แหล่ง shopping
   สินค้าจากร้านค้า
ขนมขาไก่สามรส
ดูขนาดรูปภาพจริง
คอนโดสำหรับเช่า 1 ห้องนอน City Garden Pratumnak (ซิตี้ การ์เด้น พระตำหนัก)
ดูขนาดรูปภาพจริง
ตัดเสื้อเชิ้ต ยูนิฟอร์ม เสื้อเชิ้ตพิมพ์ลาย
ดูขนาดรูปภาพจริง
ปั๊มโดสสารละลาย เติมวิตามินความแม่นยำสูง เพื่อกระบวนการผลิตน้ำดื่ม
ดูขนาดรูปภาพจริง
tween hab-5 ครีมบำรุงสำหรับคนเป็นสิว หน้ามัน ผิวแพ้ง่าย
ดูขนาดรูปภาพจริง
เครื่องไล่นกระบบไฟฟ้า BIRD PROTECT
ดูขนาดรูปภาพจริง
คอนโดสำหรับเช่า 2 ห้องนอน City Garden Pattaya (ซิตี้ การ์เด้น พัทยา)
ดูขนาดรูปภาพจริง
บริษัท เอส ไรคส์ จำหน่ายเครื่องจ่ายสารละลายคลอรีนสารส้มปูนขาวจ่ายน้ำยาล้างตะกรัน
ดูขนาดรูปภาพจริง
บัตรพลาสติกโปร่งแสง การ์ดพีวีซีโปร่งใส โฟโต้การ์ดใส
ดูขนาดรูปภาพจริง
บาตรไม้ บาตรน้ำมนต์ ทำจากไม้แท้ แบบปิดทองและประดับกระจก มี 3 ขนาด
ดูขนาดรูปภาพจริง
แอร์ SHAPR PR13
ดูขนาดรูปภาพจริง
เบบี้หมีพูห์ Disney Winney The Pooh Baby
ดูขนาดรูปภาพจริง
Real Hair 4 กล่อง (เรียวแฮร์ เซรั่มปลูกคิ้ว หนวด เครา จอน)
ดูขนาดรูปภาพจริง
กรอบรูปพร้อมแสตมป์พระราชพิธี
ดูขนาดรูปภาพจริง
Onitsuka Tiger รุ่น Mexico66 Slip on Paraty
ดูขนาดรูปภาพจริง
CP Serum แก้ปัญหารูขุมขน หลุมสิวสำหรับคนผิวแพ้ง่าย
ดูขนาดรูปภาพจริง
Cable CLIP (3M) Black c030
ดูขนาดรูปภาพจริง
Coach F76636 Town tote in signature canvas
ดูขนาดรูปภาพจริง
Car Camera "Magic Tech" G-30
ดูขนาดรูปภาพจริง
ตู้เย็น Teka รุ่น NFD 650 INOX
ดูขนาดรูปภาพจริง
Lacsal Serum ลดการอุดตันของรูขุมขน พร้อมกับลดรอยแดงดำ ลดรอยคล้ำริมฝีปาก
ดูขนาดรูปภาพจริง
Onitsuka Tiger รุ่น Mexico66 Slip on Paraty ขาว/ชมพู
ดูขนาดรูปภาพจริง
สารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อกำจัดยุงและแมลง สารส้ม ก้อน,คลอรีน ผง,เกล็ด 60%,90%,
ดูขนาดรูปภาพจริง
เครื่องสแกนลายนิ้วมือ ZK U260-C
ดูขนาดรูปภาพจริง
Olympus City Garden (โอลิมปุส ซิตี้ การ์เด้น)
ดูขนาดรูปภาพจริง
 
เรื่องย่อละคร ตามบทโทรทัศน์
 

ยอดหญิงตำนานศิลป์ ซินยุนบก [ ตอนที่ 6 - 10 ]

 

จำนวนคนเข้าชม : 334 ครั้ง            update : 30/10/2009

   
   
 

ยอดหญิงตำนานศิลป์ ซินยุนบก 6 

 เจ้ากรมทูลพระราชาจองโจว่า
 "กรรมการทุกคนไม่ให้ผ่าน ทรงเห็นด้วยมั้ยพะยะค่ะ"
 "มันก็น่าอยู่หรอก ที่ช่างเขียนอาวุโสทั้งหลายจะไม่พอใจกับภาพนี้ ที่จริงมันก็สมเหตุผล"
 "นั่นสิพะยะค่ะ เพราะมันคือภาพอนาจารชัดๆ ถ้าไง ตัดสินไม่ผ่านดีมั้ยพะยะค่ะ เฮ่อ"
 "เดี๋ยวก่อน ท่านไม่รู้จริงหรือว่าภาพนี้มีค่าแค่ไหน"
 "ฝ่าบาทไม่ทรงเห็นด้วยหรือว่า  ภาพนี้ เหมือนภาพดาษดื่นที่มีอยู่ทั่วไปน่ะพะยะค่ะ"
 "นี่แหละคือประเด็นสำคัญ บรรยากาศในภาพเหมือนจะคุ้นตามานาน แต่จริงๆ ไม่ใช่ หญิงสาวพากันไปเล่นน้ำ ในที่ๆ เป็นเขตหวงห้ามสำหรับผู้ชาย ซึ่งก็แปลว่าพวกเราไม่ได้เห็น หึ หรือต่อให้เห็น ผู้หญิงคงไม่เปิดเผยขนาดนี้ หรือท่านว่าไง แสดงว่า ภาพนี้คงไม่ใช่นั่งนึกเอาเอง แต่ต้องเห็นกับตา พรสรรค์เป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่เขามีวิธีไหนบ้าง ที่ทำให้ผู้หญิงทำตัวเหมือนปกติได้ ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติไปหมด หึ ภาพแบบนี้ มันต้องเห็นกับตาถึงถ่ายทอดออกมาได้ขนาดนี้ ปกติผู้หญิงมักอยู่ใต้อาภรณ์ที่ปิดมิดชิด แต่นี่คือเนื้อแท้ของมนุษย์ มันช่างน่าทึ่งเหลือเกิน เฮ่อๆๆ"
 เจ้ากรมเล่าให้ใต้เท้าชางฟัง เขาได้แต่ถอนใจ
 เมื่อซินยุนบกได้เป็นช่างเขียน คิมฮงโดพาซินยุนบกเข้าเฝ้าพระราชาจองโจ
 "เด็กคนนี้น่ะหรือ ที่ท่านบอกว่าดูเขามานาน"
 "พะยะค่ะ ถูกต้องแล้ว"
 "เงยหน้าขึ้นมาซิ เงยอีก เงยขึ้นมาอีก เงยหน้าตรงๆ ข้าอยากเห็นตาของเจ้า ลืมตาด้วย หึ นึกแล้ว มีดวงตาที่ไม่เหมือนคนทั่วไป ได้ยินว่าชื่อซินยุนบกใช่ไหม"
 "พะยะค่ะ ฝ่าบาท"
 "ทำไม แม้แต่ใฝที่ติ่งหู เจ้ายังเขียนได้อีก"
 "เอ่อ คือ ฝ่า ฝ่าบาท ฮือ ทรงประหารหม่อมฉันด้วยเถอะ"
 "การเขียนรูปคือบันทึกในสิ่งที่เห็น เสียดายก็แต่ ข้าไม่อาจช่วยพี่ชายเจ้าที่ถูกไล่ไปอยู่โรงผลิตสี ต้องขอโทษด้วยนะ"
 "ไม่เป็นไรมิได้พะยะค่ะ"
 "ไม่ ไม่เป็นไรพะยะค่ะ"
 "แต่วันนี้  ที่ข้าให้พวกเจ้ามาพบ เพราะมีเรื่องบางอย่างอยากคุยตามลำพัง"
 "อะไรหรือพะยะค่ะ"
 "ข้าอยากเห็นผลงานของพวกเจ้าทั้งคู่ คนหนึ่งเป็นจิตรกรเอก อีกคนก็เป็นศิษย์ของจิตรกรคนนั้น ข้าอยากเห็นการประชันฝีมือของพวกเจ้า"
 "ความหมายที่รับสั่งคือ"
 "หัวข้อเดียวแต่ต่างคนต่างวาด"
 "หา หมายถึงหม่อมฉันกับอาจารย์หรือ ว้าย"
 "เป็นการประชันที่จะวัดผลแพ้ชนะ ข้าจะให้หัวข้อ แล้วต่างคนต่างไปวาด เขียนภาพเกี่ยวกับผู้คนในตัวเมือง สะท้อนความจริงออกมาให้หมด ข้าต้องการ เห็นความเป็นอยู่ของชาวบ้านอย่างแท้จริง เพราะการเป็นพระราชา ได้แต่อยู่ในวังฟังขุนนางเป่าหู แต่นับแต่วันนี้ ข้าจะให้พวกเจ้าเป็นหูเป็นตาแทน ไปเป็นช่างเขียนที่ริมถนน อีกสองวัน จนกว่าจะฟ้าสางให้พวกเจ้า ไปทำงานอย่างลับๆ"
 พระราชาจองโจมีบัญชาให้ซินยุนบกกับคิมฮงโดไปเขียนรูปชาวบ้านมาถวาย เพื่อเป็นหูเป็นตาแทนพระองค์ ท่ามกลางความไม่พอใจของใต้เท้าอิกแจ พ่อบุญธรรมของซินยุนบก ที่เห็นนางสนิทกับคิมฮงโด เพราะกลัวว่าความลับบางอย่างของลูกบุญธรรมจะถูกเปิดเผย จึงพยายามใส่ไฟไม่ให้ซินยุนบกเชื่อใจคิมฮงโดเกินไป
 "ข้ามีเรื่องจะเตือนเจ้า คือ อาจารย์เจ้าที่ชื่อทังวอนนั่น ทังวอน เขาไม่ใช่คนดีอะไรนัก อย่าไปหลงเชื่อให้มากล่ะ เพราะฉะนั้น ไม่จำเป็นอย่าไปสนิทกับเขานัก"
 "อาจารย์ทังวอนหรือครับ ทำไมท่านพ่อถึงได้"
 "คือ ถึงจะเป็นช่างเขียนรูป ยังขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกเดินทางไหนด้วย  การสร้างชื่อในวงการ ก็มีความสำคัญ ไม่ต่างกับเขียนรูป  ซึ่งต้องควบคู่กันไป  หึ ส่วนทังวอน คนๆ นี้  แค่ดูจากที่เขาเคยถูกเนรเทศไปเปียงยาง เจ้าก็คงพอจะรู้ เพราะไม่ว่ายังไง เขาก็เป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้  เจ้าอย่าไปใกล้ชิดให้มากละกัน เข้าใจหรือเปล่า"
 "ครับ"
 เช้าวันต่อมาซินยุนบกมาหาคิมฮงโด ว่าจะเขียนรูปอะไร
 "นั่นสินะ ปัญหานี้ ข้าก็คิดหนักเหมือนกัน"
 "ว้า ป่านนี้แล้ว ท่านยังไม่รู้จะเขียนภาพอะไรอีกหรือครับ"
 "แล้วเจ้าคิดจะไปไหนบ้าง"
 "ข้าไม่รู้"
 "งั้นข้ามีอยู่ที่หนึ่ง ไม่ดีๆ"
 "โธ่เอ๊ย ไม่ดีอะไรกัน ก็แค่เขียนรูปเท่านั้น ไปไหนก็ไปเถอะ เร็วเข้า ฟ้าใกล้สว่างแล้ว ไปเร็ว"
 "เดี๋ยว อย่าเร่งสิ"
 "ตกลงท่านจะไปไหนกันแน่ครับ"
 "จวนถึงแล้ว มีที่ให้วางของลง จะได้เดินเร็วขึ้น"
 เมื่อทั้งสองถึงที่หมายก็วางของ
 "ทางโน้นเป็นบ้านใครน่ะ" ซินยุนบกถาม
 "นั่นหรือ เป็นบ้านเพื่อนสนิทคนหนึ่ง"
 "อ้อ เป็นบ้านผู้หญิงคนนั้นล่ะสิ"
 "ผู้หญิงหรือ"
 "ก็ คราวก่อนท่านยูชุน มาพูดกับท่านว่า หาผู้หญิงคนนั้นเจอ จะให้ไปพบไงล่ะครับ"
 "ผู้หญิงหรือ หึ ช่างเถอะ ไหนๆ ก็ผ่านไปหลายปีแล้ว"
 "แค่นี้ไม่ต้องเขินหรอกน่า ท่านคงผูกพันกับนางมาก ตั้งหลายปียังพยายามจะหาอีก"
 คิมฮงโดหัวเราะ "หึ หึๆ"
 "ผู้หญิงคนนี้  มีความสำคัญต่ออาจารย์มากหรือครับ"
 "หึๆ เป็นคนที่ข้าต้องดูแลตลอดไป  แม้จะเอาชีวิตเข้าแลก  ข้าก็ต้องปกป้องนางไว้ ไปเถอะ" คิมฮงโดไป
 ต่อมาซินยุนบกได้ข่าวว่านางโลมชอนเฮียงจะถูกขายเป็นอนุฯ ให้กับเศรษฐี "คิมโจนึน" ด้วยความตกใจจึงขอร้องคิมฮงโดให้ปล่อยไปพบนางซักครั้ง ขณะที่ใต้เท้าชางก็รู้ข่าวว่าซินยุนบกสนิทกับนางโลม จึงรีบตามไปจับผิด ทั้งหมดตรงไปยังหอนางโลม ในขณะที่ยุนบกก็กระหืดกระหอบมาพบกับชอนเฮียง
 "หึ ชอนเฮียง"
 "ทำไมป่านนี้เพิ่งจะมาล่ะ"
 "หึ หึ อย่าไปได้ไหม"
 "ฮือ ข้าต้องไปแล้ว ฮือ แม้ว่าจะไป แต่ก็อยากจะ อยู่กับคุณชายให้นานที่สุด  ฮือ ไม่นึกเลยว่าเราจะจากกันเร็วขนาดนี้"
 "ชอนเฮียง"
 "ฮือ เพราะรู้ว่าคืนสุดท้ายเหลือเวลาไม่มาก ข้าอุตส่าห์เขียนในจดหมาย บอกให้เจ้ารีบมาเร็วๆ ไงล่ะ"
 "จดหมาย จดหมายอะไร"
 "ถึงขั้นนี้แล้ว พูดเรื่องจดหมายคงไม่มีประโยชน์อีก ท้ายที่สุดคืนนี้ ข้าอยากดีดพิณ ให้เจ้าฟังเพื่อเป็นที่ระลึก"
 "จับมันใส่ในกรงซะ จากเดิมที่เป็นแค่นกธรรมดาตัวหนึ่ง ตอนนี้เราพอดูออกแล้วว่ามันคิดอะไร นกตัวนี้ ท่านคิดว่าต้องการอะไร ข้าต้องพบนางให้ได้กรุณาให้ข้าไปเถอะครับ เป็นครั้งสุดท้าย ยังไงข้าก็ต้องพบนางให้ได้ ตอนนี้ยังพอมีเวลาที่จะไป"
 "ตอนนี้ รอเพียงคำสั่งจากเจ้าเท่านั้น"
 "คำสั่ง อะไรหรือ"
 "หึ เสียงที่ไพเราะในโลกนี้ ใช่ว่าจะได้จากพิณคาย่าอย่างเดียว หึ สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่ม มีความสุข ยิ่งกว่าการฟังดนตรี ก็คือร่างกายของสตรี ข้าจึงคิดว่า ในคืนสุดท้ายก่อนจะถูกขายไป  ขอมอบร่างกาย ให้คนที่ข้ารักอย่างจริงใจ ได้เป็นเจ้าของครองกาย"
 "อย่าทำอย่างงั้น ข้า ไม่อาจรับไมตรีจากเจ้าได้"
 "เพราะรังเกียจฐานะข้า เป็นแค่นางโลมใช่ไหม"
 "ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างที่คิด"
 "งั้นเป็นเพราะอะไร"
 "สำหรับข้าแล้ว เจ้าเป็นคนรักที่ยากจะลืมเลือน แต่ว่า ข้าไม่เหมาะที่จะ ครอบครองเจ้า"
 "ฮือ แม้ว่า ข้าจะเป็นนางโลมซึ่งมีหน้าที่ปรนนิบัติคนอื่น ฮือ แต่ก็รักนวลสงวนตัว ไม่เคยปล่อยให้ชายใดมาสัมผัสชิดใกล้ เพื่อจะรอ คนที่รู้เสียงพิณของข้า จนสามารถเข้าถึงจิตใจ รู้คุณค่าในสิ่งที่ข้าเป็นอยู่ทุกวันนี้ ในที่สุดก็ได้มาพบคุณชาย แต่ไม่นึกว่าสวรรค์จะให้เราพรากจากกัน ฮือ สำหรับคนต่ำต้อยอย่างข้า เพียงหวังแค่นี้ ก็ถือว่าเกินไปหรือไง ฮือ"
 "หึ หึ ไม่ใช่นะ  มันไม่ใช่อย่างงั้น"
 "แล้วเพราะอะไรก็บอกมาสิ ฮือ"
จบตอนที่ 6

