(ควรรับประทานขณะท้องว่าง ก่อนอาหารประมาณ ครึ่งชั่วโมง)
ชนิดใบชา กระป๋องละ 142 กรัม : ใช้ใบชาขนาด 3 ช้อนโต๊ะ ห่อในผ้าขาว มัดเชือก ต้มในน้ำ 1 ลิตร
ครั้งแรก ต้ม 15 นาที เพื่อให้ชาละลายได้คุณภาพ ครั้งต่อไป อุ่นให้พอร้อนก่อนรับประทาน
รับประทานก่อนอาหารครั้งละ 1-2 แก้วชา วันละ 2 เวลา เช้า และ ก่อนนอน
ชาพารอล
ชาพารอล (Chaparral) เป็นพืชที่มหัศจรรย์จริงๆ ตามที่ได้อธิบายไว้ในภาคผนวกของหนังสือของผม มีพืชมากกว่าร้อยสายพันธ์ที่ใช้ชื่อชาพารอล แต่สายพันธ์ที่นำมาใช้กันในทางการแพทย์ก็คือ Larrea divaricata ซึ่งพบมากในแถบทะเลทรายของอะริโซน่า นิวเม็กซิโก และแคลิฟอร์เนีย
เรื่องราวเกี่ยวกับชาพารอลที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือเรื่องของผู้ชายอายุ 87 ปีที่เคยเข้ารับการผ่ามะเร็งสามครั้ง (ที่ใบหน้าของเขา) ก่อนเขาจะตัดสินใจลองวิธีอื่นในการรักษาโรคนี้ เขาหายจากโรคโดยสมบูรณ์ด้วยการใช้ชาพารอลในรูปแบบใบชา เขาใช้เวลาอยู่หลายเดือนทีเดียว แต่เขาก็ได้พละพลังและน้ำหนักที่เสียไปกลับคืนมาเหมือนเก่า ยังไม่เป็นที่ยุติว่าอะไรทำให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าทึ่งเช่นนี้ได้ แต่นักวิจัยเกือบทุกรายก็ให้ความเห็นว่าเป็นผลของกรดนอดิไฮโดรกัวอาเรติกหรือ NDGA ซึ่งเป็นแอนตี้ออกซิแดนซ์ที่นิยมเติมเข้าไปในน้ำมันเพื่อป้องกันการเหม็นหืน แต่ดูเหมือนว่าสารนี้จะมีประโยชน์อย่างอื่นด้วย เช่นการปกป้องเนื้อเยื่อจากความเสียหายเมื่อถูกสารก่อมะเร็ง นอกจากนี้ การวิจัยแสดงให้เห็นว่า NDGA อาจสามารถยับยั้งการขยายตัวของเซลล์และการสร้าง DNA ได้อีกด้วย นอกจากนี้ ชาพารอลอาจมีประโยชน์ในการต่อสู้กับแบคทีเรียและไวรัสบางชนิด และยังให้ความหวังที่ดีในการรักษาโรคเริมอีกด้วย ดอกเตอร์คริสโตเฟอร์มีความเห็นว่าชาพารอลทำปฏิกิริยากับกระบวนการหมักที่เป็นสาเหตุของโรคร้ายในร่างกาย นอกจากนี้เขายังเชื่อว่าชาพารอลกระตุ้นการสร้างเซลล์ที่แข็งแรงด้วยการกำจัดเซลล์ที่ไม่แข็งแรง ส่วนดอกเตอร์วิลเลี่ยม เคลลี่ที่เสียชีวิตไปแล้วและเป็นทันตแพทย์ที่ค้นคว้าทฤษฎีมะเร็งแบบองค์รวมอย่างจริงจัง ก็มีความเห็นว่าชาพารอลเป็นคีเลเตอร์ตามธรรมชาติที่ช่วยขจัดสารพิษออกจากตับและตับอ่อน ยังมีทฤษฎีอีกมากมาย บางทฤษฎีก็ค่อนข้างเข้าใจยาก แต่ข้อเท็จจริงก็คือ หมอยาอินเดียนแดงทั้งชายและหญิง รวมทั้งหมอยาชาวสเปน ได้ใช้ชาพารอลมาเป็นเวลาหลายศตวรรษแล้วเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บหลายอย่าง ตั้งแต่โรคหอบหืดไปจนถึงมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเมลาโนม่าและลูคีเมีย นอกจากนี้ข้าพเจ้าก็พบเห็นว่าพืชชนิดนี้ให้ผลดีมากในการรักษามะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่เช่นกัน
