ถ้วยฟุตบอลโลก ล้ำค่าเกินคำบรรยาย ศึกการแข่งขันฟุตบอลโลก กลายเป็นแรงบันดาลใจให้นักเตะแต่ละชาติ ต่อสู้เพื่อพิสูจน์ฝีมือ และ ศักดิ์ศรีของประเทศในศึกเวิลด์ คัพ และวันนี้ เรามาดูถึงประวัติโดยย่อของ ถ้วยฟุตบอลโลก
ถ้วยจูลส์ ริเมต์ / Jules Rimet cup
สำหรับถ้วยเดิม ชื่อ จูลส์ ริเมต์ (Jules Rimet) ซึ่งเป็นชื่อของประธานฟีฟ่า ชาวฝรั่งเศส ที่เป็นหัวแรง ในการจัดศึกฟุตบอลโลก ครั้งแรกสำเร็จในปี ค.ศ.1930 ถ้วย จูลส์ ริเมต์ ทำจากเงิน และ ทอง น้ำหนัก 3.8 กิโลกรัม สูง 38 เซนติเมตร ฐานทำด้วยหินล้ำค่าสีฟ้า หรือ ไพฑูรย์(Lapislazule) เป็นรูปเทพธิดาแห่งชัยชนะ (Goddess of Victory) ตรงเหลี่ยม 4 ด้านของฐาน สลักชื่อ ประเทศที่ได้แชมป์ที่ 9 ราย ชื่อนับตั้งแต่ปี 1930-1970
ด้วยความล้ำค่าของถ้วยใบนี้ ทำให้ ถ้วย จูลส์ ริเมต์ หายไปถึง 2 ครั้ง ซึ่งครั้งแรกเกิดขึ้นในปีค.ศ.1966 ช่วงที่อังกฤษ ได้ครองแชมป์โลก และ มีคนมาพบว่าถูกฝังอยู่ที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง โดยฝีมือเจ้าสุนัขตัวเล็กชื่อ พิกเกิ้ลส์ แต่ทว่า มันกลับมาสาบสูญ อีกครั้ง ในปีค.ศ.1983 ช่วง “แซมบ้า” บราซิลได้สิทธิครอบครองถ้วยนี้อย่างถาวร หลังจากคว้าแชมป์ 3 สมัยได้สำเร็จ โดยขโมยมือดี ฉกถ้วยจากที่เก็บใน นครริโอเดอจาเนโร และ หลอมละลายไปแยกชิ้นส่วนไปหมดแล้ว ทางฟีฟ่าจึงจัดทำถ้วยใหม่
ถ้วยฟีฟ่า เวิลด์คัพ / FIFA World Cup Trophy
สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า (FIFA) ได้จัดทำ ถ้วยเวิลด์ คัพ ขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีน้ำหนักถึง 4,970 กรัม ทำด้วยทองแท้ 18 กะรัต สูง 36 เซนติเมตร พร้อมกับเปลี่ยนชื่อใหม่ เป็น ฟีฟ่าเวิลด์คัพ (FIFA World Cup Trophy) ออกแบบโดยประติมากรรมชาวอิตาเลียน ซิลวิโอ กาซซานิก้า ในปีค.ศ.1971 โดยเส้นของรูปปั้นบิดขึ้นมาจากฐาน เป็นรูปนักกีฬาสองคนยืนหันหลังยกโลก ทำให้ดูมีพลังคลื่อนไหวในตัวเพื่อเป็นจังหวะแห่งการฉลองชัยชนะ
ถ้วยเวิลด์คัพ เริ่มใช้ครั้งแรกในการแข่งขัน ปีค.ศ.1974 ที่ประเทศเยอรมนีเป็นเจ้าภาพ และ เยอรมนีก็คว้าถ้วยใบนี้สำเร็จครอบครองไว้นาน 4 ปี จากนั้นจึงลงไปอยู่อเมริกาใต้ แล้วกลับขึ้นมายุโรป สลับกัน 2 ทวีป อย่างนี้ในทุก 4 ปี เพราะประเทศที่ได้แชมป์จากเยอรมนี ก็คือ อาร์เจนตินา (1978), อิตาลี (1982), เยอรมนี (1990), บราซิล (1994), ฝรั่งเศส (1998), บราซิล (2002) และล่าสุด อิตาลี (2006)
แต่ถ้วยฟีฟ่าไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง เพราะ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ถือว่าถ้วยนี้จะต้องอยู่ถาวร กับ ฟีฟ่า ผู้ชนะเลิศจะได้รับถ้วยจำลองที่ทำจากทองผสม ส่วนที่ฐานซึ่งมีแหวนคาดสองเส้น มีพื้นที่ไว้สลักชื่อประเทศ 17 ช่อง
ดังนั้น เมื่อถึงปีค.ศ.2038 ชื่อแชมป์โลกก็จะเต็มช่องเหล่านี้ จากนั้นจะทำอย่างไรต่อไป ฟีฟ่า ก็คงต้องปรึกษากัน
|