ยอดหญิงตำนานศิลป์ ซินยุนบก 7  
 ซินยุนบกรอดตัวจากการถูกจับผิดว่าไปเที่ยวหอนางโลมอย่างหวุดหวิด และกลับไปเขียนรูปเพื่อถวายต่อพระราชาจองโจทันเวลาพอดี
 คิมฮงโดดุซินยุนบก ขณะที่ซินยุนบกบ่นเรื่องชอนเฮียง
 "ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ข้าจะไม่ได้เห็นนางโลมคนนั้นอีก"
 "เลิกพูดซะที และต่อไปห้ามเอ่ยถึงผู้หญิงคนไหนด้วย อย่าโง่นัก"
 "แต่สำหรับข้า นางสำคัญยิ่งกว่าคนไหนๆ ในชีวิต"
 "บอกแล้วว่างานสำคัญกว่าผู้หญิง จะให้พูดกี่ครั้งถึงเข้าใจ เจ้าเด็กหน้าโง่"
 "ข้าวาดให้ก็ได้ กะอีแค่ภาพเขียน ข้าไม่ทิ้งไปไหนหรอกน่า"
 "แค่ภาพเขียนหรือ"
 "ใช่"
 "ยังจะเถียงอีก"
 "ทำไม จะตบข้าหรือ ท่านมีสิทธิ์อะไรมาทำกับข้าแบบนี้ หึ"
 "งั้นก็ตามใจ แล้วแต่จะคิด ต่อไปจะเป็นหรือตาย ข้าไม่ยุ่งด้วยอีก เชิญตามสบายเถอะ จะเป็นช่างเขียนหรือไม่ก็ช่าง จะไปหานางโลมก็เชิญ ข้าไม่ห้ามอีกแล้ว ทำอะไรก็ตามใจ"
 คิมฮงโดไป ซินยุนบกถอนใจ
 รุ่งขึ้นอีกวันทั้งสองนำภาพไปถวายพระราชาจองโจทอดพระเนตร
 "ในกล่องนี้  มีไข่มุกราตรีเม็ดหนึ่ง ถ้าอยู่ในที่สว่าง มันก็ไม่ต่างกับหินทั่วไป แต่ถ้าอยู่ในที่มืด มันจะเปล่งประกายสวยงาม เป็นหินที่อัศจรรย์นัก นั่นเปรียบเสมือนว่า งานของพวกเจ้าจะช่วยส่องสว่างให้โลกนี้ ใครชนะจะได้เป็นเจ้าของ แต่ถ้าตัดสินไม่ได้ มันจะกลับมาเป็นของข้าและให้ข้าเก็บไว้ก่อน"
 "ขอบพระทัยฝ่าบาท พะ ยะค่ะ"
 "อึม งั้นตอนนี้ เอาผลงานมาให้ดูซิ"
 "พะยะค่ะ"
 "ข้าจะเริ่มพิจารณาแล้ว"
 ซินยุนบกมองภาพของอาจารย์และคิด "ที่แท้เมื่อคืนเขาเขียนภาพอยู่ แถมยังใส่องค์ประกอบตามที่ข้าแนะนำด้วย แหม อาจารย์คนนี้ช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ หึๆ ว้า เห็นแล้วรู้สึกหิวข้าวตะหงิดๆ"
 "วาดได้ดีมาก"
 "ขอบพระทัยที่ชม"
 "งั้นตอนนี้ คงต้องดูผลงานของผู้เป็นศิษย์หน่อย"
 คิมฮงโดมองและคิด "มาถึงก็ดึกมากแล้ว ยังสามารถเขียนได้ขนาดนี้อีก คนอย่างเจ้า ถ้าไม่ใช่อัจฉริยะ ก็น่าจะเป็นคนโง่ที่สุด แค่ไปสังเกตการณ์ไม่นาน ยังเขียนออกมาได้มากมาย เจ้าจะบอกอะไรกันแน่นะ"
 "เขียนดีเหมือนกัน"
 "ขอบพระทัย พะ ยะค่ะ"
 "แล้วนึกยังไง สองคนถึงใช้ร้านเหล้าเป็นฉากหลังล่ะ"
 "พะยะค่ะ เพราะไม่มีอะไรให้ดู บวกกับใกล้ค่ำแล้ว"
 "เนื่องจากว่า ร้านเหล้าเป็นแหล่งพบปะของผุ้คน ทั้งชายและหญิง และเป็นที่คุ้นเคยของหม่อมฉันรวมทั้งยุนบกด้วย แต่สำหรับฝ่าบาท อาจเป็นที่ๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน จึงได้เขียนไว้ พะ ยะค่ะ"
 "สมัยก่อน ท่าน "คยองเจ" เขียนภาพทิวทัศน์ สื่อความเป็นโชซอนออกมาได้อย่างสวยงาม แต่ผลงานของพวกเจ้า กลับสื่อถึงความเป็นอยู่ของชาวบ้าน เปรียบเสมือนเป็นหน้าเป็นตาให้แก่โชซอนในอีกแง่ เป็นภาพสะท้อนชีวิตจริงที่เด่นชัด เขียนได้ดีทั้งคู่"
 "ขอบพระทัยที่ทรงชม"
 "งั้นตอนนี้ ข้าจะมีคำตัดสินทั้งสองภาพนี้ล้วนเขียนได้อย่างมีชีวิตชีวา ถือว่าผ่าน ภาพของท่านทังวอน มีตะบวย ถุงใส่ยาเส้น จานชาม และปากของเด็ก ทั้ง 4 อย่างล้วนเป็นจุดเด่น  แสดงถึงความเป็นธรรมชาติของผู้คน ช่างเก็บรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน เหมือนข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ จุดนี้ยิ่งน่าชื่นชมเป็นพิเศษ ภาพของท่านทังวอนเพิ่มให้อีก 1 คะแนน"
 "ขอบพระทัย พะ ยะค่ะ"
 "ส่วนภาพของซินยุนบกนั้น มีสีแดงและสีน้ำเงินเป็นจุดเด่นที่ไม่อาจละสายตา ซึ่งสีแดง น้ำเงินและเขียวนั้น ถือเป็นแม่สีของบรรดาสีในโลก การเลือกใช้สองสีนี้จึงนับว่าตัดสินใจถูก อีกอย่าง รู้จักใช้สีเพิ่มความมีชีวิตชีวาของแต่ละบุคคลในภาพเขียน ตรงนี้ข้าให้อีก 1 คะแนน"
 "ขอบพระทัย พะยะค่ะ"
 "กลายเป็นว่าต่างก็มีดีแล้วจะตัดสินยังไงล่ะนี่ เห็นทีว่ามุกราตรีเม็ดนี้ คงต้องอยู่กับข้าซะแล้ว หึ ข้าว่ามุกราตรี คงต้องให้ซินยุนบกแล้ว"
 "เอ่อ เพราะอะไรหรือ พะ ยะค่ะ"
 "เพราะดอกไม้พวกนี้ เจ้าทำดีมาก ช่างเขียนหนุ่มน้อย"
 "เอ่อ ขอบพระทัย พะยะค่ะ ฝ่าบาท"
 พอออกมาคิมฮงโดก็ถามซินยุนบกว่า
 "เฮอะ เอาเวลาที่ไหนไปเขียนรูปตั้งมากมายขนาดนั้น"
 "ก็แค่เขียนรูปธรรมดา ไม่เห็นต้องใช้เวลามากเลย"
 "พูดเหมือนไม่ให้ความสำคัญอีกแล้ว เดี๋ยวเถอะ ให้ข้าดูหน่อยซิ ก้อนหินนี่มันจะอัศจรรย์อะไรนัก โห เหมือนจะเปล่งแสงได้จริงๆ"
 "ต้องส่องในที่มืด ถึงจะมีแสงไม่ใช่หรือ"
 "งั้นหรือ ข้าก็ว่างั้น ว้าว เฮ่อๆๆ มีแสงจริงด้วยเห็นมั้ยนี่ หือ ว้า เป็นสีน้ำเงิน เฮ่อๆๆ น่ามหัศจรรย์"
 "โห จริงด้วยแฮะ"
 "ขอโทษด้วยนะ ที่เมื่อคืนหงุดหงิดไปหน่อย"
 "แค่นี้เองหรือ"
 "เป็นผู้ชายซะเปล่า ทำไมใจแคบนัก จะงอนข้าไปถึงเมื่อไหร่กัน ไม่เหนื่อยบ้างหรือ ไปเร็ว มาซี่ ทางนี้"
 "วันนี้แล้ว ที่ชอนเฮียง กับเศรษฐีนั่น จะต้องเข้าหอ"
 "หึ ไปเร็ว ข้าชักอยากฟัง ความวิเศษวิโสของนางโลมนั่นเหมือนกัน หึๆ ปีนี้เจ้า อายุเท่าไหร่แล้ว"
 "จะถามไปทำไม ข้าอายุ 18"
 "หึ ตัวแค่นี้รู้จักความรักซักเท่าไหร่เชียว รู้จักไม่กี่วันก็คิดถึงจะเป็นจะตายซะแล้ว ผู้หญิงคนนี้สำคัญต่อเจ้ามากหรือ"
 "นางเป็นคนแรก ที่ทำให้ข้ารู้จักความคิดถึง"
 "ดื่มเร็วเข้า แล้วยังไง นางโลมคนนี้ ไปรู้จักนางได้ไง"
 "เฮ่อ ใหม่ๆ ก็แค่ มองไปมองมาเท่านั้น"
 "มองไปมาหรือ"
 "ไม่ถูกชะตาด้วยซ้ำ หึ ตอนอยู่กับนาง เหมือนได้เห็นเงาสะท้อนของตัวเอง หึ ทุกครั้งที่เห็นนาง ข้าจะ ฮือ จะ รู้สึกเหมือนเห็นตัวเองก็ไม่ปาน ฮือ เฮ่อ ฮือ สำหรับข้าแล้ว หึ นางเป็นคนที่มีความสำคัญ ฮือ เพราะนาง เป็นผู้หญิงคนเดียว ฮือ ที่ข้ามักจะคิดถึงอยู่เสมอ ไม่ใช่ ไม่ใช่ สำหรับข้าแล้ว นาง สำคัญมาก ฮือ"
 "พล่ามอะไรอีกล่ะนี่ เจ้าหนู ทำไมเมาง่ายนัก เจ้าหนู นี่ๆ ตื่นได้แล้ว เฮ้"
 "อาจารย์ อย่ายุ่งน่า"
 ด้วยความที่เมาสุรา คิมฮงโดจึงพาซินยุนบกไปนอนที่บ้าน และเกิดความหวั่นไหวกับลูกศิษย์คนนี้
 "ทำไม อึดอัดหรือ งั้นถอดเสื้อให้ มา"
 "อย่า อย่าทิ้งข้าไป"
 "ใครจะทิ้งเจ้า บ้าหรือ"
 "อย่า อย่าไป ฮือ"
 เช้าวันใหม่คิมฮงโดออกมาก็ได้ยินจองซูกับยูชุนคุยกันก็ถามว่า
 "ใครรับอนุฯ แต่เช้า เล่าให้ฟังหน่อยซิ"
 "เอ่อ คือ เห็นเขาว่าผู้ชาย มีอะไรกับผู้ชายน่ะค่ะ เหมือนเลี้ยงต้อยไว้ในบ้าน"
 "อ้อ มีงี้ด้วยหรือ แล้วไง ตอนหลังเป็นไงบ้าง"
 "เอ่อ พอทางเข้ารู้เข้า ก็จับไปโบยน่ะค่ะ เห็นว่าตีจนขาพิการ"
 ยูชุนตาตื่น "จริงหรือนี่"
 "จริงสิคะ แต่ข้าก็ไม่เข้าใจอายุมากจนจะเป็นพ่อของเด็กหนุ่มได้แล้ว ยังจะคิดกินเด็กอีก แปลกพิลึก"
 ซินยุนบกตื่นขึ้นมาก็รีบออกมาพบคิมฮงโด
 "อาจารย์ครับ อาจารย์ คือ เกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนนี้"
 "เมื่อคืนมีอะไร"
 "สงสัยข้าจะดื่มมากไปหน่อยเลยจำอะไรไม่ค่อยได้  ไม่รู้ว่า  ข้าทำอะไรผิดไปหรือเปล่าครับอาจารย์"
 คิมฮงโดตัดบท "ทำงานเถอะ"
 "เดี๋ยว แหม บอกให้รู้ก็ไม่ได้ เมื่อคืน ข้าทำอะไรน่าเกลียดหรือเปล่า"
 "เจ้าไม่ได้ทำอะไร ไปไหนก็ไปเถอะ"
 "เดี๋ยว หรือว่า ข้าละเมอความลับให้ฟังหรือเปล่า"
 "กลิ่นเหล้ายังหึ่งอยู่เลย คงยังไม่สร่างเมา รีบไปหาน้ำเย็นดื่มซะ เร็วเข้า"
 "อาจารย์ บอกให้ข้ารู้เถอะ ข้าพูดอะไร เพ้อเจ้อเหลวไหลไปหรือเปล่า หา อาจารย์"
 "ก่อนที่ฝ่าบาทจะทรงมอบงานใหม่ เจ้ากลับไปศูนย์ศิลปะก่อน อย่าให้ใครมองว่ามาขลุกอยู่ที่นี่"
 "เดี๋ยว อาจารย์"
 "เจ้านอนกรนเสียงดัง ทำให้ข้านอนไม่หลับ"
 "กรนหรือ แค่กรนอย่างเดียวใช่ไหม งั้น ข้าไปดื่มน้ำเย็นก่อนนะ"
 ในขณะที่พระเจ้าจองโจอาศัยภาพเขียนของซินยุนบกและคิมฮงโด เอาผิดกับขุนนางที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ จนทำให้เหล่าขุนนางไม่พอใจช่างเขียนอย่างมาก
 สุดท้ายเพื่อเป็นการต่อต้านพระราชาจองโจ เหล่าขุนนางจึงรวมตัวสั่งให้จับคนของศูนย์ศิลปะไปทำงานใช้แรงงาน เพื่อไม่ให้มีการเขียนรูปอีก
จบ 7

