.
 สถานะของเว็บ
วันที่สร้างเว็บ :19/8/2014
ปรับปรุงเว็บครั้งล่าสุดเมื่อ :25/8/2015
จำนวนคนเข้าชมเว็บนี้ :1061763
Sister My Sister สร้างจากเรื่องจริงอันแสนหดหู่
บทความ ณ. วันที่ : 21/8/2014        จำนวนคนเข้าชมเว็บ : 1050 ครั้ง   

วันนี้มีหนังมาแนะนำสำหรับคอหนังอีกเรื่องค่ะ

โดยปกติแล้ว หนังที่ชอบจะเป็นแนว Romantic Comedy, 

หรือไม่ก็จะเป็น Drama เน้นๆ ไป

แต่สำหรับเรื่องนี้ บอกตามตรงเลยว่า

แว้บแรกที่คิดจะดู เพราะว่าชอบนางเอกของเรื่อง

ซึ่งก็คือ Jodhi May ที่แสดงเป็น Florence ในเรื่อง Tipping the velvet

ชอบรอยยิ้มของเธอ .. เท่านั้นเองค่ะ

 

 

เอาล่ะ สำหรับหนังเรื่องนี้ Sister My Sister ชื่อภาษาไทยคือ "รักต้องฆ่า"

สำหรับหนังหลายๆ เรื่อง ต้องยอมรับในแง่ของบทวิจารณ์ ซึ่งอาจจะไปในทิศทางที่ไม่ดีนัก

บ่อยครั้งที่เราหลงกลไปกับบทวิจารณ์หนักๆ เหล่านั้น

แล้วตัดสินใจ "ผ่าน" หนังเรื่องดังกล่าวไป โดยไม่รู้เลยว่า เรากำลังพลาดอะไรไป

หลายครั้งที่หนังที่โดนนักวิจารณ์สับจนเละ แต่ก็สามารถทำให้คนดูอย่างเราๆ มีความสุขได้

หรืออย่างน้อย หนังที่ว่า อาจให้บางอย่างกับเรา มากกว่าคำว่า "หนังดี" ในความหมายของพวกเขาเหล่านั้น

 

สำหรับหนังเรื่องนี้ก็เช่นกัน ตัวหนังสร้างขึ้นในปี 1994 

หนังเป็นแนว ดราม่าทริลเลอร์ เชื้อสายฝรั่งเศส

พูดง่ายๆ ว่า ดูหนังแนวนี้ใครๆ ก็รู้ว่าหดหู่แน่นอน

ไม่ว่าจะเป็นตัวละครที่เป็นพี่น้องกันรักกัน (เรียกว่าความสัมพันธ์แบบ Incest)

เรียกว่าผิดในแง่ของจารีตประเพณีทั้งเป็นพี่น้องกัน และยังเป็นความรักแบบเลสเบี้ยนอีก

 

 

 

(หนังเล่าเรื่องราวที่เกิดในปี 1930 ในฝรั่งเศส ในสมัยนั้น

ไม่มีชาติไหนในโลกยอมรับความสัมพันธ์แบบนี้)

แต่ตรงนี้เอง ที่จะบอกว่า เมื่อเราได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว ... หนังให้อะไรกับเรา

ความรู้ในเชิงจิตวิทยา ... ถ้าเราตั้งใจดูหนังให้ดี เราจะรู้ว่า ทำไม พี่น้องคู่นี้ถึงเป็นอย่างนี้

ทำไมพวกเขาต้องเลือกทำแบบนั้น และที่สำคัญ หนังเรื่องนี้สร้างจากเหตุการณ์จริง

เป็นเหตุอาชญากรรมที่สะเทือนขวัญชาวฝรั่งเศสทั้งชาติในยุคนั้น และก่อให้เกิดการปฏิวัติทางสังคมตามมา

ต่อไปนี้จะเป็นบทความเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ณ เวลานั้น

 

 

นี้ไม่ใช่การฆาตกรรม แต่เป็น "การปฏิวัติ!!" 

