชาเทโซและพระราชายูริทรงมีความสัมพันธ์ฉันท์ลุงหลานกัน พระราชพิธีเลี้ยงต้อนรับได้ถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติ พระราชาเทโซทรงประกาศว่า
 "พระราชายูริกลับมาเป็นหลานข้าแล้ว นับแต่นี้โกคูรยอและพูยอจะเป็นบ้านพี่เมืองน้อง และข้าขอให้สัญญาว่า จะไม่ถือสาเรื่องเก่าเพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดี เหล้าจอกนี้ ดื่มให้กับพูยอและโกคูรยอ เป็นมิตรที่ดีสืบไป มา ทุกคนดื่ม หลานรัก ออกมาหน่อยซิ มาประลองฝีมือกับข้า"
 ทังโนทูลว่า "ฝ่าบาท ไม่ได้นะพะยะค่ะ ทำแบบนี้เท่ากับไม่ให้เกียรติโกคูรยอ"
 "อะไรกัน ก็แค่ลุงกับหลานจะประลองฝีมือเท่านั้น จะต้องคิดถึงเกียรติบ้าบออะไรอีก ว่าไงล่ะ ยังไม่รีบออกมาหรือ เฮ่อๆๆ"
 พระราชายูริรีบตรัสขึ้นก่อนที่เหล่าขุนนางจะทูลคัดค้านว่า "ไม่เป็นไร"
 พระราชาเทโซตรัสถามพระราชายูริว่า "จะประลองยังไงดี เฮ้ยๆ ใช้กระบี่ เฮ้ย หรือว่าทวน หรือว่าธนู หรือจะใช้มือเปล่า ทุกอย่างแล้วแต่จะเลือก บอกมาเร็วว่าจะใช้อย่างไหน"
 "หม่อมฉันขอเลือกกระบี่"
 "ตกลง ไม่ได้ยินหรือไง เอากระบี่มาเดี๋ยวนี้ อยากรู้นักว่าหลานคนนี้จะเก่งแค่ไหน แสดงให้ข้าดูหน่อยซิ"
 พระราชาทั้งสองต่อสู้กัน แล้วพระราชาเทโซก็ทรงหัวเราะออกมา
 "ฮ่าๆๆ เจ้าน่ะ ถือว่าได้ออมมือให้คนแก่อย่างข้า เฮ่อๆๆ"
 "ไม่ได้ออมมือหรอกพะยะค่ะ หม่อมฉันสู้ไม่ได้จริงๆ"
 พระราชาเทโซทรงหัวเราะ แชบูเข้ามาทูล
 "ฝ่าบาท หม่อมฉันมีเรื่องด่วนจะทูล"
 แชบูเข้ามาทูลรายงานว่าองค์รัชทายาทแฮเมียงทรงยกทัพประชิดชายแดนแคว้นพูยอ พระราชาเทโซทรงกริ้วมาก
 "ข้าอุตส่าห์หวังดีรับเจ้าเป็นหลาน แต่เปลือกนอกเจ้ามาคุกเข่าให้ข้า เบื้องหลังคือเล่นตลกใช่ไหม เด็กๆ จับตัวยูริและคนของโกคูรยอ ไปกักบริเวณไว้ก่อน"
 แชบูทูลต่อว่า "ไม่ต้องลังเลอะไรอีกแล้ว รีบประหารยูริซะ แล้วประกาศสงครามเถอะ ฝ่าบาท นี่เป็นโอกาสทองของเรา"
 ทังโนปรามไว้ "สืบให้รู้ความจริงก่อน ค่อยลงมือก็ยังไม่สาย"
 แชบูไม่สน "พวกเขามาหยามเราชัดๆ มีอะไรต้องสืบอีก อย่าให้โกคูรยอมีเวลาตั้งตัว เราต้องรีบเผด็จศึกซะ"
 ทังโนค้านอีก "แต่ตอนนี้พระราชายูริยอมก้มหัวให้เราแล้ว แถมยังอยู่ในแคว้นพูยอของเราอีก ใครจะโง่ถึงขนาดก่อเรื่องในเวลานี้ หม่อมฉันว่า คงมีเบื้องหลังที่แม้แต่พระราชายูริ ก็ไม่ทรงทราบก็เป็นได้"
 "ไม่ต้องให้พวกเขาเป็นเมืองขึ้นหรอก สู้เข้ายึดครองดีกว่า สังหารพระราชายูริ กำจัดองค์ชายแฮเมียง ทุกอย่างก็จบแล้ว นี่เป็นโอกาสทองที่หายาก ท่านยังกลัวอะไรอีก ฝ่าบาท โปรดอย่าทรงคิดอีกเลย สังหารยูริแล้วเปิดศึกกับ โกคูรยอซะ"
 ด้านองค์ชายแฮเมียงก็มีรับกับเคยูว่าให้ส่งตัวมูยุลกลับไปที่ถ้ำเหมือนเดิม พร้อมสั่งให้ปิดเป็นความลับ เคยูพาทั้งสองเดินทางไปถ้ำ
 มาโนถามว่า "ท่านแม่ทัพ เราจะไปไหนน่ะ"
 "ไปถ้ำกิเลน" เคยูตอบ