ยอดหญิงตำนานศิลป์ ซินยุนบก 8  
 พระราชาจองโจพอรู้ว่าช่างเขียนถูกขุนนางกลั่นแกล้งให้ไปทำงานหนัก ก็มีพระบัญชาว่าปีนี้จะมีการเขียนพระรูป เป็นเหตุให้ช่างเขียนทุกคนได้กลับเข้าศูนย์ฯ ใหม่ เพื่อเตรียมตัวลงแข่งขัน
 ซึ่งเบื้องหลังนั้น พระราชาจองโจหวังให้คิมฮงโดได้ตำแหน่งนี้ จึงกำชับให้เขาทำได้
 "ทังวอน ท่านคงรู้ใช่ไหมว่า ช่างเขียนส่วนพระองค์ไม่ได้มีหน้าที่แค่เขียนรูปอย่างเดียว แต่ว่า ยังต้องสังเกตความคิดและจิตใจของพระราชาองค์นั้น เพื่อให้ภาพที่ออกมาสมจริงและน่าเกรงขามา เป็นพระราชาที่แท้ เพื่อจะบอกสวรรค์ และชาวประชาว่าเขามีความชอบธรรมในการครองราชย์"
 "หม่อมฉันเข้าใจความหมายพะยะค่ะ"
 "ข้ายังมี งานสำคัญหลายอย่างที่ต้องทำ แต่ก่อนจะทำงานนั้น ศัตรูของข้าช่างมีมากนัก จึงอยากให้ท่าน เขียนภาพข้าออกมาให้น่าเกรงขามที่สุด เพื่อจะได้ มาคุ้มครองข้า"
 พอคิมฮงโดออกมา ซินยุนบกรีบถาม
 "อาจารย์ ท่านไปไหนมาตั้งนาน คนอื่นกลับศูนย์ศิลปะไปหมดแล้วเห็นมั้ย"
 "ข้ารู้ เก็บของเสร็จแล้วใช่ไหม"
 "อ้อ ครับ อึม"
 "เอาล่ะ ถึงเวลาที่เราสองคน จะกลับไปเขียนรูปต่ออีก"
 "เขียนรูปหรือ เขียนอะไรอีกครับ"
 "รูปที่ช่างเขียนทุกคน ถือว่ายากที่สุด แต่ก็เป็นเกียรติสูงสุดในชีวิต"
 "รูปที่เขียนยากที่สุด แต่เป็นเกียรติสูงสุดในชีวิต งั้นหรือครับ"
 "แถมยังต้องประณีตที่สุด ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดของเรา"
 "เขียนพระรูปหรือ"
 "ฝ่าบาทรับสั่งให้ข้า เป็นคนเขียนพระรูปในปีนี้"
 "หา ท่านบอกว่าจะได้เขียนพระรูปของฝ่าบาทจริงหรือครับ"
 "อึม ใช่"
 ซินยินบกรู้บางอย่างมาก็รีบมาขอเป็นลูกมือคิมฮงโด เผื่อถ้าชนะ จะได้ช่วยให้พี่ชายพ้นโทษ
 "โปรดชี้แนะให้ข้าด้วย  ข้าอยากติดตามท่าน  ร่วมแข่งคัดเลือกเป็นช่างเขียนส่วนพระองค์ครับ"
 "เฮ่อ อะไรนะ"
 "ท่านสอนข้าเขียนภาพเหมือนได้ไหมครับอาจารย์"
 "หึ เจ้าเพิ่งเป็นช่างเขียนไม่กี่วัน  ก็ริใฝ่สูงแล้วหรือ"
 "ข้าอยากเรียนรู้จริงๆ"
 "ทำไมรีบร้อนอยากมีความรู้ด้านนี้นัก"
 "ได้ยินว่าถ้าผ่านการคัดเลือก ฝ่าบาทจะมีปูนบำเหน็จให้อย่างงาม"
 "แล้วทำไม"
 "พี่ชายข้าถูกเนรเทศไปโรงผลิตสี ข้าอยากช่วยให้เขากลับมาน่ะครับ"
 "หึ เจ้าเคยเขียนภาพเหมือนหรือเปล่า"
 "สมัยที่เป็นนักเรียน เคยเขียนภาพเลียนแบบบุคคลทั่วไป"
 "เลียนแบบหรือ? แต่การเขียนภาพเหมือนกับเลียนแบบ มันต่างกันราวฟ้ากับดินเลยนะ ภาพเหมือนของบางคนอาจจะเขียนครึ่งวันก็เสร็จ แต่บางคนเป็นสิบปีก็ยังเขียนไม่ได้ มันไม่ใช่ใครก็สามารถทำได้"
 "หึ ข้ายินดีฝึกครับ ยินดีรับการชี้แนะจากท่าน ขอเพียงสอนข้าเท่านั้น"
 "ถ้าเจ้ามีสายตาที่มองทุกสิ่งอย่างแจ่มแจ้ง มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ว่าถ้าเมื่อใดที่เจ้าอ่านคนไม่ออก ต่อให้เขียนภาพเขาก็เหมือนไม่ใช่คน เจ้าคิดว่าสามารถทำได้ หรือไม่ได้ก็ว่ามา"
 "ข้าจะทำให้ได้ ได้โปรดสอนข้าเถอะครับ"
 ขุนนางที่อยู่ฝ่ายพระอัยยิกา ไม่ยอมให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่คิด จึงไปเชิญอดีตช่างเขียนมือ หนี่ง "ยี -มยอง-กี" มาร่วมแข่งด้วย ยี มยอง กี เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับคิมฮงโด นิสัยหยิ่งยะโสชอบดูถูกคนอื่น การมาของเขาสร้างความหนักใจให้แก่คิมฮงโดเป็นอย่างยิ่ง แต่เขาก็ไม่ละความพยายามที่จะสอนซินยุนบกให้ทำหน้าที่ผู้ช่วยอย่างดีที่สุด
 ใต้เท้าชางต้อนรีบยีมยองกี ถามสารทุกข์สุกดิบ
 "เป็นไงบ้าง ที่ไปอยู่ต้าชิงน่ะ ได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นหรือเปล่า"
 "การเลือกช่างเขียนส่วนพระองค์ปีนี้  มีใครเข้าร่วมอีกบ้าง"
 "มีใครหรือ จะมีใครก็ช่าง ยังไงคงสู้เจ้าไม่ได้ ช่างเขียนอาวุโส "แชซง" เขาเป็นคนที่ขีดเส้นได้ตรงโดยไม่ต้องง้อไม้บรรทัด แต่ว่ามีจุดอ่อนก็คือเขียนรูปชอบเน้นรายละเอียดมากไป และมีอีกคน ยียินมูน ถนัดเขียนภาพทิวทัศน์ แต่ด้วยความสุขุมก็เหมาะจะเขียนภาพเหมือน หรือภาพที่เน้นความประณีตอย่างใบหน้าคนเหมือนกัน "ยีอีตา" หมอนี่ติดสินบนกรรมการถึงมีสิทธิ์ร่วมแข่งในปีนี้  เจ้ายิ่งไม่ต้องไปใส่ใจ "ซินฮันพยอง" เป็นช่างเขียนตั้งแต่สมัยอดีตพระราชา และเคยร่วมแข่งเป็นช่างเขียนส่วนพระองค์ถึงสามครั้ง  เป็นคนที่เห็นแก่เงินนัก แถมยังนึกว่าทุกวันนี้ตัวเองยังมีฝีมืออยู่ อ้อ แต่ไม่รู้ลูกเขาจะร่วมแข่งด้วยหรือเปล่า เพราะเด็กคนนี้จะเป็นผู้ช่วยทังวอนชื่อซินยุนบก เขาเป็นลูกของซินฮันพยอง ไม่ชอบเขียนรูปตามทฤษฎีที่สอนและเป็นเด็กที่ชอบแหกคอก นิยมเขียนรูปชาวบ้านมากกว่า แต่คิดว่าฝีมือยังไม่เท่าไหร่ ที่สำคัญ ยังมีลูกข้าอีกคน ถูกส่งมาอยู่ศูนย์ศิลปะแต่เล็ก รู้ทฤษฎีทุกอย่าง มีลายเส้นที่ค่อนข้างบรรจง และคนสุดท้ายก็คือ ทังวอน คนๆ นี้คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณให้เสียเวลามาก  ไม่ว่ารูปประเภทไหน เขาก็เหมือนจะถนัดไปซะหมด  และสามารถเขียนภาพที่ให้ความรู้สึกแตกต่างได้ทุกครั้ง เป็นคนรักอิสระ และเป็นช่างเขียนที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานนัก เขาน่าจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของเจ้า เฮ่อ เป็นไงบ้าง คิดว่าพอมีหวังมั้ย"
