“หมวดจรูญ” เผชิญหน้า “เจ๊เกียว” แม่ค้าพยานสำคัญ สาบานหวยต่อหน้าศาลหลักเมืองกาญจน์ สาปแช่งใครโกหกขอให้ล่มจม มีอันเป็นไป กลุ่มแม่ค้ายันลอตเตอรี่เป็นของ “ครูปรีชา” พร้อมเป็นพยานให้ ส่วนอดีต ตร.ยังยืนกรานซื้อเองกับมือ ไม่ได้ก้มเก็บ ขณะที่ครูปรีชาสบายใจอยู่บ้าน เฉยๆ เรื่องสาบาน เพราะเมื่อขึ้นศาลก็ต้องกล่าวคำสาบานอยู่แล้ว ด้าน “ทนายอัจฉริยะ” ปูดมีข้อมูลเชิงลึกฝ่ายครูปรีชา ทั้งคลิป ภาพ เสียง คาดไม่เกิน 15 วันน่าจะได้ข้อยุติ

เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ศาลหลักเมืองกาญจนบุรี ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ พร้อมด้วยนางลาวัลย์ วิมูล ภรรยา น.ส.ขวัญชนก วิมูล ลูกสาว และนายศุภกร สุพรรณรังษี ทนายความ เดินทางมาทำพิธีสาบานยืนยันความบริสุทธิ์ในคดีหวย 30 ล้านบาท

จากนั้น ร.ต.ท.จรูญกล่าวคำสาบานว่าขอกล่าวคำสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และต่อหน้าศาลหลักเมืองจังหวัดกาญจนบุรี ว่าหากข้าพเจ้าขโมยลอตเตอรี่ใครมาอย่างที่ถูกกล่าวหา ขอให้ไม่ตายดี ครอบครัวญาติพี่น้องฉิบหายวายป่วง ลูกหลานสาปแช่ง ให้มีชีวิตล่มจม เจอแต่ความหายนะไปตลอดชีวิต ไม่มีความสุขทุกข์ทนทรมาน ตกนรกหมกไหม้ทั้งครอบครัว และขอให้สังคมประณามเหยียดหยาม เป็นที่รังเกียจของคนในสังคม รวมไปถึงอาชีพการงานของครอบครัวล่มจม ไม่เจริญ หมดเนื้อหมดตัว เปรียบได้ดังขอทานข้างถนน ล้มป่วยทรมานไปทั้งชีวิต

ร.ต.ท.จรูญกล่าวต่อว่า หากข้าพเจ้ากล่าวความจริงมาโดยตลอด ไม่ได้ไปขโมยลอตเตอรี่ของใคร และเป็นผู้โดนรังแกอย่างที่เกิดขึ้น ขอให้ประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน เอาชนะหมู่มารได้โดยเร็ว ความสุข ความเจริญ ทั้งหลายทั้งปวงสุขภาพแข็งแรง อาชีพการงานเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยเงินทอง จงบังเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้า ครอบครัว ลูกหลาน ญาติพี่น้อง มิตรสหายทุกคน และประชาชนทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ข้าพเจ้าด้วยเทอญ

หมวดจรูญกล่าวว่า ขอสาปแช่งผู้กล่าวอ้างว่าลอตเตอรี่หาย แล้วไม่ได้หายจริงๆ พยานทุกๆ คนที่มิได้รู้เห็นถึงการซื้อลอตเตอรี่ เลข 553726 แต่กลับมาเป็นพยานว่าเห็นให้กับผู้ที่กล่าวอ้างว่าลอตเตอรี่ของตนหาย และนายตำรวจที่เรียกข้าพเจ้าไปเจรจาที่บ้านพัก หากมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ รวมไปถึงตำรวจที่เกี่ยวข้องในคดีนี้กระทำการที่ไม่เป็นกลาง หรือแม้แต่ผู้ที่คิดร้าย คิดทำลาย คิดกลั่นแกล้ง สร้างเรื่องโกหก สร้างความเท็จ เพื่อหวังผลประโยชน์ในลอตเตอรี่

ขอให้ไม่ตายดี ครอบครัว ญาติพี่น้อง ฉิบหายวายป่วง ลูกหลานสาปแช่ง ให้มีชีวิตล่มจม เจอแต่ความหายนะไปตลอดชีวิต ไม่มีความสุข ทนทุกข์ทรมาน ตกนรกหมกไหม้ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดทั้งครอบครัว และขอให้สังคมประณามเหยียดหยามเป็นที่รังเกียจของคนในสังคม รวมไปถึงอาชีพการงานของครอบครัวล่มจม ไม่เจริญ หมดเนื้อหมดตัวเปรียบได้ดังขอทานข้างถนน ล้มป่วยทรมานไปทั้งชีวิต สุดท้ายต้องจบชีวิตในคุก

