เอนไซม์เจนิฟู้ด (Genufood Enzyme) ของแท้ต้องมีตรา มิลาเคิลออฟไลฟ์ (MOL)
เอนไซม์บำบัด 370 ชนิด ศาสตร์ แห่งการแพทย์ทางเลือก อาหารเสริมในรูปเอนไซม์เพื่อการฟื้นฟูสุขภาพจากภาวะของโรคเสื่อมถอยของร่าง กาย การันตีคุณภาพสินค้าด้วยผู้ใช้มากกว่า 50,000 คน
คุณสามารถรับชมและรับฟังได้ทางรายการนายพลคนขอนแก่นโครงการ ฟื้นฟูสุขภาพด้วยเอนไซม์ทาง MVTV5 วันอาทิตย์ 15.00-16.00 Channel และ TCNN I, คลื่นวิทยุ AM 1251
เอนไซม์ เจนิฟู้ด (Enzyme Genufood) หรือ เอนไซม์บำบัด คือ สุดยอดอาหารเสริมที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารมากมายหลายชนิด โดยนำธัญพืชมาผ่านกรรมวิธีการสกัด จนเกิดเป็นอาหารเสริมที่รับประทานง่ายแต่ได้คุณค่ามากมาย อาทิ เอนไซม์กว่า 370 ชนิด สารอาหารต่างๆ เกลือแร่ วิตามิน ที่จำเป็นต่อร่างกายของคนเรา ช่วยฟื้นฟูเซลล์ในร่างกาย คืนสู่สภาพปกติ เอนไซม์เจนิฟู้ดยังสามารถนำมาใช้ในการโภชนบำบัด หรือ เอนไซม์บำบัดได้ผลดีเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน
เหตุผลอันเนื่องมาจาก 80% ของพลังงานในร่างกายคนเรานั้นถูกใช้ไปกับขบวนการย่อยอาหาร ดังนั้น หากคุณอ่อนเพลีย เครียด อยู่ในสภาวะอากาศที่ร้อนหรือเย็นจัด ตั้งครรภ์ หรือเดินทางโดยเครื่องบินบ่อยๆ คุณจะต้องการเอนไซม์เสริมเป็นจำนวนมากให้ร่างกาย เนื่องจากกระบวนการทำงานทั้งหมดของร่างกายนั้นต้องอาศัยเอนไซม์
เราจึงต้องเสริมเอนไซม์ให้ร่างกาย อายุที่มากขึ้นนั้นก็เป็นสาเหตุของการผลิตเอนไซม์ที่ลดลง ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ได้กล่าวว่า โรคต่างๆนั้น เกิดขึ้นจากการขาดแคลนหรือความไม่สมดุลของเอนไซม์ในร่างกาย เราทุกคนจึงไม่สามารถขาดเอนไซม์ได้ หากหวังที่จะมีสุขภาพที่ดีได้
ในสมัยก่อน ปู่ย่าตายายมีอายุยืนยาวอยู่กันมาได้ โดยไม่ต้องกินอาหารเสริมหรือกินเอนไซม์เสริม ถือว่าโชคดีเพราะเกิดมาในขณะที่สิ่งแวดล้อมสะอาด อาหารสด ไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลง ไม่มีการเติมสารเคมีให้พืชผัก ซึ่งแตกต่างกับในยุคปัจจุบันมาก ซึ่งมีสิ่งปนเปื้อนมเพิ่มขึ้นมาก ถ้าเราไปอ่านรายงานสถิติชีพของกระทรวงสาธารณสุขย้อนหลังกลับไปจะพบว่า โรคหัวใจเบาหวาน ข้ออักเสบและมะเร็งในสมัยนั้นแทบจะไม่มีให้เห็น ซึ่งคำว่ามะเร็งในสมัยนั้นจะเป็นคำที่แปลกประหลาดไม่เคยได้ยินมาก่อน
การใช้เอนไซม์บำบัด มีประโยชน์อย่างไร
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทั้งจากภายในและภายนอก
- ช่วยป้องกันการอักเสบ ติดเชื้อ
- ช่วยในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน
- ช่วยในการทำงานของระบบภูมิต้านทาน
- ช่วยในกระบวนการขจัดสารพิษของร่างกาย
- ช่วยรักษาความสมดุลในการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย
- ช่วยในกระบวนการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
- ช่วยรักษาสภาวะสมดุลต่างๆในร่างกายเช่นระดับฮอร์โมนความเป็นกรดเป็นด่างของเลือด
เอนไซม์มีประโยชน์อะไรบ้าง
