((รีวิว))ไดไดหัวไม่โยโย่ YOYO YOYO ไม่อันตราย จ้าสำหรับเพื่อนๆ และคุณลูกค้า ที่กลัว โยโย่ ทำความเข้าใจเรื่องโยโย่กันสักหน่อยค่ะว่ามันเป็นไง !
....มีหลายๆคน สงสัยว่า เอ๊ะ ทานไดไดหัว พอหยุดทานแล้วจะโยโย่ รึป่าว วันนี้มี คำตอบพร้อมคำอธิบายมาให้อ่านกันให้สบายใจ และเพื่อให้เพื่อนๆได้เพิ่มความระมัดระวัง ในการเลือกซื้อ อาหารเสริมและยาจ้า...
....ว่ากันด้วยเรื่องลดความอ้วน ว่ามันเป็นของคู่กายสาวๆเลยเนอะ ทีนี้ วิธีลดความอ้วน มีมากมายหลายรูปแบบนะคะ ไม่ว่าจะเป็น การอดอาหาร ลดอาหาร ออกกำลังกาย หรือใช้ตัวช่วย เช่นใช้ยา หรือ สารอาหารบางชนิด รวมถึงสมุนไพร ซึ่งทุกวิธีนั้น ล้วนได้ผล จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมเราด้วยนะคะ
.....ทีนี้เพื่อนๆหลายคนคงรู้จักคำว่า โยโย่ กันดีว่าเกิดหลังจากที่เราหยุดลดความอ้วนแล้ว แต่สงสัยไม๊ว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร????
ไม่ ว่าจะเป็นการลดความอ้วนแบบธรรมชาติ หรือ ใช้ยาก็ตาม โยโย่เอฟเฟค มาเยือนได้ทั้งนั้นนะคะ เพราะ อาการนี้เค้าเรียกว่า การกลับมาอ้วนอีกเป็นทวีคูณ เพื่อนๆนึกภาพตามนะคะ....
1. การลดความอ้วนเอง เช่น การอดอาหาร ออกกำลังกาย ร่างกายคนเราจะมีเจ้าคอมพิวเตอร์คอยคำนวนความต้องการพลังงานของ ร่างกาย ซึ่งอัตราการใช้พลังงานของร่างกายแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน ชายจะมากกว่าหญิง หรือ เด็กจะมากกว่าคนแก่ (สังเกต ยิ่งอายุมาก ความต้องการพลังงานมันก็ต่ำลง...อ้วนง่าย) ....สมมุติ สมหญิง ร่างกายต้องการพลังงาน 1500 กิโลแคล/วัน แสดงว่าความต้องการอาหารของสมหญิง ก็จะเป็น 1500 กิโลแคล/วัน ...ถ้าสมหญิงทานมากกว่านั้น เช่น ปอบลงค่ะ ทานไป 4000 กิโลแคล แน่นอนค่ะ อีก 2500 กิโลแคลก็จะแปรรูปตัวเองไปสะสมในรูปของไขมันนั่นเอง ...แต่ถ้าวันนั้น สมหญิง ออกกำลังกายเผาผลาญไป 1000 กิโลแคล ก็จะเผลาผลาญไปอีก เหลือ 1500 ไปสะสม...
.....ทีนี้มาดู หาก สมหญิง กะลังจะลดความอ้วนโดยการอดอาหาร สมหญิงคำนวนแคลลอรี่ ให้ทานแค่เพียงวันละ 1000 กิโลแคล อ่า....มองเห็นภาพไม๊คะ ร่างกายต้องการ 1500 แต่ทานไปแค่ 1000 ดังนั้น อีก 500 ร่างกายก็จะไปดึงเอาไขมันที่สะสมไว้มาใช้ ยิ่งทานน้อย ยิ่งเอาของเก่ามาใช้เยอะไงคะ น้ำหนักตัวก็เลยลง และผอมลง....แต่ถ้า สมหญิง อดอาหารแบบโหด ทานเพียงวันละ 600 ร่างกายก็ดึงของเก่ามาใช้เยอะ ก็จะมีอาการซูบซีด อ่อนเพลีย ไม่มีแรง นอนไม่หลับเพราะร่างกายโหย อันตรายนะคะ เพราะถ้าฝืนทำไปเรื่อยๆ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ร่างกายจะปรับอัตราการเผาผลาญให้ต่ำลงอัติโนมัติ เพื่อการอยู่รอดของร่างกายไงคะ ....ผ่านไป 5 เดือน สมหญิง ผอมลง พร้อมกับ ความต้องการพลังงานของร่างกายก็ต่ำลงเหลือ 1000/วัน...เริ่มเห็นจังหวะโยโย่รึยังคะ....เพราะพอสมหญิงหยุดอ ดอาหาร กลับมาทานเหมือนเดิม แต่ถึงแม้ว่าจะควบคุมให้ทานประมาณ 1500/วัน แต่ร่างกายก็จะใช้เพียง 1000/วันเท่านั้น ดังนั้น สมหญิงจะอ้วนง่ายกว่าเมื่อก่อนแน่นอน และพอเริ่มทานช่วงแรกๆ จะยังไม่ค่อยเห็นความเปลี่ยนแปลง นิสัยการทานแบบเดิมๆก็กลับมา ทานเยอะจุกจิก แต่คราวนี้ร่างกายใช้น้อยลง จากที่เคยทานเท่านี้แล้วอ้วนขึ้นเท่านี้ ก็กลายเป็นอ้วนขึ้นทวีคูณค่ะ