 "ไปถ้ำกิเลนหรือ ทำไมจะกลับไปที่นั่นอีก ข้ายอมรับโทษทุกอย่างแล้วไง ขอไม่กลับไปที่ถ้ำได้ไหม" มูยุลโวยวาย
 เคยูตบหน้ามูยุล "จนป่านนี้ ยังไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปอีกหรือ เพราะพวกเจ้าจะทำให้โกคูรยอกับพูยอเกิดสงคราม แม้แต่ฝ่าบาทก็อาจมีอันตราย เพราะตอนนี้ฝ่าบาท ประทับอยู่ในแคว้นพูยอ แต่ว่าเรากลับไปปะทะกับทหารชายแดน แล้วคิดว่าอ๋องเทโซจะยอมปล่อยพระองค์มั้ย ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมองค์ชายถึงต้องช่วยพวกเจ้า แต่ถ้าไม่อยากตาย ก็จงไปอยู่ในถ้ำซะดีๆ ฮึ่ม"
 เฮยาเห็นสภาพมูยุลก็บอกว่าต้องรักษาตัวก่อน
 พระราชายเทโซให้แชบูมาตามพระราชายูริไปเฝ้า
 "ฝ่าบาท ที่หม่อมฉันแสดงความจริงใจไปนั้นยังไม่พออีกหรือ จะให้ทำไงถึงเชื่อว่าหม่อมฉันภักดีจริง" พระราชายูริตรัส
 "ข้ายังเชื่อใจเจ้าอยู่"
 "ถ้าอย่างงั้น ทำไมถึงให้กักตัวหม่อมฉันไว้ หม่อมฉันทำอะไรผิดไม่ทราบ"
 "เจ้าน่ะ ผิดที่อบรมลูกไม่เป็น องค์ชายแฮเมียงพาทหารมาล่วงล้ำชายแดนของเรา"
 "เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ คิดว่าฝ่าบาท คงได้รับรายงานข่าวที่เป็นเท็จมากกว่า"
 "ใช่ ข้าก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเลยส่งคนไปสืบแล้วสืบอีก สุดท้ายก็เป็นเรื่องจริง องค์ชายแฮเมียงเข่นฆ่าทหารของเราอย่างเหี้ยมโหด ทำไมเขาถึงทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ พ่อยังอยู่ในเมืองพูยอแท้ๆ ทำไมเขาถึงไม่คิดและกล้าบุ่มบ่าม หรือว่าเบื้องหลังคืออยากให้เจ้าตายซะ ลูกชายเจ้า คิดจะครองบัลลังก์แทนเจ้าซะแล้ว"
 "หม่อมฉันไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้"
 "หึ ดื่มเร็วเข้า ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าในตอนนี้ดี เหมือนที่สมัยก่อนข้าไว้ใจจูมง แล้วเขาก็หักหลังข้า มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดนัก เฮ่อๆๆ ที่จริงแล้ว ข้าสามารถฆ่าเจ้าและไปตีโกคูรยอ แต่ข้าจะปล่อยเจ้าเพราะไหนๆ ก็เป็นหลานชาย ข้าควรใจกว้างกับเจ้าหน่อยจริงมั้ย"
 "พระเมตตาของฝ่าบาท หม่อมฉันจะไม่มีวันลืม"
 "แต่ว่า เจ้าต้องจำไว้เรื่องหนึ่ง กลับไปเข้มงวดกับลูกชายให้ดี ถ้ากล้ามาล่วงเกินพูยอของเราอีก ข้า จะให้เขาจบชีวิตต่อหน้าต่อตาเจ้า"
 มูยุลนึกถึงคำพูดของเคยู เขาจึงถามเฮยาว่า
 "ข้ามีเรื่องจะถาม องค์ชายเป็นคนยังไงครับ ทำไมต้องช่วยข้าไว้ ยอมเสี่ยงกับการทำสงคราม เพื่อช่วยชีวิตคนต่ำต้อยอย่างข้า ข้าไม่เข้าใจเลย"
 "องค์ชายที่ข้ารู้จัก ก็คือคนแบบนี้ ทุกอย่างที่อยู่ในโกคูรยอ แม้แต่สัตว์เลี้ยงก็ยังให้ความเมตตา สาอะไรกับคนที่เขารู้จัก กำลังจะมีอันตราย แล้วจะไม่ช่วยได้ยังไง"
 "แต่ข้าผิดวินัยทหาร ต่อให้ทรงมีเมตตาขนาดไหน กับคนที่ทำความผิด ไม่น่าจะให้อภัยง่ายขนาดนี้ ทำไมข้าถึงได้รับสิทธิ์พิเศษอยู่เรื่อยครับ"
 "เรื่องนี้ ไว้ถึงเวลา เจ้าไปถามเขาเองดีกว่า"