น.พ. Edward Howell ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการรักษาโรคด้วยเอนไซม์กล่าวว่าเอนไซม์เกือบทุกตัวประกอบ ด้วยโปรตีนเกลือแร่วิตามินเอนไซม์เป็นโมเลกุลที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการเร่ง ขบวนการทางเคมีที่จำเป็นในการทำงานของร่างกายเอนไซม์จะทำงานร่วมกับวิตามิน ซึ่งทำ หน้าที่เป็นโค -- เอนไซม์และทำงานร่วมกับเกลือแร่ถ้าร่างกายขาดสารอาหารพวกนี้ก็จะขาดเอนไซม์ ไปด้วยเอนไซม์ทำงานคล้ายกับกรรมกรก่อสร้างร่างกายถ้าร่างกายมีโปรตีนไขมัน และคาร์โบไฮเดรตพร้อม แต่ไม่มีคนก่อสร้างพอก็ไม่สามารถเสริมสร้าง ร่างกายให้แข็งแรงได้ถ้าไม่มีเอนไซม์ก็จะไม่มีการย่อยอาหารไม่มีการเจริญ เติบโตไม่มีการแข็งตัวของเลือดเวลาเลือดออกและไม่มีการหายใจเอนไซม์แต่ละตัว จะทำเฉพาะอย่างหน้าที่
ในภาวะปกติร่างกายสามารถผลิตเอนไซม์หลายพันชนิดตลอดเวลา แต่เวลาเราเจ็บป่วยหรือรับประทานอาหารไม่ครบหมู่ร่างกายจะขาดวัตถุดิบที่จะ นำมาสร้างเอนไซม์บางตัวทันทีนั่นคือสาเหตุที่ร่างกายอ่อนแออ่อนเพลียติดเชื้อ มึนงง วิงเวียนศรีษะ
เอนไซม์แบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลัก ๆ คือเอนไซม์ย่อยอาหารและเอนไซม์ระบบทำงานร่างกายเอนไซม์ย่อยอาหารสร้างในร่าง กายคนเราประมาณ 22 ชนิดทำหน้าที่ย่อยน้ำตาลแป้งไขมันโปรตีนโดยเริ่มย่อยจากปากไปจนถึงลำไส้ พืชและเนื้อสัตว์ที่เรารับประทานก็มีเอนไซม์ผสมอยู่ซึ่งเอนไซม์เหล่านี้ก็จะทำงานร่วมกันกับเอนไซม์ที่ร่างกายสร้างขึ้น แต่เนื่องจากเอนไซม์สลายตัวตัวได้ง่ายเมื่อถูกความร้อนอาหารที่เรารับประทาน ที่ปรุงสุกด้วยความร้อนสูงได้ทำลายเอนไซม์เมื่อเรารับประทาน อาหารเหล่านั้นเป็นประจำร่างกายต้องสร้างเอนไซม์อย่างเต็มที่เพื่อรับมือกับเอนไซม์ตายแล้วทำให้กำลังสำรองที่จะไปสร้างเอนไซม์ระบบทำงานร่างกาย มีน้อยลงตับอ่อนต้องทำงานหนักเพื่อสร้างเอนไซม์มากขึ้นถ้าตับอ่อนสร้าง เอนไซม์ได้น้อย กว่าปริมาณอาหารที่กินเข้าไปอาหารบางส่วนก็จะไม่ถูกย่อยและบูดเน่าด้วยเชื้อ จูลินทรีย์ในลำไส้แล้วปล่อยของเสีย ( พิษ ) เข้าสู่กระแสเลือดทำให้ตับต้องทำงานหนักในการสลายสารพิษเหล่านั้น ถ้าสารพิษไม่ถูกขจัดออกหมดที่ตับร่างกายก็จะขับออกทางผิวหนังทำให้เกิดสิวและ ภูมิแพ้ต่างๆ
ใช้เอนไซม์อย่างประหยัด
ธรรมชาติไม่ได้ให้เอนไซม์ฟุ่มเฟือยเอนไซม์ที่ผลิตขึ้นในร่างกายแต่ละคนมี จำนวน จำกัด ต้องช่วยตัวเองประหยัดเอนไซม์ให้มีใช้นานที่สุดถ้าต้องการมีอายุที่ยืนยาวและสุขภาพที่ดี
เอนไซม์ที่สำคัญ คือ เมตาบอลิค เอนไซม์ใช้ซ่อมแซม และสร้างเซลล์ต่านทานโรค ป้องกันความเสื่อมโทรม แต่กฎธรรมชาติให้ไว้ว่า ถ้าเอนไซม์ใช้ย่อยอาหารไม่เพียงพอร่างกายต้องดึงเมตาบอลิค เอนไซม์ในเซลล์ต่าง ๆ มาทำงานที่ต่ำชั้นกว่าคือ ย่อยอาหาร ทำให้เมตาบอลิคเอนไซม์หมด เปลือง พลังของชีวิต (Life Force) จึงบกพร่องและไม่เพียงพอ เป็นอันตรายต่อชีวิตได้ง่าย การใช้เอนไซม์เสริมช่วยย่อยอาหารเป็นสิ่งจำเป็นเมื่ออายุมากขึ้น เพื่อประหยัดเมตาบอลิค เอนไซม์ การกินเอนไซม์เสริม และกินอาหารสดจะมีเอนไซม์พอใช้เมื่อแก่ตัวลง ความชราและโรคแห่งความเสื่อมทั้งหลายก็ไม่มากล้ำกลาย
