บทนำ
พิมพ์มาดา...คนแบบฉันมันน่ารังเกียจใช่มั้ย?
พื้นที่ในสมองของหนึ่งหทัยเต็มไปด้วยคำปฏิเสธอย่างหนักแน่นของพิมพ์มาดาที่เอ่ยกับศินีย์ ความในใจที่อยากรู้มานานได้เปิดเผยแล้ว นี่สินะคำตอบที่แท้จริง!
หัวใจในตอนนี้ช่างร้าวระทดดั่งถูกมีดกรีดเจ็บปวดทรมานไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย น้ำตาที่ควรไหลกลับเจิ่งนองอยู่ภายในใจ นัยน์ตาแดงก่ำบ่งบอกถึงความร้าวรานทั้งหมดที่มี ใบหน้าขาวซีดก้มลงอย่างผู้แพ้ ส่วนแขนทั้งสองก็ตกข้างลำตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง กระทั่งเท้ายังถูกตรึงอยู่กับที่เหมือนกลไกต่าง ๆ ในร่างกายโดนปิดสวิตช์โดยอัตโนมัติ ไม่เว้นแม้กระทั่ง...สมอง
หนึ่งหทัย...สาวนัยน์ตาโศกยืนนิ่งท่ามกลางดงดอกไม้บานสะพรั่งที่พากันอวดโฉมความงามพิศุทธ์ของมวลดอกไม้เพื่อเชื้อเชิญเหล่าภมรมาผสมเกสร หากทว่า ณ เวลานี้ ไม่ว่าสิ่งที่เห็นเบื้องหน้านั้นจะงดงามดุจสรวงสวรรค์ชั้นฟ้าสักเพียงไร แต่คนหัวใจสลาย...ย่อมตามืดบอดเห็นเป็นนรกโลกันต์ใต้ผืนพิภพได้เช่นกัน ร่างกายหญิงสาวแข็งทื่อประดุจก้อนหินที่ถูกนำมาประดับไว้หลังกันเกราสีเหลืองต้นใหญ่ซึ่งแวดล้อมไปด้วยดงดอกแก้ว หากจะไม่มีเสียงใด ๆ มากระทบโสตประสาท
ตูม!เสียงของหนักบางอย่างตกกระทบผืนน้ำจนแตกกระจายเป็นวงกว้าง
“ช่วยด้วย!คนตกน้ำ ใครก็ได้ช่วยที!”
เสียงโหวกเหวกขอความช่วยเหลือจากหญิงคนนึงดังขึ้น
“พิมพ์มาดาตกน้ำ!ช่วยด้วย ๆ ๆ…”เสียงนั้นเร่งเร้ามากขึ้น เมื่อร่างพิมพ์มาดาซึ่งพยายามพุ้ยน้ำอย่างกระเสือกกระสนเข้าหาฝั่งค่อย ๆ จมหายไปต่อหน้าต่อตา
‘พิมพ์มาดา’ชื่อผู้หญิงคนนี้เปรียบเสมือนมนตร์วิเศษที่สามารถปลุกสติสัมปชัญญะของหนึ่งหทัยพร้อมร่างกาย ซึ่งไร้การตอบสนองให้กลับมาทำงานดังเดิม เรี่ยวแรงหดหายในคราแรกได้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ร่างสูงเพรียววิ่งเร็วราวลูกธนูพุ่งจากคันศรออกจากดงดอกแก้วไปยังต้นเสียง ครั้นมาถึงเชิงสะพานสูงกลับไม่พบอะไร เห็นเพียงศินีย์กำลังยืนตัวสั่นงันงก เบิกตาโตอย่างตื่นตกใจด้วยใบหน้าซีดเผือด
“พริมอยู่ไหน!!!”
หนึ่งหทัยตะคอกด้วยเสียงเกรี้ยวกราดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจนศินีย์สะดุ้งเฮือกเช่นกัน รีบยกมือสั่น ๆ ชี้ไปกลางสะพาน ขายาว ๆ ของคนถามผละออกจากตรงนั้นทันที แม้นหนึ่งหทัยจะพยายามวิ่งให้เร็วสักปานใด แต่ยังไม่เร็วเท่าใจปรารถนา ด้วยเวลาที่เสียไปในวินาทีสั้น ๆ นั้นอาจทำให้เจ้าของหัวใจต้องจากไปตลอดกาล
ลึกลงไปภายใต้เวิ้งน้ำ ร่างเล็กบางของสาวน้อยพิมพ์มาดาเริ่มหยุดนิ่งจากการดิ้นรนไขว่คว้าหาอากาศ ลำแขนกลมกลึงทั้งสองข้างปล่อยลอยคว้างข้างลำตัว จมูกมีฟองอากาศพ่นออกมาเป็นระลอกสุดท้าย เปลือกตาหนาสีน้ำตาลคู่สวยซึ่งปรืออยู่คราแรก บัดนี้ได้ปิดสนิทลงในที่สุด มีเพียงมโนสำนึกในห้วงจิตของหัวใจที่ยังดำเนินไปในช่วงนาทีสุดท้ายของชีวิต
หทัย...ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้เราได้รักกันสมดั่งใจปรารถนาด้วยเถิด อย่าได้มีอุปสรรคใดๆ มากีดขวางแบบนี้อีกเลย ชาตินี้คงสายเกินไปแล้วสำหรับฉันที่จะเอ่ยคำว่า รักเธอ... ลาก่อน คนดีของฉัน
เสียงอธิษฐานจากหัวใจของพิมพ์มาดา อัศวภูวนารถ ซึ่งกำลังจมดิ่งสู่ความดำมืดแห่งสายน้ำ แม้นร่างกายจักดับสูญ ขอเพียงพันธหัวใจเป็นนิรันดร์แค่นั้นพอ
และแล้ว... ร่างแบบบางของสาวน้อยก็ทอดนอนลงบนดินอ่อนนุ่มใต้เวิ้งน้ำอย่างสงบ ใบหน้าซึ่งเคยขาวอมชมพูระเรื่ออย่างธรรมชาติเปลี่ยนเป็นสีซีดแทน ริมฝีปากมีสีกลืนเช่นเดียวกับสีผิวหน้า ลำแขนเรียวเล็กกางออกเล็กน้อย เธอนอนนิ่งในท่านั้นราวกับเจ้าหญิงนิทราในนิทานอันแสนสุข
ฤา...จักจบสิ้นกันเพียงชาตินี้!