 องค์ชายแฮเมียงได้รับข่าวว่าพระราชายูริเสด็จกลับแล้ว และเสด็จมาที่นี่ เมื่อพระราชายูริพบหน้าองค์ชายแฮเมียงทรงตรัสถามทันที
 "ทำไมทำเรื่องแบบนี้โดยไม่บอกก่อน"
 "หม่อมฉันสมควรตาย หม่อมฉันยินดีรับการลงโทษทุกอย่าง แล้วแต่เสด็จพ่อ"
 "เป็นถึงรัชทายาท กลับทำให้พ่อตัวเองและบ้านเมืองเดือดร้อน มันก็ควรตายอยู่แล้ว แต่ข้าอยากรู้ว่า อะไรทำให้เจ้าสิ้นคิดขนาดนี้ บอกมาเร็วๆ ทำไมไม่ยอมอธิบายล่ะ จะรนหาที่ตายใช่ไหม เจ้าคิดชิงบัลลังก์จากข้าจริงหรือ"
 "หม่อมฉัน จะไม่อธิบายอะไรทั้งสิ้น"
 "เจ้าลูกชั่ว บังอาจลบหลู่ข้าถึงเพียงนี้หรือ ถ้าไม่พูด ข้าจะฆ่าเจ้า"
 คูชูช่วยทูลกล่อม "ฝ่าบาท สงบสติไว้ก่อน"
 เวลานั้นแพกึยทราบเรื่องจากผู้ช่วยก็แปลกใจ
 "เพียงแค่จะช่วยทหารคนหนึ่ง ถึงกับไม่ลังเลเชียวหรือ"
 "ข้าก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน แต่มันเป็นเรื่องจริงครับ"
 "แล้วทหารคนนั้นเป็นใคร มีเหตุผลอะไร ถึงทำให้องค์ชายวู่วามขนาดนี้"
 "ทหารที่ถูกช่วยมา หลังจากเกิดเหตุแล้ว ก็หายตัวไปจากค่ายฝึกน่ะครับ ไม่มีใครรู้ว่า เขาไปอยู่ไหนแน่"
 พระราชายูริยังทรงเคืองพระทัยองค์ชายแฮเมียงไม่น้อย
 "แฮเมียง เป็นถึงรัชทายาทกลับทำความผิดที่ไม่อาจให้อภัย เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างโกคูรยอกับแคว้นพูยอ ข้าจึงคิดว่าจะจัดการเรื่องนี้เพื่อให้อ๋องเทโซพอใจ โดยการลงโทษแฮเมียงให้หนัก ฉะนั้นไม่เพียงปลดจากตำแหน่งเจ้าเมืองโชบุนเท่านั้น ยังให้ลดอำนาจของการเป็นรัชทายาทด้วย"
 คูชูถอนใจ "เฮ่อ ฝ่าบาท องค์ชายมีความผิดก็จริง แต่ลงโทษเช่นนี้ออกจะหนักไปหน่อย ขอทรงไตร่ตรองใหม่ด้วย"
 แม่ทัพก็เห็นด้วย "ฝ่าบาท องค์ชายปกครองเมืองโชบุนจนร่มเย็น และชาวบ้านที่นี่ก็รักองค์ชายมาก ถ้าไงทรงถอนรับสั่งคืนด้วย"
 "แล้วทำไงถึงจะให้พูยอหายโกรธเราได้ ให้เปิดศึกกับพวกเขาหรือไง"
 องค์ชายแฮเมียงก้มลง "หม่อมฉัน น้อมรับพระบัญชาของฝ่าบาท"
 "ท่านอำมาตย์ขวา" พระราชายูริเรียก
 แพกึยน้อมรับ "พะยะค่ะฝ่าบาท"
 "ให้ท่านอยู่เมืองโชบุนแทน ทำหน้าที่เป็นคนกลางไกล่เกลี่ย รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับพูยอไว้"
 "หม่อมฉันจะทำงานให้ดี ไม่ให้ฝ่าบาททรงผิดหวังพะยะค่ะ"
 "ส่วนเจ้าก็ช่วยท่านอำมาตย์ทำงาน เพื่อชดเชยความผิด เขาเป็นคนฉลาด เจ้าจะได้เรียนรู้ ว่าอะไรคือการผูกสัมพันธ์กับแคว้นอื่นๆ"
 "รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ"
 "ก่อนจะกลับไปเมืองหลวง ข้าจะไหว้สุสานของพระราชาจูมง ท่านอำมาตย์ ช่วยไปเตรียมการด้วย"
 "พะยะค่ะฝ่าบาท"
 เคยูไม่พอใจกับรับสั่งของพระราชายูรินัก
 "ทำแบบนี้ไม่ถูกนะพะยะค่ะ องค์ชายจะเป็นลูกน้องท่านอำมาตย์ได้ยังไง"
 แม่ทัพเห็นด้วย "หรือไม่ทูลฝ่าบาท ขอกลับไปเมืองหลวงจะดีกว่า"
