แหล่ง shopping
   สินค้าจากร้านค้า
Lifeford อายไลเนอร์ Lifeford Paris Eyeliner Hi-Precise Eye Pen
ดูขนาดรูปภาพจริง
สบายใจการ์ดเมทัลลิคแถบแม่เหล็ก 0.76
ดูขนาดรูปภาพจริง
วาล์วกันเคมีย้อนกลับ อินเจ็คชั่นวาล์วทนเคมี ใช้กับปั๊มติ๊ก ปั๊มโดสเคมี
ดูขนาดรูปภาพจริง
สารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อกำจัดยุงและแมลง สารส้ม ก้อน,คลอรีน ผง,เกล็ด 60%,90%,
ดูขนาดรูปภาพจริง
ชุดลำโพงพกพาพร้อมไมโครโฟน
ดูขนาดรูปภาพจริง
Battery Mainboard c051
ดูขนาดรูปภาพจริง
tween cleansing gel เจลล้างหน้าสำหรับคนเป็นสิว
ดูขนาดรูปภาพจริง
บัตรพลาสติกโปร่งแสง การ์ดพีวีซีโปร่งใส โฟโต้การ์ดใส
ดูขนาดรูปภาพจริง
ปั๊มโดสสารละลาย เติมวิตามินความแม่นยำสูง เพื่อกระบวนการผลิตน้ำดื่ม
ดูขนาดรูปภาพจริง
Paradise Ocean View Condominium (พาราไดซ์ โอเชี่ยน วิว คอนโดมิเนียม)
ดูขนาดรูปภาพจริง
พร้อมส่ง Coach 69621 Lane Satchel
ดูขนาดรูปภาพจริง
Verena Nutroxsun นวัตกรรมใหม่ของผลิตภัณฑ์กันแดดในรูปแบบของการชงแล้วดื่ม
ดูขนาดรูปภาพจริง
ขายเครื่องออกกำลังกายราคาถูก
ดูขนาดรูปภาพจริง
ขนตาปลอม
ดูขนาดรูปภาพจริง
กรอบรูปพร้อมแสตมป์พระราชพิธี
ดูขนาดรูปภาพจริง
โปรโมชั่น ROCKZ X Ceramic (3in1) แม่แพท ณปภา-น้องเรสซิ่ง สเปรย์เคลือบฟิล์มแก้ว
ดูขนาดรูปภาพจริง
RJK SNAIL Natural Eye Serum 5 ml. เซรั่มเข้มข้นสำหรับบำรุงผิวรอบดวงตา
ดูขนาดรูปภาพจริง
Lovely Soft : Nina E16 เทา - 350
ดูขนาดรูปภาพจริง
Inkjet Photo Sticker กระดาษอิงค์เจ็ทโฟโต้สติ๊กเกอร์
ดูขนาดรูปภาพจริง
ครีมt&tครีมสมุนไพรสกัดหัวไชเท้า
ดูขนาดรูปภาพจริง
คอนโดสำหรับเช่า 1 ห้องนอน City Garden Pratumnak (ซิตี้ การ์เด้น พระตำหนัก)
ดูขนาดรูปภาพจริง
Popular Set 1 เซ็ตรักษาสิวพร้อมการดูแลผิว
ดูขนาดรูปภาพจริง
Revitox Creme ครีมหน้าเด้ง โบท๊อก
ดูขนาดรูปภาพจริง
หมูแผ่นนครปฐม ความอร่อยในตำนาน หมูแผ่นยิ้มยิ้มจ้า
ดูขนาดรูปภาพจริง
City Garden Tower (ซิตี้ การ์เด้น ทาวเวอร์)
ดูขนาดรูปภาพจริง
 
เรื่องย่อละคร ตามบทโทรทัศน์
 

ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน [ ตอนที่ 27 ]

 

จำนวนคนเข้าชม : 678 ครั้ง            update : 27/5/2010

   
   
