ความรู้เกี่ยวกับน้ำหอม
การเลือกซื้อน้ำหอม
การเลือกซื้อและเลือกใช้นํ้าหอมให้เหมาะสมกับบุคลิกภาพของเรานั้นเป็นสิ่งสำคัญ และที่สำคัญเหนืออื่นใดก็คือ ทำอย่างไรคุณถึงจะได้นํ้าหอมที่ไม่ใช่ของปลอมมาใช้ ก่อนอื่นเราก็ต้องทำความรู้จักกับนํ้าหอมกันก่อน เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการประกอบการตัดสินใจ
ส่วนประกอบของน้ำหอม
นํ้าหอมมีส่วนผสมหลัก 2 อย่าง คือ นํ้ามันหอม (Fragrant Oils) ที่ถูกทำให้เจือจางลงด้วยแอลกอฮอล์ (Alcohol) ระดับความเข้มข้นของความหอมที่ถูกทำให้เจือจางลงด้วยแอลกอฮอล์นี้จะมีระดับความเข้มข้นแตกต่างกันไป จึงแบ่งนํ้าหอมออกเป็น 3 ชนิดหลัก ๆ ตามระดับความเข้มข้นของกลิ่นหอม ดังนี้
- Eau de Parfum คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนที่ 15-18 %
- Eau de Toilette คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนที่ 4-8 %
- Eau de Cologne คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนที่ 3-5 %
นํ้าหอมที่วางขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่นั้น จะเป็น Eau de Parfum และ Eau de Toilette แต่ที่นิยมใช้กันนั้นส่วนใหญ๋จะเป็น Eau de Toilette ซึ่งจะใช้เป็นส่วนประกอบในสินค้าอื่น ๆ ด้วย เช่น โลชั่นทาผิว, สบู่, โฟมอาบนํ้า ฯ
ซื้อน้ำหอมที่ไหนดี
เราจะหาซื้อนํ้าหอมจากที่ไหนถึงจะดีที่สุด ? ซึ่งในปัจจุบันนี้คุณสามารถหาซื้อนํ้าหอมได้จากหลายแห่งด้วยกัน หรือแม้แต่จะสั่งซื้อผ่านทาง Internet คุณก็สามารถเลือก Shopping นํ้าหอมที่คุณชอบได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่คุณควรคำนึงถึงเสมอในการเลือกซื้อนํ้าหอมก็คือ คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่า นํ้าหอมที่คุณซื้อมานั้นคือ "ของจริง" ไม่ใช่ของที่ทำเลียนแบบ หรือ "ของปลอม" นั่นเอง คุณจึงควรหาร้านที่มั่นใจ หรือสอบถามจากเพื่อนฝูงหรือคนที่คุณคิดว่าน่าเชื่อถือ
การเลือกซื้อน้ำหอม
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนํ้าหอมบอกว่า เป็นการยากมากกับการที่เขาจะแนะนำนํ้าหอมให้กับใครคนใดคนหนึ่ง เพราะแต่ละคนก็จะมี Style และรสนิยมที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งถือได้ว่ามันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก
ดังนั้นเมื่อคุณจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกซื้อนํ้าหอมตามสถานที่ต่าง ๆ คุณจำเป็นต้องมีความรู้ในการเลือกซื้อ ซึ่งก็มีวิธีการเรื่องที่เป็นเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากดังนี้
- ก่อนการเลือกซื้อน้ำหอม เราไม่ควรที่จะรับประทานอาหารที่มีรสจัด, ไม่ควรออกกำลังกายที่ทำให้เกิดความเหน็ดเหนื่อยมากจนเกินไป ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ จะส่งผลต่อการรับรู้ ทำให้เรารับรู้กลิ่นนํ้าหอมได้ผิดเพี้ยนไป
- ไม่ควรไปเลือกซื้อนํ้าหอมในช่วงที่เราเพิ่งจะฟื้นจากอาการเจ็บป่วยหรือไม่สบาย หรือเพิ่งสูบบุหรี่เสร็จ เพราะการกระทำเช่นนี้ก็จะมีผลต่อการรับรู้กลิ่น ทำให้กลิ่นนํ้าหอมที่เราสัมผัสผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงด้วยเช่นกัน
- การทดลองนํ้าหอมที่เราไปเลือกซื้อนั้น จุดที่ดีที่สุดของร่างกายที่เราทดลองฉีดนํ้าหอมนั้น ก็คือตรงบริเวณ "ข้อมือ" และข้อพับ
- หากเราทดลองนํ้าหอมมากกว่าหนึ่งกลิ่น เราก็ควรใช้ข้อมืออีกข้างหนึ่ง และถ้าเราทดลองนํ้าหอมมากกว่า 2 กลิ่นนั้น บริเวณที่เราควรฉีดนํ้าหอมลงไปก็คือ บริเวณแขนที่ไล่จากข้อมือของเราขึ้นไป และไม่ควรทดสอบเกิน 3 กลิ่น
- เมื่อฉีดนํ้าหอมทดลองกลิ่นแล้ว เรายังไม่ควรที่จะตัดสินใจเลือกซื้อนํ้าหอมจากกลิ่นที่เราได้สัมผัส ณ เวลานั้นทันที เราควรทิ้งไว้อย่างน้อยที่สุดประมาณ 20 นาที แล้วจึงตัดสินใจเลือกซื้อ แต่ในปัจจุบันนํ้าหอมแต่ละยี่ห้อนั้นได้ทำ Blotting paper ให้เราได้ทดลองกลิ่นนํ้าหอม แต่วิธีนี้ดีสำหรับการรับรู้กลิ่นในสัมผัสแรก และดีสำหรับการทดลองกลิ่นนํ้าหอมหลาย ๆ กลิ่นในเวลาเดียวกัน แต่วิธีนี้จะไม่สามารถทำหน้าที่ได้ดีเท่ากับการที่คุณทดลองนํ้าหอมด้วยผิวหนังของคุณเอง
วิธีใช้น้ำหอม
วิธีการใช้นํ้าหอมนั้นเราควรจะฉีดนํ้าหอมในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายดังนี้
- เพื่อให้นํ้าหอมได้ทำหน้าที่ในการส่งกลิ่นหอมให้ได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เราควรฉีดนํ้าหอมตรงชีพจร, ข้อมือ, กระดูกไหปลาร้า, สะดือ, หรือแม้แต่บริเวณข้อพับขาของเราเอง
- เราไม่ควรฉีดนํ้าหอมตรงบริเวณด้านหลังใบหู เพราะตรงบริเวณนี้กลิ่นนํ้าหอมและแอลกลอฮอล์จะระเหยไปอย่างรวดเร็วนั่นเอง
- บางคนก็จะฉีดนํ้าหอมหลังจากเราอาบนํ้าเสร็จใหม่ ๆ ในขณะที่ผิวกำลังมีความชื้นอยู่ ซึ่งวิธีนี้ก็จะทำให้ กลิ่นนํ้าหอมนั้นติดทนนานมากยิ่งขึ้น
การเก็บรักษาน้ำหอม
นํ้าหอมจะเกิดปฏิกิริยาโดยตรงกับอากาศ, ความร้อน, แสง ดังนั้น ควรที่จะเก็บขวดนํ้าหอม ไว้ในสถานที่ที่มีความเย็น มืด ซึ่งหากเก็บนํ้าหอมอย่างถูกวิธีแล้ว คุณจะสามารถเก็บรักษานํ้าหอมของคุณได้ยาวนานถึง 20 ปีเลยทีเดียว โดยที่กลิ่นหอมจะไม่เปลี่ยนไป
|