จะซื้อตู้เค้กสักตู้ จะเลือกตู้เค้กอย่างไรดีนะ ?
มีหลักใหญ่ๆที่ฝากไว้ให้พิจารณา ก่อนเลือกซื้อตู้เค้กสักตู้ มีอยู่ 4 ข้อใหญ่ๆ ค่ะ
1.พื้นที่ที่จะใช้วางตู้แช่เค้ก
เจ้าของร้านจะบอกได้ดีที่สุดว่า ร้านของเราควรใช้ตู้แช่เค้กขนาดใดดี
แนะนำหลักง่ายๆคือ ใช้ตลับเมตรวัดความกว้าง ยาว ของพื้นที่ที่เราตั้งใจจะเอาตู้เค้กมาตั้ง ว่ามีขนาดเท่าไหร่
โดยทั่วไปตู้เค้กจะทำขนาดกว้าง 70,90,100,120และ150ซม. ความลึกจะประมาณ70-80ซม. ส่วนความสูงอยู่ที่135-140-150
ซม.
การวางตู้เค้กนั้นต้องเว้นระยะหว่างข้างตู้ให้ตู้ได้ระบายความร้อนบ้าง อย่างน้อยข้างละ3ซม. จะดีต่ออายุการใช้งานของ
ตู้ค่ะ เมื่อความกว้างลงตัวแล้ว มาดูความลึกกันบ้าง ตู้เค้กขนาด70ซม.ประตูด้านหลังตู้จะเป็นบานเปิดนะคะ ใช้พื้นที่เปิดสุด
ประมาณ50ซม.ค่ะ ส่วนตู้เค้กขนาด90ซม.ขึ้นไป ประตูหลังเป็นบานเลื่อน ไม่มีปัญหาเรื่องพื้นที่ด้านหลังค่ะ
2.วัตถุประสงค์ในการใช้งาน
ข้อนี้ให้มองถึงว่า เราเน้นขายเค้กแบบร้านเบเกอรี่รึเปล่า โดยทั่วไปแล้วถ้าร้านเราเป็นเพียงร้านกาแฟ ร้านอาหาร
ร้านนั่งชิล ที่ต้องการตู้เค้กไว้บริการลูกค้า จากประสบการณ์แล้ว ถ้าเราไม่ใช่ร้านเบเกอรี่ ขอแนะนำให้ใช้ตู้เค้กขนาด70หรือ90ซม.ก็เพียงพอแล้วค่ะ
ตู้เล็กประหยัดไฟกว่า ราคาก็ถูกกว่าตู้ใหญ่ แถมยังไม่ต้องสต๊อคเค้กปริมาณเยอะๆเหมือนตู้แช่เค้กใหญ่ด้วยค่ะ
(คือใช้ตู้เค้กขนาดใดก็ตาม ก็ควรลงเค้กเต็มๆตู้ ถ้าตู้โล่งก็ดูไม่น่ากินค่ะ) ยกเว้นแต่ว่า ร้านเราเป็นร้านที่เน้นทำเบเกอรี่เอง
ทำเยอะ ขายทั้งปลีกทั้งส่ง หรือเป็นร้านเบเกอรี่เต็มตัว ขนาดที่เหมาะสมก็ควรเป็นขนาด100ซม.ขึ้นไปค่ะ
3.เลือกตู้แบบไหนดี ..ตู้โค้งหรือตู้ตรง..
ความต่างของตู้เค้กกระจกโค้งกับตู้เค้กกระจกตรง
ทั้งสองแบบนี้มีคุณสมบัติของตัวตู้ทำจากสแตนเลสเหมือนกัน ระบบต่างๆก็เหมือนกัน ทั้งเรื่องลมร้านไล่ฝ้า การละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ การระเหยน้ำทิ้งให้กลายเป็นไออัตโนมัติ การควบคุมอุณหภูมิด้วยดิจิตอล คอมเพรสเซอร์และน้ำยาก็ใช้ตัวเดียวกัน จะต่างกันตรงที่กระจกค่ะ
ตู้เค้กกระจกโค้งจะเป็นใช้กระจกด้านหน้า ด้านข้าง เป็นกระจกชั้นเดียว กระจกด้านหลังเป็นสูญญากาศ2ชั้น เหมาะสำหรับใช้ในห้องแอร์ค่ะ
ส่วนตู้เค้กกระจกตรงจะใช้กระจกด้านหน้า ด้านข้าง ด้านบน ด้านหลังเป็นกระจกสองชั้นค่ะ ทำ2ชั้นเพื่อลดความต่างทางอุณหภูมิของ
ข้างในและข้างนอกตู้ให้น้อยลง เป็นผลให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักน้อยลง เหมาะสำหรับใช้นอกห้องแอร์ค่ะ
แล้วจะเลือกแบบไหนดี?