 "ความหวังหรือ เฮ่อๆๆ พูดแบบนี้ไม่น่าตลกไปหน่อยหรือ"
 "แต่ว่า คนอย่างทังวอน เราจะประมาทเขาไม่ได้นะ"
 "ทังวอนหรือ? ผู้คนมักจะคิดว่าชื่อนี้เป็นหลักประกันด้านการเขียนภาพ แต่จริงๆ น่าขำ ก็แค่ช่างเขียนที่หลอกลวงผู้คนเท่านั้น คนแบบนี้ จะอยู่ได้ก็แต่ที่นี่เท่านั้น ถ้าเป็นต้าชิง ป่านนี้คงถูกระเห็จไปนานแล้ว"
 "เอาเป็นว่าขอพึ่งเจ้าละกัน ยังไงก็ต้องทำให้ผ่าน ที่สำคัญให้ลูกชายข้าเป็นผู้ช่วย ร่วมเป็นช่างเขียนส่วนพระองค์ให้ได้ เข้าใจมั้ย"
 "เตรียมรางวัลไว้ให้ข้าได้เลย หึๆ"
 คิมฮงโดพาซินยุนบกไปฟังคนเล่านิทาน
 "และแล้วคุณหนูคนงาม ก็ไม่อาจทนต่อไฟรักที่สุมอก อ่านหนังสือก็เห็นแต่หน้าของเขา ปักผ้าก็เห็นหน้าเขาอีก ถือตะเกียบจะกินข้าวยังเป็นหน้าหนุ่มคนนั้น วันๆ มีแต่คิดถึงเขาคนเดียว คิดแล้วคิดอีก เฮ่ย เป็นธิดาเจ้ากรมพิธีการ ฐานะสูงส่ง มีคนเอาอกเอาใจ เคยเจอหนุ่มนั่นแค่หนเดียว หนเดียวเท่านั้น แอบมองอย่างงี้ ยังไม่ได้พูดคุย ก็แทบลืมเขาไม่ลงแล้ว พูดไปก็เหลือเชื่อจริงๆ กินก็ไม่ได้นอนก็ไม่หลับ ว่าแล้วก็ให้สาวใช้ไปส่งข่าวให้เจ้าหนุ่ม  นี่นะ  ฮึ่ม ไปบอกเขาว่า"
 ซินยุนบกถาม "ท่านทำอะไรน่ะ"
 คนเล่านิทานเล่าต่อ "หลังจากส่งจดหมายไปแล้ว คุณหนูก็เฝ้ารอทั้งวันทั้งคืน บางครั้งก็นึกเสียใจ นี่ ข้าทำอะไรผิดไปหรือเปล่า บอกหน่อยซิ เกิดความรู้สึกละอายใจขึ้นมาซะงั้น แต่ยังไม่วายเฝ้ารอคำตอบจากหนุ่มนั่น ไม่งั้นนางคงตรอมใจเป็นแน่แท้"
 "หึๆๆ นี่นะ ใบหน้าของคน จะมี 3 สายน้ำ และโหวงเฮ้งที่เรียกว่า 5 ขุนเขา 3 สายน้ำ 5 ขุนเขา"
 "3 สายน้ำ 5 ขุนเขาหรือ" ซินยุนบกยังไม่เข้าใจ
 "การจะเขียนภาพเหมือนของคน  สิ่งสำคัญต้องเริ่มจากใบหน้า เพราะฉะนั้น ถ้าสังเกต 3 สายน้ำและ 5 ขุนเขาบนในหน้าของทุกคน  เราจะเห็นความแตกต่าง"
 "3 สายน้ำ 5 ขุนเขามีต่างด้วยหรือ"
 "หึๆ ดูนั่นสิ พยายามดูให้มาก หมั่นสังเกตให้ดี จะรู้ว่ามนุษย์ทุกคนมีรูปลักษณ์ที่แตกต่าง  เป็นลักษณะจำเพาะของแต่ละบุคคล ดูพอหรือยัง"
 "เอ่อ ข้ายังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดีครับ"
 "ฮึ บอกครั้งเดียวก็เข้าใจ เจ้าคงไม่ใช่คนแล้ว ไปเร็วเข้า"
 "จะกลับตอนนี้เลยหรือ"
 "ข้าคงต้องสอนเจ้าด้วยวิธีอื่น ถ้าไง เราไปดูภาพเหมือนที่เป็นของแท้ดีกว่า"
 "ภาพเหมือนของแท้หรือ"
 "หึๆ อะไรคือการเขียนภาพเหมือนที่สมจริงที่สุด ข้าจะพาไปดูเดี๋ยวนี้ นี่คือห้องเก็บภาพในวัง หัวใจของศูนย์ศิลปะ เพิ่งเคยมาใช่ไหม"
 "ครับ"
 "งั้นตามมา ช่วยถือให้ข้าก่อน ทุกครั้งที่เห็นหน้าคน เจ้าคิดว่าอะไรคือส่วนสำคัญ"
 "เอ่อ จมูกมังครับ"
 "ถ้าอย่างงั้น มีอะไรที่ให้คนอื่นรู้ว่านั่นคือจุดเด่นของคนๆ นั้น มาดึงอะไรน่ะ"
 "เอ่อ ตามังครับ น่าจะเป็นนัยน์ตา ตา"
 "ตอบโง่ๆ ไม่ต้องคิดเลยนะ เอาใหม่ ตอบอีกที"
 "ส่วนปลาย ก็คือคางใช่ไหม"
 "เจ้าเอาภาพนี้ไปดู สังเกตให้ดีว่าส่วนไหนคือจุดเด่นของคนในภาพนี้ มา ดูซะ บอกให้ฟังซิ ส่วนไหนที่เป็นจุดเด่นของใบหน้าคนๆ นี้ หึๆๆ ยังดูไม่ออกอีกหรือ นี่แหละคือเสน่ห์ของภาพเหมือน ไม่แค่บันทึกภาพของคนๆ หนึ่ง ยังจะทำให้คนนั้นเหมือนมีชีวิตอยู่ตรงหน้า"
 ซินยุนบกตกใจ "เฮ้ยๆๆ"
 "เฮอะ เจ้านี่ชอบมีอาการแปลกๆ อยู่เรื่อย"
 "ข้า ข้ารู้สึกกลัวน่ะครับ"
 "หึ ดูให้ดีอีกครั้งซิ การเขียนภาพเหมือนก็คือแม้แต่จิตวิญญาณก็ต้องเขียนออกมา  นี่แหละคือความยาก เร็วเข้า ลุกขึ้นมาสังเกตอีกที เร็วซี่ ถ้าแม้แต่ภาพเขียนยังไม่กล้ามองตรงๆ แล้วจะกล้าจ้องพระพักตร์ฝ่าบาทเพื่อเขียนรูปได้ไง ลุกขึ้น"
 "หนวดแต่ละเส้น เหมือนกับว่า มันเป็นของจริงน่ะครับ ข้ารู้สึกว่าเขายังมีชีวิตอยู่ อาจารย์"
 "นี่แหละคือ การเข้าถึงหัวใจของการเขียนภาพเหมือนอย่างแท้จริง อะไรคือ 3 สายน้ำและ 5 ขุนเขา เบื้องหลังมีความหมายยังไงบ้าง เจ้าจะค่อยๆ เข้าใจเอง"
 ซินยุนบกกลับไปคิดหนัก จนคิมฮงโดมาพบ
 "เป็นไรไป ให้ข้าทายมั้ยว่าคิดอะไรอยู่ เพราะรู้ว่าคนๆ นั้นมาจากต้าชิง บางคนเขียนภาพเหมือนมาสิบกว่าปีแล้วเราจะไปสู้เขาได้ยังไง เราจะเหนือกว่าคนที่มีประสบการณ์อย่างช่ำชองได้หรือ ถ้าเกิดเขียนไปแล้วมือไม้สั่นขึ้นมามิแย่หรอกหรือ นี่คือความคิดอันสับสนของเจ้า ใช่มั้ย"
 "ใช่"
 "ต่อให้ข้าศึกเป็นแสนอยู่ตรงหน้า เราก็ต้องออกรบ  และศัตรูที่เราจะเอาชนะก็มีแค่อย่างเดียว"
 "คืออะไรครับ"
 "กระดาษ"
 "กระดาษหรือ"
 "ใช่ กระดาษที่ว่างเปล่า เราแค่เอาชนะสิ่งนี้ก็พอ กระดาษที่ว่างเปล่า เราจะใช้การแต่งแต้ม ให้มันมีคุณค่าขึ้นมา นอกจากนี้แล้วไม่ต้องไปคิด"
 "ครับ อาจารย์"
จบ 8