ร.ต.ท.จรูญกล่าวต่อว่า หากแต่บุคคลที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงเป็นคนที่พูดความจริงมาโดยตลอด เป็นคนบริสุทธิ์ ไม่โกหก ไม่สร้างเรื่องเท็จ ไม่ได้ช่วยเหลือเรื่องโกหกมดเท็จ ไม่ได้หวังผลประโยชน์ทำงาน และกระทำการอย่างถูกต้องตรงไปตรงมา ขอให้ประสบความสำเร็จ มีแต่ความสุข ความเจริญทั้งหลายทั้งปวง สุขภาพแข็งแรง อาชีพการงานเจริญ รุ่งเรือง ร่ำรวยเงินทองจงบังเกิดขึ้นแก่ครอบครัว ลูกหลาน ญาติพี่น้อง มิตรสหายทุกคนของท่าน

หลังกล่าวคำสาบานเสร็จแล้ว ร.ต.ท.จรูญกล่าวว่า รู้สึกสบายใจที่ได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ ใครพูดโกหกขอให้เป็นดั่งคำที่ให้สาบานไว้ รวมไปถึงการสาปแช่งด้วย โดยในเนื้อหาของคำสาบานระบุถึงนายตำรวจที่เรียกตนไปเจรจาที่บ้าน เนื่องจากยังติดใจกับการเรียกไปคุย นายตำรวจท่านนั้นปักใจเชื่ออีกฝั่งมากกว่า และบอกให้ยอมๆ ไป ตนก็ไม่รู้ว่าหากยอมไปเรื่องจะจบหรือไม่ หากยอมอาจจะติดคุกก็ได้

“ผมยืนยันเป็นผู้บริสุทธิ์ ซื้อลอตเตอรี่มาจริง จำได้ว่าซื้อมาจากที่ไหน แต่จำหน้าแม่ค้าไม่ได้ เพราะไม่เคยจำมาโดยตลอด ส่วนเรื่องคดีความให้เป็นเรื่องของทนาย มอบหมายให้ทนายเป็นคนจัดการทั้งหมด แต่ตอนนี้ทนายไปทำธุระต่างประเทศ” ร.ต.ท.จรูญกล่าว

ต่อมานางปณัญชยา สุขผล หรือเจ๊เกียว ผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลรายใหญ่ใน จ.กาญจนบุรี เดินทางมาร่วมสาบานด้วย และร.ต.ท.จรูญมาร่วมฟังด้วย โดยเจ๊เกียวระบุว่า หากร.ต.ท.จรูญท้าให้มาสาบานก็จะสาบาน แต่เรื่องการสาบานนั้นเป็นเรื่องที่เด็กๆ ทำกัน หากจะให้สาบานคำกล่าวที่ร.ต.ท.จรูญร่างไว้ ก็ให้ร.ต.ท.จรูญต้องกล่าวคำสาบานที่ตนร่างไว้เช่นกัน จากนั้นทั้งคู่จึงสลับกันอ่านคำสาบานของอีกฝ่ายที่ร่างมาด้วย

สำหรับคำสาบานของทางฝั่งเจ๊เกียวสรุปว่า ขอสาบานต่อหน้าศาลหลักเมือง ว่าถ้าทางฝั่งเจ๊เกียวและพวกไม่ได้เป็นกระบวนการล็อกผลลอตเตอรี่ ขอให้มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน แต่ถ้าเป็นการล็อกผลลอตเตอรี่จริงขอให้ฉิบหาย มีอันเป็นไปใน 7 วัน 9 วัน และเมื่ออ่านเสร็จร.ต.ท.จรูญก็เดินทางกลับออกไป โดยไม่ได้พูดคุยกับนางปณัญชยา

นางปณัญชยากล่าวว่า เป็นตัวแทนของกลุ่มผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อมาร่วมสาบานแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจ เห็นว่ากระทำแบบนี้เหมือนเด็ก มั่นใจว่าลอตเตอรี่เป็นของครูปรีชาจริง จึงไม่มีความรู้สึกกังวลใดๆ ตนและกลุ่มผู้ค้าลอตเตอรี่ยังยืนยันที่จะเป็นพยานให้ครูปรีชาเช่นเดิม ยืนยันได้เลยว่าครูปรีชาเป็นคนซื้อลอตเตอรี่จากนางรัตนาพร เพราะตนนั่งอยู่ตรงกลางพอดี เป็นจุดที่มองเห็นตัวเลขลอตเตอรี่ได้ชัดเจน เรื่องทั้งหมดนี้ให้ข้อมูลกับตำรวจไปหมดแล้ว

