เรด โคลเวอร์ พลัส 100 เม็ด
คุณสมบัติ Red Clover Plus
“สมุนไพรเพื่อสุขภาพที่ดีของอวัยวะภายในและระบบไหลเวียน”
สมุนไพร Red Clover Plus (เรด โคลเวอร์ พลัส) ช่วยล้างสารพิษในตับ ไต และช่วยฟอกเลือดให้สะอาด ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส บรรเทาต่อมทอลซิลอักเสบ และแผลในลำคอ อาการไอแห้ง หวัด หลอดลมอักเสบ วัณโรค ช่วยต่อต้านเชื้อโรคที่เป็นเหตุให้เกิดฝี สิว หนอง และผิวหนังอักเสบ
ประโยชน์ Red Clover Plus
- Red Clover Plus ช่วยลดสารพิษจากตับ ไต และฟอกเลือดให้สะอาด
- เรด โคลเวอร์ พลัส ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส
- Red Clover Plus ช่วยลดฝ้าเลือด และสิวอักเสบที่เกิดจากการสะสมสารพิษในตับและในเลือด
- เรด โคลเวอร์ พลัส ช่วยต่อต้านเชื้อโรคที่เป็นเหตุให้เกิดฝี สิว หนอง และผิวหนังอักเสบ
- Red Clover Plus ช่วยบรรเทาต่อมทอลซิลอักเสบและแผลในลำคอ
- เรด โคลเวอร์ พลัส ช่วยบรรเทาอาการไอแห้ง หวัด หลอดลมอักเสบ วัณโรค
- Red Clover Plus ช่วยต่อต้านการเจริญเติบโตของเนื้องอก
วิธีรับประทาน Red Clover Plus
- ก่อนอาหาร 15 นาที และให้เริ่มทีละน้อย
- โดย สัปดาห์ที่ 1 วันละ 1 เม็ด
- สัปดาห์ที่ 2 วันละ 2 เม็ด
- หลังจากนั้นวันละ 6 เม็ด (โดยแบ่งเป็นมื้อละ 2-3 เม็ด) จนหมดขวด
คำแนะนำ
- ห้ามใช้ในหญิงมีครรภ์ หญิงให้นมบุตร ผู้ป่วยที่รับประทานยาจากแพทย์ ผู้มีอาการเลือดไหลหยุดยาก
- ควรดื่มน้ำ และรับประทานผักผลไม้มาก ๆ จะช่วยขจัดสารพิษได้ดีขึ้นและลดอาการซ่านพิษ
ส่วนประกอบสำคัญ Red Clover Plus
- Red Clover Blossom
- Sheep sorrel leaf
- Peach Bark
- Barberry Root
- Echinacea Root
- Licorice Root
- Oregon Grape Root
- Stillingia Root
- Cascera Sagrada Bark
- Sarsaparilla Root
- Prickly Ash Bark
- Burdock Root
- Kelp
- Rosemary leaf
คำแนะนำ
......ห้ามใช้ในหญิงมีครรภ์ หญิงให้นมบุตร ผู้ป่วยที่รับประทานยาจากแพทย์ ผู้มีอาการเลือดไหลหยุดยาก
......ควรดื่มน้ำ และรับประทานผักผลไม้มาก ๆ จะช่วยขจัดสารพิษได้ดีขึ้นและลดอาการซ่านพิษ
ข้อมูลเพิ่มเติม
ตับ เป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย เนื่องจากมีหน้าที่สำคัญในการขจัดสารพิษออกจากร่างกาย โดยมีตำแหน่งอยู่บริเวณช่องท้องด้านขวา หนักประมาณ 4 ปอนด์ ลักษณะของตับจะเป็นเหมือนฟองน้ำซึ่งมีรูพรุนภายในจำนวนมากและภายในช่องว่างเหล่านั้นจะมีเลือดบรรจุอยู่ สำหรับเส้นเลือดที่มาเลี้ยงตับ จะมาจาก 2 แหล่งด้วยกัน แหล่งแรกเป็นเส้นเลือดแดงที่มาจากหัวใจ แหล่งที่สองเป็นเส้นเลือดดำที่มาจากบริเวณลำไส้ ซึ่งจะนำสารอาหาร ตลอดจนสารพิษต่างๆมายังตับ ก่อนที่จะไปยังส่วนอื่นของร่างกาย ตับจึงเป็นด่านแรกที่จะรับมือกับสารพิษเหล่านั้นโดยตรง
หน้าที่หลักๆ ของตับนั้น แบ่งได้เป็น 4 ประเภท คือ สะสม ทดแทน สังเคราะห์ และล้างพิษ
สะสม คือการรวบรวมกลูโคส หรือน้ำตาล ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานของเซลล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซลล์สมอง แล้วเปลี่ยนเป็นไกลโคเจนนำมาเก็บสะสมไว้ใช้ยามจำเป็น