ตัวห้ามการทำงานของเอนไซม์
การกินไข่ข่าวดิบ ๆ จะมีสารชื่อ อไวดิน (Avidin) เป็นตัวห้ามการทำงานของเอนไซม์ (Enzyme inhibitor) โดยจะเข้าไปเบียด และแซงโคเอนไซม์ (Coenzyme) ซึ่งเป็นวิตามินบี (ไบโอติน - Biotin) ทำ ให้ไม่สามารถจับกับเอนไซม์คู่ของมันได้ตามปกติ ผลก็คือ เกิดขาดวิตามินบีได้ ไข่ขาวดิบ ๆ จึงไม่ควรกินเป็นประจำ การลวดไข่จะทำให้อไวดินถูกทำลายด้วยความร้อนจึงปลอดภัยในการบริโภค
การทำงานหนัก การออกกำลังกายมากเกินไป การออกกำลังกายระบบการเผาผลาญอาหารต้องทำงานเพิ่มขึ้น ถ้าแข่งกีฬาซึ่งต้องเอาแพ้ เอาชนะกัน ยิ่งต้องใช้พลังงานสูงมาก ย่อมหมดเปลืองเอนไซม์
โลกมนุษย์ในยุคสารเคมีใช้กันอย่างฟุ่มเฟือย หลังจาก ค.ศ.1930 เป็นต้นมา ได้มีการมีการมีการใช้สารเคมีเพื่อการอุตสาหกรรม การปฏิวัติทางเกษตรกรรม และการเร่งผลผลิตเพิ่มมาก ทั้งพืชและสัตว์จึงได้รับสารเคมีต่าง ๆ เข้ามาสะสมในตัวตั้งแต่ลืมตาดูโลก มนุษย์ได้สารเคมีปนเปื้อนผ่านมาทางวงจรอาหาร ทำให้เอนไซม์ในอาหาร และตัวคนเสื่อมคุณภาพ เกิดการขาดแคลนเอนไซม์ขึ้น พวกเราทุกคนกำลังอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยมลพิษ (Polluted World) เอนไซม์ในร่างกายจึงขาดแคลน ปัญหาจะมีมาก ถ้าเป็นเด็กเล็ก ๆ ซึ่งสมองกำลังพัฒนา
มนุษย์สมัยใหม่มีรสนิยมในการกินของที่ผ่านการหุงต้ม (Cooked Food) มากกว่าอาหารดิบ (Raw Food) คนส่วนใหญ่พอใจที่จะกินอาหารที่ปรุงแต่ง อาหารที่อาบรังสี อาหารที่ใช้วิธีปิ้ง ย่าง มากกว่าอาหารดิบ เพราะชอบในความปลอดภัยจากเชื้อจุลินทรีย์ การที่เราปิ้งหรือย่างเนื้อสัตว์ทำให้เราสูญเสียเอนไซม์ในอาหาร และยิ่งถ้ามีอายุมากขึ้นเอนไซม์ในตัวเราก็ลดต่ำลง การย่อยโปรตีนจึงมีอุปสรรค ไม่ได้สารอาหารกรดอะมิโน (Amino Acid) ร่างกายจะขาดกรดอะมิโน ซึ่งจะนำมาใช้ในการผลิตเอนไซม์ของร่างกาย ดังนั้นผู้ที่อายุเกิน 40 ปีขึ้นไป การใช้เอนไซม์เสริมจึงจะสร้างความมั่นใจว่าจะไม่ขาดเอนไซม์
สภาพเมื่อขาดเอนไซม์
- รู้สึกเหนื่อยหลังจากกินอาหารมื้อหนัก
- อ่อนเพลียเป็นประจำ (Chronic Fatigue Syndrome)
- ท้องผูก ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ บางครั้งมีอาการจุกเสียด
- ลมแน่นท้อง ผายลมมีกลิ่นเหม็นมาก มีกลิ่นปาก
- มีอาการของโรคภูมิแพ้ง่าย บางครั้งถึงขนาดหอบหืด
- เวลาเป็นแผลจะหายช้า
- น้ำหนักตัวเพิ่มง่าย
อาการที่แพทย์ตรวจพบ (Sign) ว่าท่านกำลังขาดเอนไซม์
- ตับอ่อนบวม
- เม็ดโลหิตขาวเพิ่มจำนวนมากกว่าปกติหลังกินอาหาร 30 นาที
- น้ำลายมีฤทธิ์เป็นกรด (pH ต่ำกว่า 7)
- ในปัสสาวะมีสารพิษมาก เกิดการอาหารไม่ย่อยจึงบูดเน่าในลำไส้ใหญ่ ร่างกายจะดูดซึมพร้อมกับนำเข้าไปในกระแสเลือด ตับและไตจะกรองสารพิษเอาไว้ และจะขับสารพิษนี้ออกทางปัสสาวะ
- ระดับเอนไซม์ต่ำกว่าปกติในเลือด
- ความดันโลหิตสูงขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย
อย.เลขที่ 10-3-10838-1-0001