 

ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1933 ได้เกิดคดีฆาตกรรมสยองขวัญช็อกโด่งดังไปทั่วประเทศฝรั่งเศส

เมื่อสองแม่ลูกชนชั้นกลางในเมืองเลอมองส์ถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม

โดยสองแม้บ้านสองพี่น้อง อายุ 21 และ 27 ปี ที่อาศัยอยู่ในบ้านพวกเขาเอง

สองแม่ลูกไม่ได้ฆ่าธรรมดา เพราะสองสาวใช้โหด

ยังควักลูกตาของพวกเขาออกมาด้วยมือของพวกเขาในขณะที่สองแม่ลูกยังมีชีวิตอยู่

ก่อนที่จะถูกฆ่าด้วยค้อน เหยือโลหะ และมีดอย่างอำมหิต

ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน

หัวและหน้าของผู้ตายเละจนแทบจำหน้าตาตอนมีชีวิตอยู่ไม่ได้

 

 

แต่เรื่องราวพิลึกพิลั่นยังไม่จบ

เมื่อสองสาวใช้ทำการฆาตกรรมสองแม่ลูกนายจ้างเสร็จ

พวกเขาไม่ได้พยายามที่จะหลบหนีแต่อย่างใด

ทั้งสองกลับนอนบนเตียงในสภาพเปลือยกายและอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน

แน่นอนว่าใครมาเห็นภาพดังกล่าวก็รู้ทันทีว่าทั้งสองเป็นคู่รักร่วมเพศ

และร่วมประเวณีที่ผิดประเพณี คดีฆาตกรรมดังกล่าวได้กลายเป็นคดีอื้อฉาว

ประชาชนต่างโกรธแค้นกับความโหดเหี้ยมและความพิลึกของผู้ก่อคดี

ส่วนสื่อมวลชนได้ตีไข่คดีให้สองพี่น้องกลายเป็นสัตว์ประหลาดในสายตาของผู้คน

และแล้วชื่อของสองพี่น้อง คริสติน และ ลีอา พาพิน ก็เป็นที่รู้จักไปทั่วแผ่นดิน

และกลายเป็นตำนานสยองขวัญ โรคจิต  สั่นประสาท

ของประวัติศาสตร์คดีฆาตกรรมของฝรั่งเศส ในที่สุด

 

 

คริสติน และ ลีอา  พาพิน (Christine and Lea Papin(จากขวาไปซ้าย)

 

คริสตินพาพิน (8 มีนาคม 1905  – 18 พฤษภาคม 1937)

และ ลีอา พาพิน (15 กันยายน 1911 – 1982) เป็นสองพี่น้องแม่บ้านชาวฝรั่งเศส

ที่ฆ่าภรรยาและลูกสาวของนายจ้างในเลอมองส์ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 1933

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญเกี่ยวกับปัญญาชนฝรั่งเศสในเวลาต่อมา  

โดยฌอง-ปอล ซาตร์ นักปรัชญาลัทธิอัตถิภาวะนิยมกับซีโมน เดอ โบวัวร์ ภรรยาของเขา

เคยกล่าวว่าคดีนี้สะท้อนให้เห็นถึงสงครามระหว่างชนชั้น

ในขณะที่ฌากส์ ลาคอง นักจิตวิเคราะห์ชื่อดัง

เคยใช้คดีนี้เป็นพื้นฐานในการตั้งทฤษฎีเกี่ยวกับโรคจิต

และเคยเรียกความผูกพันกันอย่างลึกซึ้งของฆาตกรสาว 2 คนนี้ว่า "Siamese souls"

และเรื่องราวของทั้งสองถูกสร้างเป็นภาพยนตร์

และละครเวทีโศกนาฏกรรมมากมายของฝรั่งเศสในเวลาต่อมา 

ตัวอย่าง เช่น ฌอง เฌอเนต์ นักประพันธ์ชื่อดังชาวฝรั่งเศส

ก็เคยนำคดีนี้มาสร้างเป็นละครเวทีเรื่อง The Maids

นอกจากนี้ แนนซี  ซึ่งเป็นผู้กำกับภาพยนตร์

ก็เคยนำคดีนี้มาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Sister My Sister ในทศวรรษ 1990