สถานะปัจจุบันในตลาด:
หลังจากข้อกล่าวหาในปี ค.ศ.1992 ที่ว่าการบริโภคชาพารอลมีส่วนเกี่ยวข้องกับความเป็นพิษต่อตับ เหล่าผู้ผลิตต่างก็จำกัดการขายเองโดยสมัครใจจนกว่ารายงานดังกล่าวจะได้รับการตรวจสอบ หลังจากการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว คณะผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ก็สรุปว่า “ไม่พบข้อมูลจากการวิจัยในมนุษย์....ที่บ่งบอกว่าชาพารอลเป็นสารพิษต่อตับด้วยตัวของมันเอง” ในปลายปี ค.ศ.1994 รายงานดังกล่าวก็ถูกยื่นไปยัง FDA จึงทำให้ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับใบรับรองด้านสุขภาพจากสมาคมผลิตภัณฑ์สมุนไพรแห่งสหรัฐอเมริกา (AHPA) หลังจากเปรียบเทียบปริมาณของชาพารอลที่บริโภคต่อปีกับจำนวนข้อร้องเรียนของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแล้ว ผู้คุมระเบียบของอุตสาหกรรมก็สรุปว่าชาพารอลไม่ได้เป็นภัยอย่างมีนัยสำคัญต่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ตามปกติอาหารเสริมชาพารอลที่ดีจะประกอบด้วยใบแห้งบริสุทธิ์ราว 500 มก.ต่อแคปซูล หรือบางทีก็ผสมชาพารอลกับวิตามิน C หรือแอนตี้ออกซิแดนซ์ตัวอื่น
ข้อความจาก Arizona Natural
ดอกเตอร์วิลเลี่ยม เคลลี่:
"ข้าพเจ้าพบว่าชาพารอล (Chaparral) มีประสิทธิภาพสูงมากใน 7% ของผู้ป่วยเนื้อร้าย ปฏิกิริยาของชาพารอลนั้นไม่เหมือนกับที่นักวิจัยหลายคนเชื่อ — มันไม่ใช่ปฏิกิริยาที่จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง แต่เป็นปฏิกิริยาทางอ้อม ในราว 7% ของผู้ป่วยเนื้อร้าย ตับอ่อนและตับ รวมทั้งเนื้อเยื่ออื่นๆของร่างกายจะอัดแน่นไปด้วยพิษอย่างเช่นยารักษาโรค สเปรย์ ตัวยาต่างๆ พิษจากโลหะ และมลพิษต่างๆ จนเนื้อเยื่อเหล่านี้ไม่สามารถดำเนินกิจกรรมตามปกติต่อไปได้ สารเหล่านี้เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการของเอ็นไซม์ วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆของร่างกาย ซึ่งในกรณีของมะเร็งแล้ว เราพบว่าเอ็นไซม์ของตับอ่อนถูกจับติดอยู่กับสารร้ายเหล่านี้ จึงทำให้เอ็นไซม์ดังกล่าวไม่ทำงานโดยสิ้นเชิง เมื่อเราทำการคีเลตสารร้ายเหล่านี้ออกจากเอ็นไซม์ของตับอ่อน เราก็พบว่ากิจกรรมต่างๆจะดำเนินไปตามปกติอีกครั้งและกลไกต่อต้านมะเร็งของร่างกายผู้ป่วยเองก็จะทำงานและทำลายเนื้อร้ายลงได้ เรายังพบอีกว่าชาพารอลทำงานได้ดีในการคีเลตสารพิษเหล่านี้ออกจากร่างกายของผู้ติดยา ซึ่งรัฐบาลสหรัฐควรตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง เราแนะนำให้ท่านทานชาพารอลสองเม็ดก่อนอาหารทุกมื้อ ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นวิถีทางที่ได้ผลในการคีเลตสารร้ายเหล่านี้ออกจากร่างกาย ซึ่งไม่สามารถทำโดยวิธีการอื่นได้” จากมูลนิธิวิจัยเคลลี่ในเกรฟไวน์ รัฐเท็กซัส