  ซอนต๊อก 27  
 
 คิมยูซินคุกเข่า "ถ้าข้าทำอะไรผิด ก็ต้องขออภัยก่อน สำหรับข้าแล้ว การจะเทิดทูนใครซักคน ต้องทุ่มเททุกสิ่งให้แก่คนนั้น และถ้ารักใครแล้ว ก็จะมอบจิตใจให้เขาทั้งหมด แต่จริงๆ แล้ว ข้าไม่อาจแบ่งความรู้สึกเป็นสองส่วนได้ ฉะนั้นนับแต่นี้ไป ข้าจะตัดความรู้สึกส่วนตัว ที่มีต่อเจ้าทั้งหมด ข้ายินดีจะทำงานให้เจ้า คอยเป็นแขนและขา เป็นคนชี้แนะแนวทาง แต่จะไม่มีความรักให้อีก แม้ข้าจะเลือกเจ้าก็จริง แต่เจ้ากลับเลือกอำนาจแทน จึงทำให้ข้าต้องตัดใจ ยอมรับเจ้าเป็นนายของข้า"
 "ท่านยูซิน"
 "นอกจากทางนี้แล้ว คงไม่มีวิธีอื่นที่จะทำเพื่อเจ้าได้อีก นอกเหนือจากนี้ คงไม่มีทางไหนที่จะให้เจ้าเห็นใจข้าด้วย"
 "ท่านยูซิน"
 "แต่อย่าเข้า ใจผิด ถึงเราจะทำงานด้วยกันก็จริง แต่จะไม่มีเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยว ข้อง ไม่มีโดยสิ้นเชิง แม้ว่าเจ้า อาจเป็นห่วงว่าซักวันข้าจะกลายเป็นหมากให้หลอกใช้ แต่เชื่อว่าถึงตอนนั้น เจ้าจะยิ่งเป็นทุกข์กว่าข้าหลายเท่า เพราะเมื่อข้าอยู่ใต้อาณัติของเจ้า ก็จะหวังพึ่งในการมุ่งสู่อนาคต นี่คือสิ่งที่เรียนรู้จากเจ้า เมื่อเราเป็นผู้นำคนอื่น ก็ต้องสร้างความหวังและกำลังใจแก่ลูกน้อง เพราะฉะนั้น ข้าจะทำอย่างงั้นด้วย ข้าอาจจะบังคับ ให้เจ้ายืดหยัดสู้ต่อไป ข้าจะไม่ให้เจ้าล้มลงง่ายๆ แม้ว่าอีกหน่อยเจ้าจะอ้างว้าง เดินบนเส้นทางที่มืดมิดคนเดียว ข้าก็จะเดินตามเงียบๆ คอยดูให้เจ้าไปถึงเป้าหมาย ต่อไปข้าจะไม่ลงโทษเจ้าอีก ไม่ให้เจ้าผูกถุงทรายเหมือนแต่ก่อน และยิ่งไม่จับมือเจ้าด้วย นี่คือสิ่งที่ข้าเลือกแล้ว"
 ต๊อกมานคิด "นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไป จะเหลือเพียงข้าคนเดียว"
 หลังจากที่ต๊อกมานปรึกษาหารือกับคิมยูซิน และไอชอง
 ไอชองถาม "เรื่องเป็นมายังไงกันแน่"
 คิมยูซินว่า "ข้ายกดินแดนเมืองอัมยางจูให้พวกเขา"
 "แล้วใต้ซือวาชอนล่ะ"
 "อีกไม่ นานจะส่งตัวให้เราแทน"
 "ถ้าอย่างงั้น รบกวนท่านคิมยูซินช่วยอพยพ ชาวหมู่บ้าน "ทากิด" ไปจากที่นั่นโดยเร็ว และหาทางส่งข่าว ให้คนของมีซิลรู้ว่าใต้ซือวาชอนอยู่ในมือพวกเรา เพราะไม่นาน ต้องมีทหารไปตีเมือง ซังยางจู แน่"
 "น้อมรับคำสั่ง"
 "ส่วนข้า จะไปพบใต้ซือวาชอนเดี๋ยวนี้" ต๊อกมานว่า
 ขณะที่ซอแจก็กล่าวกับแวยาว่า
 "องค์ ชาย ข้างนอกมีข่าวลือเกี่ยวกับองค์หญิงแฝดแห่งแคว้นชิลลา แล้วคนที่คิมยูซินทำงานให้ จะเป็นหนึ่งในองค์หญิงแฝดหรือเปล่า"
 "ข้าก็ คิดอย่างงั้น"
 "เอ่อ เดี๋ยว ถ้างั้น ลำพังแค่นางคิดจะคืนฐานะเดิมก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว เราจะไว้ใจการทำงานของคิมยูซินได้หรือ"
 "แต่อย่างน้อยสำหรับพวกเรา ก็ขอมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งไว้ก่อน"
 "ใช่ แล้วพวกเรา ก็จะได้สร้างหลักปักฐานอีกครั้ง"
 "แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว เพราะฉะนั้น ตอนนี้ก็เชื่อฟังคิมยูซินไปก่อน แล้วค่อยดูสถานการณ์อีกที"
 ซอแจตกลง "ตกลงตามนี้"
 อีกด้านคิมยูซินสั่งลูกน้อง "ก่อนอื่นให้ทุกคน ไปช่วยอพยพชาวบ้านออกจากเมือง "ซังยางจู" โดยเร็ว ภายในคืนนี้ถ้าเป็นไปได้ ให้ออกจากซังยางจูแล้วไป  "อัมยางจู" แทน"
 พวกลูกน้องรับคำ "ครับ"
 "ถึง ที่นั่นจะมีคนชื่อ "ชอนกวาง" คอยต้อนรับ แล้วทุกคนก็ฟังเขา จัดสรรที่ดินแบ่งแยกกันไป"
 พวกลูกน้องออก "ครับ"
 แวยากล่าวกับคิมยู ซินว่า "อย่าเพิ่งหลงดีใจ นึกว่ายกดินแดนให้เราแล้ว เราจะภักดีต่อเจ้า"
 "ข้า รู้ แต่นี่คือ ข้อตกลงในการแลกเปลี่ยนไม่ใช่หรือ ตราบใดที่ข้าไม่ผิดสัญญา พวกเจ้าก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งข้า"
 "แล้วจะให้ข้าทำอะไรบ้าง"
 "ช่วย ฝึกการยิงธนู ตามแบบของชนเผ่าคาย่า"
 "ฝึกยิงธนูหรือ"
 "นอกจากนี้ยัง ต้องหัดเพาะปลูกและจัดเป็นกองทัพขึ้นมา"
 "เรื่องการเพาะปลูก หรือแม้แต่จัดตั้งเป็นกองทัพก็ยิ่งดี ไม่เป็นผลเสียต่อเราซักนิด"
 ซอแจ พาต๊อกมานเข้าไปพบใต้ซือวาชอน
 "ท่านคือ ใช่แล้ว หมู่บ้านที่อยู่ในเมืองมานโน"
 "เอ่อ อ้าว นี่เจ้าคือ เด็กที่ทำให้เกิดฝนตกคนนั้น ใช่ไหม"
 "หึ ใช่ ท่านจำได้แล้วหรือ ข้าก็คือต๊อกมาน"
 "หึ นี่แปลว่า เจ้าก็คือ องค์หญิงแฝดแห่งแคว้นชิลลาที่ชาวบ้านลือกันหรอกหรือ ใช่ไหม"
 "หึๆ คงจะใช่นะ"
 ซอแจว่า "เฮ่อๆๆ ช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ หึๆ"
 ต๊อก มานย้อนถาม "แล้วท่านล่ะ มาอยู่นี่ได้ไง"
 "ตอนนั้น หลังจากที่หมู่บ้านถูกกวาดล้าง ระหว่างหลบหนี พอดีเจอคนของกลุ่มโพยามาช่วยข้าไว้"
 "หึ แสดงว่า คนในหมู่บ้านนั้น ก็รวมกับผู้อพยพด้วยหรือ"
 "ใช่ ส่วนใหญ่มารวมกันหมด แต่ยังไงก็ตาม วันนี้ได้มาพบเจ้าอีกครั้ง ข้ารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก แหะ"
 "ใช่"
 "งั้น ขอตัวก่อน เอ่อ เดิมทีเราจะฆ่าท่านด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาขอไว้เลยไม่ได้ลงมือ จงอย่าลืมซะล่ะ เฮอะ อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ เฮอะ เหลือเชื่อจริงๆ เฮ่อๆๆ"
 อีก ด้านหนึ่ง มีซิลก็ปรึกษากับซอวอน
 มีซิลถาม "ไม่ได้อยู่หมู่บ้านทากิดหรือ"
 "ใช่ครับ พวกชาวคาย่าโกหกให้เราหลงเชื่อ"
 "การทำงานของท่านชักจะด้อยประสิทธิภาพ ใหญ่แล้ว"
 "ขอโทษด้วยครับ" ซอวอนกล่าว
 มีซิลเสียงเข้ม "กล้ามาโกหกเรางั้นหรือ ต้องให้พวกเขาได้รับบทเรียนบ้าง ไม่งั้นจะเห็นเราเป็นตัวตลกไป"
 "ครับ"
 "สรุปก็คือ ต้องพาใต้ซือวาชอนกลับมาให้ได้ เข้าใจมั้ย"
 ซอวอนกับโพจองรับคำ "ครับ"
 เวลา นั้นตีอกมานกำลังคุยกับใต้ซือวาชอน
 ต๊อกมานถาม "จะเกิดสุริยคราสหรือ ท่านรู้วันที่หรือเปล่า"
 "จากข้อมูลที่ได้ เป็นการยากที่จะคำนวณ"
