การทดสอบสารไฮโดรควิโนน(สารปรอท)ผสมในครีมหน้าขาว
วิธีทดสอบเครื่องสำอางอย่างง่าย ๆ

วิธีทดสอบว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางนั้นมีส่วนผสมของไฮโดรคิวโนนหรือไม่
เนื่องจากเครื่องสำอางเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคเลือกซื้อใช้ด้วยตนเอง และใช้ตามความพึงพอใจ ส่วนใหญ่มิได้ระมัดระวังการใช้กันมากนัก จึงพบว่ามีผู้ประกอบธุรกิจบางรายไม่คำนึงถึงอันตรายที่จะเกิดกับผู้บริโภค โดยนำสารห้ามใช้มาผสมในเครื่องสำอาง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่าขจัดฝ้า ทำให้หน้าขาวที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนน พบรายงานอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ผลิตภัณฑ์นี้ ทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีตาย เกิดผิวเป็นด่างขาว หรือเป็นฝ้าถาวร เราสามารถทดสอบว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางนั้นมีการลักลอบผสมไฮโดรควิโนน ซึ่งเป็นวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสม ในการผลิตเครื่องสำอางหรือไม่ ดังนี้
 
1. ใช้ผงซักฟอกละลายในน้ำปริมาณเล็กน้อย เพื่อให้ได้น้ำผงซักฟอกเข้มข้น หยด หรือป้ายเครื่องสำอางที่สงสัยลงบนกระดาษทิชชูสีขาว แล้วหยดน้ำผงซักฟอกเข้มข้น ลงไปในบริเวณที่หยดหรือป้ายเครื่องสำอาง ทิ้งไว้สักครู่ หากเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แสดงว่าอาจมีส่วนผสมของไฮโดรควิโนน หรือ
 
2. ใช้ 0.1 N Sodium Hydroxide Solution หยดหรือป้ายเครื่องสำอางที่สงสัยลงบนกระดาษทิชชูสีขาว แล้วหยด 0.1 N Sodium Hydroxide Solution ลงไปในบริเวณที่หยดหรือป้ายเครื่องสำอาง ทิ้งไว้สักครู่ หากเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แสดงว่าอาจมีส่วนผสมของไฮโดรควิโนน
กรณีที่เนื้อครีมมีลักษณะข้นเหนียว ให้ละลายครีมในแอลกอฮอล์ปริมาณเล็กน้อยก่อน แล้วจึงหยด 0.1 N Sodium Hydroxide Solution หรือน้ำผงซักฟอกเข้มข้น (ปริมาณเท่ากับปริมาณแอลกอฮอล์)ลงไป ในแอลกอฮอล์ที่ละลายครีม หากเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แสดงว่าอาจมีส่วนผสมของไฮโดรควิโนน
 
การทดสอบข้างต้น เป็นเพียงการทดสอบเบื้องต้นอย่างง่ายๆ โดยใช้หลักการที่ใช้สารละลายที่เป็นด่าง ทำให้ไฮโดรควิโนนเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล แต่เพื่อความชัดเจนแน่นอน ควรใช้ Test Kit ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หรือเก็บตัวอย่างส่งตรวจวิเคราะห์ และท่านสามารถแจ้งผลิตภัณฑ์ที่สงสัยว่าจะมีสารไฮโดรควิโนน โดยโทรแจ้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ที่หมายเลข โทร 0-25907354-5 หรือที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง
 
การทดสอบหาสารสเตียรอยด์
 
ทำได้โดยให้ทาครีมที่สงสัยทาลงบนท้องแขน แล้วปิดด้วยแผ่นพลาสเตอร์ ทิ้งไว้6-8 ชั่วโมง โดยไม่ต้องให้โดนน้ำ จากนั้นแกะออกแล้วเช็ดด้วยน้ำ ซับให้แห้ง ถ้าเห็นสีผิวที่ทาครีมดูขาวจางกว่าสีผิวปกติบริเวณรอบข้าง ให้สงสัยว่าอาจอาจมีสารสเตียรอยด์ผสมอยู่ค่ะ ทางที่ดี ควรใช้แผ่นพลาสเตอร์ อีกแผ่นหนึ่งติดที่บริเวณใกล้เคียงกันเพื่อสังเกตสีผิวด้วยนะคะ จะได้เห็นความชัดเจนค่ะ หลายคนอาจสงสัยว่า ยังไงมันก็ต้องซีดอยู่แล้วใช่ไหมคะ ซีดแน่นอนค่ะถ้าโดนน้ำ แต่จะไม่ซีดค่ะ ถ้าไม่โดนน้ำ ลองทำกันดูนะคะ
 
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับครีมรักษษฝ้า กระ
 
ครีมที่มีการตรวจสอบด้วยผงซักฟอก แล้วมีการเปลี่ยนแปลงสี เป็นสีน้ำตาลไหม้ ไม่ได้หมายความว่า ครีมชนิดนั้นมีสารปรอท และสารไฮโดรควิโนน หรือสารต้องห้ามตามผลที่ได้จากการทดสอบในเบื้องต้น เนื่องจากว่า ครีมที่ มีส่วนผสมของการรักษา ฝ้า และกระนั้น จำเป็นต้องมีส่วนผสมของส่วนประกอบที่ใช้ในการรักษาฝ้าและกระรวม อยู่ด้วย เพื่อที่จะช่วยรักษาให้ฝ้าและกระที่เป็นนั้นจางหายได้ดี และหากไม่มีส่วนผสมดังกล่าว ก็จะไม่สามารถรักษาฝ้าและกระได้ครับ ซึ่งส่วนใหญ่จะใส่อยู่แค่ ประมาณ 0.02 - 0.05% ซึ่งเป็นปริมาณที่น้อยและอยู่ในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไป จนส่งผลกระทบต่อผิวพรรณ 
 
และหากเมื่อนำครีมมาทดสอบด้วยผงซักฟอก ซึ่งเป็นวิธีการตรวจสอบในเบื้องต้นเท่านั้น และจากการทดสอบ ให้สีครีมที่มีการเปลี่ยนแปลงไป เราไม่สามารถชี้ชัดได้ 100% ว่าครีมนั้นๆ มีส่วนผสมของสารต้องห้าม หรือสารปรอท ตามที่หลายๆ คนเข้าใจ 
 
และถ้าหากเพื่อนๆ นำครีมที่ช่วยในเรื่องการรักษาฝ้า กระ จากที่ต่างๆ หรือจากคลีนิคหมอ ต่างๆ มา Test ดู ก็จะได้สีที่เปลี่ยนไปเช่นเดียวกันครับ ยกตัวอย่าง เช่น ครีมในคลีนิครักษาผิวหน้าของร้านคุณหมอทั่วๆไป เมื่อนำครีมเกี่ยวกับการดูแลรักษาฝ้า กระ มาทดสอบด้วยวิธีใช้ผงซักฟอก ก็จะให้ผลของเนื้อครีมที่เปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลเฉกเช่นเดียวกัน ดังนั้นผลการตรวจสอบในเบื้องต้น อาจไม่ได้เป็นคำตอบสุดท้ายในการสรุปว่า ครีมนั้น ๆ มีสารปรอท หรือสารต้องห้ามแต่อย่างใด หรือประการใดครับ เอาไปทดสอบกับครีมทั่วไปได้นะค่ะ

The Homemade 
ครีมบ้านหน้าไบรท์
Line: Kanyanatshop
Tel: 08 5155 9900