 องค์ชายแฮเมียงกลับบอกว่า "อยู่อย่างงี้ก็ยิ่งดี หลายปีนี้ข้าแทบไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว ต่อไปจะได้ไปล่าสัตว์กับพวกเจ้า อ่านหนังสือที่น่าสนใจบ้าง"
 "องค์ชาย"
 "ข้ายังมีงานต้องทำในโชบุนมากนัก ข้าอยู่ได้ ไม่ต้องห่วงหรอก"
 ที่ถ้ำ มาโนเห็นมูยุลทำอะไรอยู่ก็เข้าไปขอดู แต่มูยุลบอกว่าไม่มีอะไร
 "เชอะ อ้อ ฝ่าบาทเสด็จมาสุสานหลวงแน่ะ" มาโนว่า
 มูยุลหน้าตื่น "ถ้าอย่างงั้น องค์ชายแฮเมียงมาด้วยหรือเปล่า"
 "ถ้าฝ่าบาทเสด็จมา องค์ชายก็น่าจะมาด้วย"
 เวลานั้นองค์ชายแฮเมียงกราบทูลพระราชายูริว่า
 "นางเป็นผู้ดูแลถ้ำนี้ และยังเขียนภาพ ชื่อเฮยาพะยะค่ะ"
 เฮยานำเสด็จ "ห้องนี้ มีความชื้นมากกว่าห้องอื่นๆ ใช้หินปูนก็ไม่คงทน ฉะนั้น จึงต้องใช้สีระบายแทนเพคะ"
 "อึม ขอคบเพลิงให้ข้า ภาพในห้องเซ่นไหว้เป็นฝีมือของใคร"
 เฮยาเรียก "ออกมาข้างหน้าซิ คนนี้แหละเพคะ"
 พระราชายูริทอดพระเนตร "อายุยังน้อย เขียนภาพได้สวยงามขนาดนี้ นับว่ามีพรสวรรค์ ท่านคูชู"
 "พะยะค่ะ"
 "ไม่เพียงหนุ่มคนนี้ แม้แต่ช่างเขียนอื่นๆ ก็ให้รางวัล เป็นกำลังใจให้แก่ความเหนื่อยยาก จัดสรรตามความเหมาะสมล่ะ"
 "พะยะค่ะฝ่าบาท ฝ่าบาท จะเสด็จไปสุสานของพระมเหสีมั้ยพะยะค่ะ"
 "ทุกครั้งที่ไปไหว้ ข้าจะนึกถึงเรื่องน่าเศร้าในอดีตเสมอ ข้ามีเรื่องจะคุยกับองค์ชาย คนอื่นถอยไปก่อน เด็กคนนั้น รู้มั้ยว่าเขาเป็นไงบ้าง"
 "ทรงหมายถึง มูยุลหรือพะยะค่ะ เอ่อ ตอนนั้น หม่อมฉันไปได้ครึ่งทาง ก็มอบให้ชาวบ้านสองผัวเมียช่วยเลี้ยงดูไป"
 "จากนั้นมีการติดต่อมั้ย"
 "พอไปหาอีกที พวกเขาก็ไม่อยู่แล้ว ถ้าฝ่าบาทจะทรงตามหาเขา หม่อมฉันจะรับหน้าที่ให้เอง"
 "ไม่ต้อง คำทำนายเห็นผลตั้งขนาดนี้ ถึงหาเขาพบก็ไม่มีประโยชน์ มันคงเป็นชะตาระหว่างข้ากับเขา หึ แฮเมียง อนาคต ข้าหวังจะให้เจ้าเป็นพระราชาผู้ยิ่งใหญ่แห่งโกคูรยอ การถอดเจ้าออกจากตำแหน่งเจ้าเมืองโชบุนก็เพื่อเป็นการปกป้อง ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ" พระราชายูริรับสั่งกับองค์ชายแฮเมียง
00000000000000000
 ซังกามาถึงพระมเหสีมียูก็รีบเชิญนั่งและถามว่าได้ข่าวมาหรือยัง
 "เฮ่อๆๆ เกี่ยวกับเรื่องที่ลูกบุญธรรมหม่อมฉัน ได้เป็นเจ้าเมืองโชบุนหรือพะยะค่ะ"
 "ใช่ เห็นว่าฝ่าบาท ทรงริดรอนอำนาจขององค์ชายแฮเมียงทั้งหมด"
 "หม่อมฉันก็ได้ยินมาอย่างงั้น เฮ่อๆๆ"
 "วันนี้ที่เชิญท่านมาพบ เพราะมีเรื่องหนึ่งจะไหว้วาน"
 "เชิญรับสั่งมาได้"
 "ถึงเขาจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของข้า แต่ก็เปรียบเสมือนลูกคนหนึ่ง การที่ฝ่าบาท ทรงริดรอนอำนาจของเขาทั้งหมด ก็เท่ากับลบความผิดที่เขาก่อไปด้วย แต่สำหรับพวกท่าน หัวหน้าเผ่าต่างๆ คงไม่คิดอย่างงั้นสินะ ข้าอยากให้ท่านไปพูดกับหัวหน้าเผ่าทั้งหลาย ให้ยกโทษให้องค์ชายแฮเมียงด้วย"
เมื่อออกมาซังกาก็ถามบ่าวคนสนิทว่า
 "เจ้าคิดว่านั่นคือจุดประสงค์ของนางหรือเปล่า"
