ในการต่อเติมอาคารพักอาศัยแต่ละสถานที่ เจ้าของบ้านส่วนใหญ่ จะไม่รู้จักเสาเข็ม Micro Pile ส่วนมากทางผู้รับเหมาที่จะทำการต่อเติมจะแนะนำให้ใช้เสาเข็มหกเหลี่ยม (ซึ่งมีราคาถูก) หรือเสาเข็มเจาะซึ่งมีราคาแพงต่างกันมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วเสาเข็มทั้ง 2 ชนิดที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น ก็จะมีปัญหาตามมาทีหลังจากที่ได้ทำการต่อเติมเสร็จเรียบร้อยแล้ว นั่นก็คือการทรุดตัวที่ระยะปลายเสาเข็มที่ยื่นอยู่ในชั้นดินดังกล่าว ตามรูป
จากภาพที่แสดงจะเห็นได้ว่า บ้านที่ใช้เสาเข็มหกเหลี่ยมจะมีการทรุดตัวเร็วกว่าบ้านที่ใช้เสาเข็มเจาะ แต่ในทางกลับกัน บ้านที่ใช้เสาเข็มเจาะในการต่อเติมก็จะมีปัญหาเช่นเดียวกัน แต่ใช้ระยะเวลาในการทรุดตัวนานกว่ามาก
สมมุติว่า ถ้าบ้านเดิมใช้เสาเข็มตอกในการก่อสร้าง แต่ในส่วนต่อเติมใช้เสาเข็มเจาะ ก็จะมีปัญหาระหว่างเสาเข็มทั้ง 2 ชนิดเช่นเดียวกัน เพราะเสาเข็มตอกสามารถตอกทะลุน้ำใต้ดินได้จนถึงชั้นทราย แต่เสาเข็มเจาะนั้นไม่สามารถตอกทะลุน้ำใต้ดินได้ เพราะถ้าเจาะทะลุน้ำใต้ดินเมื่อไรน้ำก็จะทะลักเข้าท่อ ทำให้เสาเข็มต้นนั้นเสียใช้การไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้ความลึกของเสาเข็มเจาะจะลึกได้ไม่เท่าเสาเข็มตอกของเดิมกับตัวบ้าน จึงทำให้เกิดการทรุดตัวไม่เท่ากัน แต่ในทางกลับกันถ้าบ้านเดิมอยู่บนเสาเข็มเจาะแล้วก็ต่อเติมด้วยเสาเข็มเจาะ จะไม่มีปัญหาแต่อย่างใดในการต่อเติม เพราะเกิดการทรุดตัวที่เท่ากัน
ส่วนมากในกรุงเทพฯและปริมณฑลจะมีบ้านจัดสรรเป็นส่วนมากและทุกหมู่บ้านเหล่านี้จะใช้เสาเข็มตอกเป็นฐานรากในการก่อสร้างเพราะมีราคาถูกกว่าเสาเข็มเจาะ (ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮ้าส์) และผู้คนส่วนมากที่ได้เป็นเจ้าของโครงการดังกล่าวก็จะต่อเติมบ้านด้วยกันทั้งนั้น เพราะพื้นที่ไม่พอในการดำรงชีวิต เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ต้องไปจ้างผู้รับเหมามาต่อเติมบ้านให้ ซึ่งผู้รับเหมาเหล่านี้ก็จะใช้เสาเข็มหกเหลี่ยม 6 เมตรมาทำเป็นฐานรากให้หรือไม่ก็ใช้เสาเข็มเจาะ แต่ในทางที่จริงแล้ว เสาเข็มทั้ง 2 ชนิดนี้ ก็จะมีปัญหาการทรุดตัวต่างกันตามมา ทำให้เกิดกรณีพิพาทระหว่างเจ้าของบ้านกับผู้รับเหมาเกิดขึ้นให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง
