รายการดีเบต ทางช่อง 3 ผู้ดำเนินรายการ ภาษิต อภิญญวาท ได้คุยกับ ‘หมู อาซาว่า’ หรือ พลพัฒน์ อัศวะประภา เจ้าของแบรนด์ ASAVA ดีไซเนอร์เบอร์ต้นๆ ของเมืองไทย ที่เป็นผู้รับหน้าที่ออกแบบชุดราตรีในการประกวดรอบ 15 คนสุดท้าย ติดต่อกันมา 3 ปีซ้อน ในเวทีมิสยูนิเวิร์ส มาเคลียร์กระแสดราม่าร้อน หลังเสร็จสิ้นการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2017 ซึ่งประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดนั้น คือ ชุดราตรีที่ มารีญา พูลเลิศลาภ ได้สวมใส่ในรอบตัดสิน 10 คนสุดท้าย และ 5 คนสุดท้าย

กระแสที่ออกมามีทั้งคนชื่นชอบและไม่ชอบ ต่างพากันวิจารณ์ไปต่างๆ นานา เช่น โป๊เกินไป และสีมืด อีกทั้งยังพูดถึงว่าทำไมตอนฟิตติ้งชุดกลับเข็มขัดคาด แต่วันประกวดจริงกลับไม่มี และอีกหลากหลายประเด็นที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับชุดราตรีชุดนี้

ในรายการ หมู อาซาว่า เปิดเผยว่า ส่วนตัวผมคิดชุดราตรีก็มีส่วนสำคัญในการทำให้สาวไทยได้รับตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส แต่ก็เป็นแค่องค์ประกอบหนึ่ง ส่วนกระแสเชิงลบที่ออกมาอาจจะเป็นเพราะ น้องมารีญาเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ และแฟนนางงามก็คาดหวังในตัวน้องมาก พอเราไม่สมหวัง เขาก็ไม่รู้จะหาข้อติยังไง ซึ่งสุดท้ายก็อาจจะกลายเป็นชุด อันนี้คือความเห็นของผม

ส่วนคอนเซ็ปของชุดตั้งแต่เริ่มต้น จริงๆ เรามาดูรูปสเก็ตซ์ อธิบายความเป็นมาของชุดว่าเราอยากจะทำชุดอย่างไร ใช้เทคนิคอย่างไร มีการฟิตติ้ง มีคนจากกองประกวดมาดู มีการปรับตามความต้องการ และแน่นอนที่สุดน้องมารีญาเป็นอีกหนึ่งคนที่มีสิทธิ์ในการเลือกว่าอยากจะใส่อะไร ซึ่งสีน้ำเงินเป็นสีที่น้องเลือกเอง เพราะเป็นสีที่ถูกโฉลกกับน้อง น้องมารีญาจะอยู่แทบทุกกระบวนการของการทำชุดนี้ขึ้นมา ซึ่งทุกชุดตั้งแต่ปี 2015 ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อนางงามท่านนั้นๆ ให้เหมาะกับสรีระ รูปร่าง และทำให้นางงามคนนั้นมีความโดดเด่นที่สุด ทั้งนี้ นางงามมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธไม่ใส่ชุดได้แน่นอน โดยเฉพาะมารีญาเรารู้จักกันมาเป็นสิบปี เราพูดกันได้อย่างเปิดอกว่าน้องอยากจะใส่อะไร ไม่อยากใส่อะไร ซึ่งสิ่งเดียวที่น้องบอกว่าไม่ค่อยมั่นใจคือเข็มขัด ซึ่งเราก็บอกว่าถ้าไม่มั่นใจเอาออกเลย

วันแรกที่น้องลองชุดน้องบอกกับผมว่า มารีญารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง เพราะรู้ว่าทีมงานของเราทุ่มทุนสร้างมหาศาล ใช้เวลาปักชุดนี้ประมาณ 7 วัน

สำหรับผมคิดว่าชุดนี้ไม่โป๊เลย เพราะรูปร่างของมารีญาไม่มีส่วนไหนที่บอกว่าโป๊ ชุดที่เห็นถูกตัดเย็บด้วยงานชั้นสูง ต่อให้น้องกระโดดก็ไม่มีทางหลุดแน่นอน

หลังจากเกิดกระแสข่าวดราม่า ทางกองประกวดก็โทรมาแสดงความเป็นห่วง น้องมารีญาก็โทรมาถามว่าผมโอเคหรือยัง หนูโอเคมากนะ ซึ่งลงจากเวทีน้องก็โทรหาเลย น้ำเสียงยังสะอึกสะอื้นอยู่เลย ส่วนกระแสโซเชียลนั้นแทบไม่ส่งผลกับผมเลย เพราะผมทำงานอยู่ในแวดวงนี้มานาน ทุกอย่างมีทั้งคำติและคำชม เรารู้ตัวดีเสมอว่าขั้นตอนการทำงานของเราเป็นอย่างไร ขบวนการคิดในการสร้างสรรค์ชุดขึ้นมาหนึ่งชุดเราทำมาเพื่ออะไร ผมรู้สึกยินดีเสมอที่ได้ใช้ความรู้ความสามารถในการเป็นส่วนหนึ่งที่ทำชื่อเสียงให้ประเทศไทย เพราะฉะนั้นผมคิดว่าเรื่องของคำติมันเป็นสิ่งธรรมดา แต่จริงๆ แล้วเรารับฟังคำติทุกชนิดอยู่แล้ว และจะน้อมรับมาปรับปรุงการทำงาน

ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิดต่าง มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สเป็นของทุกคน ทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะออกเสียงได้ ตราบใดที่คำวิจารณ์เหล่านั้นตั้งอยู่บนสติ วิจารณญาณ และไม่หยาบคาย เรารับฟังเสมอ ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวบอกว่าผมจะเลิกทำชุดให้กับมิสยูนิเวิร์ส จริงๆ ก็จะเลิกทุกปีอยู่แล้ว แต่ปีนี้ทางผู้ใหญ่ทางกองประกวดก็ขอให้ช่วยพิจารณาหน่อย ก็เลยตอบไปว่าขอพักสักหน่อย เพราะปีนี้สะบักสะบอมพอสมควร ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_651675