 "ข้า มีปฏิทิน "จองกวาง" อีกเล่ม เคยมีคนๆ หนึ่งบอกข้าว่า จริงๆ ปฏิทินเล่มนี้ก็ไม่ได้สมบูรณ์นัก แต่ถ้าเป็นเรื่องวันเวลา มันจะคำนวณได้แม่นยำ ยิ่งกว่าปฏิทินเล่มอื่น"
 "แล้วทำไม ข้าต้องทำงานให้เจ้า" ใต้ซือวาชอนว่า
 ต๊อกมานถาม "คราวก่อนท่านบอกว่าจะเกิดราหูอมจันทร์ ทำให้ชาวคาย่าถูกขับไล่และล้มตายเป็นจำนวนมาก ท่านก็เป็นชาวคาย่า และเป็นนักดาราศาสตร์ ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือ"
 "หึ หน้าที่ของช่างเหล็ก คือผลิตเครื่องมือต่างๆ บางคนอาจใช้ดาบไปฆ่าคน บางคนก็ใช้มีดทำอาหาร บางคนใช้มีดในการผ่าตัด แล้วทั้งหมดนี้ ต้องให้ช่างเหล็กรับผิดชอบด้วยหรือไง"
 "แต่ว่า ช่างเหล็กมีสิทธิ์เลือกว่าจะขายเครื่องมือให้ใครหรือไม่ขายก็ได้ ทำไมต้องใช้ความรู้ที่ท่านมี ไปเข่นฆ่าพี่น้องร่วมเผ่าพันธุ์ถึงพอใจหรือไง"
 ใต้ ซือวาชอนกระแอมนิด "เฮ่อๆๆ แล้วเจ้าล่ะ ไม่เหมือนข้าหรือ"
 "ใช่"
 "เจ้า ก็เหมือนกัน ต้องการจะโค่นล้มท่านมีซิล เลยอยากรู้วันที่จะเกิดสุริยคราส ที่จริงนักปกครองคนไหนๆ ก็เหมือนกันทั้งนั้น ส่วนนักวิชาการก็ไม่ต่าง ก็คือ เป็นเครื่องมือให้พวกเขาอีกที เพราะฉะนั้น มีเหตุผลอะไรที่ข้าต้องช่วยเจ้าทำงาน"
 ต๊อกมานหัวเราะนิด "หึ"
 พวก ซอวอนไปก็ไม่พบใคร โพจองบอกว่าเหมือนชาวบ้านจะหนีไปกลางดึก ซกพุงเห็นบางอยากก็เรียกซอวอนมาดู พบข้อความ
 "ใต้ซือวาชอนอยู่กับพวกเรา จากต๊อกมาน"
 ซกพุงแปลกใจ "ทำไมเป็นต๊อกมานได้ล่ะ"
 "นี่แปลว่าใต้ ซือวาชอนอยู่กับต๊อกมานงั้นหรือ"
 "มีลูกประคำด้วยครับ"
 "ใช่นาง จริงๆ ที่พาตัวใต้ซือไป"
 เวลานั้นต๊อกมานกล่าวกับใต้ซือวาชอนไว้ว่า "ถ้าไม่มอบให้ท่านศึกษาต่อ ปฏิทินเล่มนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ท่านจะฉีกทิ้ง หรือเผาทิ้งไป ก็แล้วแต่ท่านเถอะ"
 พีดัมถามต๊อกมานว่า "เจ้าคิดว่า เขาจะอ่านจริงหรือ"
 "เขาเป็นนักดาราศาสตร์ สิ่งที่อดไม่ได้สำหรับคนประเภทนี้ ก็คือความรู้ที่เร้นรับ เขาต้องอ่านแน่ จากนั้น ก็จะเริ่มคำนวณ"
 มีเซ็งเห็นสร้อยที่พวกซอวอนนำกลับมาก็บอกว่า
 "ใช่ จริงๆ สร้อยเส้นนี้เป็นของใต้ซือวาชอนไม่ผิด"
 มีซิลเสียงดัง "หึ ทำไมเรื่องถึงบานปลายขนาดนี้ ต๊อกมานไปรู้จักใต้ซือวาชอนได้ยังไง แล้วทำไมใต้ซือไปอยู่กับนางได้อีก"
 "แสดงว่าต๊อกมานต้องมีส่วนเกี่ยว ข้องกับกลุ่มโพยาแน่"
 "กลุ่มโพยากับต๊อกมานงั้นหรือ"
 "ท่านเซจู ข้าอยากรู้ว่านักบวชรูปนี้มีความสำคัญแค่ไหน ใต้ซือวาชอนคนนี้ คือผู้ดูแลดอกเหมยแห่งซาตาฮัมใช่ไหม"
 "ใช่"
 ซอวอนแอบถามมีเซ็งว่า "ถ้างั้น ตอนนี้ธิดาเทพก็เสียชีวิตไปแล้ว เรายิ่งต้องพึ่งใต้ซือวาชอนมากขึ้นน่ะสิ"
 มีเซ็งว่า "ใช่ ต้องพึ่งเขา พูดถูกเลย แหะๆๆ"
0000000000000000
 พีดัมอดถามพวกคิมยูซินกับไอชอง ไม่ได้ว่า
 "แต่ว่า ที่มาของคำทำนายที่ว่าแฝดกำเนิด ทายาทชายจะสูญสิ้น มันมาจากไหนน่ะครับ"
 ไอชองว่า "ข้าเคยได้ยินพ่อบอกว่า สมัยพระราชาองค์แรกแห่งราชวงศ์ชิลลาได้ทรงตรัสไว้ และสลักบนป้ายหินด้วย กล่าวกันว่าเป็นความลับของราชวงศ์ มีจดบันทึกไว้ในห้องตำราหลวงเท่านั้น"
 "หึ ถ้างั้น ความลับนี้ถูกเปิดเผยเมื่อไหร่"
 "สมัยพระราชาองค์ที่ 18 องค์ชาย "ยูจี" คิดการใหญ่ ก่อให้เกิดกบฏ"
 "หลังจากนั้นพระเจ้า "ซิลซอง" ถูกทหารกบฎไล่ล่า จึงเอาป้ายหินที่สลักข้อความไปด้วย แต่ระหว่างทางก็สิ้นพระชนม์"
 "ก็เลยเป็นเหตุให้ข้อความบนป้ายหินถูกเปิด เผย"
 "แต่ปัญหาอยู่ที่ ป้ายหินได้หักเป็นสองท่อนขณะตกหน้าผา สิ่งที่อยู่ข้างกายพระเจ้าซิลซอง คือคำว่ายามใดมีแฝดถือกำเนิด ทายาทชายจะสูญสิ้นเท่านั้น"
 "หมายความว่า ข้างหลังยังจะมีข้อความอื่นอีกหรือ"
 "ใช่ แต่ว่า ป้ายหินอีกครึ่งหนึ่งสลักคำอะไรไว้บ้าง และไปตกหล่นอยู่แถวไหน จนป่านนี้ยังไม่มีใครรู้เลย"
 "งั้นก็แปลว่าถ้าเจอป้ายหินอีกครึ่ง ไม่แน่ชะตาอาจจะเปลี่ยนก็ได้"
 "ใช่"
 "ถ้าอย่างงั้น เราน่าจะลองไปหาดู"
 "จะมีทางหาได้ยังไง เรื่องผ่านไปตั้ง 200 ปีแล้ว"
 "องค์ หญิง ตอนนี้ในตัวเมือง ชาวบ้านต่างก็วิจารณ์เรื่องประกาศเกี่ยวกับองค์หญิงแฝด"
 "ต้องเป็นแผน ของมีซิลแน่ ที่คิดเอาเรื่องนี้กดดันฝ่าบาท เราคงต้องรีบไปหาป้ายหิน" คิมยูซินเสนอ
 ต๊อกมานว่า "สรุปก็คือ ต้องเปิดเผยเรื่องฝาแฝด ข้าถึงจะได้รับการยอมรับ เห็นทีข้าคงต้องติดประกาศเหมือนกัน"
 "หา"
 "ท่าน ไปพาลูกน้องมานี่ ถึงเวลาที่เราจะลงมือบ้าง"
 มีเซ็งกล่าวกับมีซิลว่า "ใต้ซือวาชอนคงไม่หันไปช่วยพวกเขาหรอก ที่สำคัญยังไม่ทันรู้ว่าวันไหนจะเกิด สุริยคราสก็ถูกจับไปซะก่อน แบบนี้ยิ่งไม่มีทางคำนวณได้เพราะไม่มีปฏิทินจองกวาง ข้าว่าท่านไม่ต้องห่วงไปหรอก ถึงไม่มีปรากฎการณ์ธรรมชาติให้กล่าวอ้างถึง แต่โดยปกติ เราก็ไม่ได้ทำงานตามคำทำนาย ส่วนใหญ่จะขึ้นกับสถานการณ์พาไปมากกว่า"
 "เจ้าพูดก็ถูก ไหนๆ เรื่องฝาแฝดก็ถูกยกมาพูดเป็นประเด็นแล้ว เรื่องอะไรเราจะรอใต้ซือวาชอนให้เสียเวลาอีก ไปตาม "ซอเม" มาพบข้าหน่อยซิ"
 "ซอ เมหรือ ได้ครับพี่ใหญ่ ฮึ่ม"
 โกโตกับจุปังที่หนีมาต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ จนแทพุงมาพบ ทั้งสองรีบถามหาข้าวเพราะหิวมาก พอเห็นคิมยูซินทั้งสองก็ร้องไห้โฮออกมาด้วยความดีใจ
 "ดีใจเหลือเกิน ฮือๆๆ ฮือๆๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ตั้งแต่ต๊อกมานกับท่านหายไป เราสองคนก็ถูกลากไปลากมา เดี๋ยวก็ถูกขังอีก"
 "แถมยังโดนซ้อม เจ็บตัวตลอดเลย"
 "ใช่ ลำบากพวกเจ้าจริงๆ เรื่องอื่นไว้คุยวันหลังเถอะ ตามข้ามาก่อน"
 "ครับ"
 "เดี๋ยวๆๆ ว่าแต่ ตอนนี้ต๊อกมาน"
 "หึ ออกไปก่อนแล้วค่อยพูด"
 "หา เอ่อ"
 เวลานั้นต๊อกมานก็ถามใต้ซือวาชอน ว่า
 "หึ ท่านช่วยข้า คำนวณหาวันที่ได้ไหม"