ถ้าผู้รับเหมามีการศึกษาข้อมูลต่างๆให้ดีพอ ก็จะรู้ว่า มีเสาเข็มชนิดหนึ่ง คือ เสาเข็ม Micro Pile สามารถที่จะรองรับการต่อเติมบ้านได้โดยไม่มีบัญหาแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้รับเหมาทั่วไปที่รู้ว่ามีเสาเข็ม Micro Pile ก็จะพยายามหลีกเลี่ยงไม่บอกกับทางเจ้าของบ้าน เพราะว่ามีราคาสูง แพงกว่าเสาเข็มเจาะ ด้วยเกรงว่าจะไม่ได้งานงานนั้น
แต่ในความจริงนั้น ถึงเสาเข็ม Micro Pile จะมีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็จะสามารถออกแบบให้ลดจำนวนเสาเข็มลงได้ (ซึ่งเสาเข็ม Micro Pile ก็มีวิธีการทำเช่นเดียวกับเสาเข็มตอก) กล่าวคือ ถ้าเป็นเสาเข็มเจาะ หากจะต่อเติมทาวน์เฮ้าส์ 1 หลัง จะต้องใช้เสาเข็มเจาะ 4 ต้น ดังรูป
จากภาพเปรียบเทียบ จะเห็นได้ว่า การใช้เสาเข็ม Micro Pile ประหยัดกว่า
จากภาพจะเห็นได้ชัดเจนว่า ถ้าใช้เสาเข็ม Micro Pile จะประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำฐานรากได้มากกว่า เพราะเสาเข็ม Micro Pile สามารถดึงคานคอดินมาจากฐานรากเดิมได้เลย โดยใช้เสาเข็มตัวบ้านเดิมอาศัยอยู่ แต่ถ้าเป็นเสาเข็มเจาะจะต้องมีเสาเข็มใกล้ตัวบ้านรองรับอีก 1 ต้น ทุกๆฐาน เพราะผู้รับเหมาที่ทำการต่อเติมรู้ว่าจะต้องมีการตัด JOINT ระหว่างบ้านเดิมกับตัวต่อเติมออกจากกัน ทั้งนี้เพราะป้องกันการแตกร้าวของอาคารเดิมกับอาคารใหม่ ซึ่งภายในอนาคตจะมีการทรุดตัวต่างกัน
ข้อดีของเสาเข็ม Micro Pile
1.ใช้แก้ไขอาคารที่มีปัญหา คือ อาคารที่เกิดอาการทรุด,ร้าว,เอียง
2.สามารถทำงานในสถานที่แคบๆได้ โดยไม่ก่อให้เกิดเสียงดังรบกวนข้างบ้าน
3.ไม่ต้องขนย้ายดินออกจากสถานที่ทำงานเพราะไม่ได้ทำการขุดดินออกในระหว่างการทำเสาเข็ม (ไม่เหมือนเข็มเจาะ)
4.ใช้พื้นที่ในการทำงานน้อยกว่าเสาเข็มเจาะซึ่งต้องขนเครื่องจักรเข้ามากองเต็มไปหมด
5.มีขนาดของเสาเข็มตั้งแต่ ø 3”- ø 12”
6.หลังจากที่ทำเสาเข็ม Micro Pile ในการแก้ไขอาคารเอียง,ทรุดได้ ก็สามารถยกอาคารให้กลับมาอยู่ในระนาบเดิมได้
ลักษณะของเสาเข็ม Micro Pile
1.จะใช้เป็นเสาเข็มเหล็กกลมกลวง มีขนาดตั้งแต่ ø 3”- ø 12” แล้วแต่น้ำหนักของแต่ละอาคาร
2.นำมาตัดเป็นท่อนๆ ท่อนละ 1-1.20 เมตร
3.ใช้แม่แรงในการกดเสาเข็มแต่ละท่อนลงไปแล้วก็ทำการต่อเชื่อมไปเรื่อยๆ จนได้ระดับและน้ำหนักที่ต้องการ
4.เมื่อทำเสาเข็มแล้วเสร็จ จะต้องทำการกรอกคอนกรีตลงไปในตัวเสาเข็ม เพื่อป้องกันการเกิดสนิมภายใน
.....................................................................................................