คำวิจารณ์:
แม้ว่าดอกเตอร์เคลลี่จะแนะนำการใช้งานชาพารอลในหลากหลายรูปแบบ แต่ตัวเลข 7% ที่เขาใช้สื่อถึงประสิทธิภาพด้านการรักษามะเร็งนั้นก็คงจะไม่ทำให้หลายคนเร่งรีบไปซื้อชาพารอลอย่างแน่นอน ข้าพเจ้าไม่ขอสนับสนุนหรือคัดค้านตัวเลขหรือผลการค้นพบของดอกเตอร์เคลลี่แต่อย่างใด แต่ข้าพเจ้าอยากพูดถึงเรื่องนี้ในอีกแง่มุมหนึ่ง ประการแรก หากท่านหรือคนที่ท่านรักบังเอิญอยู่ในกลุ่ม 7% ข้างต้น นี่ก็เป็นเหตุผลที่ท่านควรเลือกใช้การคีเลตแล้ว แม้ว่าโดยส่วนตัวแล้วข้าพเจ้ารู้จักคนไม่กี่คนเท่านั้นที่เชื่อว่าตนหายจากโรคเพราะชาพาเรล แต่ข้าพเจ้าก็สามารถพูดได้ว่า สำหรับผู้ที่ได้ผลแล้ว มันได้ผลมากเหนือความคาดหมายจริงๆ ประการที่สอง ตัวเลขนี้ดีกว่าการรักษาบางอย่างถึงสองเท่าเลยทีเดียว ตัวอย่างเช่น ลาทริล (Laetrile) ที่ดอกเตอร์คอนเทรลาบอกว่ามันได้ผลใน 3% ของผู้ป่วย แต่ช่วยอีก 12% ทางอ้อม ประการที่สาม ถ้าชาพารอลมีประสิทธิภาพในการรักษาสภาวะที่ร้ายแรงอย่างเช่นมะเร็งเมลาโนม่าแล้ว นี่ก็เป็นเรื่องสำคัญเพราะยาทั่วไปนั้นไม่ได้ผลเลยกับการรักษาสภาพอาการเหล่านี้ ดังนั้น แม้ว่าจะไม่มีใครอ้างว่าชาพารอลเป็นยาที่รักษาได้ทุกโรค แต่ชาพารอลก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่กล่าวได้ว่าน่าลอง ชาพารอลราคาถูกมากและแน่นอนว่าทุกคนที่อยากลองก็สามารถหาซื้อมาทดลองได้
ท่านควรสังเกตว่า SJW Products ที่ผสม Chaparral จะมีดาวสีเขียวที่มีข้อความ “with chaparral” ส่วนผลิตภัณฑ์ที่ผสม Sage จะไม่มีดาวสีเขียวนี้ แต่ทั้งสองสูตรก็เป็นผลิตภัณฑ์ของ SJW Products เหมือนกัน ฉลากบางแบบจะมีดาวสีแดงที่มีข้อความ “Now under the control of Sir Jason Winters” (ปัจจุบันอยู่ใต้การควบคุมของเซอร์เจสันวินเทอร์) เราขอแจ้งให้ท่านทราบว่า นี่คือฉลากเวอร์ชั่นเก่า เนื่องจากปัจจุบันท่านเซอร์เจสันได้เสียชีวิตไปแล้ว ฉลากเวอร์ชั่นใหม่จึงมีดาวสีแดงที่มีข้อความว่า “Now Under the control of Sir Raymond Winters” (ปัจจุบันอยู่ใต้การควบคุมของเซอร์เรมอนด์ วินเทอร์) ฉลากบางแบบของชา 70 กรัมสูตรผสม Chaparral และ Tri-Balene สูตรผสม Chaparral ที่เราเคยใช้ในปี 2012 นั้นไม่มีดาวแดงบนผลิตภัณฑ์เลย แต่ก็เป็นของแท้
อ้างอิงข้อมูลจาก:http://sirjasonwinters.com/thailandmessage.htm