 "ไม่ใช่หรอกครับ เป้าหมายแท้จริงของนาง คืออยากให้ปลดองค์ชายแฮเมียงและแต่งตั้งองค์ชายยอจินแทนมากกว่า"
 "หึๆ ถูกต้อง ใครๆ ก็รู้ว่าพระมเหสีคิดยังไงทั้งนั้น แต่นางกลับไม่รู้จักเก็บงำความทะเยอทะยานให้มิดชิดกว่านี้หน่อย"
 "แล้วท่านคิดว่า จะร่วมมือกับนางมั้ยครับ"
 "ให้คนอ่อนแออย่างองค์ชายยอจินเป็นรัชทายาท คิดๆ ไปมันก็ดีเหมือนกัน แพกึยเป็นคนโปรดของยูริไปแล้ว อีกไม่นานหรอก แผ่นดินอาจเป็นของเผ่าพีรูเราก็เป็นได้ เฮ่อๆๆ"
 แพกึยมาดูองค์ชายแฮเมียงยิงธนู
 "ยิงอีกครั้ง มันก็ร่วงแล้วพะยะค่ะ" แพกึยว่า
 "แค่นี้พอแล้ว"
 "ฝีมือยิงธนูขององค์ชาย ว่ากันว่าแม่นนัก ทำไมไม่ยิงต่อล่ะพะยะค่ะ"
 "ข้าอยากยิงหัวใจของอ๋องเทโซมากกว่า แค่นกตัวเดียวช่างมันเถอะ"
 "ทุกวันนี้โกคูรยอ ได้สวามิภักดิ์ต่อพูยอแล้ว ถ้าคิดปองร้ายอ๋องเทโซจะเป็นเรื่องใหญ่ได้" แพกึยเตือน
 "ข้าไม่เคยคิดจะก้มหัวให้แคว้นพูยอเหมือนอย่างเสด็จพ่อ สำหรับข้าแล้ว พวกเขาเป็นศัตรู ยะ"
 "ถ้าจะให้ฝ่าบาททรงหายกริ้ว น่าจะอยู่ใกล้ชิดพระองค์มากกว่า"
 องค์ชายแฮเมียงทรงย้อนว่า "ข้าอยู่โชบุน เป็นภาระให้ท่านหรือไง"
 "เฮ่อๆๆ หม่อมฉันเพียงแต่ เตือนด้วยความหวังดีต่อองค์ชาย"
 "หึ ข้าน่ะ ชอบอยู่โชบุนมากกว่า อาจเพราะข้าเกิดที่นี่ มีความทรงจำในวัยเด็กอยู่ที่นี่มากมาย ข้าจะพยายามไม่เป็นภาระให้ ท่านไม่ต้องรู้สึกเครียดหรอก"
 "เครียดอะไรกัน ไม่มีหรอกพะยะค่ะ ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง หม่อมฉันต้องช่วยองค์ชายอยู่แล้ว"
 "หึ ขอบคุณมาก"
 "แต่ว่า มีเรื่องหนึ่งต้องขอทูลให้รู้ อำนาจสั่งการทางทหาร ตอนนี้อยู่ในมือหม่อมฉัน ถ้ายังบุ่มบ่ามพาคนไปไหนต่อไหน หรือก่อเหตุวิวาทกับแคว้นพูยอ หม่อมฉันคงไม่อยากให้เกิดขึ้น"
 "ข้าเข้าใจ และจะจำคำพูดท่านไว้ แต่ข้าก็มีเรื่องจะรบกวน"
 "เชิญรับสั่งมาได้"
 "ข้าขอนำทหาร ไปสำรวจชายแดนด้วยตัวเอง"
 องค์ชายแฮเมียงไปดูมูยุลกับมาโนสู้กัน พลางรับสั่งบ่น
 "ช่างไม่เอาไหนนัก"
 เคยูทูล "แบบนี้เรียกว่าฝึกซ้อมหรือ พบองค์ชายยังไม่รีบคำนับอีก"
 "จงตามข้ามา" องค์ชายแฮเมียงไป
 "ท่านแม่ทัพ เราจะไปไหนอีกหรือครับ"
 "เพราะพวกเจ้าทำให้องค์ชายต้องเสียตำแหน่งเจ้าเมืองโชบุนไป และยังถูกริดรอนอำนาจของการเป็นรัชทายาท เมื่อทำความผิดก็ต้องรับโทษอยู่แล้วไม่ใช่หรือ" เคยูว่า
 มาโนรีบถาม "ถ้า ถ้าอย่างงั้น เรา ต้องตายหรือเปล่า"
 "ความผิดที่พวกเจ้าก่อ ตายร้อยครั้งก็ยังไม่พอ ตามมาเร็วเข้า"
 มาโนถึงกับร้องไห้ออกมา
 เฮยาทูลถามองค์ชายแฮเมียงว่า
 "เขาทำให้องค์ชาย เดือดร้อนอย่างมาก ถ้าเอาตัวกลับไปอีก จะไม่เป็นภาระหรือเพคะ"
 "ไม่หรอก ที่จริงต้องขอบใจพวกเขา ทำให้ข้าโล่งอกขึ้น ได้ปลดแอกจากการเป็นรัชทายาทมาหลายปี สามารถไปท่องเที่ยวที่ไหนก็ได้ หึๆ น่าจะให้รางวัลมูยุลด้วยซ้ำ ข้าอยากพาเขาไปเปิดหูเปิดตาข้างนอก เพราะสิ่งที่เขาเห็นตั้งแต่เกิด ก็คือถ้ำกิเลน และเมืองโชบุนเท่านั้น การได้ไปดูโลกภายนอกสำหรับเขาแล้ว เหมือนเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่"