**ถ้าใช้ในห้องแอร์ ก็แล้วแต่ชอบดีไซน์ค่ะ ว่าชอบกระจกโค้งหรือกระจกตรง เพราะในห้องแอร์สามารถใช้ได้ทั้งสองแบบ
ถ้าใช้แบบกระจกตรง(กระจก2ชั้น)ในห้องแอร์ก็จะประหยัดไฟกว่าแบบกระจกโค้งค่ะ แต่ดูให้ดีนะคะ เคยเจอตู้กระจกตรงบางตู้ ผลิตจากที่ใดไม่ทราบได้ ใช้กระจกชั้นเดียวค่ะ แค่ทำรูปทรงให้มันเหลี่ยมๆขึ้นมาเฉยๆ ไม่ได้ช่วยให้ประหยัดไฟขึ้นเลยค่ะ ก่อนซื้อก็ถามพ่อค้าแม่ค้าก่อนนะคะ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายทีหลัง
**ถ้าใช้นอกห้องแอร์ เลือกแบบกระจกตรงดีกว่าค่ะ ถ้าใช้แบบกระจกโค้ง คอมเพรสเซอร์จะทำงานหนักกว่าการที่ตู้แช่เค้กอยู่ในห้องแอร์ ทำให้ค่าไฟเยอะหน่อยค่ะ และการใช้ตู้เค้กกระจกโค้งนอกห้องแอร์มีข้อที่ต้องคิดถึงคือ ตู้เค้กจะมีฝ้าเกาะที่กระจกนะคะ ไม่ได้เป็นตลอด24ชม. แต่ก็เป็นให้ได้เช็ดแน่นอนค่ะ ถ้าเป็นตู้เค้กกระจกตรง(ตู้เหลี่ยม)ซึ่งเป็นกระจก2ชั้น ก็จะช่วยลดความต่างของอุณหภูมิของด้านนอกและด้านในตู้ โอกาสที่จะเกิดฝ้าก็ยังมีอยู่แต่ก็น้อยลงเยอะค่ะ
ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อ ควรศึกษารายละเอียดของตู้ให้ดีก่อน ที่สำคัญ ลูกค้าต้องรู้รายละเอียดของสภาพบริเวณที่จะวางตู้ให้แน่นอนก่อนค่ะ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้เลยค่ะ แม่ค้าทุกร้านยินดีตอบอยู่แล้วค่ะ
4.งบในกระเป๋า
ถ้ามีงบประมาณ2หมื่น แนะนำตู้เค้กมือ2 จากแหล่งที่พอจะทราบที่มาที่ไปได้ค่ะ เช่นร้านของเพื่อน หรือร้านคนรู้จัก เพราะอย่างน้อยก็รู้ว่า "เจ้าของเดิม" เคยดูแล ทำความสะอาด บ้างรึเปล่า ร้านขายตู้แช่เครื่องเย็นบางร้าน มีตู้เค้กมือ2ขายด้วยนะคะ ลองถามคนขายดูว่ามีรับประกันไหม ส่วนมากจะรับประกัน3เดือนค่ะ หรือถ้าระยะเวลารับประกันที่มากกว่านี้ ทางร้านมักจะบวกราคาเพิ่มเข้าไปอีกค่ะ ของมือ2มีทั้งของดีมาก ดีน้อย หรือถ้าโชคร้ายได้ของไม่ดีจริงๆ แบบว่าต้องมาเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์และคอยล์ร้อนใหม่ก็เตรียมงบไว้ประมาณ 1หมื่น(รวมค่าแรง)ได้เลยค่ะ
ถ้ามีงบมากขึ้นมาอีกหน่อยราว3-4หมื่น ก็ซื้อของใหม่ไปเลยค่ะ เดี๋ยวนี้ตู้ส่วนใหญ่ก็คุณภาพดีพอๆกัน เลือกที่บอดี้ของตู้เป็นสแตนเลส และคอมเพรสเซอร์ยี่ห้อที่ไว้ใจได้ ขอกระซิบว่า "ของไทย" ก็คุณภาพดีไม่แพ้ของใครค่ะ และยืนยันว่าดีกว่าของMade in Ch... แน่นอนค่ะ
มีลูกค้าบางท่านถามมาหลังไมค์ว่า ทำไมบางยี่ห้อขายตู้เค้กขนาดเดียวกันกับเจ้าอื่น แต่ราคากระโดดจากเจ้าอื่นไปเป็นครึ่งหมื่นถึงหมื่นครึ่ง งงมากทั้งๆที่ขนาดและสเปคก็ประมาณเดียวกัน มีหลายเหตุผลมากค่ะ ขออธิบายเป็นข้อๆจะได้เข้าใจง่ายค่ะ
1.อาจเป็นค่าแบรนด์ค่ะ ทั้งๆที่บางยี่ห้อก็ผลิตมาจากโรงงานเดียวกัน
2.อาจเป็นค่าเซอร์วิสชาร์จที่ชาร์จไว้ก่อนค่ะ(อันนี้แล้วแต่ดีลเลอร์ค่ะ)
3.อาจเพราะค่าต้นทุนสูงกว่าค่ะ เช่นค่าหน้าร้าน ค่าพนักงานขาย ค่าลูกน้อง
4.อาจเพราะ ต้องการกำไรมากกว่าค่ะ
5.อาจเพราะวัสดุและดีไซน์หรูกว่าจริงๆค่ะ
สรุปที่แพงกว่าเจ้าอื่น อาจจะเป็นเพราะข้อใดข้อหนึ่งหรือหลายๆข้อรวมกันก็ได้ค่ะ ในโลกใบนี้อะไรก็เป็นไปได้ค่ะ
จะเลือกตู้เค้กสักตู้ก็พิจารณาข้อมูลให้รอบด้าน ใช้หลัก4ข้อใหญ่ๆที่ให้ไว้มาเป็นแนวทางในการเลือกตู้แช่เค้ก หากต้องการตู้แช่เค้กราคาพิเศษ สามารถคลิ๊กเข้าไปดูรายละเอียดได้นะคะhttp://www.alwaysstainless.com/shop/alwaysstainless/default.aspx?page=productgallery&url=alwaysstainless&category=0001&lang=TH ตตตตตต
นจะซื้อจจจจจจจะซื้ออะไรสักอย่าง แนะนำให้เลือกดูหลายๆร้าน0
|