สินค้าในตะกร้า [ 0 ชิ้น ]
 
4 นิสัยทำสมองลูกเลิฟไม่แล่น (อ่าน
บทความ ณ. วันที่ : 24/11/2011        จำนวนคนเข้าชมเว็บ : 352 ครั้ง   

 

     แม้ว่าสมองมนุษย์จะวิเศษเพียงใด แต่ก็เป็นส่วนเปราะบางอ่อนไหวต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ ได้ง่าย ทั้งสารเคมี และกัมมันตภาพรังสีต่าง ๆ ที่เสมือนไม่มีตัวตน แต่ก็เป็นตัวการสำคัญทำลายสมองของลูกน้อยมาก ๆ ค่ะ จากคนที่เก่ง ๆ ตอนเด็กโตขึ้นมา กลับกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้สมองได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพเอาซะเลย

    - อดนอน

          การนอนดึกส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมองมากๆ ค่ะ ซึ่งจากผลการศึกษาในวารสารเนเวอร์ นิวส์ไซแอนท์ โดยนักวิจัยแพทย์ฮาร์วาร์ดระบุว่า การนอนหลับไม่เพียงพอ ส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมองส่วนฮิปโปแคมปัส อันเป็นสมองที่บันทึกความทรงจำใหม่ หลังพบจากการศึกษาว่า อาสาสมัครที่อดนอน ทำคะแนนในการทดสอบความจำดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน หลังจากได้นอนหลับที่เพียงพอ

    - อาหารเช้าสำคัญ

        โดยปกติตื่นเช้ามา ร่างกายจะมีระดับน้ำตาลที่ต่ำ และยิ่งสมองของเด็กในวัยเรียนด้วยแล้ว เขาต้องการน้ำตาลป้อนให้สมองใช้ เมื่อร่างกายขาดน้ำตาล แถมร่างกายเด็ก ๆ เป็นกรดเพราะร่างกายต้องละลายไขมันออกมาใช้เป็นพลังงาน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้สมองล้าอ่อนเพลีย ทำงานไม่เต็มที่ ด้วยเหตุนี้ อาหารเช้าที่ดี ควรประกอบด้วยอาหาร 3 กลุ่มคือ คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ผักผลไม้สด และโปรตีน จึงจะเป็นอาหารเช้าที่มีคุณภาพสำหรับสมอง และพลังงานในการเรียนค่ะ

    - มลพิษ

         เรื่องเก่ามาเล่าใหม่ค่ะ สำหรับเจ้ามลพิษ ไม่ว่าจะทั้งเด็กหรือผู้ใหญ่ เพราะส่งผลทำให้ประสิทธิภาพของสมองลดลง คนส่วนใหญ่รู้ว่า เจ้าตะกั่วและปรอท มีผลทำร้ายสมองนั่นก็คือ IQ แม้จะปริมาณไม่มากก็ตาม เพราะถูกจัดเป็นสารเคมีควบคุม แต่ก็มีอีกสารควบคุมอีกกว่า 200 ชนิดที่ไม่ใช่สารควบคุม สารพิษและมลภาวะเหล่านี้ ต่างปะปนอยู่รอบๆ ตัวเราและลูกๆ ทั้งนั้น หนทางที่ดีก็ควรควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุดค่ะ

    - นอนคลุมโปง

          ปกติหากไม่อาการกลัวผีแล้วล่ะก็ ลงไม่ค่อยมีเด็กคนไหนนอนคลุมโปงสักเท่าไหร่ เพราะนอกจากจะร้อนแล้ว ยังหายใจไม่ออกอีกด้วย แต่ถ้าหากเจ้าตัวเล็กมีอาการชอบนอนคลุมโปงบ่อยๆ แล้วล่ะก็ไม่ค่อยงานมากมายค่ะ เพราะปกติเมื่อเราจะหายใจออกก็จะเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ออกมาด้วย และเมื่อเกิดมีนิสัยแปลกๆ ชอบนอนคลุมโปงด้วยแล้ว ลูกก็จะหายใจเอาก๊าซที่ว่าเข้าไปด้วย หากคลุมโปงนานๆ ด้วยแล้ว เป็นตัวการใหญ่เลยค่ะ ซึ่งทำลายประสิทธิภาพสมองเป็นอันมาก

   - คอมพิวเตอร์...อีกตัวการ

         สมัยนี้ พ่อแม่หลาย ๆ คนอาจคิดว่า การเล่นคอมพิวเตอร์เร็ว ก็จะช่วยให้ลูกเรียนรู้ทักษะต่างๆ ได้รวดเร็วขึ้น แต่ ดร.เอริก ชิกแมน นักฟิลิกส์ชาวอังกฤษกล่าวว่า เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จะทำร้ายสมองส่วนที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ของเด็ก โดยเป็นตัวการทำลายการพัฒนาทักษะกระบวนการรับรู้และความคิด ถ้าจะเริ่มใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนาทักษะ ควรจะเริ่มเมื่อโตสักหน่อย อย่างน้อยอายุ 9 ขวบ ไปแล้วจะดีกว่า

ที่มา ... M&C แม่และเด็ก






 
 
   
เว็บไซต์นี้ เป็นเว็บร้านค้าสมาชิกของ SABUYJAISHOP ผู้ให้บริการทางการตลาดออนไลน์ สำหรับร้านค้าหรือผู้ประกอบการ ที่ต้องการนำเสนอสินค้า โฆษณา ประชาสัมพันธ์ร้านค้า หรือสินค้าในร้าน

©2008-2009 SABUYJAISHOP All Rights Reserved