.
 

จองโรงแรม ที่พัก ทั่วไทย โดย  www.thipherbs.com

 
  สมุนไพรทิพย์ ร้านสมุนไพรออนไลน์ 24 ชั่วโมง » Board » บทความ สนทนา สุขภาพทั่วไป »  
หัวข้อกระทู้ : ลูกแปลกแม่
 อาณัติ
 ตอบ : 3/28/2013 3:45:04 PM    หัวข้อ : ลูกแปลกแม่
Edit Data
ย้ายกระทู้ไปอีกforumนึง
แก้ไขข้อความ
ลบกระทู้นี้
ปักหมุดกระทู้นี้
ล็อกกระทู้นี้
เห็นรายละเอียดของกระทู้เฉพาะสามาชิกเท่านั้น
เลือกแสดงกระทู้นี้ในหน้าแรก
[ Admin ]


จากข่าวคราว ในหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ลงข่าวกล่าวว่า ยาอายุวัฒนะอยู่แค่เอื้อม เม็ดเดียวแก้และป้องกันโรคได้หลายโรค ศาสตราจารย์ โรงเรียนแพทย์ ฮาร์วาด ชื่อดังของสหรัฐ กล่าวบอกอย่างมีความหวังว่า เชื่อและแน่ว่าวันที่คนเราจะหย่อนยาใส่ปากวัน ละเม็ดเดียวทำให้เรามีอายุยืนยาวและยังคงแข็งแรงดีจะอยู่ไม่ห่างไกลเท่าไรแล้ว
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วิชาพยาธิวิทยา เดวิด วินแคล เปิดเผยว่ากำลังค้นคว้า ว่าด้วยการกระตุ้นยีนเซอร์ตูอิน ซึ่งเป็นตัวควบคุมความแก่ชรา เพื่อให้สามารถยึดอายุขัยของมนุษย์ไปได้อีก ๕-๑๐ ปี เขากล่าวอย่างหนักแน่นว่า " มันไม่เพียงจะหยุดยังความแก่ลงได้ มันจะหยุดยังความเสื่อมโทรมของสังขารไว้จนถึงกำหนดก็จะล้มตายทันที่
หนังสือพิมพ์ "เดอะ ซิดซีย์มอรนิ่งเฮรัลย์ "ของออสเตรเลีย รายงานข่าวนี้ ว่าอาจารย์เดวิสได้บอกให้รู้เป็นเชิงว่าการเร่งปฏิกริยายีนเซอร์ดอินจะมีผลทำให้ความจำและความทรหดอดทนดีขึ้น พร้อมชลอความแก่และลดโทษของการกินอาหารแป้งและไขมันสูงลดลงต่ำ "หากว่าการศึกษากับสัตว์ให้ได้ผลเช่นเดียวกับมนุษย์ เราก็จะมียาเม็ดรักษาโรคข้ออักเสบ ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมและสภาวะหัวใจหยุดเต็น โรคหัวใจแม้กระทั้งควบคุมไม่ให้เป็นต้อกระจกด้วยในไม่ช้านี้
แต่เมื่อเหลียวกลับมาดู อดีตในประเทศไทยของเราถือว่าเป็นเรื่องเก่าแก่ ในศาสตร์การแพทย์แผนโบราณหรือการแพทย์แผนไทยใน ปัจุบัน เพราะเรามียาอายุวัฒนะ หลายตำรับซึ่งมีตัวควบคุมความแก่ชรา เพื่อให้สามารถยึดอายุขัยของมนุษย์บรรพบุรุษไทยได้ ใช้กับมนุษย์มายาวนานเรา ๆท่านก็อาจเคยผ่านสายตามากันบ้างกับบรรพบุรุษของเราที่อายุยืนยาว
ซึ่งยาอายุวัฒนะตามกล่าว ซึ่งไม่ก็ทราบเหตุผลกลใดว่าบรรพบุรุษของไทยค้นพบมาก่อนกาล จะไปสอดคล้องกับ หลักการเร่งปฏิกริยายีนเซอร์ดอิน ซึ่งเป็นตัวควบคุมความแก่ ชราเพื่อให้สามารถยึดอายุขัยของมนุษย์ ที่ศาสตราจารย์ โรงเรียนแพทย์ ฮาร์วาด ชื่อดังของสหรัฐ เพิ่งค้นพบได้อย่างน่าฉงนในปัจุบัน ตัวอย่างที่ผานมารวมถึงในปัจจุบัน เราจะเห็นผู้เฒ่าผู้แก่และ ครูบาอาจารย์ด้านแผนไทยแต่ละท่านมีรูปร่างหน้าตาผิวพรรณไม่เกินอายุ และมีร่องรอยของความชราตำกว่าความเป็น จริงหรือดูหน้าตาผิวอ่อนเยาว์กว่าอายุเสียอีก ทีนี้เรามาดูตำรับยาอายุวัฒนะของไทย กันพอสังเขป
สำหรับบุรษ คือยาเม็ดลูกกลอนเงาะถอดรูป ที่ช่วยชะลอวัย
ตำรับ ๑ ยาเงาะถอดรูป
๑.ลูกกระวาน ๒.ลูกจันทน์ ๓.กานพลู ๔.ดอกจันทน์ ๕.สมุลละแว้ง ๖.มหาหิงค์ ๗.ชะเอมไทย ๘.หัวแห้วหมู ๙.แก่นหัสคุณไทย ๑๐.โกฐเชียง ๑๑.หญ้าฝรั่น ๑๒.มะตูมนิ่ม ๑๓.เมล็ดพริกไทยดำ
หนักอย่างละ ๒ ส่วน นำไปบดเป็นผงร่อนด้วยตะแกรง เบอร์๘๐ ผสมน้ำผึ้งเดือน ๕ (นำไปเคี่ยวเพื่อไล่น้ำออกก่อนนำมาปั้นเป็นลูกกลอน) เสร็จแล้วนำไปตากแดดหรืออบ บรรจุใส่กระปุก