 "ครอบครัวข้าที่อยู่เผ่า คาย่า เป็นตระกูลนักวิชาการ ที่ศึกษาศาสตร์ต่างๆ มากมาย แต่แล้ว หลังจากเผ่าคาย่าล่มสลาย ราชสำนักก็สังหารพวกเราเป็นกลุ่มแรก ตอนนั้นข้าเห็นพ่อเสียชีวิตกับตา รู้มั้ยเพราะอะไร"
 "เพราะพวกเขาไม่ อยากให้ ความรู้ของเผ่าคาย่าตกไปอยู่กับแคว้นชิลลา"
 "ถูกต้อง ตอนนั้นแม่ทัพ "ซาตาฮัม" เป็นคนช่วยให้ข้าพ้นจากความตาย เปลือกนอกเหมือนมีซิลหลอกใช้ข้า แต่ข้าก็ไม่ได้ทำเพื่อนางจริงๆ หากแต่เพื่อตอบแทนบุญคุณของซาตาฮัมต่างหาก"
 "ถึงอย่างงั้นก็เถอะ มีซิลใช้เรื่องเหล่านี้ทำลายคนอื่นอีกมากมาย"
 "นั่นเป็นเรื่องการเมือง ไม่เกี่ยวกับข้า เจ้าก็เหมือนกัน จะใช้ความรู้ของข้าเพื่อประโยชน์บางอย่าง ที่จริงข้าก็ไม่ได้ต่อต้าน เพียงแต่ว่า ข้าไม่มีเหตุผลอะไร ที่ต้องทำงานให้เจ้า ไหนๆ ข้าก็แก่เต็มทีแล้ว ไม่อยากให้คนที่ไม่รู้จัก มาหลอกใช้ข้าอีก เพราะฉะนั้น จะฆ่าก็ลงมือเถอะ หึ"
 ต๊อกมานถอนใจ "เฮ่ย"
 คิม ยูซินพาจุปังกับโกโตมาพบต๊อกมาน ทั้งสามดีใจที่ได้เจอกัน
 "พี่จุปัง หึๆๆ"
 "ต๊อกมาน สบายดีหรือเปล่า"
 ต๊อกมานถาม "แล้วท่านล่ะ"
 ไอ ชองดุ "บังอาจนัก"
 จุปังหันมาทางไอชอง "เอ่อ ท่านไอชอง คือ เราไม่ได้เจอต๊อกมานตั้งนาน แค่ทักทายหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง"
 "นั่น สิ แหะๆ"
 "ต๊อกมาน สบายดีใช่ไหม"
 "อึม หึๆๆ"
 "นี่ เรามีเรื่องคุยกับเจ้าเยอะเลย"
 "ใช่ ข้างนอกมีข่าวลือประหลาด"
 กุก ซอนว่า "บอกว่าเจ้า เป็นผู้หญิง"
 แทพุงกล่าวต่อ "หึๆๆ แถมยังว่าเป็นถึงองค์หญิงด้วย"
 ไอชองดุ "สามหาวนัก ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง นางคือองค์หญิงจริงๆ ก่อนมานี่ ท่านคิมยูซินไม่ได้บอกให้รู้หรือไง"
 จุ ปังว่า "ก็ บอกเหมือนกัน เหมือนได้ยินแว่วๆ ว่านางเป็น เอ่อ ว่าแต่ เป็นความจริงหรือนี่ ล้อเล่นมั้ง"
 โกโตว่า "ถ้า ถ้าหาก เจ้า เป็นองค์หญิงจริง งั้น ก็เป็นเชื้อพระวงศ์น่ะสิ"
 "และเป็นผู้หญิงด้วย" กุกซอนว่า
 แทพุงมอง "พูดเป็นเล่นน่า"
 ต๊อกมานยืนยัน "หึ เป็นความจริง เพราะฉะนั้น เลยอยากให้ทุกคนมาช่วยทำงาน"
 ทุกคนยังอึ้งๆ กันอยู่ คิมยูซินบอกว่า "คำนับองค์หญิงแล้วหรือยัง"
 "คำนับ องค์หญิง เฮ้ย อะไรกันนี่ นี่แปลว่า ใช่จริงๆ หรือ เจ้า เจ้าเป็น องค์ องค์หญิงแน่นะ"
 คิมยูซินว่า "คำนับเร็วเข้า นางคือองค์หญิงต๊อกมาน"
 จุ ปังยังตกใจไม่หาย "ตาเถร โอ๊ย อยากจะเป็นลม องค์หญิงๆ"
 โกโต แทพุง กุกซอนรีบคำนับ "องค์หญิงๆ"
 "ไม่เป็นไร อย่ามากพิธีนักเลย"
 ไอชอง ว่า "องค์หญิง เราต้องรักษากฎเกณฑ์ไว้"
 "ได้ยินว่า องค์หญิงมีเรื่องสำคัญจะให้ข้ารับใช้ เชิญสั่งมาได้"
 "หึ ใช่ สิ่งที่ข้าต้องการ คือกระดูกคนและปัสสาวะของแมว"
 คิมยูซินแปลกใจ "อะไรนะ กระดูกคนและปัสสาวะแมวหรือ"
 ต๊อกมานสั่งการ "ใช่ รีบไปหาเร็วเข้า หามาให้เยอะที่สุด"
 จุปังว่า "ปัสสาวะเหมียวเนี่ยนะ"
 ว่า แล้วจุปังก็บอกเรื่องโซวาให้คิมยูซินรู้
 "เจ้าบอกว่าไงนะ แม่ของต๊อกมานงั้นหรือ"
 "ใช่ครับ ได้ยินว่าอยู่ด้วยกันที่ทะเลทราย เลี้ยงดูกันมา และนึกว่านางตายไปแล้ว
 โกโตช่วยยืนยัน "ใช่ครับ ทีแรกนางก็อยู่กับเราดีๆ แล้วจู่ๆ มีคนบุกมา เราสองคนหนีได้ ส่วนนางก็ถูกท่านต๊อกชอนกับท่านปาร์คอึยจับไปอีก"
 "แล้วยังไง" คิมยูซินถามต่อ
 จุปังว่า "ครับ ตอนนั้นเราก็พานางหนีไปด้วยกัน แต่เกิดอุบัติเหตุ นางพลัดตกเขาไป แล้ว เป็นตายร้ายดียังไง เราก็ไม่รู้ เงียบหายไปเลยครับ เอ่อ ท่านคิมยูซินๆ จะทำไงดีครับ ให้บอกหรือไม่บอก"
 คิม ยูซินตัดสิน "อย่าเพิ่งบอกให้นางรู้เรื่องนี้"
 "หา ไม่บอกหรือ ได้ไงครับ ตอนนี้ต๊อกมาน เอ๊ย ไม่ใช่ ได้ข่าวว่าองค์หญิง มีความผูกพันกับแม่คนนี้มากเลย"
 "ถึงบอกว่าห้ามพูดไง หลายเดือนที่ผ่าน นางต้องแบกรับปัญหาสารพัด"
 "ครับ"
 "ครับ ก็ได้"
 "ไม่พูด"
 แท พุงว่า "ทราบแล้วครับ เฮ่ย"
 กุกซอนถาม "เฮ่อ ว่าแต่ จนเดี๋ยวนี้ข้ายังไม่อยากเชื่อเลย"
 "ข้าก็เหมือนกัน รู้สึกเหมือนหัวใจจะวายด้วย"
 โกโตว่า "แต่ว่า งานชิ้นแรกที่องค์หญิงให้เราทำ มันดูแปลกๆ น่ะนะ"
 "นั่นสิ ให้ไปหากระดูกคนกับฉี่แมว จะไปทำอะไรของนาง" ทุกคนพากันสงสัย
0000000000000000
 พระ เจ้าจินพยองตรัสในที่ประชุมว่า
 "นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมมีนกมาตายอยู่หน้าวังตั้งขนาดนี้"
 คิมซอยอนทูล "เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนนะพะยะค่ะ"
 เซจองทูล "ฝ่าบาท ไม่แน่อาจเป็นลางร้ายก็ได้ ไม่งั้นทำไมพวกนกถึงได้"
 ฮาจองทูลต่อ "ฝ่าบาทๆๆ อภัยที่หม่อมฉันบุ่มบ่ามมา ที่หน้าตำหนักใหญ่"
 พระเจ้าจินพ ยองตรัสว่า "หน้าตำหนักใหญ่เกิดอะไรขึ้นอีก บอกมาซิ มีใครเข้ามาทำแบบนี้"
 ยอง ชุนทูล "ฝ่าบาท โปรดอย่าทรงคิดเป็นอื่น นกเป็นสัตว์เล็ก เจอภัยธรรมชาติก็พร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ ส่วนป้ายเมื่อเก่าแล้วก็อาจตกลงมา"
 "ฝ่า บาท หม่อมฉันขอบังอาจทูลซักนิด นกเป็นสัตว์ที่บินสูง กล่าวกันว่าเข้าใกล้พระอาทิตย์มากที่สุด แล้วจู่ๆ ตกลงมาตายโดยเฉพาะในเขตวังหลวงด้วยแล้ว ถือเป็นลางไม่ดีสำหรับราชสำนักเพคะ อีกอย่าง ป้ายชื่อตำหนักอยู่ดีๆ ตกแตกเป็นเสี่ยง อาจเป็นลางบอกเหตุถึงหายนะจะมาเยือนแคว้นเราก็ได้"
 คิมซอยอนทูล "ท่านอย่าพูดให้ทุกคนกลัวได้ไหม ไม่มีเหตุผลอ้างอิงซักนิด เอาแต่พูดเรื่องไม่เป็นมงคลอยู่ได้"
 ฮาจองทูล "หึ แต่ว่าฝ่าบาท แม้แต่นอกวังหลวง ก็มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นพะยะค่ะ"
 พระเจ้าจินพยอง ตรัสถาม "นอกวังก็มีหรือ"
 "เพคะ มีข่าวว่าเมื่อคืนนี้ เอ่อ"
 เซจอง ทูลว่า "ที่หน้าสุสานอดีตพระราชา ก็ปรากฏซากนกตายเป็นฝูงอยู่ที่พื้นพะยะค่ะ"
 ทางฝั่งตีอกมาน คิมยูซินก็กล่าวว่า
 "เพราะเกิดเหตุไม่คาดฝันทั้งในวังและนอกวัง ไม่เพียงแต่ราชสำนัก แม้แต่ชาวบ้านก็เริ่มแสดงความหวาดกลัว"
