คอลัมน์ Sexociety โดย Dr.DEN
---------------------------------------------------------------------
ปัจจุบันมนุษย์ถูกแบ่งประเภทออกไปอย่างหลากหลาย
ตามรสนิยมทางเพศ ของแต่ละคนมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ
เมื่อ 50 ปีก่อนเรารู้แค่ว่ามนุษย์มีแต่ผู้ชาย ผู้หญิง และกะเทย
แต่ต่อมามีการจำแนก “กะเทย” ซึ่งเป็นคำรวมของคนลักเพศ
ทั้งชายหญิงออกเป็นเกย์ เลสเบี้ยนและไบเซ็กชวล
ตามรสนิยมทางกามของพวกเขาดังกล่าวข้างต้น
เกย์ หมายถึง ชายรักชาย
เลสเบี้ยน หมายถึง หญิงรักหญิง
ไบเซ็กชวล หมายถึง ชายหรือหญิงที่รักได้ทั้งคนเพศเดียวกันและต่างเพศ
และจากการวิจัยก็พบว่า ชายหญิงแต่ละประเภท
มีความสามารถในการบรรลุจุดสุดยอดไม่เท่ากัน
คือ ชายแท้อยู่ในอัตราสูงสุด รองลงมาเป็นผู้หญิงเลสเบี้ยน
ถัดมาก็คือ หญิงแท้ และเสียใจด้วยสำหรับเสือไบสาวที่พวกคุณรั้งท้ายมาอันดับโหล่
ทีมวิจัยของสถาบันคินซีย์ทำโพลสำรวจชาย-หญิงอเมริกันจำนวน 6,151 คน ที่มีอายุตั้งแต่ 21 ถึง 65 ปี
โดยให้พวกเขาทดลองร่วมเพศแล้วสอบถามถึงเปอร์เซ็นต์การบรรลุจุดสุดยอด
ของจำนวนครั้งที่พวกเขาร่วมเพศกับ “คู่ขาที่คุ้นเคย”
และพบว่า ผู้ชายมีความสามารถในการบรรลุจุดสุดยอด
ระหว่างมีเซ็กซ์โดยเฉลี่ย 85 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนครั้งที่ร่วมเพศ
ผู้หญิงเลสเบี้ยน บรรลุ 75 เปอร์เซ็นต์
มากกว่าผู้หญิงแท้ซึ่งเสร็จแค่ 62% ของจำนวนครั้งที่ร่วมเพศ
และผู้หญิงไบเซ็กชวล บรรลุจุดสุดยอดแค่ 58%
มีรายงานว่า มากกว่า 7% ของหญิงแท้ไม่เคยบรรลุจุดสุดยอดเลย!
ทีมวิจัยไม่ได้สำรวจรายละเอียดต่อไปว่าทำไมผลสำรวจจึงออกมาเช่นนี้
แต่นิตยสารอินดีเพนเดนท์ ตั้งสมมุติฐานว่าเหตุที่เลสเบี้ยน
มีอัตราการบรรลุจุดสุดยอดสูงกว่าผู้หญิงประเภทอื่นๆ
ก็เพราะพวกเธอมีความคุ้นเคยกับเรือนร่างของผู้หญิงมากกว่าคู่ขาที่เป็นผู้ชาย
แต่ความจริงก็ยังมีอยู่ว่าผู้ชายชนะผู้หญิงทุกประเภทในเกมออกัสซั่ม
มันคงยากที่จะทำให้ไม่เป็นเช่นนี้
เมื่อพิจารณาจากเรื่องรักต่างเพศในสมัยใหม่ที่มันถูกกำหนดว่า
เสร็จสมก็ด้วยการที่ผู้ชายบรรลุจุดสุดยอดแล้วเท่านั้น
ดังนั้นคุณผู้หญิงทั้งหลาย ทางเดียวที่พวกคุณจะเอาชนะผู้ชายในเรื่องนี้ได้
ก็ต้องมีการนิยามการสิ้นสุดของเซ็กซ์แต่ละครั้งเสียใหม่
ไม่ใช่ตอนที่คุณเช็ดน้ำอสุจิที่สะดือของคุณอีกต่อไป
มันต้องเป็นตอนที่คุณกำลังรื่นรมย์หลังจากนิ้วเท้าหงิกงอขณะบรรลุจุดสุดยอด
ด้วยดวงตาอันมีประกายวิบวับนั่นแหละ
ภาวะบกพร่องในการบรรลุจุดสุดยอดของผู้หญิง
ทำไมถึงมีผู้หญิงจำนวนมากที่ไม่เคยบรรลุจุดสุดยอด?