ขนาดรับประทาน ก่อนอาหาร เช้า-เย็น ครั้งละ ๒ - ๓ เม็ด
สำหรับสตรีรวมทั้งบุรุษ ยังมีการใช้ยาลูกแปลกแม่ที่ช่วยชะลอวัย
ตำรับ ๒ ยาลูกแปลกแม่
ประกอบด้วย :สมุนไพร ๓ ชนิด คือ มะตูมนิ่ม กล้วยน้ำไท และพริกไทย
อัตราส่วน : ของสมุนไพรแต่ละชนิดดังนี้
มะตูมนิ่ม ๑ ผล
กล้วยน้ำไท ๑ หวี
พริกไทย ๑ ทะนาน
ตำรายาไทยโบราณกล่าวถึงสรรพคุณว่าใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยให้สุขภาพร่างกาย แข็งแรง ไม่เจ็บป่วย ดังคำกล่าวนี้
ยามะตูมนิ่ม (ลูกแปลกแม่)
ทีนี้เรามาดู ตำนานมะตูมนิ่มของ หลวงรัตนะพิม พานุรักษ์เล่ามา จักได้เริ่มเรื่อง เรียบเรียงบรรณนา ของเก่าเล่ามา เร่อร่าน่าชัง ยาลูกแปลกแม่ เจ้ากรมครุฑแก่ เล่าเรื่องให้ฟัง ว่าชายหนึ่งได้มะตูมนิ่มขลัง สมดังใจหวัง ผลหนึ่งทำยา กล้วยน้ำไทเพิ่ม หวีหนึ่งเที่ยวนา พริกไทยเท่ายาว่าเต็มทะนาน นึ่งขึ้นด้วยกัน มะตูมเชือดหั่น กล้วยน้ำปอกฝานพริกไทยในห่อ เอาคลุกคุลีการ ย่อยให้แหลกนาน ทำแผ่นตากเรียง แห้งแล้วลงครก ป่นแหลกสิ้นเสียง ยกโถตั้งเคียง น้ำผึ้ง คลุกเท เสร็จแล้วเก็บไว้
บุรุษนั้นไซร้ ไปเที่ยวเตร็ดเตร่ บ้านอื่นเมืองไกล เที่ยวไถลโยเย ยากเย็นแก่กาลยังไม่กลับมา แม่อยู่ข้างนี้ เห็นนานเต็มที ลูกไม่กลับมา เดินไปในเรือน พบแต่โถยา นี่ของลูกข้าทำไว้กินดู โรคภัยหายสิ้น กายาเฟี่องฟู คนอื่นแลดู เคลิ้มแปลกตาไป ที่เคยล้างหน้า บ้วนปากลงไป หญ้าที่นั้นไซร้ งอกงามผิดตา โคหนึ่งเขาปล่อย แก่ผอมชรา เที่ยวซัดเซมา พบหญ้าสดงาม โคกินหญ้าไซร้ โรคโคก็หาย ร่างกายควรการ คล้ายกับโคหนุ่มเรี่ยวแรงอาจหาญ หญิงนั้นเห็นพยาน กิน ทุกวันจนหมด ที่เหี่ยวแห้งสลด กลับฟูผ่องใส วรรณะคล้ายหญิง แรกรุ่นเจริญวัย ฝ่ายบุตรเที่ยวไป นานแล้วกลับมา มารดาแปลกบุตร บุตรแปลกมารดา ต่อพูดเจรจา นานจึงรู้กัน
เมื่อบุตรกลับมา อายุคณนา หมื่นแปดพันวัน (ประมาณ๔๙ ปี) มารดาว่าสัก สองหมื่นหกพัน (ประมาณ ๗๑ ปี) เล่าว่าบุตรนั้น แก่กว่ามารดา บุตรแปลกใจถาม เรื่องความมารดา โถยาของข้า ไปไหนใครกิน มารดาเล่าว่า แม่พบโถยา เปิดขึ้นหยิบกิน บ้วนน้ำลงไป ถูกในแผ่นดิน หญ้างามโคกิน หายโรคอ้วนพี แม่เห็นอัศจรรย์ จึงได้สำคัญ ว่ายานี้ดี กินไปจนหมด กายสดเปร่งศรี ก่อนกินซูบกลับพี อาหารเพิ่มพูน
ครั้งกาลล่วงมา บุตรนั้นชรา สิ้นชีพดับสูญ มารดาอยู่มาก กว่าบุตรเจ็ดคูณ กำหนดด้วยสูญหลายจุดหลายเรียง เขาเล่าสืบมา ไม่เห็นด้วยตา ต้องว่าซ่อนเสียง พูดไม่เต็มปาก ยากจักเรียบเรียง ผู้อ่านจักเถียงกล่าวโทษโจทก์ทายฯ
ตำรับที่ ๓ ตัวยาประกอบด้วย กล้วยน้ำว้าสุก โบราณท่านว่าให้ใช้จำนวนเท่ากับอายุผู้กิน และน้ำผึ้ง หาน้ำผึ้งแท้จากป่าธรรมชาติยิ่งดี วิธีปรุง: เลือกกล้วยน้ำว้าไม่สุกไม่ดิบ ปอกเปลือกออก แช่น้ำผึ้งในขวดโหลนาน สัก ๒ สัปดาห์ เคล็ดลับ อย่าปิดฝาโหล ให้ใช้ผ้าขาวบางปิดเพื่อกันฝุ่นและแมลงลงไป ถ้าปิดฝาสนิท จะทำให้เกิดการหมัก คล้ายการหมักผลไม้เพื่อทำไวน์ จะทำให้น้ำผึ้งมีรสเปรี้ยว
วิธีรับประทาน :ให้รับประทานทุกวันๆ วัน ๑ ลูก โบราณท่านแนะว่า โดยเฉพาะผู้สูงอายุ กินแล้วทำให้ผิวพรรณผ่องใส ขับถ่ายคล่อง และมักมีคนสงสัยว่า กล้วยดองน้ำผึ้งนี้กินเฉพาะกล้วย หรือกินน้ำผึ้งที่แช่ในโหลได้ด้วย
คำตอบคือ จะกินน้ำผึ้งด้วยวันละ ๑ ช้อนชาก็ไม่ผิดกติกาอะไร