 

 

คริสตินและลีอา พาพิน เติบโตในครอบครัวชาวนา

ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านทางตอนใต้ของเลอมองส์

สองพี่น้องที่มีอายุห่างกัน 7 ปี

ซึ่งมีประวัติชีวิตวัยเด็กที่สุดแสนจะสับสนและสุดเลวร้าย

พ่อของพวกเธอคือกุสตาฟเป็นคนติดแอลกอฮอล์

และเคลมองซ์แม่ของพวกเขาขึ้นชื่อเป็นผู้หญิงที่มีนิสัยสำส่อนผู้ชาย

และมีความเป็นแม่น้อยมาก อีกทั้งเธอไม่ได้รักกุสตาฟ

หากแต่ในปี 1901 เธอถูกบังคับให้แต่งงานเพราะเธอตั้งครรภ์กับเด็กคนแรกของพวกเขา

นั้นคืออมิเลีย พี่สาวคนโตสุดของครอบครัว

หลังจากที่ลูกคนที่สองซึ่งก็คือคริสตินก็ถือกำเนิดบนโลกในปี 1905

แต่เคลมองซ์ไม่อยากเลี้ยงเด็กทั้งสองจึงส่งไปให้น้องสาวของกุสตาฟเลี้ยง

ในปี 1911 เธอก็ให้กำเนิดลีอา และเวลานั่นเองพ่อของสองพี่น้องก็ได้ข่มขืนเอมิเลีย

จนเป็นเหตุทำให้บ้านแตกสาแหรกขาด เคลมองซ์จึงตัดสินใจหย่าขาดกุสตาฟทันที 

ความจริงแล้วการกระทำของเธอไม่ได้ทำเพราะเป็นห่วงสวัสดิการของลูกสาว

หากแต่เธอปรารถนาที่จะลงโทษสามีสำหรับความไม่ซื่อสัตย์ของเขา

ซึ่งเวลานั้นทั้งสองคนนี้แทบไม่รู้จักพ่อของตัวเอง

และคริสตินและอมิเลียถูกย้ายไปให้สถานเด็กกำพร้าเลี้ยง

ส่วนลีอาให้ญาติเลี้ยง และต่อมา เอมิเลียก็บวชเป็นชี

 


  

พาดหัวข่าวคริสตินและลีอา

 

 

ต่อมาคริสตินมีความตั้งใจจะเดินตามรอยพี่สาวซึ่งบวชเป็นชี

หากแต่ได้รับการปฏิเสธจากเคลมองซ์แม่ของเธอ

หลังจากนั่นเป็นต้นมาเคลมองซ์ควบคุมลูกสาวทั้งสองด้วยความเข้มงวด  

อีกทั้งบังคับให้คริสตินทำงานหาเงินด้วยความยากลำบาก

และส่งผลให้คริสตินรู้สึกเกลียดชังแม่เป็นอย่างมาก

ในขณะเดียวกันคริสตินรู้สึกผูกพันกับลีอา  

เนื่องจากลีอาเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายที่เป็นที่ยึดเหนียวจิตใจชองคริสติน

ในขณะที่ผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เคยมีความสำคัญต่อคริสตินต่างทอดทิ้งเธอไปหมด

ส่วนลีอาก็รักพี่สาวของเธอเองเช่นกัน แม้ทั้งสองจะแยกห่างจากกันช่วงหนึ่ง

แต่เมื่อกลับมาพวกเขาก็ยักรักใคร่ยิ่งกว่าเดิม

และลีอาก็ต้องการจะทำงานร่วมกับพี่สาวมากเท่าที่จะเป็นไปได้

 

 