 "ข้าว่า ต้องเป็นเพราะมีซิล คิดวางแผนชั่วอะไรอีก"
 จุปังกระแอมนิด "เอ่อ คือว่า องค์หญิง ต๊อกมาน แหะๆ คือ งานที่สั่งมา ข้าไปติดต่อคนรู้จักทั้งหมด ให้ช่วยกันรวบรวมให้มากที่สุดแล้ว"
 ต๊อกมานกล่าว "ขอบคุณมาก ต่อจากนี้ ให้ท่านไปจับนก"
 "หา จับนกเนี่ยนะ"
 "ใช่ และต้องจับเป็นอีกต่างหาก ได้ยิ่งมากก็ยิ่งดี"
 พีดัมว่า "นกหรือ พูดถึงเรื่องนก ข้าก็พอมีประสบการณ์บ้าง"
 "ประสบการณ์อะไร เพ้อเจ้อ ต่อหน้าองค์หญิง ทำเป็นคุยโม้ บอกซิจะจับยังไง พูดมาเลย หา"
 พีดัมว่า "ก่อนอื่น ให้หาพวกถั่วเมล็ดแห้งมาเตรียมไว้เยอะๆ เพราะนั่นคือสิ่งที่นกชอบที่สุด หึๆ"
 ต๊อกมานสั่ง "หึ ท่านไอชองก็ไปช่วยอีกแรง"
 "ไม่มีปัญหา"
 คิม ยูซินกล่าวว่า "ให้ข้าไปด้วยมั้ย"
 ต๊อกมานว่า "ไม่ต้อง ท่านมีงานอีกอย่างที่ต้องทำ จะให้ท่าน กลับไปที่บ้านซักครั้ง"
 เวลา เดียวกันพวกมีซิลก็ปรึกษาหารือกันอยู่
 เซจองว่า "แผนของเราดำเนินไปอย่างราบรื่น ตอนนี้ชาวบ้านเริ่มแสดงความหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิด"
 "นั่นสิ เผลอแผล็บเดียวก็ลืมการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงชอนมยองไปแล้ว ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมช่างลืมกันง่ายนัก" มีเซ็งว่า
 ซอวอนกล่าวต่อ"ขึ้น ชื่อว่าชาวบ้าน ก็คือคนที่เชื่อง่ายลืมง่าย แถมโง่อีกต่างหาก"
 มีซิลถาม "งานที่สั่ง จัดการไปเยอะแล้วใช่ไหม"
 "ครับ นอกจากเรื่องนี้แล้วจะให้เพิ่มอะไรอีกมั้ย"
 "แค่นี้ก็พอ นอกเหนือจากนี้ เราไม่ต้องทำอะไร ชาวบ้านจะสานต่อให้เอง"
 "ใช่ ยิ่งเรื่องแปลกประหลาด ก็ยิ่งเหมาะที่จะใส่ไฟให้เกิดสีสันมากขึ้น"
 คิมยูซินกลับมาคุยกับองค์ หญิงมานมยอง
 "หมู่นี้มีเรื่องประหลาดเกิดตามที่ต่างๆ เจ้าเคยรู้บ้างมั้ย"
 คิมยูซินว่า "ครับ ข้าพอรู้เหมือนกัน"
 องค์ หญิงมานมยองถอนใจ "เฮ่ย สงสัยจะเป็นเพราะมีซิล วางแผนทำเรื่องเลวร้ายอะไรอีก จะเป็นไรหรือเปล่าน่ะ"
 "ข้ากับองค์หญิง ต๊อกมาน เอาชีวิตเข้าแลกกับงานนี้ หึ และไม่ตั้งใจ พ่วงเอาท่านกับท่านพ่อ รวมทั้งทรัพย์สินของวงศ์ตระกูลเป็นเครื่องเดิมพัน"
 เมียคิมซอยอน ตอบแทน ด้วยความสำเร็จก็พอแล้ว แล้วที่กลับมาวันนี้เพื่ออะไรกัน
 "ฝากจดหมายนี่ ถวายให้พระมเหสีด้วย เราอาจต้องขอความช่วยเหลือบางอย่างน่ะครับ"
 "หึ แม่จะจัดการให้"
 องค์หญิงมานมยองรีบนำจดหมายไปมอบให้พระมเหสีมายา
 "มา ถึงขั้นนี้แล้ว หม่อมฉันไม่รู้ว่าควรจะเปิดเผยเรื่องนี้ดีมั้ย"
 "ข้า พร้อมที่จะช่วยพวกเขาทุกอย่าง"
 "พระมเหสี"
 "ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไร ข้าก็ยินดีทำ"
 คิมยูซินกลับมาพบต๊อกมาน
 "ใช่ พระมเหสีรับสั่งว่ายินดีช่วยเรา หึ อาจทรงเห็นว่าการสนับสนุนทุกวิถีทาง จะช่วยให้องค์หญิง พบทางออกที่ดีกว่านี้"
 "หึ ใช่ จนวันนี้ข้ายังไม่เคย เรียกนางว่าเสด็จแม่ซักคำ"
 "ถึงเรียกหรือไม่เรียก นางก็คือแม่อยู่ดี" คิมยูซินว่า
 "ใช่ รวมถึงแม่ที่เลี้ยงดูข้าจนเติบใหญ่ นั่นก็เหมือนกัน ใครก็ตามที่เป็นแม่ ล้วนเป็นผู้ให้ที่ไม่หวังอะไร หึ การเจรจากับใต้ซือวาชอน ดูเหมือนไม่ง่ายอย่างที่คิด"
 "เขายังไม่ยอมช่วย เราอีกหรือ"
 "ใช่ หึ ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับเขา ข้ามักรู้สึกกลัว ไม่ว่าจะพูดดีพูดร้ายยังไง เขาก็ไม่สะดุ้งสะเทือน แถมเหตุผลที่เขาตอบโต้ ก็ฟังขึ้นซะด้วย บอกว่าข้า ก็เห็นแก่ผลประโยชน์ หวังจะหลอกใช้เขาเหมือนกัน คนที่มีความคิดแบบนี้ ใครก็โน้มน้าวลำบาก"
 "งั้นเราก็เปลี่ยนวิธีใหม่ ลองฟังว่าจริงๆ แล้วเขาต้องการอะไร ถึงจะไม่พูดจากปาก ไม่เรียกร้องเงื่อนไขตรงๆ เราก็ต้องเดาให้รู้ว่าเขาต้องการอะไร เพราะอีกหน่อยองค์หญิงก็ไม่สามารถ ไปถามชาวบ้านทีละคน ว่าขาดเหลืออะไรบ้าง และยิ่งไม่อาจไปข่มขู่เพื่อจะขอความร่วมมือ เหมือนเด็กแบเบาะที่บอกไม่ได้ว่าต้องการอะไร แต่แม่ก็สามารถอ่านออกได้ องค์หญิงต้องใช้ความรู้สึกของแม่ไปเรียนรู้ความคิดคนอื่น และนี่คือหน้าที่สำคัญ ที่องค์หญิงต้องทำในอนาคต"
 พวกยองชุนออกไปพบพวก ชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านกำลังตกใจ
 "น่ากลัวจริงๆ เกิดได้ไงนี่ ไม่รู้สิ เพิ่งเห็นเมื่อเช้า เห็นแล้วสยอง นั่นสิ ว้าย มาแล้วๆ ถอยไปๆ"
 ยองชุน ตกใจ "นี่มันอะไร ใครช่วยบอกหน่อยซิ หึ"
 ยิมจงว่า "ทหารที่เฝ้าบ่อศักดิ์สิทธิ์มารายงานว่า จู่ๆ เช้านี้ก็เห็นเลือดซึมออกจากบ่อน่ะครับ"
 ยองชุนว่า "เลือดหรือ นี่เป็นบ่อศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นชิลลา ศูนย์รวมจิตใจของผู้คน แล้วทำไมเกิดเรื่องน่ากลัวแบบนี้ได้"
 "เห็นชัดว่าไม่ปกตินะคะ"
 "จุ๊ๆ ขนาดบ่อน้ำอยู่ดีๆ ยังมีเลือดไหลออกมา แสดงว่าอีกไม่นานต้องเกิดเหตุบางอย่างแน่"
 "เอ่อ ไม่แน่อาจเพราะสวรรค์พิโรธ ลงโทษให้เกิดเหตุร้ายกับพวกเราก็ได้น่ะครับ"
 "นั่น สิครับ ทุกวันนี้มีแต่เรื่องประหลาดเกิดอยู่ทั่วเมือง เราอยากให้ท่านมีซิลซึ่งเป็นธิดาแห่งสวรรค์ ออกมาทำพิธีเซ่นไหว้ซักครั้งน่ะครับ"
 "บังอาจ เห็นท่านมีซิลว่างมาก ออกมาบ่อยๆ ได้หรือ"
 "ไม่งั้นจะทำไงล่ะครับ คนที่รับบัญชาจากสวรรค์ก็มีแต่ท่านมีซิลคนเดียว ใครๆ ก็รู้"
 "ถ้านาง ยอมออกมา เหตุร้ายก็จะไม่เกิดขึ้น"
 "โปรดให้นางออกมา เพื่อระงับเภทภัยที่จะเกิดด้วยเถอะ"
 พวกชาวบ้านช่วยกันพูด "ให้นางออกมาเถอะ ช่วยระงับเหตุร้ายที่จะเกิดด้วย เราต้องการท่านมีซิลคนเดียว โปรดช่วยเราด้วยเถอะครับ"
 อีกด้านหญิงสาว เข้าไปถามมีเซ็ง
 "ท่านทำได้ไงคะนี่"
 "ไม่เห็นจะยากตรงไหน ปิดกั้นทางระบายน้ำแล้วมันก็จะเอ่อล้นขึ้นมา เอ่อขึ้น มา ๆ แล้ว ปั้ง ทีเดียว น้ำก็ไหลทะลัก เฮ่อๆๆ จากนั้นก็เคลือบสีแดงไว้รอบๆ บ่อซะ"
 "หึๆๆ ท่านช่างเก่งจริงๆ หัวเราะเบาหน่อยสิคะ"
 มีเซ็งว่า "รู้แล้วน่า"