หลายปีต่อมา... ขาเรียวของสาวร่างสูงก้าวลงจากเบาะหลังรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่วิ่งเร็วราวติดจรวด ซึ่งสาเหตุที่ยานพาหนะต้องเปลี่ยนไป เนื่องจากระหว่างทางมีการประท้วงปิดถนนทำให้รถที่ติดเป็นทุนเดิมนั้น แทบถึงขั้นอัมพาตกันทีเดียว พอจ่ายเงินเสร็จก็รีบสอดสายตาหาสถานที่นัดพบเพราะเลยเวลามาพอสมควร นัยน์ตาสีเข้มมองไปรอบบริเวณสถานีขนส่งหมอชิต ซึ่งคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่กำลังเร่งรีบขึ้นรถโดยสาร แม้ไม่ได้เป็นช่วงวันหยุด กระนั้นคนยังคงพลุกพล่านเหมือนเช่นเคย
โอย...ทำไมคนถึงได้เยอะอย่างนี้นะ แล้วต้องไปทางไหนล่ะเนี่ย?
หนึ่งหทัย...สาวร่างสูงเพรียวใบหน้าขาวอมชมพู ดวงตากลมโตสีดำดั่งสีนิล ริมฝีปากแดงระเรื่อเป็นธรรมชาติ ผิวเรียบเนียนขาวผ่อง ผมดำขลับดังเส้นไหมยาวถึงกลางหลังถูกรวบให้เรียบตึงด้วยหนังยางสีดำกำลังคิดและมองหาเส้นทางที่จะไป หญิงสาวสะพายเป้ใบใหญ่สีเข้มอย่างทะมัดทะแมงอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวทับด้วยแจ็กเกตยีนสีซีด กางเกงยีนลีวายขายาวทรงกระบอกสีเดียวกัน สวมรองเท้าผ้าใบสีขาวแบบเรียบ ๆ แต่กลับโดดเด่นท่ามกลางกลุ่มคนที่อยู่แวดล้อม
ขณะเธอกำลังก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ ทันใดนั้นก็ต้องหยุดชะงักเหมือนถูกสาปให้ตรึงอยู่กับที่ สาเหตุมาจากเสียงอินโทรของเพลง ๆ หนึ่ง แม้จะแผ่วเบาราวสายลมโชยแต่กลับทำให้คนที่ตราไว้ในหัวใจ ไม่สามารถขยับเท้าต่อไปได้อีก ทำได้เพียงเงยหน้ามองที่มาของตัวต้นเหตุ
ร้านขายซีดีเพลง!
“เพลงนี้...” ถึงเป็นแค่เสียงแผ่ว ๆ ที่ลอดจากริมฝีปากบาง แต่ถ้าว่ามันช่างบาดลึกลงกลางทรวงยิ่งนัก เปลือกตาได้รูปแฝงแววเจ็บช้ำปิดลงพร้อมจินตนาการถึงวงหน้าของใครบางคนที่มีนัยน์ตาสีน้ำผึ้ง น้ำเสียงอ่อนหวานยามเรียกขาน รอยยิ้มกระจ่างใสและเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถบันดาลให้เธอมีทั้งความสุข ความทุกข์ ความกลัว และความคิดถึง ซึ่งความรู้สึกสุดท้ายยิ่งทำให้ถวิลหา
หนึ่งหทัยยังคงยืนนิ่งเช่นนั้น เพียงลำพังท่ามกลางผู้คนมากมายที่สัญจรไปมา
ณ ขณะนี้ เหมือนเวลาของหญิงสาวหยุดนิ่งลงชั่วคราว ต่างกับเวลาแห่งความเร่งรีบของปัจจุบันกาล ขนตางอนงามกะพริบถี่ ๆ หลายครั้งเพื่อไล่น้ำสีใสที่เริ่มรื้นขึ้นบนขอบตา แหงนหน้ามองท้องฟ้ายามอาทิตย์อัสดง หมายให้น้ำตาแห่งความชอกช้ำอ่อนไหวได้ย้อนลงสู่กลางใจเช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม ลมหายใจแห่งความคิดถึงของหนึ่งหทัยในส่วนลึกยังคงพร่ำถามคนในจินตนาการอย่างอ่อนแอว่า
นานแค่ไหนแล้ว? พิมพ์มาดา…ที่เธอจากฉันไปไกลจนเกินไขว่คว้า
|