ทดแทน คือการนำเอาสิ่งที่สะสมไว้มาย่อยสลายและส่งต่อเข้าสู่ร่างกายผ่านกระแสเลือดตามความเหมาะสม
สังเคราะห์ คือการสร้างสารโปรตีนต่างๆ จากกรดอะมิโนในสารอาหารที่ผ่านการย่อยและถูกส่งต่อมาจากกระเพาะอาหารและลำไส้ ก่อนส่งเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกาย
ล้างพิษ คือการเปลี่ยนสารที่เป็นพิษต่อเซลล์ ให้เป็นสารที่ไร้พิษก่อนขับออกนอกร่างกายในรูปของเหลว เช่น หลังจากเราดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปก็จะถูกดูดซึมผ่านกระเพาะอาหารและลำไส้มายังตับ จากนั้นเอนไซม์ในตับจะเปลี่ยนแอลกอฮอล์ให้เป็นอะซีตัลดีไฮด์และกรดอะซีติก ตามลำดับ และขั้นสุดท้ายคือกรดอะซีติกจะถูกย่อยสลายเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ ก่อนถูกขับออกนอกร่างกายผ่านทางปัสสาวะ
นอกจากนี้ หน้าที่สำคัญอื่นๆ ของตับ ได้แก่ ผลิตน้ำดี ควบคุมอัตราการเผาผลาญสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและไขมัน ผลิตสารที่เป็นปัจจัยการแข็งตัวของเลือด แปรสภาพเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุให้เป็นสารตั้งต้นสำหรับผลิตน้ำดี แปรสภาพสารพิษและยาต่างๆให้อยู่ในสภาพปลอดภัยเพื่อให้ร่างกายขับถ่ายออกไปได้ เปลี่ยนแอมโมเนียจากการสลายโปรตีนให้เป็นยูเรียก่อนขับออกทางปัสสาวะ เป็นแหล่งเก็บสะสมวิตามินบี 12 เหล็ก และทองแดง รวมทั้งเป็นแหล่งผลิตเม็ดเลือดแดงของตัวอ่อนในครรภ์ เป็นต้น
การดูแลรักษาตับ
ไม่ดื่มสุรา เบียร์ หรือของมึนเมา
ไม่ควรรับประทานยาพร่ำเพรื่อ เพราะสารเคมีจะทำลายตับได้
ระวังอย่าสูดดมพวกละอองสเปรย์ต่างๆ
สวมถุงมือ ใส่เสื้อแขนยาว สวมหมวกและหน้ากากทุกครั้งที่พ่นหรือผสมยาฆ่าแมลง
ไม่สำส่อนทางเพศ
ไม่ใช้ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น
ไม่รับประทานอาหารดิบหรือสุกๆ ดิบๆ
รับประทานอาหารที่สะอาดและน้ำต้มสุก มีภาชนะปิดอย่างมิดชิด
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
รายละเีอียดหน้าที่ของตับ (เพิ่มเติม)
1. เกี่ยวกับขบวนการเมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต (การเผาผลาญอาหารจำพวกแป้ง)
๏ เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรต เป็น กลูโคส (ในขบวนการย่อยอาหารพวกแป้ง จะได้เป็นน้ำตาลเชิงเดี่ยวที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก ที่เรียกว่า กลูโคส เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้เป็นพลังงานได้ )
๏ นำกลูโคสส่วนเกินออกจากระแสเลือด
๏ สร้าง & เก็บไกลโคเจน ( กลูโคสส่วนเกิน ที่เหลือจาการใช้งานของร่างกาย จะถูกเก็บไว้เป็นพลังงานสำรองที่ตับ ในรูปของไกลโค เจน ซึ่งเมื่อร่างกายต้องการใช้งาน ก็จะมีการสลายไกลโคเจน เป็นกลูโคสอีกครั้ง )
2. เกี่ยวกับขบวนการเมตาบอลิซึมของโปรตีน ( การเผาผลาญอาหารพวกเนื้อสัตว์ ถั่ว)