.....เหมือนกัน ถ้า ลดโดยการออกกำลังกายอย่างหักโหม อัตราการเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้น ทำให้ไอ้ส่วนที่สะสมถูกนำไปใช้ไวขึ้น แต่คราวนี้แปลกค่ะ ร่างกายไม่ปรับให้อัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกายมากขึ้น แต่กลับปรับไปว่าร่างกายต้องใช้พลังงานมากขึ้น ดังนั้นพอหยุดออกกำลังกายก็กลับมาอ้วนได้เร็วกว่าเดิม... ง่ายๆนะคะ สมมุติเราเป็นนักกีฬาซ้อมทุกวัน ออกกำลังกายทุกวัน ไม่เคยอ้วน แต่พอถึงวัยทำงานก็ไม่ได้เป็นนักกีฬา ไม่ได้ซ้อม ไม่ได้ออกกำลังกาย ความอ้วนก็มาเยือนทันที
ทางแก้...ทุกอย่างควรค่อยๆทำเป็นลำดับขั้นให้ร่างกายได้ปรับตัว และที่สำคัญ เมื่อตัดสินใจทำแล้วก็ให้ทำสม่ำเสมอ ควบคุมพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย แค่นั้นเองค่ะ
2. พวกใช้ตัวช่วย พวกสารอาหาร เช่น CLA โครเมี่ยม ส้มแขก พวกนี้สังเกตจะเห็นผลช้า คือ ต้องทานต่อเนื่อง ค่อยเป็นค่อยไป จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่อง โยโย่ หรืออัตราการใช้พลังงานเปลี่ยนแปลง
แต่ การลดความอ้วนด้วยยาลดความอ้วน ก็ต้องดูชนิดยาด้วยนะคะ เพราะตัวยามีหลายประเภท ประเภทที่ทำให้เกิดโยโย่ ง่ายสุดคือพวก ....ยาขับน้ำหรือขับปัสสาวะ กลุ่มนี้จริงๆแพทย์ใช้สำหรับคนไข้ที่มีอาการบวมน้ำ แต่ถ้าเอามาใช้ลดน้ำหนัก ก็จะมีเอฟเฟคตามมามากมาย เพราะร่างกายขาดน้ำ และการขาดน้ำนี้ทำให้เซลล์ในร่างกายพยายามอุ้มและเก็บกักน้ำที่ มีอยู่ไว้ ทำให้เกิดอาการตัวบวมน้ำขึ้น และการบวมแบบนี้ ลดไม่ลงค่ะ ซึ่งอันตรายมาก.... ซึ่งหากใช้คู่กับ ยาที่กดประสาทไม่ให้หิว และสารช่วยเร่งการเผาผลาญ ก็จะทำให้น้ำหนักลงเร็ว และเมื่อหยุดยา พฤติกรรมที่ถูกกดไว้...ที่อัดอั้น ก็ถูกปล่อยออกมาแบบ ดับเบิ้ล แถมไม่มีตัวช่วยเผาผลาญด้วย ก็เลยเกิดการโยโย่ ทีนี้ก็โยโย่ทั้งบวมน้ำ โยโย่ทั้งที่เกิดจากพฤติกรรมการกินค่ะ มันจะกลายเป็นอ้วนแบบไม่มีขีดจำกัด น่ากลัวนะคะ
พอจะเข้าใจกันรึยังคะ ว่าอาการโยโย่เกิดจากอะไรบ้าง....สรุปง่ายๆนะคะ หลักๆ เกิดพฤติกรรมของเรานั่นเอง ที่ไม่ยอมควบคุมการรับประทานอาหาร และออกกำลังกายหลังลดความอ้วน ต่อให้เข้าคอร์สลดความอ้วนราคาหลักแสน ผอมเพรียวกลับมา แต่ยังทานแบบพายุลง ไม่นานก็อ้วนค่ะ จะมีก็แค่อาการ โยโย่ เพราะการได้รับยาขับน้ำเท่านั้น ที่ควบคุมไม่ได้และอันตราย ดังนั้นควรเลี่ยงนะคะ
ทีนี้ประเด็นสำคัญ ไดไดหัว ลดน้ำหนักแล้ว กลับมาอ้วนอีกไม๊ คำตอบ คือ อ้วน แน่นอนค่ะ ถ้าหลังจากลดแล้ว กลับมาทานอาหารแบบไม่ระมัดระวังอีกครั้ง แต่จะอ้วนช้าหน่อย เพราะร่างกายต้องเริ่มสะสมไขมันใหม่ เพราะของเก่าเราอาจจะเบรินมันออกไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้น หลังจากหยุดทานไดไดหัว ก็ควบคุมพฤติกรรมการทานอาหารให้พอดี อย่าให้มากไป แป้ง ไขมัน น้ำตาล ก็อย่าทานเยอะ เท่านั้นเองจ๊ะ ก็ไม่กลับมาอ้วนอีกแน่นอนนะ
แล้ว โยโย่ ไม๊?....คำตอบคือ ไม่โยโย่ ค่ะ เพราะไม่ได้ขับน้ำ ไม่มีผลทำให้ตัวบวมนะคะ เพราะฉะนั้นสบายใจ....ลืมคำว่า โยโย่เอฟเฟค ไปได้เลยค่า.....