เจ๊เกียวกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีไม่มีรอยนิ้วมือผู้ขายบนลอตเตอรี่นั้น เพราะผู้ค้าส่วนใหญ่จะมีวาสลีนสำหรับนับลอตเตอรี่ ส่วนประเด็นที่ว่ามีคน 2 คนมาซื้อลอตเตอรี่ที่ตลาด แต่ไม่ได้ซื้อไปนั้น ก็เพราะครูปรีชาได้ซื้อไปแล้ว และทั้ง 2 คนนั้นมาคนละเวลากับครูปรีชา และการที่ร.ต.ท.จรูญไม่เชื่อมั่นในตัวพนักงานสอบสวน ก็ให้ร.ต.ท.จรูญเอาเจ้าหน้าที่จากต่างประเทศมาสอบสวนเลย

ต่อมา ร.ต.ท.จรูญ และครอบครัว เดินทางไปกล่าวคำสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณบ้านพักนายตำรวจท่านหนึ่ง ภายใน สภ.เมืองกาญจนบุรี ส่วนกรณีที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกร.ต.ท.จรูญให้ไปรับทราบข้อหายักยอก ทรัพย์ตกหล่น และรับของโจร ในวันที่ 9 ก.พ.นั้น ร.ต.ท.จรูญขอเลื่อนไปเป็นวันที่ 20 ก.พ. เนื่องจากทนายติดธุระที่ต่างประเทศ

วันเดียวกัน ที่บ้านเลขที่ 143/22 หมู่ 3 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี นายปรีชา ใคร่ครวญ ครูโรงเรียนเทพมงคลรังษี กล่าวว่า รู้สึกสบายๆ หลังจากตื่นนอนเข้าห้องพระสวดมนต์ ทำงานกวาดบ้านถูบ้าน เข้าครัวทำกับข้าว ส่วนกรณีร.ต.ท.จรูญท้าสาบานนั้นรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้หนักใจอะไร เพราะเมื่อถึงขั้นตอนในชั้นศาลทุกคนก็จะต้องกล่าวคำสาบานอยู่แล้ว

ด้านนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กล่าวว่าคดีนี้ยังถือว่าครูปรีชาไม่ใช่เจ้าของลอตเตอรี่ 30 ล้านบาทตัวจริง ทางชมรมพบความผิดปกติในคดีตั้งแต่วันที่ 2-28 พ.ย.2560 เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการโดยไม่ปกติ พบว่าใช้อำนาจรัฐเรียกร.ต.ท.จรูญไปเจรจาไกล่เกลี่ยนอกรอบ จึงส่งทีมงาน 4 ชุดลงพื้นที่หาข้อมูลจนได้ข้อเท็จจริงหลายอย่าง ทั้งคลิปวิดีโอ ภาพ และเสียง แต่ไม่ได้ไปก้าวล่วงทีมทนายของร.ต.ท.จรูญ โดยจะไปทำงานร่วมกับตำรวจภูธรภาค 7 และตำรวจสอบสวนกลาง แล้วประสานไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อเปิดข้อมูลข้อมูลเชิงลึกของฝ่ายครูปรีชา ใช้เวลาไม่เกิน 15 วันน่าจะได้ข้อเท็จจริง และวันที่ 5 ก.พ. เวลา 10.30 น. ทางชมรมร้องขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติสั่งย้าย ผบก.กาญจนบุรี มาปฏิบัติราชการที่ส่วนกลางในช่วงทำคดี เพราะเจ้าหน้าที่ที่ทำคดีนี้ในพื้นที่รู้สึกอึดอัด

“ฝากถึงครูปรีชามีเวลาให้ 3 วันในการคิดทบทวน และด้วยความเคารพครู ขณะนี้ตำรวจภูธรภาค 7 ร่วมกับสอบสวนกลาง เดินหน้าสืบคดีนี้ในทางลับ ไม่ต้องกังวลว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เชื่อว่าไม่เกิน 15 วันคดีนี้น่าจะได้ข้อยุติ ขณะนี้หลักฐานที่มีอยู่ในมือชี้ชัด จึงขอเตือนครูปรีชา” นายอัจฉริยะกล่าว