นักจิตวิเคราะห์ได้ทำการตั้งข้อสังเกตอาการทางจิตของคริสตัน

เชื่อว่าเธอมีอาการทางจิตประเภทจิตเภทหวาดระแวง

ซึ่งจิตเภทที่พบได้มากที่สุดในเกือบทุกส่วนของโลก

ซึ่งอาการของผู้ป่วยชนิดดังกล่าวจะมีอาการหลงผิด

และมักหวาดระแวง หลอนประสาท

ซึ่งความรักษาทันทีก่อนที่ผู้ป่วยจะก่อเหตุร้ายแรงขึ้น

หากแต่ทศวรรษที่ 1930 ยังไม่มีการรักษาเกี่ยวกับโรคภัยเธอมากนัก

ส่วนลีอานั่นนักจิตวิเคราะห์เชื่อว่าเธอไม่มีอาการทางจิต

อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยลีอาเป็นคนขี้อาย ขี้กังวล

อีกทั้งสติปัญญาค่อนข้างต่ำ ทำให้เธอถูกครอบงำโดยพี่สาว

ชนิดว่าพี่สาวทำอะไรเธอก็ทำตาม

 

 

ที่น่าสังเกตคือ ครอบครัวและญาติของพี่น้องนั้นมีปัญหาเรื่องความรุนแรง

ปู่ของทั้งสองมีอารมณ์รุนแรงและทุกข์ทรมานจากโรคลมชัด

ญาติบางคนเสียชีวิตเพราะการฆ่าตัวตาย

ส่วนพ่อของพวกเธอก็มีปัญหาเรื่องการดื่มและข่มขืนพี่สาวของทั้งสอง

การหย่าร้างที่ทำให้คริสตินต้องไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

จนกระทั้งเธอมีอายุพอที่จะทำงาน แม่ของพวกเขาที่มาเยี่ยมเยือนบ่อยๆ

ได้ควบคุมคริสติน จนคริสตินเกลียดชังแม่ตนเอง

สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้สภาพจิตใจของคริสตินตกต่ำจนก่อเรื่องร้ายแรงในที่สุด

 

 

คริสตินและลีอาต้องหาเงินให้แก่ครอบครัว

ด้วยการเป็นสาวใช้ในครอบครัวชั้นกลางในเลอมงค์

โดยมีหน้าที่ทำความสะอาดและปรุงอาหาร

แม้หน้าที่การงานของทั้งสองทำจะไม่มีข้อตกบกพร่อง

แต่ทั้งสองต้องเปลี่ยนนายจ้างหลายครั้งในปีแรก

เพราะค่าจ้างที่ทั้งสองได้รับไม่เพียงพอต่อความต้องการของแม่ของเธอ

 

 

ในปี 1926 คริสตินและลีอาได้เข้าทำงานเป็นสาวใช้

ในบ้านของครอบครัวลองเซอแลงในเมืองเลอม็อง

ครอบครัวประกอบด้วยเรอเน ลองเซอแลงทำอาชีพทนายความ

ซึ่งเขามีลีโอนี่ ลองเซอแลงภรรยาและลูกสาวอาศัยอยู่ในบ้าน

แม้ว่าครอบครัวจะสงบสุข อาศัยอยู่ในทาวน์เฮาส์ที่ดีในบ้านเลขที่ 6 รู บรูแยร์

ซึ่งมีลูกสาวชื่อเจเนวีฟอาศัยอยู่ด้วย แต่เขาก็ไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้าน

ดังนั้นเพื่อลดภาระของภรรยา เขาเลยตัดสินใจจ้างคริสตินมาเป็นแม้บ้าน

หลังจากทำงานสองเดือน พวกเขาก็ตัดสินใจจ้างลีอาน้องสาวของคริสตินมาอยู่ด้วย

คริสตินเป็นคนทำอาหารเก่ง และลีอาก็ทำงานไม่มีตกบกพร่อง

อีกทั้งมาดามลองเซอแลงนั้นเป็นนายจ้างที่ดีต่อพี่น้องคู่นี้มากกว่านายจ้างคนก่อนๆ

อย่างไรก็ดี ทั้งสองคนก็ยังคงต้องทำงานหนักเกือบตลอดเวลา

ซึ่งพวกเขาทำงาน 12 ถึง 14 ชั่วโมง ที่จะต้องทำงานเล็กๆ น้อยๆ

จำพวกขัดบันไดให้ขึ้นเงา, ซักผ้า

และต้องคอยปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายอยู่เสมอ

อีกทั้งทั้งสองมีวันหยุดเพียงครึ่งวันต่อสัปดาห์เพื่อเข้าโบสถ์ทุกวันอาทิตย์

 