ตำรับที่ ๔ ตัวยานี้เป็นที่กล่าวขานกันในวงการสมุนไพรแต่เดิมว่าเป็นตำรับยาบำรุง แต่แนะนำไว้ให้ใช้เฉพาะผู้ที่มีอายุเกิน ๔๐ ปีไปแล้ว ไม่แนะนำให้บำรุงกับวัยรุ่นหนุ่มสาว เนื่องจากตัวยามีคุณลักษณะเป็นยาร้อน คนหนุ่มสาวกินก่อนวัย กลับทำให้ร่างกายร้อนเผาผลาญมากไป อาจแก่เร็วกว่าวัยได้
ตัวยา ประกอบด้วย (๑.) ต้นเหงือกปลาหมอ ๒ ส่วน (๒)พริกไทย ๑ ส่วน
วิธีปรุง :ให้นำตัวยาทั้งสอง ตากแดดให้แห้ง นำมาบดเป็นผง
วิธีรับประทาน : ละลายกินกับน้ำหรือละลายผสมกับน้ำผึ้ง กินครั้งๆละ ๑ ช้อนชา เช้า -เย็น กินทุกวัน ต่อเนื่องสัก ๑-๒ เดือน
ตำรับที่ ๕ ตำรับนี้เป็นตำรายาคลาสสิก กล่าวไว้ในตำราการแพทย์แผนไทย ที่ช่วยบำรุงธาตุในร่างกายมนุษย์ให้สมดุล เหมือนเป็นยาอายุวัฒนะอย่างดีเมื่อร่างกายมีความสมดุลนั่นเอง ตัวยาประกอบด้วย ๕ ชนิด ๑.ผลดีปลี ๒.รากช้าพลู ๓.เถาสะค้าน ๔.รากเจตมูลเพลิงแดง ๕. เหง้าขิง ใช้น้ำหนักอย่างละเท่ากัน
วิธีปรุง :ให้ใส่น้ำให้ท่วมยา ต้มให้เดือดนานประมาณ ๑๐ นาทีพอ ไม่ควรต้มนานเกินไป เพราะจะเป็นการต้มเคี่ยว ทำให้ตัวยาออกฤทธิ์รสร้อนมากเกินไป ต้มกินเป็นยาบำรุงธาตุ
วิธีรับประทาน : กินครั้งละครึ่งแก้วถึงหนึ่งแก้ว วันละ ๓ เวลา ก่อนอาหาร
ตำรับที่ ๖ อันนี้ของดั่งเดิมแท้ เป็นตำรับยาที่กล่าวไว้เป็นปริศนา มีการบอกต่อเรียนรู้สำหรับคนในแวดวงสมุนไพร หรือในหมู่ศิษย์อาจารย์จึงสามารถถอดรหัสตำรับยาอายุวัฒนะนี้ได้ ท่านกล่าวไว้ว่า “ผึ้งอากาศ พาด ยอดไม้ หงายธรณี ลูกทาส ลูกไทย พญาช้างดำ พระยาช้างเผือก บวชหนีสงสาร ไปนิพพานไม่กลับ” ผู้อ่านทายได้หรือไม่ ?
เฉลยปริศนา ผึ้งอากาศ คือน้ำผึ้ง พาดยอดไม้ คือเถาบอระเพ็ด หงายธรณี คือหญ้าแห้วหมู ลูกทาส คือเม็ดข่อย ลูกไทย คือพริกไทย พญาช้างดำ คือเปลือกตะโกนา พระยาช้างเผือก คือเปลือกถ่อน(ต้นทิ้งถ่อน)บวชหนีสงสาร คือขมิ้นหัวขึ้น(ขมิ้นอ้อย)ไปนิพพานไม่กลับ คือผักเสี้ยนผี
วิธีปรุง นำตัวยาทั้งหมดมาอย่างละเท่าๆ กัน ตากแห้งแล้วบดเป็นผง ปั้นผสมน้ำผึ้งเป็นเม็ดลูกกลอน ขนาดเท่าเม็ดพุทรา แล้วตากให้แห้งจึงเก็บได้นาน
วิธีรับประทาน : กินครั้งละ ๑-๒ เม็ด วันละ ๑-๒ ครั้ง คือ เช้าและเย็น หรือก่อนนอน กินทุกวัน นานสัก ๑-๒ เดือน
ตำรับที่ ๗ ตำรานี้ท่านพระยาเดโชได้มาจากประเทศเขมรคราวไปปราบเขมรที่เมืองเสียมราฐและได้เขมรมาเป็นเมืองขึ้นสมัยต้นกรุงโน่นแหละ ต้นตำราเป็นบทกลอนยาวเหยียด ความว่าท่านได้ไปวัดช้างเนียม หน้าเมืองโพธิสัตว์ เห็นอักษรจารึกที่ประตู ความว่า ครั้นจะเข้าก็กลัวติดลิขิตบอก ครั้นจะออกก็กลัวติดลิขิตไปเห็นเจ้าชีวิตคิดขยาดราชภัย ประนามัยหมอบประหม่าแหงนหน้ายลหน่วยตาเล็งเพ่งพิศพินิจทั่ว เอาที่ตัวตนติดอย่าคิดฉงนท่านคิดปริศนาออก จึงขึ้นค้นบนซุ้มประตูวัดนั้นก็พบแผ่นทองคำจารึกด้วยอักษรขอมโบราณซ่อนไว้ที่ซุ้มประตู เมื่อเอามาอ่านดูก็เห็นเป็นตำรายาใช้ขับโรคสารพัด ตำรายามีดังนี้
๑. สมอเขียว ๕ ผล ลงพระเจ้า ๕ พระองค์(นะโมพุทธายะ)ทุกผล
๒. เม็ดในสลอด๗ เม็ด ลงหัวใจพระอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์(สังวิธาปุกะยะปะ)
๓. หัวแห้วหมู๓ หัว ลงมะอะอุ
๔. หัวข้าวค่า ๔ หัว ลงทุสะนะมิ
๕.เถาบอระเพ็ด ๓ท่อน ๆ ละ ๑ องคุลี ลงอิสะวาสุ
๖.ใบคนทีสอ ๓๒ ใบ ลงทวัตติงสาเสกด้วยอาการ ๓๒
๗.ยาดำ ๑ บาท เสกด้วย เสกขาธัมมา อเสกขาธัมมา เนวเสกขานาเสกขาธัมมา