ยอดหญิงตำนานศิลป์ ซินยุนบก 9
 ยี มยอง กี รู้ว่าคิมฮงโดเป็นคู่แข่งสำคัญ จึงใช้วิธีสกปรกเพื่อจะกลั่นแกล้ง แต่คิมฮงโดได้ผู้ช่วยมือดีอย่างซินยุนบก
 แต่ในที่สุดทั้งคู่ก็ฝ่าฟันจนได้เป็นช่างเขียนส่วนพระองค์ สร้างความเจ็บใจให้แก่ขุนนางฝ่ายพระอัยยิกานัก และพยายามจะหลอกใช้ยี มยองกีอีก เขารู้ทันจึงไม่เล่นด้วย
 คิมฮงโดกล่าวกับ ยีมยองกีว่า
 "เพราะเจ้ารู้จุดอ่อนของข้า เลยแกล้งเหยียบแว่นข้าให้แตก ตามหลักก็น่าจะชนะอยู่หรอก"
 "หึ แล้วทำไม เจ้ามีอะไรจะบอกข้าอีก"
 "ถ้าอยากฟัง ข้าก็จะบอก คราวนี้เมื่อข้าชนะเจ้าแล้ว ต่อไปก็ยากที่เจ้าจะเหนือกว่าข้าได้อีก"
 "หึ อาศัยผู้ช่วยพาให้รอดตัว ยังกล้ามาคุยข่มข้าอีก หึ"
 "จะไปแล้วหรือ ที่จริงสมัยก่อนอาจารย์ รวมถึงข้า ล้วนชื่นชมฝีมือเจ้ามาก บางครั้งข้าก็เคยนึกถึงอดีต สมัยที่เราเขียนรูปด้วยกัน จำได้ว่าเมื่อก่อน เจ้าเป็นคนใจกว้างและมองโลกในแง่ดี จึงผูกมิตรกับคนอื่นได้ไม่ยาก แม้บางครั้งเราจะเคยขัดแย้งบ้าง แต่ก็สามารถร่วมงานได้ดี"
 "หึ เฮ่อ พล่ามอะไรก็ไม่รู้" ยี มยอง กี ว่า
 "ข้าจะบอกว่า คนยิ่งใจเสาะจะยิ่งดิ้นรนเอาตัวรอดทุกทาง แต่สำหรับคนใจกล้า ถือว่าเกิดครั้งเดียวตายครั้งเดียว เจ้าก็ถือซะว่าวันนี้ได้ตายแล้ว แต่ถ้ายังดิ้นไม่เลิกจะเท่ากับทำลายตัวเอง ไปหาอะไรดื่มดีกว่า" 
 "หึ ข้ามันโชคร้ายเอง ถึงปล่อยให้เจ้าข้ามหน้าข้ามตา หึๆ"
 ขณะที่พระอัยยิกาทรงตรัสถามซังกุงว่าใครชนะ
 "ได้ยินว่าท่านทังวอนและซินยุนบกเป็นฝ่ายชนะเพคะ"
 "อะไรนะ ไม่ใช่ยีมยองกีชนะหรอกหรือ"
 "เอ่อ เพคะ"
 คิมโจมึนโดนเหล่าเสนาต่อว่าเรื่องยี มยอง กี เขายอมรับและพร้อมจะรับโทษ พอออกมาก็พบยี มยอง กี
 "จะกลับไปต้าชิงแล้วหรือ"
 "เพราะไม่มีเหตุผลจะอยู่ที่นี่ต่อไป ในเมื่อข้าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ก็ขอเอาเงินมาคืนท่าน คิมฮงโดที่ชอบมีความคิดแผลงๆ กับผู้ช่วยหนุ่มน้อยนั่น อีกไม่นานคงจะได้เข้าวัง และเป็นช่างเขียนที่ฝีมืออ่อนหัดที่สุด หึ คิดแล้วก็น่าขำ"
 "เพื่อขัดขวางไม่ให้พวกเขาได้ทำงาน  มีคนอยากให้เจ้าอยู่โชซอนต่อไปจะสนใจมั้ย"
 "พวกเขาเป็นใคร"
 "คนที่มีอำนาจพอจะขวางพวกเขาได้ ข้าจะสนับสนุนด้านการเงิน หึ เราจะหาวิธี ให้ทังวอนเกิดความผิดพลาดในขั้นตอนการลงสี หลังจากนั้น ก็จะเลือกช่างเขียนใหม่มาแทน และคนที่มีสิทธิ์รับตำแหน่งอันทรงเกียรติ คงมีแต่เจ้าคนเดียว"
 "หึ แปลว่าจะให้ข้า เป็นตัวสำรองแทนทังวอนเมื่อเขาผิดพลาดงั้นหรือ เฮอะ พวกท่านเห็นช่างเขียนอย่างเราเป็นตัวอะไรไม่ทราบ ข้าไม่เอาด้วยหรอก"
 "ช้าก่อน มิน่าเจ้าถึงได้เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้แก่ทังวอน แต่ไหนแต่ไร เขาเหมือนขวากหนามที่เจ้าไม่อาจฟันฝ่า แล้วไม่รู้สึกละอายเวลาที่คุยอวดว่าตัวเองเหนือกว่าเขาบ้างหรือ"
 "หึ ท่านอย่ารู้ดีไปกว่าข้าหน่อยเลย"
 "คนที่ยอมเห็นแก่เงิน อุตส่าห์เดินทางไกลมาจากต้าชิง แล้วจะให้ข้านับถือเป็นช่างเขียนได้ยังไง"
 "ข้าใช้ความสามารถแลกกับเงินต่างหาก"
 "แต่ข้ายังไม่เห็นความสามารถของเจ้า ไม่รู้สึกละอายบ้างหรือ ยังกล้ามาคุยโตอีก จริงหรือเปล่า"
 "หึ พวกพ่อค้านี่น่ากลัวจริงๆ หึ"
 "พ่อค้าหรือ อย่างน้อยข้าก็ทำตัวสมกับเป็นพ่อค้า แล้วเจ้าเหมือนช่างเขียนหรือเปล่า ยังคู่ควรเรียกตัวเองเป็นจิตรกรมั้ย ความสามารถแค่นี้ ริอ่านสู้กับทังวอนได้ยังไง"
 "คำพูดของท่าน ซักวันจะได้ถอนคืนแน่"
 "พูดแบบนี้คือจะสั่งสอนข้าใช่ไหม พอทำงานล้มเหลวก็สะบัดก้นหนีกลับบ้านไม่สนใจคนอื่น ก่อนที่ข้าจะให้คนเล่นงานเจ้า รีบไสหัวไปซะดีกว่า"
 "หนอย น่าโมโหจริงๆ ร้ายกาจนัก หึ"
 ซินยุกบกซื้อแว่นตาอันใหม่ให้คิมฮงโด
 "ลองอันนี้ดู"
 คิมฮงโดลอง "ฮ่า เป็นไงบ้าง"
 "เอ่อ เดี๋ยว ลองอีกอันหนึ่ง"
 "แว่นก็เหมือน ๆ กันจะเลือกอะไรนักหนา เสียเวลาเปล่าน่า"
 "ใครบอกว่าแว่นเหมือนกันหมด มา ท่านลองใส่อันนี้ดู"
 "บอกแล้วว่าอันไหนก็เหมือนกัน"
 "สงสัยท่านจะสายตาสั้นลงหรือเปล่า ข้าว่ากระจกใสน่าจะเหมาะกว่านะนี่"
 "เหมาะกว่าจริงหรือ เฮ่อๆ เจ้าหนูนี่ ตาถึงไม่เบาแฮะ เฮ่อๆๆ เอาเถอะๆ ตกลงอันนี้แหละ"
 "หา ไม่เลือกดูอีกหลายแบบหรือ"
 "พอแล้วๆ เถ้าแก่ อันนี้กี่ตังค์น่ะ"
 "เดี๋ยว ข้าจ่ายให้ท่านเองอาจารย์"
 "จะบ้าหรือ เอาเงินมาจากไหน แอบเขียนรูปไปขายอีกหรือไง บอกมาเดี๋ยวนี้"
 "เปล่า ไม่ได้ขายแล้ว คือปกติ ข้าก็พอมีเงินเก็บบ้าง แหะ เท่าไหร่ครับ"
 พ่อค้าบอกว่า 5 อีแปะ ซินยุนบกต่อเหลือ 4 อีแปะ แล้วคิมฮงโด
 "ใส่แล้วเป็นไงครับ"
 "อึ้ม ดีขึ้น เห็นชัดเลย"
 "รู้สึกเหมือนเห็นโลกใบใหม่หรือเปล่า"
 "นั่นสิ บรรยากาศรอบข้างเปลี่ยนไปหมดเลย"
 "เปลี่ยนยังไงครับ"
 "แหม มันก็คือ เปลี่ยนไปแบบว่า เห็นเจ้าแล้ว ยังเป็นเจ้าหนูหมือนเดิม เฮ่อๆๆ"
 "อะไรก็ไม่รู้"
 "เฮ่อๆๆ แว่นอันนี้ ข้าจะเก็บรักษาอย่างดี ไม่ให้เสียหาย จนกว่าข้าจะตาย"
 "พูดแล้วต้องทำได้ด้วยล่ะ ข้าลงทุนซื้อให้ท่าน ท่านห้ามทำเสียอีกนะ"
 "รู้แล้ว ไม่ต้องสั่งหรอก ขี้บ่นจริง"
 "ว่าแต่ ทำไมต้องเก็บขึ้นด้วยล่ะ"
 "นี่หรือ กลัวมันถลอก เก็บไว้ค่อยๆ ใส่ หึๆ" คิมฮงโดว่า
 ก่อนกลับยี มยอง กียังได้เตือนคิมฮงโด ให้ระวังผู้ไม่ประสงค์ดีซึ่งมีอิทธิพลเหนือกว่าเขามากนัก
 "ยินดีด้วยนะทังวอน" ยี มยองกีกล่าว
 คิมฮงโดแปลกใจ "วันนี้ทำไมมาแปลก นึกว่าเจ้าจะไม่ยอมแพ้ซะอีก"
 "หึ เจ้าก็รู้ว่าการแข่งคราวนี้ไม่ได้สู้ด้วยฝีมือจริงๆ โชซอนมีคนอย่างเจ้า แถมยังได้เป็นถึงช่างเขียนส่วนพระองค์ มันก็เหลือเชื่อน่ะนะ"
 "เจ้าเลยจะกลับงั้นหรือ"
 "อยู่ในเมืองเล็กๆ ไม่เห็นมีอะไรให้ทำ ขอไปดีกว่า"
 "งั้นก็น่าเสียดาย"
 "ความเสียดายคงไม่ใช่สักแต่พูดอย่างเดียว ข้าก็เลยต้องไป"
 "ยังไม่รู้ว่า ชาตินี้เราจะได้เจอกันอีกมั้ย ขอให้โชคดี"
 "ระวังให้ดี คนที่มีผลประโยชน์กับการแข่งคราวนี้ เป็นผู้มีอิทธิพลมากกว่าที่เจ้าคิด"
 "เจ้าเตือนเพราะเป็นห่วงข้าหรือ"
 "ในฐานะช่างเขียนเหมือนกัน และเป็นนักเรียนรุ่นเดียวกัน ข้าเลยอยากเตือนเจ้าไว้ คนที่อยากเห็นความผิดพลาดของเจ้า กำลังเฝ้ามองเจ้ากับลูกศิษย์ทุกฝีก้าว อย่าลืมซะล่ะ ไปลูกพ่อ" ยี มยองกีชวนลูกเดินไป
จบ 9