  

ศพมาดามองเซอแลงและลูกสาว

 

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลานั้น

คริสตินและลีอาชอบใช้เวลาพักอย่างสุขสรรค์ในห้องเล็กๆ ใต้หลังคาชั้นสามของบ้าน

ด้วยกันการมีเพศสัมพันธ์ด้วยกัน พวกเขาขลุกแต่อยู่ในห้องเล็กๆ ห้องนั้น

ชนิดเรียกว่าพวกเขาไม่ค่อยออกไปไหน ไม่ว่าจะเป็นง่านเต้นรำงานเลี้ยง

หรือไปสร้างมิตรภาพกับแม่บ้านคนอื่นใกล้เคียง

 

 

ภายใต้สาวรับใช้ที่มีความมืออาชีพ แม้เงินเดือนน้อย (เงินถูกส่งไปให้แม่ทั้งสองหมด)

แต่ทั้งสองทำงานยอดเยี่ยม ไม่ว่าการเตรียมอาหารที่อึดมสมบูรณ์ น้ำอุ่นห้องพักพร้อม

พวกเขาเป็นที่อิจฉาของนายจ้างชนชั้นกลางที่อยากได้สาวใช้แบบนั้นบ้าง

แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยปัญหาเรื่องบุคลิกภาพ นิสัย

คริสตินเป็นสาวที่นิสัยขี้ใจน้อย หยิ่งหยองและดื้อดึง

ส่วนลีอาขอให้เธออยู่กับคริสตินก็ไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้น

เธอหัวอ่อนเกินไปทำให้ถูกคริสตินชักจูงได้ง่าย 

อย่างไรก็ตามนายจ้างก็ไม่ได้สนข้อเสียดังกล่าว ยังคงจ้างทั้งสองต่อไป

เพราะส่วนมากคนที่สั่งงานคือมาดามลองเซอแลง

ซึ่งเธอสั่งคริสตินโดยการเขียนจดหมายมากกว่าการสื่อสารด้วยวาจา

ทำให้นายจ้างไม่ค่อยรู้เรื่องลูกจ้างทั้งสองมากนัก 

ซึ่งพวกเธอทั้งสองทำงานครอบครัวดังกล่าวยาวนานต่อเนื่องถึง 7 ปี

โดยไม่ปริปากบ่นแม้แต่น้อย

 

 

อย่างไรก็ตามจุดเริ่มต้นของฆาตกรรมก็ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อคริสตินถึงจุดสิ้นสุดความอดทน

เมื่อมาดามลองเซอแลงมีความเข้มงวดมากเกินไป

เธอมักทดสอบด้วยการเอามือที่สวมถุงมือสีขาวขีดบนเฟอร์นิเจอร์เกือบทุกชิ้น

เพื่อตรวจหาว่ามีฝุ่นจับหรือไม่ มีอยู่ครั้งหนึ่งมาดามถึงกลับตะโกนด่าอย่างบ้าคลั่ง

เมื่อลีอาพลาดมีเศษกระดาษตกบนพื้นในขณะที่ทำความสะอาด

สิ่งเหล่านี้ทำให้คริสตินเปรียบเทียบมาดามเหมือนแม่ที่เข้มงวดของตนเอง

อีกทั้งคริสตินเริ่มหวาดระแวงว่ามาดามลองเซอแลงอาจค้นพบความลับของทั้งสอง

และคริสตินยังรู้สึกอิจฉาที่ลีอาไปใกล้ชิดสนิทสนมกับเจเนวีฟด้วย

ความรู้สึกเหล่านี้ผลักดันให้คริสตินกระทำการฆาตกรรมมาดามลองเซอแลง

และลูกสาว โดยมีลีอาเป็นผู้ช่วยในเวลาต่อมา

 

 