วิธีปรุงยานั้นมีขั้นตอนดังนี้ หลังจากลงอักขระปลุกเสกทุกสิ่งอันแล้วท่านให้แยกยาแต่ละชนิดใส่ถ้วยแต่ละใบ แล้วแช่น้ำผึ้งไว้ตั้งแต่วันเสาร์ จนครบ ๑ อาทิตย์ จากนั้นเทน้ำผึ้งออกเอาแต่ตัวยา ยกเว้นที่แช่ใบคนทีสอเอาทั้งยาและน้ำผึ้ง นำตัวยาทั้งหมดมาบดคลุกเคล้าเข้าด้วยกันจนแหลกละเอียดดีแล้วก็ปั้นเม็ดเท่าเม็ดพุทธรักษา (โตกว่าเม็ดพริกไทย)
วิธีรับประทาน วันแรกให้รับประทาน ๑ เม็ด วันที่ ๒ กิน ๒ เม็ด ตั้งแต่วันที่สาม กินวันละ๓ เม็ดตลอดไป กินได้ ๑๕ วันโรคภัยหายสิ้น กินได้ ๑ เดือน ผิวพรรณจะผุดผ่อง กินได้เดือนครึ่ง จะต้านยาพิษได้ กินได้๒ เดือน ร่างกายเบา เดินเหินไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย กินได้ ๓ เดือน สติปัญญาสมองปลอดโปร่ง
ท่านพระยาเดโชได้ตำรามาแล้วก็ทำตามตำรา ร่างกายท่านก็แข็งแรง ไม่เคยปวดเมื่อยอะไรเลย จากนั้นก็ลองให้ตาแก้วที่เป็นโรคเรื้อนกินดู ไม่นานก็หายจากโรคเรื้อน ยายเย็นเป็นมะเร็งเรื้อรังมานาน เมื่อกินยานี้ก็หายเช่นกัน นายสงเป็นริดสีดวงงอกที่ทวารหนัก พอกินยานี้ไม่นานมันก็หดหายไปไม่กลับคืนมาอีกเลย นายคงเป็นหืดหอบ จะนอนแบบชาวบ้านก็ไม่ได้ ต้องพิงหมอนหลับในท่านั่งทุกวี่วัน หลังจากกินยานี้ไม่นานก็หายจากโรคหืดหอบอย่างปลิดทิ้ง ส่วนบทกลอนทั้งหมดนั้นขอนำมาลงไว้ให้ศึกษากันดังนี้
ตำราพฤฒาแถลง ดำเนินความตามตำราพฤฒาแถลง โอสถเลิศประเสริฐล้ำนำแสดง ให้แจ่มแจ้งใสสว่างกระจ่างจริง เดิมได้พบอุปเท่ห์วิเสโส ท่านเดโชชื่ออ้างเป็นอย่างยิ่ง สถิตถิ่นอยู่ทางบางกระทิง เคยช่วงชิงชัยชาญชำนาญยุทธ เป็นคนธงวงศ์กษัตริย์วัดประดู่ ได้ต่อสู้พม่ามอญไม่หย่อนหยุดครั้งไปรบเสียมราฐปราบกัมพุช พวกขอมดุษฎีงามไม่ลามเลียม
ท่านเดโชชอบคิดปริศนา ด้วยปรีชาแหลมเลิศประเสริฐเสียม ตรงหน้าเมืองโพธิสัตว์วัดช้างเนียม แต่พอเยี่ยมก็ได้ยลยุบลใน ครั้นจะเข้าก็กลัวติดลิขิตบอก ครั้นจะออกก็กลัวติดลิขิตไป เห็นเจ้าชีวิตคิดขยาดราชภัย ประนามัยหมอบประหม่าแหงนหน้า ยล หน่วยตาเล็งเพ่งพิศพินิจทั่ว เอาที่ตัวตนติดอย่าคิดฉงน กล่าวกลบเงื่อนเกลื่อนกลบแง่กระแสกล ยากจะค้นคิดคำที่สำคัญ สิ้นลิขิตปริศนาที่สาธก ปลงเห็นตกแจ้งจริงทุกสิ่งสรรพ์ เอาที่ซุ้มประตูเปิดดูพลัน แผ่นสุวรรณจำหลักอักขรา เป็นโอสถสำหรับใช้ขับโรค สารประโยคลิขิตปริศนา จารึกในแผ่นทองคำเป็นตำรา สรรพยาเจ็ดสิ่งอย่างกริ่งใจ
(๑.)สมอเขียวห้าผล เป็นต้นเค้า ลงพระเจ้าห้าพระองค์อย่าสงสัย นะโมพุทธายะองค์ละใบ เอา
(๒.)เม็ดในสลอดมาเจ็ดเม็ด มาลงหัวใจพระธรรมเจ็ดคัมภีร์ ตามพิธีว่าหวังไม่กังขา แสดงไว้ให้ประจักรในอักขรา สังวิธากะยะปะแสดง
(๓.)หัวแห้วหมูดูให้ดีสามศีรษะ ลงมะอะอุอุปเท่ห์เล่ห์แถลง
(๔.)หัวเข้าค่าสี่หัวเป็นตัวแรง อาจารย์แจ้งวิธีมิอำความ ลงทุสะนะมิสติตั้ง จงทุกครั้งทุกคราอย่าหยาบหยาม
(๕.)บอระเพ็ดเด็ดเถาเอาที่งาม คำรบสามท่อนเท่าองคุลี ลงอิสวาสุอย่างอุกกฤษ์ เป็นไตรพิธพรเลิศประเสริฐศรี
(๖.)ใบโคนดินสอสามสิบสองต้องวิธีอาจารย์นี้แนะนำตามทำนอง ลงด้วยทวัตติงสา เสกเป็นยาด้วยอาการสามสิบสอง