ยอดหญิงตำนานศิลป์ ซินยุนบก 10 
 ซินยุนบกเข้ามาหาอิกแจ
 "เฮ่อๆๆ ว่าไง ลูกรักของพ่อ เตรียมตัวพร้อมแล้วใช่ไหม"
 "ครับท่านพ่อ"
 "ดีมากลูก พ่อเชื่อใจเจ้าเสมอ และเชื่อว่าเราต้องมีวันนี้ แน่นอน เฮ่อๆๆ ทุกวันนี้ ถึงพ่อไม่กินข้าวก็อิ่มแล้ว เฮ่อๆๆ"
 "งั้นข้าไปน่ะครับ"
 "ไปเถอะลูก ไป โชคดีนะ เฮ่อๆๆ แต่ว่า ก่อนที่การเขียนพระรูปของฝ่าบาทจะเสร็จสิ้น เจ้าอาจต้องนอนห้องเดียวกับทังวอน เพื่อไม่ให้เขา รู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าต้องดูแลตัวเองและระวังตัวให้มาก เข้าใจหรือเปล่า"
 "อึม ครับ"
 "อึม งั้นก็ดี ไปเถอะ ไปเร็วเข้า"
 "ครับ"
 "เฮ่อๆๆ อ้อ จริงด้วย ลืมบอกอีกอย่าง ก่อนจะเข้าวัง ไปเยี่ยมพี่ชายเจ้าซักครั้ง เขาคงเฝ้ารอ อยากให้เจ้ามีข่าวดีไปบอก เมื่อเขารู้คงจะดีใจมาก"
 "ครับ งั้นข้าไปนะครับ"
 "อึม เฮ่อๆๆ เฮ่อ"
 ซินยุนบกไปพบกับซินยอนบกตามที่อิกแจว่า
 "ข้าก็นึกแล้วว่าต้องมีวันนี้ แต่ไม่คิดว่าจะมาถึงเร็ว หึ เจ้าเก่งจริงๆ"
 "แหม ถ้าไม่มีท่านทังวอนคอยช่วย มันคงเป็นไปไม่ได้ ข้าคนเดียวคงไม่มีปัญญา เพราะฉะนั้นอย่าชมมากนัก เพราะข้าจะเขิน"
 "หึๆ มีน้องที่เก่งอย่างเจ้า ข้ารู้สึกโชคดี"
 "ยังจะพูดอีก พล่ามอะไรก็ไม่รู้"
 "ไว้เขียนพระรูปเสร็จเมื่อไหร่ ในวงการศิลปะจะมีชื่อซินยุนบก เป็นหนึ่งในช่างเขียนแถวหน้า ทีนี้ร้านขายรูปของท่านพ่อ ก็จะมีลูกค้าเต็ม"
 "หึ แล้วท่านล่ะ สบายดีมั้ย"
 "หมายถึงเรื่องอะไร"
 "ทำงานในโรงผลิตสีไง"
 "น่า บอกแล้วว่าไม่ต้องห่วง ข่าวดีจากเจ้าก็คือกำลังใจสำคัญของข้า อีกอย่าง ข้ากำลังคิดค้นสีใหม่เพื่อเจ้าด้วย"
 "จริงหรือ ท่านทำได้อย่างว่าจริงๆ จะผลิตสีเฉพาะที่มีในโชซอนน่ะ"
 "แน่นอนสิ เฮ่ย หึๆ นี่คือสีตัวอย่าง ที่ข้ากำลังคิดค้นอยู่"
 "หึ โห เห็นเขาว่าการสกัดสีจากดอกไม้ มันจะทำยากมาก แล้วท่านทำได้ไง"
 "ตอนนี้ สียังไม่ได้อย่างที่คิด ยังต้องปรับปรุงอีกหน่อย คิดว่าระหว่างที่เจ้าไปเขียนพระรูป ข้าจะค่อยๆ สกัดจนได้สีแดงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของโชซอน และให้เจ้าได้ใช้"
 "สีแดงที่เป็นเอกลักษณ์หรือ ท่านก็เก่งเหมือนกัน หึๆ"
 "ช่างเขียนที่ยอดเยี่ยม มาเจอกับช่างสีมือหนึ่ง ร่วมมือกันสร้างสรรค์พระรูป เพราะฉะนั้น เจ้าแค่วางใจ ไปทำหน้าที่ตัวเองให้ดีก็พอ"
 "อึม อึ้ม หลังจากเสร็จงานเขียนพระรูปแล้ว ภาพต่อไปที่ข้าจะเขียนคือใช้สีแดงที่ท่านมอบให้ แหะ"
 "ดีมาก หึๆๆ" ซินยอนบกชื่นชมและดีใจมาก
 คิมฮงโดและซินยุนบกเดินทางเข้าวังเพื่อจะเขียนพระรูป แต่ก่อนจะลงมือเขียนนั้น ทั้งคู่ต้องพักอยู่ห้องเดียวกัน สร้างความกระอักกระอ่วนให้แก่ซินยุนบกยิ่งนัก เพราะถูกอาจารย์เห็นของใช้ที่จำเป็นสำหรับผู้หญิง
 "ว่าแต่คืนนี้ เจ้าจะนอนไหน"
 "เอ่อ แล้ว อา อาจารย์ล่ะครับ"
 "ตรงนี้มั้ง"
 "งั้นข้าไปนอนมุมโน้น"
 "นอนนี่ดีกว่า"
 "ครับ" ซินยุนบกอึกอัก
 "ตัวเป็นอะไรน่ะ เป็นผู้ชายซะเปล่า กระบิดกระบวนอยู่ได้"
 "เอ่อ ข้าไม่ได้กระบิดกระบวนซักหน่อย ว้าย" ซินยุนบกตกใจเมื่อช่างเสื้อมาจับตัวเธอ
 "ยืนตรงๆ ได้ไหมครับนี่  เราไม่ได้ว่างมากหรอกนะ  ยกแขนขึ้นซิ" ช่างเสื้อว่า "กางสูงๆ สิ 2 เชียะ"
 คิมฮงโดฟังอยู่ว่า "แค่ 2 เชียะเองหรือ ตอนเด็กเป็นโรคขาดอาหารหรือเปล่า ถึงได้อกแฟ่บขนาดนี้ แปลกจริงๆ ทีหลังต้องกินเยอะๆ ล่ะ"
 เจ้ากรมอธิบายให้คิมฮงโดกับซินยุนบกฟังว่า
 "ภายในห้องนี้ สิ่งที่พวกเจ้าจะได้เห็น  คือพระรูปของพระเจ้า “เทโจ” ซึ่งเป็นผู้สถาปนาราชวงศ์โชซอน หน้าที่นี้  ไม่ใช่เพียงแค่เขียนรูป หากแต่ว่า ต้องแสดงถึงพระเกียรติยศและอำนาจของพระราชาให้เป็นที่ประจักษ์ ฉะนั้นขณะอยู่ต่อหน้าพระพักตร์นั้น อย่าคิดว่าเหมือนการเขียนรูปทั่วไป หากแต่ต้องสำรวม และยำเกรงเช่นเดียวกับการเข้าเฝ้า นับแต่นี้ พวกเจ้าจะได้เห็นพระพักตร์ พระราชาองค์แรก แห่งราชวงศ์โชซอน การเขียนพระรูปของพระราชา จะไม่เหมือนเขียนหน้าสามัญชนทั่วไป เพราะพระราชานั้น คือผู้ที่อยู่เหนือคนทั้งปวง และเปรียบดั่งเทพเจ้าแห่งปวงชนทั้งหลาย ฉะนั้น  บริเวณพระพักตร์  จึงห้ามแสดงพระอารมณ์ใดๆ หรือเขียนตามที่ช่างเขียนต้องการ การเขียนพระรูปจะไม่เขียนพระหัตถ์ โดยซ่อนอยู่ในฉลองพระองค์ เพื่อแสดงถึงว่าโชซอนเรา เป็นเมืองที่เคร่งครัดจารีต สองมือจึงมักจะจับกันเพื่อเป็นการให้เกียรติคนอื่น พระอังสาซ้ายขวาจะต้องเท่ากัน แสดงถึงความเป็นธรรมของพระองค์ที่จะไม่เข้าข้างใครหรือลำเอียงใดๆ พระราชาจะทรงห่วงใยราษฎรอย่างเท่าเทียม นี่คือตัวอย่างของพระรูปที่ต้องยึดเป็นแบบอย่าง อีกทั้งให้เขียนตามขั้นตอนที่อธิบายโดยไม่มีการบิดเบือนใดๆ ทั้งสิ้น แต่หากมีใฝ ปาน หรือรอยแผล รอยตำหนิบนพระพักตร์ ถ้าเลี่ยงได้ก็จงเลี่ยงซะ ไม่จำเป็นต้องเขียน พระรูปที่พวกเจ้ากำลังจะเขียนนั้น ก็คือราวๆ นี้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ พวกเจ้าก็ต้องเริ่มการเขียนพระรูป งั้นคืนนี้ จงไปชำระร่างกายให้สะอาด และพักผ่อนให้พอ" ทั้งสองรับคำ
 ซินยุนบกฟังแล้วรู้สึกเป็นกังวล ถามคิมฮงโดว่า
 "อาจารย์ครับ งานสำคัญขนาดนี้ แค่เราสองคนจะทำได้หรือครับ"
 "หึ รู้สึกกลัวหรือไง"
 "ครับ"
 "ไม่ต้องห่วงไปหรอก ไปทีละขั้น ตั้งใจทำให้ดีที่สุดก็พอ ที่จริงตอนนี้ เจ้าก็ทำดีมาตลอดแล้วนี่ รออะไรอีกล่ะ ไปเร็วเข้าเจ้าหนู"
 คิมฮงโดเห็นซินยุนบกเข้าไปอาบน้ำนานมากแล้ว จึงเข้าไปตาม ซินยุนบกรีบไล่เขาออกไป แต่คิมฮงโดยังไม่ยอมออก จนซินยุนบกเห็นผ้าแถบในมือของคิมฮงโด
 "คือ แถบผ้านั่น ท่านไปเอามาจากไหน"
 "หา นี่หรือ อ้อ ใครไม่รู้ทิ้งอยู่ในห้อง ข้าเลยเอามาผูกเสื้อผ้า"
 "นั่น นั่นเป็นของข้า คืน คืนให้ข้าได้ไหม เร็วเข้า เอามาเร็วๆ"
 "คืนอะไร ถ้าเป็นของที่อาจารย์อยากได้ ให้เจ้าแก้ผ้าถอดชุดให้ใส่ยังได้เลย สาอะไรกะแค่แถบผ้านี่"
 "แต่ นั่นเป็น"
 "มันคืออะไรล่ะ"
 "เอ่อ มันคือ คือ อ้อ เวลาเขียนรูป ข้าเอาไว้ผูกแขนเสื้อน่ะครับอาจารย์"
 "งั้นรอให้ถึงเวลาค่อยคืนละกัน ตอนนี้ยืมใช้หน่อยไม่ได้หรือ"
 "เอ่อ แต่ว่า พรุ่งนี้ก็ต้องใช้แล้ว ท่าน เอาเป็นว่าคืนให้ข้าเถอะ เร็วเข้า ขอร้องล่ะ"
 "นี่ก็มีด้วยหรือ"
 "อย่า อย่าดู อาจารย์"
 "มีของอย่างงี้ใช้ด้วยหรือ ทำไมไม่เห็นบอกข้าเลย"
 "ขอร้องล่ะ มาให้ข้าเร็วๆ ส่งมาซี่"
 "เอาเถอะๆ ยังไงเจ้าก็ต้องอาบน้ำก่อน กลับไปแล้วค่อยคืนให้ นะ"
 "อาจารย์ โอย โธ่ เฮ่อ"
 พอถึงเวลานอนคิมฮงโดก็ตะโกนถามซินยุนบกว่า
 "ตกลงจะนอนอยู่ข้างในไม่ออกมาแล้วใช่ไหม"
 "ไปเดี๋ยวนี้แหละ เฮ่ย" ซินยุนบกออกมา 
 "เด็กอะไรไม่รู้ อาบน้ำทีเป็นวันเชียว แค่รอเจ้าอาบน้ำ ข้าก็รอจนแหงือกแห้งแล้ว กลับไปที่ห้องซะ ขั้นต่อไปคือทำใจให้สงบ"
 "อาจารย์ ขอผ้า คืนให้ข้าได้ไหม"
 "ทำไมหวงผ้านี่นักหนา ให้ข้ายืมใช้ไม่ได้หรือไง"
 "เอ่อ คือ ข้าไม่ได้หวง"