ในวันที่เกิดเหตุ 2 กุมภาพันธ์ 1933 เวลานั่นคริสตินอายุ 28 ส่วนลีอาอายุ 21 ปี

ซึ่งวันนั้นมาดามองเซอแลงได้ออกไปข้างนอกเพื่อไปช้อปปิ้ง

และบอกไม่ต้องเตรียมอาหารค่ำ เพราะจะไปทานอาหารค่ำกับคุณผู้ชายข้างนอก

ทำให้สองพี่น้องมีเวลาเหลือเฟือในการมำงานบ้าน และเสร็จงานก็เข้าห้องนอนตามปกติ

และไม่จำเป็นต้องเปิดไฟในบ้าน อย่างไรมันก็เกิดเรื่องขึ้้น

เมื่อคุณนายและลูกสาวกลับมาบ้านในช่วงเย็น 5:30 น.(คดีฆาตกรรมสิ้นสุดลงเมื่อ 7:00 น.)

และพบว่าบ้านไม่เปิดไฟ เธอจึงขึ้นบันไดเพื่อตำหนิคริสตินว่าทำงานบกพร่อง

และเมื่อคริสติ ที่ตอนนั้นอยู่ในห้องกับลีอาออกมาฟังมาดามด่าก็ทนไม่ไหว

จึงพุ่งเข้าโจมตีมาดามและลูกสาว จนมาดามตกบันไดลงพื้นบ้าน

หลังจากนั้นคริสตินก็เข้าไปในห้องครัว ใช้เหยือกดีบุกผสมตะกั่ว

ใช้ค้อนตีหัวมาดามและลูกสาวนับไม่ถ้วน (ลูกสาวของมาดามตายก่อนหน้าแม่ของเธอ)

แม้ว่ามาดามจะพยายามขัดขืนต่อสู้ แต่คริสตินก็ได้ตะโกนให้ลีอามาช่วย

ลีอาช่วยเอาค้อนทุบหัวมาดามและควักลูกตาเธออก (คริสตันควักลูกตาลูกสาวมาดาม)

และปิดท้ายกระโปรงเจเนวีฟขึ้นเหนือหัวศีรษะ และจากนั้นก็ใช้มีดจิ้มแทงที่ชาและต้นขา

 

 

หลังจากที่ทั้งสองเสร็จสิ้นการฆาตกรรม

ทั้งสองก็ทำการล้างเลือดและความสะอาดบ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จากนั้นก็รับประทานอาหารเย็นก่อนที่จะเข้านอนด้วยกัน

 

 

ต่อมาคุณผู้ชายได้กลับมาบ้าน แต่เข้าบ้านไม่ได้

เพราะว่าประตูถูกล็อกและถูกล่ามโซ่จากด้านใน

และเมื่อเขาสั่นกระดิ่ง และตะโกนเพื่อหาคนเปิดประตู ก็ไม่มีใครตอบรับ

เขารู้สึกเห็นท่าไม่ดี ตอนแรกเขาคิดว่าไม่มีใครอยู่บ้านเพราะบ้านมืดสนิท

แต่แล้วเขาก็เห็นแสงเทียนจากชั้นสามของตัวบ้าน ซึ่งเป็นห้องสาวใช้

ทำให้เชื่อว่ามีคนอยู่บ้าน จึงเรียกตำรวจ และเมื่อตำรวจทำการปีนเข้าไปในหลังบ้าน

ผ่านห้องครัวซึ่งดูเหมือนเรียบร้อยดี ของใช้วางเป็นระเบียบ

และเมื่อตำรวจใช้ไฟฉายกวาดตามทางนำไปสู่ชั้นสองของตัวบ้าน

พวกเขาก็พบศพของมาดามและลูกสาวของเธอถูกฆาตกรรมอย่างสยดสยอง

โดยถูกแข็งตีที่หน้าจนเละแทบไม่สามารถจำหน้าเติมได้

อีกทั้งลูกนัยน์ตาถูกควักออก และหนึ่งในลูกลูกนัยน์ตาซึ่งเป็นของลูกสาวตกอยู่พื้นที่ใกล้เคียง