 เหล่า ขุนนางพากันทูลพระเจ้าจินพยอง
 "เป็นอาเพทที่น่ากลัวพะยะค่ะ ชาวบ้านอกสั่นขวัญแขวน จนไม่รู้จะทำไงดีแล้ว"
 "นั่นสิพะยะค่ะ ไม่เพียงโจรผู้ร้ายชุกชุม ชาวบ้านยังหวาดผวากับอาเพทต่างๆ นับแต่องค์หญิงชอนมยองสิ้นพระชนม์ ชาวบ้านขาดที่พึ่งทางใจถึงได้"
 มี เซ็งรีบสนับสนุน "ใช่แล้วพะยะค่ะฝ่าบาท ชาวบ้านจึงเรียกร้องให้ท่านมีซิลซึ่งเป็นธิดาแห่งสวรรค์ ช่วยทำอะไรบางอย่าง เพื่อปลอบขวัญพวกเขาพะยะค่ะ"
 "นั่นสิ คงต้องทำอะไรบ้าง สมควรปลอบขวัญพะยะค่ะ ต้องรบกวนท่านมีซิลแล้ว"
 "ฝ่าบาท เหล่าขุนนางจึงมีมติ เพื่อไม่ให้เกิดอาเพทในบ้านเมืองมากกว่านี้ สมควรให้ท่านมีซิลทำพิธีบวงสรวงสักการะแก่ฟ้าดินซักครั้ง ขอทรงอนุญาตด้วย"
 พระ เจ้าจินพยองตรัส "ท่านเซจู"
 "เพคะฝ่าบาท ด้วยความยินดีเพคะ หม่อมฉันจะไปเก็บตัวในตำหนักเทพ ตั้งจิตบนบานอธิษฐาน 7 วัน 7 คืน เพื่อเป็นการปลอบขวัญราษฎร อีกทั้งขอขมาต่อสวรรค์หากมีการล่วงเกิน"
 ฮา จองออกมาก็ถามเซจองกับมีเซ็งว่า
 "บัญชาสวรรค์ที่ท่านแม่จะได้รับคราวนี้ คิดไว้ก่อนแล้วใช่ไหม"
 เซจองว่า "ก็มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้น"
 มี เซ็งก็ว่า "แน่นอน ไม่บอกก็รู้อยู่"
 "บัญชาคราวนี้ ก็คือกำหนดเรื่องรัชทายาทให้แน่ชัด"
0000000000000000
 ต๊อกมานอ้อน วอนขอร้องใต้ซือวาชอนอีก
 "ใต้ซือ รบกวนท่าน ช่วยคิดอีกครั้งได้ไหม เรื่องนี้ ข้าไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่สำหรับชาวชิลลาทั้งหลาย ก็มีความสำคัญด้วย ขอร้องท่านจริงๆ ข้าจำเป็น ต้องรู้วันเกิดสุริยคราสให้ได้ ในที่สุด เราก็ทำได้แล้ว หึ"
 คิมยูซิ นถาม "เขายอมบอกวันที่แล้วหรือ"
 "ใช่ เขาจะยอมบอก"
 แวยาถาม "จะเกิดเมื่อไหร่"
 "เรื่องนี้ ข้าบอกได้แต่พีดัมคนเดียว เรื่องนกเตรียมพร้อมแล้วใช่ไหม ข้าต้องการภายในคืนนี้"
 "ได้"
 "ถั่ว กับป้ายหินก็เตรียมพร้อมเหมือนกัน"
 "งั้นก็ดีมาก ตอนนี้พวกเราทุกคน เริ่มทำงานได้" ต๊อกมานสั่งการทันที
 พวกจุปังออกไปหาขอตามคำสั่งของต๊อก มาน
 "พี่จุปัง ท่านเก่งเรื่องเขียนพู่กันใช่ไหม"
 "อย่าว่าแต่พู่กัน ข้ามีความสามารถร้อยแปดพันเก้า แหะ"
 "ถ้าอย่างงั้น ช่วยเขียนตามข้อความนี่ให้หน่อยได้ไหม"
 "ได้ครับได้ ไม่มีปัญหา เรื่องหมูๆ อยู่แล้ว"
 "นี่ เราไปคุยกันหน่อยดีมั้ย"
 "ว้าย เอ่อ องค์หญิง"
 "เฮ้ย เดี๋ยว นี่"
 ต๊อกมานบอกพีดัม "หึ ตาเจ้าออกโรงบ้างแล้ว"
 พีดัมยังตกใจ "หา"
 "มั่นใจว่าเจอใครก็ไม่ กลัว ไม่มีตัวสั่นด้วยล่ะ" ต๊อกมานว่า
 "หึ ถ้าห่วงนักก็ไปทำเองละกัน ความจริงเจ้าน่าจะออกโรงเองมากกว่าจริงมั้ย ผู้หญิงที่ชื่อมีซิล น่ากลัวมากหรือ"
 "หึ นางเหมือนอ่านใจข้าออกทุกอย่าง เพราะฉะนั้น เจ้าก็อย่าให้นางรู้ทันความคิดละกัน"
 "บอกแล้วว่าไม่ต้องห่วงไง ว่าแต่ เมื่อไหร่จะเกิดสุริยคราส หือ"
 "ข้าจะบอกเจ้าคนเดียว"
 "อึมๆ ดี พูดเร็วเข้า"
 พวกนางในมองไปที่ตำหนังขององค์หญิงชอนมยองก็พากันตกใจ
 "ว้าย ทำไมถึงได้ ทำไมเรื่องน่ากลัวแบบนี้ ถึงได้เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ฮือ ฮือ"
 พวก ชาวบ้านก็เห็น "นั่นนกอะไรน่ะ ทำไมมาบินว่อนตอนกลางคืน มันเรืองแสงด้วยเห็นมั้ย นั่นสิ นกประหลาดอะไรกัน มีแสงในตัวด้วย"
 จุ ปังมองไปแล้วบอกว่า "นี่ๆๆ ดูนั่นสิ เห็นมั้ย โอ้โห แหม ถึงเราจะทำเอง แต่เห็นแล้วก็อดทึ่งไม่ได้"
 "นั่นสิ เพิ่งรู้ว่ากระดูกมนุษย์ สะท้อนแสงได้ด้วยหรือนี่"
 "นั่นสิ"
 แทพุงแปลกใจ "ทำไมต๊อกมานรู้วิธีนี้ได้ล่ะ"
 กุกซอนดุ "จะบ้าหรือ เรียกชื่อตรงๆ ได้ไง แหม แต่พูดก็พูด ทำไมองค์หญิงถึงได้ฉลาดนักนะ"
 "นี่ นางเคยบอกว่า ตอนอยู่ทะเลทรายเคยเห็นกระดูกคนอยู่ตามพื้นทราย เลยมาผูกกับตัวนกไง"
 "ลูก พี่ ว่าแต่ นางให้นกบินไปบินมา เพื่อจะทำอะไรน่ะ"
 รุ่งเช้ามีเซ็งกระแอม นิดขึ้น หญิงสาวรีบบอกว่า
 "เมื่อคืนบนท้องฟ้าเหนือตำหนักขององค์หญิง ชอนมยอง เห็นนกเป็นจำนวนมาก น่ะค่ะ"
 "เฮอะ เฮ่อๆๆ เรื่องนี้ข้าก็ว่าจะถามท่านเหมือนกัน บอกหน่อยซิ ทำได้ไงน่ะ ถึงให้นกบินไปบินมาแถมยังเปล่งแสงได้อีก แหะๆๆ"
 "ไม่ใช่ผลงานของท่าน หรอกหรือ"
 มีเซ็งหน้าตาเหรอหรา "ข้าน่ะหรือ งั้นอาจเป็นชาวบ้านคนไหนนึกอุตริขึ้นมาล่ะมั้ง ไหนๆ ทุกวันนี้ก็เกิดเรื่องประหลาดร้อยแปดอยู่แล้ว ถึงมีนกมาผสมโรงด้วยก็ไม่เห็นแปลก เฮ่อๆๆ"
 "แต่ข้าเห็นกับตานะคะ นกมากมาย บินไปมาอยู่บนฟ้า"
 "เห็นกับตาหรือ อ้าว" มีเซ็งถาม
 ซอวอน เข้ามากระแอมนิด มีเซ็งรีบหันมามอง "อ้อ แหะๆ เชิญๆ เชิญนั่ง แหม เฮ่ย"
 "ได้ ยินว่าตอนนี้มีคนๆ หนึ่ง ไปกราบไหว้อยู่หน้าบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์"
 "แล้ว มันจะแปลกตรงไหน ปกติบ่อนั้นก็เป็นที่นับถือของชาวบ้าน มีคนไปกราบไหว้ตลอดอยู่แล้ว หึๆ"
 "เฮ่ย ไม่ใช่อย่างงั้น คนๆ นั้นสามารถจุดธูปโดยไม่ใช้ไฟ ชาวบ้านต่างบอกว่านั่นคือผู้วิเศษ ตอนนี้เลยไปชุมนุมกันใหญ่"
 มีเซ็งสีหน้าตกใจ "หา อะไรนะ ผู้วิเศษหรือ"
 "เขา บอกว่าบ้านเมืองจะเกิดอาเพท เลยต้องเสริมดวงให้แข็งแกร่ง กำลังพาชาว บ้านร่วมกันกราบไหว้อยู่"
 "เฮ่อๆๆ สงสัยจะเป็นคนบ้า เรียกร้องความสนใจมั้ง เฮ่อๆๆ"
 พวกชาวบ้านวิจารณ์กันเบาๆ ตกใจที่เห็นไฟลุก "สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาด้วยเถอะ อย่าทำอะไรลูกช้างเลย ลูกช้างเป็นคนดีนะจ๊ะ"
 มีซิลทูลพระเจ้าจินพยองว่า
 "ฝ่าบาท หม่อมฉันได้รับบัญชาจากสวรรค์แล้ว บัญชานั้นก็คือ"
 "ฝ่าบาทเพคะ ฝ่าบาท"
 เซจองดุหญิงคนหนึ่งที่เข้ามา "ใครให้เข้ามาตอนนี้น่ะ"
 "เกิด เรื่องใหญ่แล้วเพคะ"
 "เกิดเรื่องใหญ่อะไร"
 "เอ่อ ที่บ่อน้ำน่ะค่ะ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เอ่อ"
 เกิดแผ่นดินไหว พวกชาวบ้านตกใจกราบไหว้ ยิ่งทำให้พวกมีเซ็งหงุดหงิด