 "งั้นข้าจะอาบน้ำก่อน"
 "เดี๋ยว อาจารย์"
 "ไม่เห็นหรือว่าทหารเฝ้าอยู่ข้างนอก ยังจะมาแย่งอีก เอ๊ะ เจ้านี่"
 "อาจารย์ๆๆ เอ่อ เฮ่ย"
 ราชเลขาทูลถามพระราชาจองโจว่า
 "ฝ่าบาท จะให้ช่างเขียน 2 คนทำงานนี้จริงหรือพะยะค่ะ"
 "ถ้าไม่ใช่ทังวอน ข้าคงไม่กล้าคิดด้วยซ้ำ สมัยก่อนเสด็จพ่อเคยสอนข้า ทำอะไรอย่ารีบร้อน แต่ก็อย่าเลิกรากลางคัน"
 "ฝ่าบาท หม่อมฉันกลัวว่าพวกเขาไม่อาจรับหน้าที่นี้ได้ พลอยให้เดือดร้อนมาถึงตัว"
 "งานนี้ช้าเร็วเราก็ต้องทำอยู่แล้ว"
 และพระราชาจองโจก็ทรงประกาศในที่ประชุมว่า
 "การเขียนรูปข้าในปีนี้ ขอมอบเป็นหน้าที่ช่างเขียนทั้งสอง เพราะฉะนั้น ตอนนี้ให้เหลือแต่ข้ากับช่างเขียนทั้งสองอยู่ที่นี่ก็พอ คนอื่นออกไปให้หมด"
 ขุนนางตกใจ "แต่ว่า ฝ่าบาท"
 เสนาขวารีบทูล "ฝ่าบาท เราเป็นห่วงว่าการเขียนพระรูป ไม่แน่อาจมีความผิดพลาดเกิดขึ้น เพราะนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกคนต่างให้ความสำคัญ จึงต้องอยู่เพื่อชี้แนะให้ถูกต้อง ฉะนั้น ให้มีขุนนางอยู่ด้วย ถือว่าสมควรแล้วพะยะค่ะ"
 "ขุนนางมีหน้าที่ช่วยข้าบริหารบ้านเมือง ถ้ามาคอยเฝ้าดู อาจทำให้ช่างเขียนตื่นเต้นจนเกิดความผิดพลาดได้ เพราะฉะนั้นออกไปตามที่ข้าสั่งเถอะ ไม่ได้ยินหรือ ข้าบอกให้ออกไปไง"
 พวกขุนนางอึ้ง "เอ่อ คือ"
 "การเขียนรูปข้าคราวนี้ รอให้เขียนเสร็จ ลงสีเรียบร้อยแล้วค่อยให้พวกท่านพิจารณาอีกที เพราะฉะนั้น ก่อนงานจะเสร็จสิ้นเรียบร้อย พวกท่านไม่ต้องมาอยู่ให้เกะกะหรอก"
 "หมายความว่า ต้องให้ลงสีเรียบร้อย เราถึงจะได้เห็นภาพงั้นหรือ มีอย่างที่ไหนกัน"
 "ข้าบอกให้ออกไป ทำไมยังนั่งเฉยอยู่อีก"
 "ช่างเขียนทั้งสอง เชิญเงยหน้าขึ้น ได้ไปที่ห้องเซ่นไหว้ เห็นรูปอดีตพระราชาหรือยัง"
 "พะยะค่ะ ฝ่าบาท"
 "ข้ารู้ดีว่า การอัญเชิญพระวิญญาณของอดีตพระราชา ขึ้นสู่สวรรค์และเปรียบพระองค์ดั่งเทพ จริงๆ แล้วเท่ากับพันธนาการบรรพชนไว้กับความมืดมิด ไร้ซึ่งอิสระมากกว่า ฉะนั้น ข้าจึงหวังว่าการเขียนรูปคราวนี้ จะแสดงให้ทุกคนเห็นว่าพระราชาก็เป็นมนุษย์ มีรักโลภโกรธหลงเหมือนกัน"
 "แต่มีหลายคนเฝ้าดูอยู่นะพะยะค่ะ"
 "ภาพนี้ ข้าเป็นคนถูกวาด รอให้งานเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ ภาพก็จะมีอำนาจเสมือนหนึ่งตัวข้าเอง เชื่อว่าพวกขุนนางคงไม่กล้าลบหลู่ส่งเดช และก่อนถึงวันนั้น ข้าจะปกป้องท่านทังวอน รวมถึงช่างเขียนหนุ่มน้อยอย่างดีที่สุด ขอให้วางใจได้ ถ้าอย่างงั้น เชิญเขียนได้แล้ว"
 "การเขียนพระรูปจะไม่เขียนพระหัตถ์ โดยซ่อนอยู่ในฉลองพระองค์  เพื่อแสดงถึงว่าโชซอนเรา เป็นเมืองที่เคร่งครัดจารีต สองมือจึงมักจะจับกันเพื่อเป็นการให้เกียรติคนอื่น พระอังสาซ้ายขวาจะต้องเท่ากัน แสดงถึงความเป็นธรรมของพระองค์ที่จะไม่เข้าข้างใครหรือลำเอียงใดๆ พระราชาจะทรงห่วงใยราษฎรอย่างเท่าเทียม บริเวณพระพักตร์ จึงห้ามแสดงพระอารมณ์ใดๆ หรือเขียนตามที่ช่างเขียนต้องการ ช่างเขียนทั้งสอง จงเขียนในสิ่งที่เห็น"
 ในขณะที่พระราชาจองโจ ฉวยโอกาสตอนกำลังเขียนรูป ได้เล่าความลับบางอย่างในอดีต ให้คิมฮงโดและซินยุกบกได้รับฟัง ซึ่งเหตุการณ์นั้น บังเอิญตรงกับสิ่งที่ทั้งคู่ได้ประสบมาอย่างคาดไม่ถึง
 คิมฮงโดกล่าวกับซินยุนบกว่า
 "พรุ่งนี้เริ่มเขียนภาพจริง หลังจากนั้นจะเป็นการลงสี ถึงตอนนั้นจะมีสีสันหลากหลาย ให้เราทดสอบผลที่ออกมาแล้วค่อยเลือกใช้"
 "อาจารย์ครับ ข้ามีของบางอย่าง จะให้ท่านดู สีนี้เป็นไงครับ"
 "สีแบบนี้ ดูเฉยๆ มันดูไม่ออกน่ะ"
 "งั้น อย่างงี้ล่ะครับ ท่านว่าสีแดงแบบนี้ เหมาะที่เราจะใช้หรือเปล่า"
 "เอามาจากไหนนี่"
 "พี่ชายข้าน่ะครับ ไปอยู่โรงผลิตสี แล้วคิดค้นสีนี้มาให้ข้า บอกให้ข้าใช้งานตอนเขียนพระรูป"
 "แต่สีที่ใช้ในการเขียนพระรูป จำกัดเฉพาะที่ผ่านการซื้อจากศูนย์ศิลปะเพียงอย่างเดียว ปกติพวกหินสีก็มีคุณสมบัติในตัว สามารถเพิ่มความสมจริงให้กับภาพเขียนอยู่แล้ว ใช้สีอื่นไม่ได้หรอกนะ"
 "แค่เป็นสีที่ใกล้เคียงกับฉลองพระองค์จริงก็พอแล้วนี่ครับ ถึงจะใช้สีที่มีราคาแพง ก็ไม่เห็นจะช่วยให้ภาพเขียนดูดีขึ้นซักนิด"
 "ความคิดเจ้าก็ถูกน่ะนะ แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญของราชสำนัก เราคงต้องทำตาม มันเป็นกฎของการเขียนพระรูปด้วย หรือว่า เราจะลองเปลี่ยนดู"
 "หึ ถ้าทำจริง จะได้ไหมล่ะครับ"
 "หึๆ สิ่งที่เราทำอยู่ กำลังเป็นจุดสนใจของทุกฝ่าย ถ้าผิดพลาดแม้แต่น้อย อาจถูกเล่นงานจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน การใช้สีจึงเลือกส่งเดชไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่ จำเป็นต้องเข้มงวด หรือเราจะลองเสี่ยง? หึๆๆ นอนเถอะ"
 พระราชาจองโจเสด็จมาเฝ้าพระอัยยิกา
 "เชิญฝ่าบาทนั่งเร็วเข้า"
 "นับวันจะยิ่งดูสดชื่นนะพะยะค่ะ"
 "เจ้าจะมาหยอกคนแก่อย่างข้าอีกหรือนี่"
 "หึ หยอกเล่นจะเป็นไรไป"
 "หึ การเขียนรูปปีนี้ ได้ยินว่าไม่ยอมให้คนนอกอยู่ดูด้วยหรือ"
 พระราชาจองโจทรงรับ "พะยะค่ะ"
 "เรื่องสำคัญขนาดนี้ มอบเป็นหน้าที่ช่างเขียนแค่สองคน ข้าอดรู้สึกเป็นห่วงแทนเจ้าไม่ได้จริงๆ"
 "เลี้ยงม้าทั้งคอก ยังไม่สู้ฝีเท้าดี 1 ตัว วิ่งวันละพันลี้ดีกว่า หม่อมฉันเชื่อใจช่างเขียนสองคนนี้ และคิดว่า พวกเขาน่าจะทำในสิ่งที่หม่อมฉันต้องการ"
 "งั้นหรือ แต่เรื่องบางอย่างไม่ใช่แค่ความไว้ใจก็จะสำเร็จได้หรอกนะ ข้าเป็นห่วงความวู่วามของเจ้าด้วยความที่ยังหนุ่มเกินไป เกิดโชคร้าย ไม่เป็นอย่างที่คิด อาจทำให้เจ้าเสื่อมเสียก็ได้"
 "ขอบพระทัยที่ทรงเตือน หม่อมฉันมีความคิดของตัวเอง ทรงวางพระทัยได้"
 "กลัวแต่ว่าถ้าผิดพลาดจริง เจ้าจะรับผิดชอบไหวหรือเปล่า เพราะเป็นเรื่องใหญ่นัก"
 "เรื่องนี้หม่อมฉัน เข้าใจดีพะยะค่ะ"
 พระราชาจองโจทรงถามคิมฮงโดว่า
 "วันนี้จะทำอะไรอีกบ้าง"
 "พะยะค่ะฝ่าบาท วันนี้ จะเขียนภาพจริงให้สมบูรณ์และเริ่มการลงสีพะยะค่ะ"
 "เสร็จเมื่อไหร่ คงจะงามมาก เริ่มได้แล้ว"
 "พะยะค่ะ"
 "ทังวอน ข้ามีเรื่องอย่างหนึ่ง เป็นความลับที่ไม่เคยบอกใครมาก่อน เฝ้าหวังว่าซักวันหนึ่ง ความจริงจะเปิดเผยให้ทุกคนได้รู้ บางครั้ง ข้าอยากหาเพื่อนพูดคุยระบายให้เขาฟัง ถ้าเป็นท่าน เวลาจะพูดเรื่องความลับ ท่านจะทำไงก่อน"
 "รับสั่งว่าเป็นความลับหรือพะยะค่ะ"
 "เป็นความลับสำคัญ ที่ห้ามบอกให้ใครรู้เด็ดขาด"
 พระราชาจองโจทรงนึกถึงพระราชายองโจที่เป็นเสด็จปู่ ตอนนั้นพระราชายองโจทรงตรัสไว้ว่า
 "วันหน้าถ้ามีโอกาส ให้ไปหาภาพเขียนที่สูญหายไป เพื่อล้างมลทินให้พ่อเจ้า"
 "ภาพเขียนอะไรกัน หม่อมฉันไม่เข้าใจที่เสด็จปู่รับสั่ง"
 "ข้าเคยสั่งให้ช่าง 2 คนเขียนภาพนั้น แต่จนวันนี้ยังไม่ได้ภาพมา"
 "นั่นเป็น ภาพอะไรหรือ"
 "ภาพเหมือนของพ่อเจ้า อดีตรัชทายาทซาโต"
 "ความลับที่ต้องเปิดเผยให้ได้"
จบ 10