และลูกนัยน์ตาของมาดามถูกพบในผ้าพันคอของเธอ

ส่วนแม่บ้านทั้งสองถูกพบอยู่ชั้นบนของห้องพักในเตียงร่วมกัน

และทั้งสองก็สารภาพอย่างเลือดเย็นว่าเป็นคนฆ่าทั้งสอง

อาวุธที่ใช้คือมีดทำครัว ค้อน และเหยือกดีบุกผสมตะกั่วที่พวกเธอทิ้งไว้ด้านบนของบันได

 


  

เลอมองส์ในทศวรรษ 1930

 

 

หลังจากมีการจับกุมสองสาวใช้ฆาตกร

ลีอาก็สารภาพทันทีว่าเธอกับคริสตันร่วมมือการฆ่านายจ้างและลูกนายจ้างตาย

อย่างไรก็ตามทั้งสองไม่แสดงความเสียใจหรือสำนึกผิดในสิ่งที่กระทำ

 

 

เช้าวันวันถัดมา ข่าวฆาตกรรมที่สยดสยองนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วฝรั่งเศส

และหนังสือพิมพ์ต่างลงข่าวพาดหัวมากมาย หลายคนต่างประณามในสิ่งที่สองสาวใช้ทำ

ในขณะที่บางคนต่างให้ความเห็นว่าน่าเห็นใจเพราะความกดดันสภาพการทำงาน

ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนดูลึกกว่านั้น โดยกล่าวว่ามันเป็นการตอบโต้ของชนชั้นกรรมการ

ที่ประชาชนชาวฝรั่งเศสในทศวรรษ 1930 ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้

เพราะในตอนนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ชนชั้นล่างจะสามารถฆ่าชนชั้นกลาง

ที่ร่ำรวยและได้รับความนับถือในสังคม

นอกจากนี้ การฆาตกรรมครั้งนี้ยังมีฆาตกรเป็นผู้หญิงและเหยื่อเป็นผู้หญิง

โดยฆาตกรยังเป็นพี่น้องที่มีความสัมพันธ์ทางเพศกันเอง

 

 

แน่นอนว่า วันที่สองพี่น้องสาวใช้ถูกควบคุมตัวมาขึ้นศา เมื่อเดือนกันยายน 1933

ไม่แปลกแต่อย่างใดที่มีฝูงชนต่างแห่ดักรอหน้าศาลเข้ามาดูเพื่อความสนใจจนแน่นขนัด

ซึ่งกว่าที่ตำรวจจะสามารถควบคุมฝูงชนในวันขึ้นศาลวันแรกได้กว่าปาไปกว่า 13 ชั่วโมง

 

 

ในระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล

คริสตินมีพฤติกรรมเอียงอายและไม่ใช้สายตาจ้องข้างหน้าแบบตรงๆ

ส่วนลีอาใจลอยเหมือนอยู่อาการช็อก และกังวลกับสิ่งที่พวกเขาจะเริ่มต้นขึ้น

ลีอาได้ให้การว่าคริสตินได้ตะโกนเรียกเธอมาช่วยตอนต่อสู้กับสองนายจ้าง

โดยเธอตะโกนว่า “ควักตาของเธอออก” เธอเลยจับกดสองนายจ้างกับพื้

นและคริสตินก็หายไปในครัวพร้อมอาวุธที่ใช้ฆ่า

ทุบจนทั้งสองหน้าเละ ก่อนที่จะควักลูกตาของพวกเขาออก

 

 

แน่นอนหัวข้อที่มีการโต้เถียงกันในชั้นศาลก็คืออาการผิดปกติของจำเลย

ทนายความได้อ้างถึงการเลี้ยงดูของครอบครัว ญาติที่มีอาการทางจิต

ความบ้าที่ถ่ายทอดโดยพันธุกรรม

แต่กระนั้นสามผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์

ได้ทำการตรวจสอบสองพี่น้องก็พบว่าทั้งสองสติดี

หลักฐานการพอทย์สามารถยืนยันได้ว่าคริสตินมีสติปัญญาอยู่ในเฉลี่ยที่สมบูรณ์

ส่วนลีอามีสติปัญญาต่ำ ที่ถูกครอบงำโดยคริสติน พวกเขาเลือดเย็นมากกว่าบ้า

 