(๗.) เอายาดำบาหนึ่งคลึงประคอง เสกขาธัมมาปองปลุกเสกไป อเสกขาธัมมาอย่าสนเท่ห์ เนวเสกขานาเสกขาตำราไข สัทธยาปลุกเสกสำรวมใจ ยาสิ่งหนึ่งจึงใส่ไว้ถ้วยหนึ่ง แช่น้ำผึ้งเป็นเคล็ดไว้เจ็ดฐาน เริ่มวันเสาร์เคารพสัตตะวาร ตำราจารย์แจ้งคดีวิธีทำ เอาตัวยามาเคล้าเข้ากันหมด ใส่หีบบดบุบขยี้บี้ขยำ แต่น้ำผึ้งที่แช่ยาในสารัมภ์ ท่านแนะนำพร่ำไว้ในบรรยาย กลเม็ดเคล็ดเคล้าให้เอาแต่ ที่ชุบแช่โคนดินสอเป็นกระสาย แต่หกสิ่งทิ้งเสียอย่าเสียดาย ทั้งหญิงชายจงทำตามตำรา ส่วนโอสถบดเสร็จบอกเคล็ดเคล้า จงปั้นเท่าเมล็ดพุทธรักษา
เมื่อแรกกินเม็ดหนึ่งเริ่มประเดิมยา สองเวลาสองเม็ดเสร็จสองวัน กินสามมื้อสามเม็ดเผด็จโรค แม้นบริโภคเรี่ยวแรงแข็งขยัน เสพสามเม็ดเสมอสมัยไปทุกวัน เรี่ยวแรงนั้นถ้าน้อยกินถอยลง กำหนดสิบห้าวันโรคพลันหาย สบายกายเกิดกำลังดังประสงค์ ถ้ากินไปไม่เคลื่อนครบเดือนตรง เป็นรูปทรงโสภางามกว่าคน กินเดือนครึ่งถึงจะลดกำหนดนั้น คงกระพันพิษยาอย่าฉงน สองเดือนกินสิ้นหมดพจน์นิพนธ์ ว่าตัวตนเบาหวิวเดินปลิวไป แม้นกินได้ไตรมาสฉลาดล้ำ ปัญญาจำธรรมศาสตร์นิบาตไสย โดยสามารถอาจองค์ดำรงไตร แสดงในคุณวุฒิอุตตโม ค่าขวัญข้าวเอาสลึงเป็นหนึ่งแน่ ทำบุญแก่สังฆเพศวิเศษโส อวยอุทิศจิตตั้งหลั่งชะโล ไปยังโบราณาจารย์สำราญเจริญ จงลุล่วงมัคราสิวาโมกข์ ตลอดโลกหฤหรรษ์สรรเสริญ ขวัญข้าวอย่ายินดีตีประเมิน ใครเรียกเกินพิกัดที่อัตรา จงฉิบหายตายตกนรกร้อน ปากคาบก้อนเหล็กแดงร้อนแรงกล้าใครคิดออกบอกกันอย่าฉันทา อย่ามุสาวาดหวังปิดบังกัน ในข้อคำปริศนาดังว่านี้ ความยินดีดาลดวงทรวงกระสัน ด้วยสำนึกเสร็จศึกกัมพุชพลัน กลับคืนขัณฑสีมาสยาโม ได้หยุดหย่อนผ่อนเมื่อยหายมึนแล้ว ใจผ่องแผ้วกายวายทุกข์เป็นสุโข ความนิยมสมคะเนท่านเดโช ประกอบโอสถทำตามตำรา ให้ตาแก้วบริโภคแก้โรคเรื้อน ไม่คลาดเคลื่อนหายสนิทดังปริศนา ยายเย็นเป็นมะเร็งนมนานมา ให้กินยานี้ก็หายสบายใจนายสงเป็นสีดวงงอกเหมือนดาก ดูลำบากเหลือล้นพ้นวิสัย กินยานี้หายหมดหดเข้าไป หายแล้วไม่กลับเป็นเหมือนเช่นเคย นายคงง่อยจ๋อยจืดเป็นหืดหอบ ลงนอนมอบหมอบอิงพิงเขนย กินยานี้หายวายเว้นไม่เป็นเลย แสนสเบยเบิกบานสำราญใจโดยคุณยาสามารถบำบัดแก้ วิเศษแท้เที่ยงตรงอย่าสงสัย รักษาหายวายโศกสิ้นโรคภัย จึงบอกไว้หวังจิตคิดเป็นทาน
ข้าพเจ้าเดโชถ้าโกหก ให้ตายตกอเวจีอัคคีผลาญ ตำใต้เทวทัตปฏิญาณ อเนกาลนับอนันต์พุทธันดรรังสฤษ์ปริศนาตำราเสร็จ ด้วยจิตเจตน์เป็นทานานุสรณ์ หวังประโยชน์โพธิญาณสารสุนทร ลุนครเขตต์วิวัฏสวัสดี.
ตำรับที่ ๘ แก้กามตายด้าน
ยานี้แก้โรคกามตายด้านของผู้ชาย ที่เรียกว่านกเขาไม่ขัน ชื่อสมุนไพรบางตัวก็แปลก ๆ มีเฉพาะบางท้องถิ่น มีตัวยา ๗ ตัวคือ
๑.โด่ไม่รู้ล้ม ๒ .หญ้าไก่นกคุ่ม (โด่ไม่รู้ล้ม) ๓.หญ้าสามสิบสองราก (โด่ไม่รู้ล้ม) ๔.หนาดพา(โด่ไม่รู้ล้ม)๕.นาคมีแลน (โด่ไม่รู้ล้ม) ๖.หญ้าปฐม ๗.ตำสอ
สมุนไพรเหล่านี้ท่านไม่ได้บอกสัดส่วน ก็คงใช้แต่ละพอประมาณเสมอเท่า ๆ กัน ล้างสะอาดดีแล้วตากแดดให้แห้ง ดองด้วยสุรา ๔๕ ดีกรี ใส่น้ำผึ้งพอสมควร รับประทานเช้า-เย็น ครั้งละ ๑ จอก
ตำรับที่ ๙ ๑.เปลือกมะพลับ ๒.เปลือกตะโกนาเอายาทั้งสองอย่างนี้ปิ้งไฟให้กรอบดีแล้วชงน้ำร้อนรับประทานแทนน้ำชา ท่านว่าทำให้ทนทานดี
ตำรับที่ ๑๐ ๑.บอระเพ็ดพุงช้าง๒.โด่ไม่รู้ล้ม ๓.ม้ากระทืบโรง ใช้สัดส่วนเท่ากัน ตากแห้งแล้วดองสุรา รับประทานเช้า-เย็น ๓-๔ อาทิตย์ก็เห็นผลดี
ตำรับที่ ๑๑ ท่านประพันธ์เป็นถ้อยคำคล้องจองกันว่า อนึ่งราชาบุรุษ องคะชาติชำรุดปรำปรา ดูดีแต่ตาโสภาแต่ใจ ยกดอขึ้นตั้งขดดังปลาไหล หางลากเข้ากองไฟแสนเวทนา เอาหัวเข้าจดมันหดออกเอง ทำพองโตงเตงชั่วช้าสาธารณ์