บริตตานี (ชื่อสมมุติ) จะไม่มีวันลืมการเดินทางในวันหยุดขณะเรียนอยู่ปี 2 ในมหาวิทยาลัยได้เลย
เธอกำลังมุ่งสู่เซนต์ออกัสติน ฟลอริดา พร้อมกับเพื่อนๆ กลุ่มหนึ่ง
เป็นเรื่องบังเอิญที่แฟนเก่าของเธอสมัยไฮสกูลก็กำลังอยู่ที่นั่นด้วย
“ฉันรู้ว่าเรายังมีเยื่อใยกันอยู่ และเพื่อนทุกคนก็รู้
ฉันถึงกับลงทุนโกนขนจนเกลี้ยงเกลาเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ
หลังอาหารค่ำ เพื่อนทุกคนของเราก็หายไปหมดเพื่อมอบความเป็นส่วนตัวให้เรา
เรากลับไปที่ห้องพักในโรงแรมอย่างรวดเร็วหลังจากนั้น” เธอเล่า
“ฉันประหม่าและเครียด ฉันไม่ได้เตรียมตัวมาสำหรับ
การให้ความสนใจของเขาตรงบริเวณอันโล่งเตียนของฉัน
เพราะฉันไม่ได้คิดว่าจะเจอเขาที่นั่น
จากนั้นอารมณ์ของฉันก็เริ่มเข้มข้นกว่าที่เคยรู้สึก
และก่อนจะรู้ตัว ฉันก็กำลังจะบรรลุจุดสุดยอดแล้ว
มันเป็นความประหลาดใจเหลือเกิน ฉันถึงกับร้องไห้ออกมาเล็กน้อย
ด้วยความปลื้มใจกับความรู้สึกสุดขีดที่ไม่เคยเป็นเช่นนั้นมาก่อน”
มันเป็นการบรรลุจุดสุดยอดครั้งแรกของเธอ และก็เป็นครั้งสุดท้ายของเธอด้วย
บริตตานี ซึ่งตอนนี้อายุ 29 และแต่งงานแล้ว ไม่เคยสามารถบรรลุจุดสุดยอดอีกเลยในเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา
เธอพยายามลองท่าต่างๆ ให้แฟนทำโอษฐกาม และช่วยตัวเองก็แล้ว แต่ไม่มีอะไรได้ผล
“ฉันใกล้บรรลุหลายครั้ง แต่ฉันคงหมกมุ่นกับการไปให้ถึงมันเกินไป
จนไม่มีการผ่อนคลาย หรือไม่ก็กระตุ้นตัวเองมากไปจนไม่สำเร็จ” เธอกล่าว
“ฉันยังจำได้ว่ารู้สึกยังไงตลอดเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา
มันเหมือนกับว่าการบรรลุจุดสุดยอดมันอยู่สูงเสียจนปีนขึ้นไปไม่ถึง”
ข้อมูลล่าสุดจากสถาบันคินซีย์ บ่งชี้ว่า 20-30 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิง
ไม่มีการบรรลุจุดสุดยอดในระหว่างการร่วมเพศ แต่ตัวเลขที่แท้จริงมีแนวโน้มว่าสูงกว่านี้
แครอล ควีน นักกามวิทยาและนักวิจัยที่ร้านกู๊ดไวเบรชั่น
ซึ่งขายของเล่นผู้ใหญ่ในซานฟรานซิสโกกล่าว
“สถิติล่าสุดคือ ประมาณ 70% ของผู้หญิงนั้น
น้อยครั้งหรือไม่เคยเลยที่จะบรรลุจุดสุดยอดขณะร่วมเพศ
จนมันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว"
แม้ตัวเลขนี้ไม่ได้มาจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์
แต่เธอบอกว่ามีการยอมรับโดยทั่วไปในหมู่เพื่อนๆ ของเธอในวงการสุขภาพทางเพศ
เกี่ยวกับจำนวนเปอร์เซ็นต์ที่สูงขนาดนี้
เปรียบเทียบกับข้อเท็จจริงที่ว่า 75% ของผู้ชายบรรลุจุดสุดยอดทุกครั้งที่พวกเขามีการร่วมเพศ
แต่ผู้ชายที่ไม่สามารถดำรงการแข็งตัวหรือไม่สามารถบรรลุจุดสุดยอดในระหว่างมีเซ็กซ์ได้นั้น
ยังได้รับการวินิจฉัยทางแพทย์ว่าเป็นความบกพร่องในการแข็งตัว
และเป็นกันมากในหมู่ผู้ชายอเมริกันคือ ประมาณ 20-30 ล้านคนในสหรัฐฯ
และในขณะที่องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ
อนุมัติให้มีการขยายการบำบัดสำหรับผู้ชายออกไปอีก 26 รายการ
กลับปรากฏว่าไม่มีโครงการทำนองนี้สำหรับผู้หญิงแม้แต่รายการเดียว..