 "เฮ่ย เห็นอยู่ว่างานใกล้สำเร็จแล้ว จู่ๆ มีเหตุการณ์บ้าบออะไรก็ไม่รู้"
 "ท่านเซจู"
 "เหตุการณ์เป็นไงบ้าง"
 ซอ วอนว่า "เฮ่ย แม้จะส่งทหารไปคุมไม่ให้ชาวบ้านแตกตื่นเกินไป แต่ข่าวก็ไปเร็วมากจนยากจะสกัดไว้ได้"
 "แล้วข้อความบนป้ายหินที่โผล่มา เขียนอะไรไว้บ้าง"
 "เขียนว่า เขียนว่า"
 มีซิลรีบถาม "เขียนอะไร"
 "เป็น คำทำนายเมื่อ 200 ปีก่อนที่หายสาบสูญ เกี่ยวกับเรื่องฝาแฝด ทายาทชายจะสูญสิ้น และข้อความต่อจากนั้นน่ะครับ"
 ทุกคนพากันตกใจ "อะไรนะ"
 "แล้ว เขียนว่าไงอีก"
 "ข้อความนั่น เขียนอะไรกันแน่"
 "ข้า คัดลอกทุกประโยคมาให้ดู"
 พีดัมเขียนไว้พวกมีซิลอ่านกันว่า "ดาวแคยางสู่สวรรค์ อาทิตย์จะสิ้นแสง วันใดที่ดาวแคยางกลับสู่สวรรค์ จะเกิด สุริยคราส ดาวแคยางดวงใหม่ จากฟากฟ้ามายังโลกมนุษย์ วันใหม่แห่งชิลลาจะยิ่งสดใส ฟ้าใหม่กระจ่างเรืองรอง ส่องทั่วปฐพีชิลลา"
 มี ซิลอ่านแล้วบอกว่า "นี่เป็นการแต่งขึ้น"
 "แต่งขึ้น ไปจับคนที่ไปเซ่นไหว้มาพบข้าเดี๋ยวนี้"
 มีเซ็งหัวเราะ "หึๆๆ"
 "มัน กล้าบังอาจลบหลู่ธิดาสวรรค์อย่างข้า แถมยังมอมเมาประชาชน สมควรจะจับมาตัดหัวซะ รีบไปจับตัวมา"
 พวกชาวบ้านพากันแตกตื่น "นี่คือของจริงมั้ง ปาฏิหาริย์บังเกิดแท้ๆ อะไรจะน่ากลัวขนาดนี้ สวรรค์ส่งเขาลงมาแน่"
 พีดัมว่า "ทุกคนฟังให้ดี นี่คือบัญชาจากพระเจ้า "ย็อคกอแซ" องค์ปฐมราชา ซึ่งมีมายังแคว้นชิลลาแห่งนี้"
 "บัญชาอีกหรือ บัญชาอะไรอีก นั่นสิ ข้าก็ไม่รู้ ฟังไปละกัน"
 โพจองเข้ามา "หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้าลุกขึ้นก่อน หมอนี่คิดร้ายต่อบ้านเมือง"
 ชายคนหนึ่ง ถามว่า "เดี๋ยว จับเขาทำไมน่ะ"
 "นั่นสิ เขาจะคิดร้ายต่อบ้านเมืองได้ไง"
 ซก พุงเดือด "พูดมากนัก ถอยไปห่างๆ เดี๋ยวนี้"
 พีดัมนิ่ง "ทุกท่านถอยไปก่อนเถอะ ข้า ไม่กลัวที่จะไปไหนทั้งนั้น"
 พีดัมนึกถึงสิ่ง ที่ต๊อกมานบอกเขาว่า
 "ข้าจะบอกเจ้าคนเดียว"
 "อึมๆ ดี บอกมาเร็วเข้า เขียนวันที่จะเกิดสุริยคราสหรือ"
 "สุริยคราส จะยังไม่เกิด"
 พีดัม ตกใจ "หา"
 "ฟังให้ดีนะ ตอนนี้มีซิล รู้ว่าใต้ซือวาชอนถูกจับตัว และรู้ว่าเขา อยู่ในกำมือพวกเรา ที่สำคัญ ธิดาเทพได้เสียชีวิตไปแล้ว จะทำให้นางไม่มั่นใจ ไม่รู้ว่าที่ใต้ซือ วาชอนกำลังคำนวณวันเกิดสุริยคราส จะรู้แน่หรือเปล่า ส่วนหน้าที่ของเจ้า คือทำให้นางเชื่อว่า สุริยคราสจะเกิดแน่นอน ที่แล้วมา เคยเล่นการพนันมั้ย"
 "อึม เคยซี่ แล้วทำไม"
 "ไพ่ที่อยู่ในมือเรา คือไพ่ลวง ถ้าแผนนี้เกิดล้มเหลว จะไม่มีใครช่วยชีวิตเจ้าได้ เจ้าต้องหาทางรอดเอาเอง"
 ในวังหลวงพระมเหสี มายาทรงตรัสถามองค์หญิงมานมยอง
 "นี่ นี่มันคือข้อความ แผ่นนั้นใช่ไหม"
 "เพ คะ เราเคยเอาบันทึกที่อยู่ในหอตำราหลวง คัดลอกให้ต๊อกมานแผ่นหนึ่ง"
 "ตาย ล่ะ ลูกคนนี้ กล้าวางแผนขนาดนี้เชียวหรือ"
 "ใช่แล้วเพคะ เพราะนอกจากนี้แล้วไม่มีวิธีอื่น เป็นแผนที่เสี่ยงอันตรายขององค์หญิงแน่นอน เป็นข้อความที่องค์ปฐมราชา "ย็อคกอแซ" เขียนไว้จริงๆ ถ้าพระราชามีลูกแฝด ทายาทชายจะสูญสิ้นและมีประโยคต่อจากนี้อีกเพคะ"
 "ใช่ ไม่ผิดจริงๆ เมื่อใดที่ดาวแคยางกลับสู่สวรรค์ อาทิตย์จะสิ้นแสง"
 "ถ้าพูดถึงดาวแคยาง ใครๆ ก็รู้ว่าหมายถึงองค์หญิงชอนมยองทั้งนั้น นั่นหมายความว่า ถ้าองค์หญิงสิ้นพระชนม์เมื่อไหร่ จะเกิดสุริยคราสหรือเปล่าเพคะ"
 "หา แคยางดวงใหม่ วันใหม่แห่งชิลลา สดใสเรืองรอง ต้องมีดาวดวงใหม่มาแทนที่ ชิลลาจึงจะเจริญอีกครั้ง อนาคตยิ่งสดใสงั้นหรือ"
 "ดาวดวงใหม่มาแทนที่ คงไม่ใช่หมายความแค่ดาวบนฟ้าเท่านั้น"
 "หมายถึงลูกอีกคน ดาวแคยางอีกดวงหนึ่ง หรือก็คือต๊อกมานนั่นเอง"
 พระเจ้าจินพยองตรัสถาม คิมซอยอนว่า
 "เพราะอะไร ทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ ป้ายหินที่สูญหายไปกว่า 200 ปี อยู่ดีๆ ปรากฏได้ยังไง"
 "หลังจากที่บ่อมีเลือดออกมา ก็เกิดเรื่องนี้พะยะค่ะ ประโยคต่อจากยามใดมีแฝดกำเนิด ทายาทชายสูญสิ้นก็คือ ดาวแคยางสู่สรวงสวรรค์ อาทิตย์จะสิ้นแสง"
 "หลังจากอาทิตย์สิ้นแสง ดาวแคยางจะขึ้นมา เมื่อดาวแคยางขึ้นมาแล้ว วันใหม่แห่งชิลลา วันใหม่แห่งชิลลาจะหมายถึง อนาคตที่สดใสกว่า ท้องฟ้ากระจ่างเรืองรอง"
 "แม้ วันใหม่แห่งชิลลาจะเป็นความสดใสก็จริง แต่คำว่าอาทิตย์สิ้นแสง กลับไม่เป็นมงคลต่อบ้านเมือง แล้วจะอธิบายยังไงพะยะค่ะ"
 พระเจ้าจินพยอง ตรัสว่า "ที่สำคัญ ยังพูดถึงดาวแคยางจะขึ้นมา ถ้าดาวแคยางขึ้นมาอีกครั้งจริง คำๆ นี้จะหมายถึงใครได้"
 พระมเหสีมายา ตรัสขึ้น "หมายถึงต๊อกมานเพคะ"
 "น้องหญิง เจ้าเอาอะไรมาพูดน่ะ ต๊อกมานอะไรกัน"
 "ทรงเห็นข้อความแล้วหรือพะยะค่ะ นั่นเป็นป้ายหินที่สูญหายในอดีตไปนาน"
 องค์หญิงมานมยองกล่าวว่า "ไม่ใช่หรอกค่ะท่าน"
 "ทำไมจะไม่ใช่ นั่นไม่ใช่ป้ายหินของบรรพชนหรอกหรือ"
 "ทั้งหมดเป็นเรื่องราวที่ต๊อกมาน กุขึ้นเพคะ" พระมเหสีมายาตรัส
 พระเจ้าจินพยองทรงไม่เข้าใจ "พูดแบบนี้หมายความว่าไง"
 "ฝ่าบาท นี่เป็นแผนชั้นเยี่ยมที่องค์หญิงต๊อกมานทรงคิดเพคะ"
 ยองชุนทูล "หมายถึงการแอบอ้างข้อความบนป้ายหินน่ะหรือ"
 "ท่านพูดถูกแล้ว เพราะนั่น เป็นข้อความที่ข้าแอบคัดลอกให้ต๊อกมาน จากบันทึกราชวงศ์ที่เก็บอยู่ในหอตำราหลวงของเรา"
 "น้องหญิง เจ้าทำแบบนี้ได้ไง"
 "หม่อมฉันคิดแล้วว่าถ้าจะคืนฐานะองค์หญิงให้นาง แต่เราไม่เปิดเผยเรื่องลูกแฝดคงเป็นไปไม่ได้แน่"
 "โดยเฉพาะข้อความที่ จารึก ไม่ได้บอกว่าการมีลูกแฝดเป็นเรื่องอัปมงคล เพียงแต่เป็นคำกล่าวสำหรับการบุกเบิกแผ่นดินใหม่เท่านั้น"
 "แสดงว่า เพื่อไม่ให้เรื่องฝาแฝดเป็นอาถรรพ์ นางก็เลย"
 "ใช่ค่ะ เป็นแผนการที่แยบยลและใครก็นึกไม่ถึง"
 "แต่ว่า ถ้าจะให้ตรงกับข้อความนี้ก็ต้องเกิดสุริยคราส แล้วทำไงถึงจะให้เกิดได้ล่ะ"
จบ 27