อาจารย์ท่านรู้เอารากช้าพลูแลขิงแห้งมา หรดาลกลีบทอง ดีปลีต้องหา อีกเถาสะค้าน รากเจตมูลเพลิงนา ลูกจันท์ทั้งมวลล้วนแต่เป็นยา เอาเสมอภาคตากแห้งสิ้นกระบวน โขลกตำเป็นผงร่อนลงละเอียด คลุกเคล้าละเลียดด้วยน้ำผึ้งรวง กินเช้ากินเย็นเจ็ดวันไม่เว้นจึงตื่นขึ้นมา แม้แก่ชราอายุแปดสิบเกี้ยวเมียสู้ยิบ ไม่เว้นแต่ละวัน แม่ม่ายหัวสั่นขอตัวแทบตาย
ตำรับที่ ๑๒ ตำรานี้เป็นของเมืองเหนือ
๑.มะเขือแจ้เครือ ๒.จงละอาง ๓.ม้าแม่ก่ำ เป็นยาผงละลายน้ำสุรารับประทานเช้า-เย็นทุกวัน ท่านว่าวิเศษจริง
ตำรับที่ ๑๓ ๑.ให้เอากระโปกกระชาย (หัวกระชาย เอาทั้งหัวและรากนั่นแหละครับ) ๒.ขัดมอญทั้งห้า ถอนขึ้นมาทั้งราก เอาทั้งหมดนั่นแหละ เอามาต้มกินต่างน้ำชาทุกวัน หิวน้ำเมื่อไหร่ก็กินน้ำยานี้ ท่านว่าแก้กามตายด้านได้ดี
ตำรับที่ ๑๔ กินรากหมากหมกกระดกกระเดก กินรากอ้ายเหล็กเล่นเด็กตาย กินรากหวายดอตายสามปี กินรากขลีดอดีขึ้นมากินรากทุ้งฟ้าตั้งท่าจะเอา กินรากน้ำเต้ากระเด้าคืนยันรุ่ง รุ่งแล้วยังเอาอีกเลย
ความหมายคือ เอา ๑.รากหมากหมก ๒.รากอ้ายเหล็กนางยอง ๓.รากขลี ๔.รากทุ้งฟ้า ๕.รากน้ำเต้า ต้มกินทุกวัน
ตำรับที่ ๑๕ ท่านให้เอา ขันเพชร เล็ดหนู สำคัญคู่เป็นตัวยา เถาวัลย์พรรณพฤกษา ต้นมรณาปลายยังเป็น สิทธิอาจารย์ว่าท่านให้เอาย่านเอ็น เส้นสายที่ตายเป็นจักคืนดี ถ้าต้มกินหม้อหนึ่งมิรำพึงถึงความตาย เฒ่าชราฟันหาไม่ยังแค่นไปได้คืนละสามหน หมายความว่าเอาสมุนไพรดังต่อไปนี้คือ ๑.รากขันเพชร ๒.รากเร็ดหนู ๓.ต้นฝอยทองที่อยู่ตามต้นไม้ ๔.ย่านเอ็น เอามาต้มกินต่างน้ำ
ตำรับที่ ๑๖ ๑.รากอ้ายบ่าว ๒.รากสาวสะดุ้ง ๓.รากกระทุ้งฟ้า ๔.รากราชครูดำ ๕.รากกำลังหนุมาน ๖.รากกำลังวัวเถลิงสัดส่วนเท่ากัน ใช้ตากแห้งบดเป็นผงผสมน้ำผึ้งปั้นลูกกลอนก็ได้ หรือเอามาต้มกินน้ำก็ได้ ใช้ดองสุราดื่มทุกวันก็ได้ รับประทาน เช้า-เย็น
ตำรับที่ ๑๗ ๑.รากหมากหมก ๒.รากอ้ายเหล็กนางยอง ๓.รากขลี ๔.รากกระทุ้งฟ้า๖.รากฟักทอง ๗.รากขนเพชร ๘.รากเร็ดหนู ๙.ฝอยทอง ๑๐.ย่านเอ็น ๑๑.รากอ้ายบ่าว ๑๒.รากสาวสะดุ้ง ๑๓.รากราชครูดำ ๑๔.รากกำลังหนุมาน ๑๕ รากกำลังวัวเถลิง ๑๖.เถาโคคลาน ๑๗.เถาเอ็นอ่อน ๑๘ เถาวัลย์เปรียง
ตำรับที่ ๑๘ ยานี้ชื่อยาหมื่น ศรี หมื่นศรีเป็นมหาดเล็กของเจ้าพระยาศรีธรรมโศก เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชในสมัยโบราณ ท่านบันทึกเป็นบทกลอนด้วยภาษาขอมสืบทอดกันมาจนถึงเรา ๆ ท่าน ๆ ทุกวันนี้ ผมไปเที่ยวเมืองใต้นอนค้างอยู่ตามวัดวาอาราม ท่านเจ้าอาวาสยังกล่าวเป็นคำกลอนให้ผมฟัง แสดงว่าคนใต้หลายคนที่รู้จักยาของหมื่นศรี และหลวงตารูปหนึ่งในวัดนั้นซึ่งบวชตอนแก่ อายุท่านได้ ๘๒ ปีแล้ว แต่ยังเป็นช่างไม้ยืนถือกบไสไม้ด้วยอาการทะมัดทะแมงราวกับคนหนุ่ม ท่านว่าสมัยเป็นฆราวาสท่านฉันยานี้ประจำ แต่สมัยต่อมากัญชาหายากจึงไม่ได้ปรุงฉัน แต่ฤทธิ์ยามันยังทำงานอยู่จึงทำให้ท่านยังแข็งแรงดุจคนหนุ่ม และร่างกายไม่อ้วนเหมือนคนแก่อื่น ๆ ต่อมาผมมาพบตำรานี้ในตำรายาของ ร.ต.อ.เปี่ยม บุญยะโชติ ซึ่งเป็นคนนครศรีธรรมราชเช่นกัน ท่านเคยเป็นเลขาท่านจอมพล ป.