 องค์ชายแฮเมียงพามูยุลกับมาโนออกไปข้างนอก
 "รู้มั้ยว่าเรากำลังจะไปไหน" องค์ชายแฮเมียงถาม
 มาโนตอบว่า "ท่านแม่ทัพบอกว่า เราจะไปเมืองเทียนเฉาและเมืองฮวางยง"
 "ไม่ใช่หรอก เราจะไปแคว้นพูยอ"
 เคยูตกใจ "องค์ชาย ไปที่นั่นมันเสี่ยงมาก ถ้าหากฐานะองค์ชายถูกเปิดเผยละก้อ"
 "อาจต้องแลกด้วยชีวิต แต่ว่าข้าอยากเข้าถึงศูนย์กลางของศัตรู เพื่อดูสถานการณ์ กลัวหรือเปล่า"
 มูยุลตอบว่า "ไม่ หม่อมฉันเอง ก็อยากไปเที่ยวพูยอเหมือนกัน"
 "งั้นก็ดี ถ้าไปที่นั่นก็ต้องปิดบังฐานะ ต่อไปอย่าเรียกข้าว่าองค์ชายอีก"
 "เอ่อ ถ้างั้น จะให้เรียกอะไรดี"
 "เรียกพี่ใหญ่จะดีมั้ย ไหนลองเรียกดูซิ"
 "เอ่อ คือ หม่อมฉันไหนเลยจะกล้าบังอาจ"
 "หึๆ ไม่เป็นไร ลองเรียกเร็วเข้า"
 มูยุลลองเรียกก่อน "เอ่อ พี่ใหญ่"
 "คำที่เจ้าเรียก ฟังเพราะมาก หึๆๆ" องค์ชายแฮเมียงทรงหัวเราะชอบใจ
 และค่ำคืนนั้นองค์ชายแฮเมียงก็พบมูยุลยังไม่นอน
 "นอนไม่หลับหรือไง"
 "พะยะค่ะ คือ หม่อมฉัน ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม"
 "ได้สิ ถามมาเลย"
 "เพราะหม่อมฉัน ทำให้องค์ชายต้องมาตกระกำลำบาก ทำไมต้องช่วยคนต่ำต้อยอย่างหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่เห็นเข้าใจเลย"
 "ข้า เป็นองค์ชายแห่งโกคูรยอ ซึ่งราษฎรทุกคนที่นี่ ก็เหมือนเป็นลูกหลานข้า คนเป็นพ่อ จะช่วยลูกที่อยู่ในห้วงอันตราย คงไม่ต้องมีเหตุผลอ้างอิงมากนัก พอใจหรือยัง แล้วเจ้า เคยได้ยินเมืองพูโต มั้ย"
 "ไม่เคย" มูยุลตอบ
 "นั่นเป็นที่ๆ พ่อบังเกิดเกล้า ของพระราชาจูมง รวมถึงบรรพชนเคยอยู่อาศัย เป็นที่ทำกินมา สมัยก่อนพระราชาจูมง เคยตั้งความหวังไว้ว่า จะเอาดินแดนผืนนี้ หรือก็คือพูโต กลับคืนมา ทุกวันนี้โกคูรยอ แม้จะถูกพูยอและเทียนเฉากดขี่ แต่ความหวังของข้า ก็คือซักวันจะได้ยึดครองพูโต เจ้ายินดีจะช่วยข้า สร้างฝันให้เป็นจริงได้ไหม"
 "หึ องค์ชายทรงเมตตา ช่วยชีวิตหม่อมฉันไว้ หม่อมฉันแม้จะไม่มีความสามารถ แต่ก็ขอถวายชีวิตให้ จงรักภักดีต่อองค์ชาย"
 "งั้นเจ้าจงจำไว้ ที่ๆ เราจะช่วยกันกอบกู้คืนมา เรียกว่าเมืองพูโต"
 ในตัวเมือง เสียงจอแจ เคยูต้องคอยดุมาโนกับมูยุลไม่ให้ทำตัวมีพิรุธ และในตัวเมืองมาโนก็ถูกมาวังจังตัวไปต่อว่า
 "เจ้าเป็นใคร หือ มาจากไหนด้วย กล้าดียังไงมาขัดขวางการซื้อทาสของข้า ขอเตือนไว้ก่อน  ถ้าไม่อยากตายก็รีบพูดมาเร็วๆ" มาวังขู่
 องค์ชายแฮเมียงเผยตัวออกมา "ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้"
 มาวังตกใจ "เฮ้ย"
 "ข้าแค่ล้อเล่นหน่อยเดียว ไม่นึกว่าท่านจะโกรธ"
 "องค์ องค์ องค์ชายหรือนี่ อ้อ ทำไมเสด็จมาถึงพูยอล่ะพะยะค่ะ"
 "ข้ามาดูลาดเลา ถ้าจะเปิดศึกจริงก็ควรรู้สถานการณ์บ้านเมืองเขาหน่อย หึๆ"