เครดิต : oknation.net/blog/lakorn






   
 
ความคิดเห็น


.: ต้องการแสดงความคิดเห็น กรุณาบันทึกความคิดเห็นของคุณลงบนแบบฟอร์มข้างล่างนี้ ขอบคุณค่ะ :.

ละครปัจจุบันตอนล่าสุด
(ตอนอื่น ๆ)
ตอนที่ 27
ละครที่ฉายอยู่ปัจจุบัน
จามอง ยอดหญิงผู้พิทักษ์แผ่นดิน (3)
ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน (15)
ร่วมแสดงความคิดเห็น
* ชื่อ :  
   
อีเมล์ :  
   
* รายละเอียด  
 

ใส่ข้อมูลได้อีก ตัวอักษร
 
* ใส่ค่าตามภาพ  
 
 
 
SABUYJAISHOP ผู้ให้บริการทางการตลาดออนไลน์ สำหรับร้านค้าหรือผู้ประกอบการ ที่ต้องการนำเสนอสินค้า โฆษณา ประชาสัมพันธ์ร้านค้า หรือสินค้าในร้าน โดยเรามีเครื่องมือที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเปิดร้านค้า โฆษณาสินค้า และระบบการสั่งซื้อสินค้าไว้พร้อมสรรพแล้ว สำหรับผู้ที่ต้องการช่องทางในการทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์