เครดิต : oknation.net/blog/lakorn

   
 
ความคิดเห็น


.: ต้องการแสดงความคิดเห็น กรุณาบันทึกความคิดเห็นของคุณลงบนแบบฟอร์มข้างล่างนี้ ขอบคุณค่ะ :.

ละครปัจจุบันตอนล่าสุด
(ตอนอื่น ๆ)
ตอนที่ 6 - 10
ละครที่ฉายอยู่ปัจจุบัน
จามอง ยอดหญิงผู้พิทักษ์แผ่นดิน (3)
ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน (15)
ร่วมแสดงความคิดเห็น
* ชื่อ :  
   
อีเมล์ :  
   
* รายละเอียด  
 

ใส่ข้อมูลได้อีก ตัวอักษร
 
* ใส่ค่าตามภาพ  
 
 
 
SABUYJAISHOP ผู้ให้บริการทางการตลาดออนไลน์ สำหรับร้านค้าหรือผู้ประกอบการ ที่ต้องการนำเสนอสินค้า โฆษณา ประชาสัมพันธ์ร้านค้า หรือสินค้าในร้าน โดยเรามีเครื่องมือที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเปิดร้านค้า โฆษณาสินค้า และระบบการสั่งซื้อสินค้าไว้พร้อมสรรพแล้ว สำหรับผู้ที่ต้องการช่องทางในการทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์