๏ เปลี่ยนโปรตีน เป็น ยูเรีย (ในขบวนการย่อยโปรตีน จะได้เป็นกรดอะมิโนซึ่งมีโมเลกุลขนาดเล็ก ร่างกายสามารถดูดซึมนำไปใช้ได้ นอก จากกรดอะมิโนแล้ว ในขบวนการดังกล่าวยังผลิต แอมโมเนีย ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย ดังนั้นร่างกายจึงพยายามกำจัดแอมโมเนียออก จากร่างกาย โดยเปลี่ยนแอมโมเนีย เป็นยูเรีย แล้วขับออกทางปัสสาวะ )
๏ สร้างกรดอะมิโน
๏ กำจัดแอมโมเนียออกจากกระแสเลือด โดยเปลี่ยนแอมโมเนีย เป็น ยูเรีย แล้วขับออกทางไต
3. เกี่ยวกับขบวนการเมตาบอลิซึมของไขมัน
๏ สร้างน้ำดี ซึ่งช่วยในการแตกตัวของไขมัน (เนื่องจากไขมันไม่สามารถรวมตัวกับน้ำได้ ดังจะเห็นได้จากน้ำมันจะแยกชั้นและลอยอยู่ เหนือน้ำ ในขบวนการย่อยก็เช่นเดียวกัน น้ำดีจะทำให้ไขมันแตกตัวและสามารถรวมตัวกับน้ำได้ หลังจากนั้นน้ำย่อยจึงสามารถย่อยไขมันได้ทั่วถึง)
4. เก็บสารที่ใช้ในการสร้างฮีโมโกลบิน (ฮีโมโกลบินเป็นสารในเม็ดเลือดแดง ซึ่งมีหน้าที่นำพาออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย)
5. เก็บวิตามิน A , D , E , K, แร่ธาตุ และไขมัน
6. สร้างน้ำเหลือง ซึ่งเป็นตัวกลางในการนำพาเม็ดเลือดขาวให้เคลื่อนไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย
7. ควบคุมสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย
น้ำดี หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าน้ำดีเป็นเอนไซม์หรือน้ำย่อยอย่างหนึ่ง ซึ่งที่จริงแล้วน้ำดีไม่ใช่เอนไซม์ เป็นเพียงแค่ตัวทำละลายที่ช่วยให้ไขมันแตกตัว ทำให้เอนไซม์ที่มีหน้าที่ย่อยไขมันทำงานง่ายขึ้น ซึ่งน้ำดีจะถูกสร้างขึ้นที่ตับ แล้วไปเก็บที่ถุงน้ำดีซึ่งมีลักษณะเป็นรูปลูกแพร์ อยู่ข้างใต้ตับ โดยน้ำดีนั้น ประกอบด้วยของเหลว ,รงควัตถุ , เกลือ และคลอเรสเตอรอล
นิ่วในถุงน้ำดี ปัญหาที่พบได้บ่อยที่ถุงน้ำดี คือ การเกิดนิ่ว นิ่วจะมีลักษณะเป็นก้อนซึ่งไม่จำเป็นต้องมีลักษณะแข็งก็ได้ เนื่องจากในก้อนนิ่วประกอบด้วยคลอเลสเตอรอลเป็นส่วนใหญ่ แล้วหลังจากนั้นจึงมีรงควัตถุและเกลือแคลเซียมมาพอกที่ก้อนดังกล่าว ทำให้ก้อนดังกล่าวมีลักษณะแข็งขึ้น (จากความเชื่อนี้ เชื่อว่า นิ่วนั้นเกิดขึ้นที่ถุงน้ำดี ) แต่แพทย์บางท่านเชื่อว่าก้อนนิ่วนั้นมีต้นกำเนิดภายในตับ แล้วมีการเคลื่อนที่มาที่ถุงน้ำดี ซึ่งเป็นสถานที่เก็บน้ำดี แล้วหลังจากนั้นจึงเริ่มขยายขนาดและแข็งขึ้น การตรวจนิ่วด้วยx-ray อาจตรวจไม่พบในกรณีที่ก้อนนิ่วนั้นไม่มีแคลเซียมเป็นส่วนประกอบ สีของนิ่วพบว่ามีได้หลากหลายตั้งแต่ ดำ น้ำตาลเทา ขาว แดง หรือ เขียว และภายในแกนกลางของก้อนนิ่วจะประกอบด้วยแบคทีเรียหรือสิ่งปนเปื้อนอื่นๆ
นิ่วสามารถตรวจพบได้ทั้งในถุงน้ำดี และท่อน้ำดีของตับ ซึ่งก้อนนิ่วอาจไม่แสดงอาการใดๆเลยก็ได้ ถ้าก้อนนิ่วนั้นมีขนาดเล็กพอที่จะผ่านท่อน้ำดีและขับออกจากร่างกายได้ แต่ถ้าก้อนนิ่วนั้นมีขนาดใหญ่ จนไม่สามารถผ่านท่อน้ำดีออกไปได้ ก้อนนิ่วก็จะติดอยู่ในถุงน้ำดี หรือท่อน้ำดี และเป็นสาเหตุของการอักเสบหรือการติดเชื้อในที่สุด ทำให้มีอาการปวดท้องส่วนบนอย่างมาก เป็นไข้ อาเจียร เหนื่อย นอกจากนี้อาจมีอาการในส่วนอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับตับและถุงน้ำดี ได้แก่ ปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ความไม่สมดุลของฮอร์โมน ปวดศีรษะ อาการทางผิวหนัง และอื่นๆ