 

ท้ายสุดศาลได้พิพากษาประหารชีวิตแก่คริสติน

แต่ต่อมาถูกลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต

ส่วนลีอานั้นตอนแรกถูกพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต

หากแต่ลดลงเหลือจำคุก 10 ปีและใช้แรงงานหนักแทน

เนื่องจากศาลเห็นใจเพราะเธอถูกครอบงำโดยพี่สาว

 

 

ในระหว่างที่คริสตินจำคุกเธอมีอาการคุ้มดีคุ้มร้าย เห็นภาพหลอน

เธอปฏิเสธในการรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม หดหู่ที่ถูกจับแยกขัง

เธอเอาแต่เรียกร้องว่าขอพบน้องสาวของเธอ

ในเดือนกรกฏาคม 1933 เธอพยายามควักตาตนเองออกและพยายามฆ่าตัวตาย

ศาลจึงเห็นว่าเธอสติไม่ดีเลยถูกส่งโรงพยาบาลบ้าในแรนส์

ก่อนที่ 4 ปีต่อมาเธอก็เสียชีวิตจากอาการอาการเบื่ออาหารเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 1937

 


File:Murderous Maids FilmPoster.jpeg 

ภาพยนตร์เรื่อง Murderous Maids

 

 

หลังจากลีอาแยกออกจากคริสติน

ซึ่งหมายความว่าลีอาได้หลุดออกจากการครอบงำพี่สาวของเธอ

ทำให้เธอกลับเป็นสาวขี้อาย อารมณ์ดี อ่อนโยน

ในปี 1941 ลีอาก็ถูกปล่อยตัวออกจากคุก

ซึ่งโทษของเธอลดลงถึง 8 ปี เนื่องจากเธอมีพฤติกรรมดี

ต่อมาเธอก็ย้ายอาศัยอยู่แม่ของเธอ

และทำงานเป็นแม่บ้านของโรงแรมในเมืองนองต์ทางตอนใต้ของแรนส์

ภายใต้ชื่อปลอมอย่างมีความสุข

หลังจากนั่นเรื่องของเธอก็เงียบหายไป

หลายคนเชื่อว่าเธอเธอเสียชีวิตในปี 1982

อย่างไรก็ตามผู้สร้างภาพยนตร์สารคดี En Quête des Soeurs Papin  

ได้อ้างว่าพบลีอายังมีชีวิตอยู่ในบ้านพักรับรองในประเทศฝรั่งเศส

เธอเป็นอัมพาตบางส่วนซึ่งเป็นผลมาจากโรคหลอดเลือดในสมอง

และไม่สามารถพูดได้ แต่เธอได้แสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้

ลีอาเสียชีวิตในปี 2001

 

 

แม้ว่าเรื่องราวของคริสตินและลีอาจะไม่ได้แพร่หลายไปทั่วโลก

แต่สำหรับฝรั่งเศสแล้วพี่น้องพาพิน ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจ

จนถูกนำไปสร้างสื่อบันเทิงและหนังสือวิเคราะห์ทางจิตมากมาย

ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์สามเรื่อง ตัวอย่างเช่นเรื่อง Murderous Maids

ภาพยนตร์ฝรั่งเศสของฌอง-ปิแอร์ เดนีส์ ที่ดัดแปลงเนื้อหาจากหนังสือ L' Affaire Papin

ซึ่งนักแสดงที่รับบทคริสตินได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมประเทศฝรั่งเศส ปี 2001

 

 

อ้างอิง

http://papinsisters.tripod.com/

http://en.wikipedia.org/wiki/Murderous_Maids

http://en.wikipedia.org/wiki/Papin_sisters

+






เว็บไซต์นี้ เป็นเว็บร้านค้าสมาชิกของ SABUYJAISHOP ผู้ให้บริการทางการตลาดออนไลน์ สำหรับร้านค้าหรือผู้ประกอบการ ที่ต้องการนำเสนอสินค้า โฆษณา ประชาสัมพันธ์ร้านค้า หรือสินค้าในร้าน
©2008-2010 SABUYJAISHOP All Rights Reserved