 "นี่ไม่ใช่ล้อเล่นนะพะยะค่ะ เกิดใครรู้ว่าองค์ชายมาอยู่ที่นี่ อาจมีอันตรายถึงชีวิต"
 "ข้าถึงต้องการความช่วยเหลือจากท่านไง หึ ระหว่างที่ข้าอยู่ในพูยอ ช่วยรับรองฐานะให้หน่อยได้ไหม"
 มาวังอึกอัก "เอ่อ"
 "ยังมีอีกเรื่อง ค่ายฝึกของพวกนักรบทมิฬอยู่ไหน ข้าอยากไปดูให้เห็นกับตา ช่วยพาไปหน่อยได้ไหม"
 "เอ่อ หึ ถ้าไงทรงฆ่าหม่อมฉันดีกว่า หม่อมฉันเพิ่งจะมาปักหลักได้ไม่นาน ได้ เรื่องรับรองฐานะ หม่อมฉันพอมีทางช่วยได้ แต่ว่าที่จะไปค่ายฝึกของพวกนักรบทมิฬ ว้าย อย่า มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ"
 "ข้ารู้ว่าไม่มีอะไรที่ท่านจะทำไม่ได้"
 "ว้าย ระวัง ได้โปรดเถอะองค์ชาย"
 "เอาเถอะ ต้องการอะไรตอบแทนบ้าง ถึงยอมทำงานให้ข้า ถ้าอีกหน่อยข้าได้ครองราชย์ ให้ท่านได้สัมปทานการค้าในเผ่าพีรู ทั้งหมดเลยดีมั้ย เป็นไงล่ะ เงื่อนไขแบบนี้ พอจะให้ท่านทำงานได้หรือยัง"
 "หม่อมฉันจะไปสืบข่าวก่อน พวกเขาเป็นใคร" มาวังถามถึงพวกมูยุล
 "ผู้ติดตามของข้า หึๆๆ"
 เวลาต่อมามาวังกลับมา องค์ชายแฮเมียงรีบถามว่าได้เรื่องหรือยัง
 "พะยะค่ะ สามารถติดต่อร้านค้าที่ส่งเสบียงไปยังค่ายฝึกเดือนละครั้งได้แล้ว ถ้าทรงปลอมเป็นคนงานในนั้น น่าจะเข้าไปได้ หึ ที่หม่อมฉันช่วยได้ก็มีแค่นี้ ที่เหลือนั้น อยู่ที่องค์ชายจะทรงจัดการเอง"
 "แค่นี้ก็พอแล้ว เฮ่อๆๆ ท่านนี่นะ ไม่น่าเป็นแค่พ่อค้าธรรมดาเลย เอางี้มั้ย ไว้ข้าได้ครองราชย์ จะให้เป็นขุนนางซักตำแหน่ง"
 "ฮ่าๆๆ ไม่ล่ะ ขอบพระทัย หึ ขอแค่สัมปทานการค้าในเผ่าพีรูก็พอใจแล้ว"
 มาวังออกมาเห็นมูยุลสวมสร้อยก็เข้าไปถาม
 "เจ้า เห็นบอกว่าเป็นผู้ติดตามองค์ชายหรือ"
 "หึ ใช่ ข้าเป็นทหาร ที่ผ่านการฝึกมา หึ" มูยุลตอบ
 "แล้วสร้อยเส้นนี้เอามาจากไหน"
 "หึ พ่อแม่ข้า เหลือไว้ให้"
 มีการต่อสู้กันขึ้น ทหารคนหนึ่งบาดเจ็บบางคนถูกซ้อม หัวหน้าถามโทจินว่า
 "คำพูดที่ว่า "ต้านทานสารพัดพิษ" หมายความว่าไง"
 โทจินตอบว่า "หมายถึงไม่ว่าพิษชนิดไหนก็ไม่มีผลต่อร่างกาย คนที่รับยาพิษหรือกินในปริมาณน้อยทุกๆ วัน ร่างกายจะเกิดภูมิต้านทาน ไม่กลัวพิษชนิดไหนอีกเลย"
 "นี่คือ พิษที่ไร้สีไร้กลิ่น ไร้รสชาติ มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่สามารถฆ่าคนได้อย่างชะงัดนัก สามารถผลิตได้ยังไง"
 "ใช้ตะขาบ งู คางคก แมงมุมและแมงป่อง ให้รวมอยู่ในกล่อง แล้วฝังลงใต้ดินอย่างมิดชิด ให้พวกมันทำการต่อสู้ในนั้น จากนั้น 2-3 วัน เปิดกล่องออกมาดูจะเห็นว่า ตัวที่อ่อนแอจะถูกกิน เหลือแต่ตัวที่แข็งแกร่งที่สุด นั่นจะเป็นพิษที่ร้ายกาจ เรียกว่า พิษโกตู"
 "ตอบดีมาก พาเข้ามาซิ"
 เชลย 2 คนดิ้นรน
 หัวหน้ากล่าวว่า "นี่คือพิษที่ได้จากแมงป่องตัวสุดท้าย ส่วนนี่คือพิษจากตะขาบ ลงมือได้"
 เชลย 2 คนร้องขอชีวิต แต่หัวหน้าไม่สนใจ
 "ทุกคนดูให้ดี คนหนึ่งถูกพิษตะขาบ อีกคนถูกพิษแมงป่อง"