ก้อนนิ่วขนาดใหญ่ที่บริเวณท่อน้ำดีใหญ่ เป็นสาเหตุหนึ่งของอาการปวดท้องอย่างรุนแรงและเฉียบพลันหลังรับประทานอาหารที่มีไขมันจำนวนมาก เนื่องจากไขมันจะกระตุ้นการหลั่งของน้ำดี แต่ก้อนนิ่วในท่อน้ำดี จะกีดขวางการไหลของน้ำดีที่จะไปยังลำไส้เล็ก ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดดีซ่านและการอักเสบของถุงน้ำดีชนิดรุนแรง และบุคคลที่มีภาวะดังกล่าวจะพบว่าอุจจาระจะมีสีขาวเทาเนื่องจากสีน้ำตาลเขียวในอุจจาระนั้นมาจากสีรงควัตถุของน้ำดีนั่นเอง น้ำดีซึ่งไม่สามารถไหลออกไปได้จะคั่งอยู่ในถุงน้ำดีและตับ ซึ่งจะเกิดการดูดซึมกลับเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ผิวหนังมีสีเหลือง หรือที่เรียกว่าภาวะดีซ่าน ซึ่งอาจพบร่วมกับอาการปวด
ตับ หน้าต่างสะท้อนสุขภาพ
สารพิษต่างๆที่ร่างกายได้รับในแต่ละวัน ทั้งจากการรับประทาน (สารกันบูด สารปรุงรส ยาฆ่าแมลง เชื้อรา) การสูดดม การซึมผ่านผิวหนัง หรือแม้แต่สารพิษที่ร่างกายผลิตเอง ทั้งหมดนี้ต้องผ่านด่านป้อมปราการสำคัญ คือ ตับ เพื่อทำการขจัดสารพิษ ถ้าตับทำงานไม่ทัน สารพิษเหล่านี้จะถูกปล่อยสู่กระแสเลือด และไปยังสู่ส่วนต่างๆของร่างกาย
ปัญหาของตับที่พบได้บ่อย คือ การเกิดนิ่ว เนื่องจากนิ่วสามารถทำให้เกิดปัญหาที่ร้ายแรงต่างๆตามมา อาทิเช่น ภาวะตับอักเสบ (หมายถึง ภาวะที่เซลล์ตับเกิดการอักเสบ การเสื่อม และมีการตายของเซลล์) ซึ่งอาจพบร่วมกับภาวะดีซ่าน ภาวะตับโต การเบื่ออาหารและอาการไม่สบายท้อง บางครั้งจะอาเจียร หรือท้องเสียร่วมด้วย มีไข้เล็กน้อย ปัสสาวะมีสีเข้ม อุจจาระมีสีเทาขาว ซึ่งนั่นหมายถึงภาวะที่ไม่มีน้ำดีในทางเดินอาหาร
การล้างตับ
การล้างตับ (liver flush) เป็นวิธีการที่ง่ายและมีประโยชน์กับร่างกายมาก 90% ของคนเราจะมีนิ่วในถุงน้ำดีและนิ่วในตับ ซึ่งนิ่วพวกนี้จะทำให้ประสิทธิภาพของตับในการดูดซับสารพิษจากอาหารหรือสิ่งที่เข้าไปในร่างกายลดลง เมื่อไม่มีนิ่ว ตับของคุณก็จะดูดซับสารพิษต่างๆที่เข้าไปในร่างกายได้เต็ม 100% จนกระทั่งเกิดขึ้นมาอีก ไม่เว้นแม้แต่เด็กก็มีเหมือนกัน ถ้าตับของคุณเต็มไปด้วยนิ่วร่างกายก็จะต้องใช้กำลังส่วนอื่นขับมันออกไป ผิวของคุณก็รวมอยู่ในกระบวนการนี้ด้วย นิ่วพวกนี้เกิดจากการกินอาหารที่เป็นพิษกับร่างกาย การสูดเอาอากาศที่เป็นพิษเข้าไปในร่างกาย รวมทั้งน้ำดื่มที่เราดื่มเข้าไป
ถ้าคุณสามารถกำจัดนิ่วพวกนี้ออกไปจากร่างกาย อวัยวะต่างๆในร่างกายคุณก็จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพรวมทั้งช่วยทำให้ผิวพรรณดูดีขึ้น
ได้มีการสำรวจผลจากคนที่เป็นสิวแล้วทำการล้างตับ (liver flushing)
คนที่เป็นสิวเรื้อรัง
-10 ใน 66 คน สิวหาย
-33 ใน 64 คน อาการสิวดีขึ้น
สิวฮอร์โมน
-2 ใน 33 คน สิวหาย
-7 ใน 33 คน อาการสิวดีขึ้น
และอาการอย่างอื่นเช่น ปวดหลัง เรื้อนกวาง และอีกหลายโรคดีขึ้น