พิบูลสงครามสมัยยังเรืองอำนาจ และเป็นคนแต่งตำรับตำราไว้มากมายหลายเรื่อง เป็นผู้ที่ควรแก่การยกย่องบูชามาก ยาต่าง ๆ ผมได้จากตำราท่านมาก ตำราคนอื่นก็มี ผสมผเสกันไป จึงขอนำบทกลอนมาลงไว้ ถึงเกยกายก็ไม่สมอารมณ์หวัง มานอนนิ่งเสียได้ไม่อินัง เอามือรอต่อตั้งไม่นำพา ตาหมื่นศรีก็เชื่อเหลือปรากฏ จึงได้จดจำไว้ให้เร่งหา หัวขิงแห้ง รากช้าพลู แห้วหมูมา ทั้งกัญชา ลูกจันท์และพริกไทย หรดาลกลีบทองต้องสำเหนียก ดีปลีเชือกเหมือนว่าหามาใส่ ครบแปดสิ่งเสมอภาคไม่ยากใจ ใส่ครกใหญ่ตำผงให้จงดี แล้วเสกด้วยคาถาตรีสิงเห สัมพุทเธให้งามตามดิถี น้ำผึ้งรวงเป็นกระสายลายทันที เอายานี้กินลองสองสามวัน คงจะเห็นฤทธาคุณยานี้ ตาหมื่นศรีเจ้ายาอุตส่าห์หมั่น อายุแกแปดสิบเศษสังเกตกัน ภรรยานั้นมากมายหลายสิบคน ตาหมื่นศรีกินยาอยู่บ่อย ๆ ว่าไม่น้อยไม่เท็จคืนเจ็ดหนภรรยาออกระอาไปทุกคน ที่เหลือทนก็หนีออกนอกคามาถ้าผู้ใดกินยาเหมือนว่าไว้ คงจะได้สมมาตรปรารถนาไม่หลอนหลอกบอกชัดตามสัจจา ถ้ามุสาขอให้ตกนรกเอย.
หมายความว่า ๑.หัวขิงแห้ง ๒.รากช้าพลู ๓.หัวแห้วหมู ๔.กัญชา ๕.ลูกจันทร์ ๖.พริกไทย ๗.หรดาลกลีบทอง ๘. ดอกดีปลี เอามาทำเป็นผงก่อน แล้วผสมน้ำผึ้งรวงแล้วขณะปรุงยาก็เสกด้วยคาถาตรีสิงเห และสัมพุทเธ ท่านว่ากินเพียง ๒-๓วันก็จะรู้ว่ายาดีแค่ไหน
ตำรับที่ ๑๙ ยานี้ชื่อเสาธงเหล็ก ร.ต.อ. เปี่ยม บุณยะโชติได้มาจากเจ้าน้อย ณ เชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๖ เจ้าของตำราเล่าว่ามีเพื่อนที่เครื่องสืบพันธุ์ตายแล้ว ใช้ยาฝรั่งฉีดก็ไม่ยอมลุกขึ้น กินยาสารพัดเป็นเวลาปีเศษ ๆ มันก็ยังนอนนิ่งทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวก็อายุเพียงสามสิบเศษ ๆ เท่านั้น มาวันหนึ่งเห็นพระธุดงค์กางกลดอยู่ริมป่าจึงนำข้าวปลาอาหารไปถวาย พระท่านเห็นสีหน้าหม่นหมองเหมือนมีทุกข์กังวลใจอะไรอยู่จึงสอบถาม ชายหนุ่มจึงเล่าความทุกข์ให้ฟัง ท่านฟังแล้วก็บอกว่าอย่าวิตกไปเลย อาตมามียาที่ช่วยเหลือคนแบบนี้มาหลายคนแล้ว ให้โยมเอาไปปรุงกินเถิด ตัวยามีดังนี้
๑ .หัวกระชายแก่ ๒.หญ้าปากควาย ๓.ต้นขัดมอญทั้งห้า ๔.ข้าวเปลือก สมุนไพรทุกตัวหนัก เท่ากัน ให้เอายาเหล่านี้ใส่หม้อ ใส่น้ำให้ท่วมยา น้ำสี่ส่วน ต้มเคี่ยวจนเหลือ ๑ ส่วน ให้รับประทานติดต่อกันให้ได้ ๓ หม้อ หรือมากกว่านี้ก็ได้ เรื่องวิตกทุกข์ร้อนก็จะคลายไปสิ้น เมื่อชายหนุ่มทำยานี้กินก็ได้ผลดุจท่านบอกจริง ๆ
ตำรับที่ ๒๐ ๑.อังคุณะ ๒.พริกไทยล่อน ๓.หัวกะทือ ๔.ว่านเสมา ๕.พิลังกาสา ๖.โลลุ ๗.คนทีสอ ๘.โคกกระสุน ๙.ว่านน้ำ ๑๐ เกาะดูรุเพทะ
ตำรับที่ ๒๑ เอากระเทียมสดบดกับเนย รับประทานประจำทุกวัน วันละ ๓ เวลาก่อนอาหาร กำลังดี ไม่ล่มปากอ่าว
ตำรับที่ ๒๒ เอา ๑.หัวกระชายแก่ ๓ หัว ทุบให้แตกแล้วห่อด้วยผ้าขาวบางแช่น้ำผึ้งป่ากิน เกิดกำลังดีนัก
ตำรับที่ ๒๓ ๑ .ต้นกะเม็งทั้งห้า (ถอนขึ้นมาทั้งราก เอาทุกส่วน) เอามาสักหอบใหญ่ ๆ ล้างให้สะอาดแล้วสับเป็นชิ้น ๆ ตำหรือปั่นให้แหลก คั้นเอาแต่น้ำให้ได้น้ำหนัก ๖ ขีด ๒.เอาเกลือแกง ๓ ขีด ตำให้แหลกแล้วผสมลงไป ๓. เอายาตั้งไฟเคี่ยวจนน้ำแห้ง ๔.ขูดเอาเกลือที่ผสมยานั้นแหละใส่กระปุกไว้ ใช้รับประทานก่อนนอนครั้งละ ๑-๒ ช้อนกาแฟ จะทำให้เจริญอาหาร นอนหลับสบาย ร่างกายแข็งแรง ความรู้สึกทางเพศดี
ตำรับที่ ๒๔ ยาปลุกอารมณ์
๑.ไข่เป็ดดิบ ๑ -๒ ฟอง กินกับน้ำใบบัวบก ๑ แก้วก่อนนอนทุกคืน
๒ . ตัวเพียงขาว (อยู่ตามขอนไม้ผุ) ๑ ตัว กินกับสุราขาว ๑จอก