 เคยูมองแล้วสยอง "ถึงขนาดใช้คนจริงๆ ทดลองกับยาพิษ ช่างน่ากลัวนัก"
 กงชอนรีบบอกมาวังว่าทาศที่ซื้อมาด้วยราคาสูงโดนยาพิษ มาวังรีบตามหมอมาช่วย ยอนตามหมอมาด้วยและตรวจอาการ
 "เหมือนจะกินยาพิษเข้าไปค่ะ" ยอนบอกหมอ
 "ถ้าอย่างงั้น ทำให้นางอาเจียนก่อน"
 ยอนจัดการทำให้ทาสหญิงคนนั้นอาเจียนออกมา จากนั้นหมอก็นำยามาให้กิน และฝังเข็มให้
 "เฮ่อๆๆ ขอบคุณมากน่ะครับ" มาวังกล่าว
 "ไม่ต้องเกรงใจ"
 ยอนกล่าวว่า "พอนางรู้สึกตัว นอกจากโจ๊กแล้ว อย่าเพิ่งให้กินอย่างอื่นนะคะ"
 "ได้ครับ" มาวังรับคำ
 หมอบอกให้ยอนดูแลคนไข้ต่อ ยอนจึงย้อนถามว่า
 "ยังมีคนไข้อีกเยอะ ท่านจะไปไหนคะ"
 "ข้ารู้สึกเพลียจนไม่ไหวแล้ว ขอไปดื่มเหล้าคลายเครียดหน่อย"
 "ดื่มเหล้ามากๆ ก็มีพิษเหมือนกันนะคะ" ยอนเตือน
 "หึ เจ้าอย่าบ่นเป็นยายแก่นักสิ เฮ่อๆๆ"
 "คนต่อไปเชิญค่ะ ไม่สบายตรงไหนหรือคะ" ยอนตรวจคนไข้ต่อ
 มูยุลเข้ามา ยอนตรวจให้ พ่อบ้านก็เข้ามาเชิญยอนกลับ แต่ยอนบอกว่า
 "ไม่เห็นหรือว่ายังมีคนไข้อีกเยอะ ไว้เสร็จแล้วข้าจะกลับเอง"
 "ถ้าท่านไม่ยอมกลับ เราอาจต้องใช้กำลังก็ได้ เร็วเข้า"
 พวกลูกน้องเข้ามา ยอนจำต้องกลับ นางบอกให้คนไข้กลับไปก่อน แต่มูยุลกลับพายอนหนีออกมา พ่อบ้านรีบสั่งให้ลูกน้องตามไปทันที
 มูยุลหอบ "ไม่เป็นไรนะครับ"
 พูดจบมูยุลก็ถูกยอนตบหน้า
 ยอนกลับถึงบ้านก็ถูกทังโนผู้เป็นพ่อพาเข้าเฝ้าพระราชาเทโซ
 "กลับมาแล้วหรือ" พระราชาเทโซรับสั่งถาม
 "ฝ่าบาททรงสำราญดีมั้ยเพคะ"
 "ไม่เห็นเจ้านาน ๆ ก็ชักคิดถึง เดี๋ยวนี้ยังไปตรวจคนไข้ข้างนอกอีกหรือ"
 "ฝ่าบาททรงห่วงใยราษฎร หม่อมฉันก็ห่วงเหมือนกัน"
 ทังโนดุ "ลูกยอน ห้ามเสียมรรยาทต่อฝ่าบาท"
 "เฮ่อๆๆ ไม่เป็นไร ที่ข้าชอบนางก็เพราะเป็นคนพูดตรงนี่แหละ มีศักดิ์เทียบเท่าองค์หญิง กลับไม่รังเกียจชนชั้นต่ำไปรักษาให้พวกเขา นับว่าหายากนัก  เฮ่อๆๆ เฮ่อๆๆ"
 พ่อบ้านตามจับมูยุล แต่มูยุลก็หนีไปจนได้
จบ 4


credit: oknation.net/blog/lakorn

   
 
ความคิดเห็น


.: ต้องการแสดงความคิดเห็น กรุณาบันทึกความคิดเห็นของคุณลงบนแบบฟอร์มข้างล่างนี้ ขอบคุณค่ะ :.

ละครปัจจุบันตอนล่าสุด
(ตอนอื่น ๆ)
ตอนที่ 3 - 4
ละครที่ฉายอยู่ปัจจุบัน
จามอง ยอดหญิงผู้พิทักษ์แผ่นดิน (3)
ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน (15)
ร่วมแสดงความคิดเห็น
* ชื่อ :  
   
อีเมล์ :  
   
* รายละเอียด  
 

ใส่ข้อมูลได้อีก ตัวอักษร
 
* ใส่ค่าตามภาพ  
 
 
 
SABUYJAISHOP ผู้ให้บริการทางการตลาดออนไลน์ สำหรับร้านค้าหรือผู้ประกอบการ ที่ต้องการนำเสนอสินค้า โฆษณา ประชาสัมพันธ์ร้านค้า หรือสินค้าในร้าน โดยเรามีเครื่องมือที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเปิดร้านค้า โฆษณาสินค้า และระบบการสั่งซื้อสินค้าไว้พร้อมสรรพแล้ว สำหรับผู้ที่ต้องการช่องทางในการทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์