๓. ลูกหนูแดง ๆ ที่ออกจากท้องแม่ใหม่ ๆ ๑-๓ตัว กินกับสุราขาว ๑ จอก
๔. หัวแห้วหมู ใบกระท่อม พริกไทยล่อน หัวกวาวเครือขาว เนื้อมะขามป้อม หนักเท่ากันทำเป็นผงผสมน้ำนมแพะ ใส่กะทะตั้งไฟเคี่ยวจนเหนียวดีแล้วก็ปั้นเป็นเม็ดพุทรา กินวันละ ๑ เม็ดพุทรา
๕.ไข่เหี้ยนึ่งพอเยิ้มเป็นยางมะตูม กินกับสุราขาว ๑ จอก
๖. ตัวต่ออ่อน ๑๐ ตัว กินกับสุราขาว ๑ จอก
๗.จั๊กจั่นทะเลที่ลอกคราบใหม่ ๆ ๓ ตัว กินกับสุราขาว ๑ จอก
ตำรับที่ ๒๕ ๑. ใบบัวบกตากแห้ง หนัก ๓ บาท ๒. รำอ่อนข้าวกล้อง หนัก ๓ บาท ๓. หรดาลกลีบทอง ๕ บาท ๔. หัวแห้วหมูตากแห้ง ๓บาท ๕. พริกไทยล่อน ๒ บาท ๖. หัวกวาวเครือแดง ๑๕ บาท
ทำเป็นผงผสมน้ำผึ้งปั้นเม็ดเท่าลูกพุทราอ่อน กินก่อนนอนวันละ ๑ เม็ด แม้ชายแก่จะคึกเหมือนม้า
ตำรับที่ ๒๖ ๑.หัวกวาวเครือขาว ๒.หัวกวาวเครือแดง ๓.หัวกวาวเครือดำ ทำเป็นผง ผสมน้ำผึ้ง น้ำนมวัว น้ำอ้อย เนย และมะขามป้อมพอเปรี้ยวนิด ๆ แล้วปั้นเม็ดตากแดดให้แห้งจึงเก็บไว้กินวันละ ๑ - ๒ เม็ด ท่านว่าแม้อายุ ๘๐ ปีก็ยังคึกเหมือนโคถึก ทำงานได้ไม่เหนื่อยเลย
ตำรับที่ ๒๗ ๑.โด่ไม่รู้ล้ม ๒.หัวกระชาย ๓.พริกไทยล่อน ๔.โสมแดง ๕. ลูกยอ ๖. เงือกปลาหมอแดง ๗.ดอกดีปลี ๘.ฟ้าทะลายโจร ๙.หัวแห้วหมู ทำเป็นยาผงผสมน้ำผึ้งปั้นเม็ดขนาดเม็ดพุทรา รับประทานวันละ ๒ เม็ดก่อนอาหาร ร่างกายจะแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน ความรู้สึกทางเพศจะดีมาก
ตำรับที่ ๒๘ ๑.ปลาไหลเผือก ๓๐ กรัม ต้มน้ำ ๑.๕ ลิตร รับประทานมื้อ ละ ๒ ช้อนโต๊ะก่อน อาหาร ร่างกายจะแข็งแรง หายปวดเมื่อย ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน ความรู้สึกทางเพศจะดีกว่าเดิม
ตำรับที่ ๒๙ ๑.รากสามสิบ ๓๐ กรัม ต้มน้ำ ๑.๕ ลิตร รับประทานมื้อ ละ ๒ ช้อนโต๊ะก่อน อาหาร ช่วยฟอกเลือดกระชับกล้ามเนื้อ ร่างกายจะแข็งแรง หายปวดเมื่อย ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน ดี ต่อสตรีและบุรุษความรู้สึกจะดี อารมณ์ดี หากรวมกับตำรับ
ตำรับที่ ๓๐ ๑. รากอังกาบ ๓๐ กรัม ต้มน้ำ ๑.๕ ลิตร รับประทานมื้อ ละ ๒ ช้อนโต๊ะก่อน อาหาร ร่างกายจะแข็งแรง หายปวดเมื่อย ปวดเกร็งลดปวดเสียวขับสารพิษต้านอนุมูลอิสระลดอาการติดเชื้อปัสสาวะขัด ในบุรุษและสตรี ลดอาการภูมิแพ้ เบาหวาน ไขมันความดัน ขับพยาธิ ฯลฯ ทำให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน ความรู้สึกจะสบายใจไร้โรคา อารมณ์ดี หากเอา ตำรับที่ ๑๓ มาเพิ่มปรุงใหม่โดยเพิ่มอังกาบเป็น สองเท่า ก็ได้สูตรใหม่ ลองกินดู จะคึกคักดีกว่าเดิม ลองมาแล้วได้ผลค่อนข้างดี ถ้าไม่เกรงใจใครละก็ คิกๆ
ผู้รวบรวม : อรรณพ ผลบุณยรักษ์
ข้อมุลอ้างอิง :เวชศาสตร์ วรรณนา ตำรายาเตรดพระโอสถพระนารายณ์ ๘๑ ตำรับ ฉบับโบราณ โดย สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวรรศวริยาลงกรณ์
ข้อมูลอ้างอิง : คู่มือนักทำยา หมอสุนทร ทองนพคุณ
ข้อมูลอ้างอิง : ตำรายาหลวงปูศุข วัดมะขามเฒ่า โดย ส.ธรรมภัคดี
ข้อมูลอ้างอิง : หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ
ข้อมูลอ้างอิง : http://www.sanyasi.org
[MEM_SIGNATURE_LONG]
     
  page 1 of 1 1
  go to page  
     
ตอบกระทู้นี้

กรุณา Login ก่อนตั้งกระทู้ใหม่ หรือตอบกระทู้นะคะ (ต้องการ Login คลิกที่นี่)

หากคุณไม่ได้เป็นสมาชิกของร้าน สามารถสมัครสมาชิกฟรี       คลิกที่นี่