หลายท่านสอบถามเรื่องการเคลือบแก้วด้วยตัวเอง สามารถทำได้หรือไม่ เป็นอันตรายหรือไม่ และประสิทธิภาพเป็นอย่างไร มีขั้นตอนอย่างไร แตกต่างจากการเคลือบที่ศูนย์อย่างไร ลองศึกษาข้อมูลเพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอน วิธีการ และคุณสมบัติของน้ำยาเคลือบแก้ว เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ (Is it possible to glass coating by ourself (DIY) ?? We have the answer) สำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด การเคลือบแก้วด้วยตัวเองเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถทำได้ เนื่องจากน้ำยาเคลือบแก้วสมัยใหม่พัฒนามาให้ใช้งานได้ง่าย ปลอดภัย แต่ให้ประสิทธิภาพในเรื่องความเงางาม และการปกป้องยาวนาน อย่างไรก็ตามเนื่องจากในตลาด มีน้ำยาเคลือบแก้วมากมาย แต่ละยี่ห้อ แต่ละแบรนด์มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ควรศึกษาเพื่อรู้จักคุณสมบัติของน้ำยาเคลือบแก้วที่แท้จริง ควรมีคุณสมบัติอย่างไร เพื่อให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เคลือบแก้วได้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป บทความทั้งหมดเขียนขึ้นโดย www.osaka99.com หากท่านใดจะนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อเป็นความรู้ยินดีค่า เพื่อเป็นกำลังใจให้กับทีมงานทางร้านรบกวน credit ให้กับทางร้านด้วยนะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ;)
น้ำยาเคลือบแก้ว หรือเทคโนโลยีเคลือบแก้วคืออะไร
ในสมัยก่อนผลิตภัณฑ์ที่นิยมนำมาใช้ในการดูแลรักษาสีรถได้แก่ WAX (เแว็กซ์) ซึ่งมีส่วนผสมมี่ทำจาก โพลิเมอร์ (polymer), เรซิ่น (resin) หรือ ขี้ผึ้งคาร์นูบาธรรมชาติ(carnauba wax) ซึ่งมีคุณสมบัติในการปกป้องและให้ความเงางาม สามารถติดอยู่บนสีรถได้ประมาณ 1-2 เดือน ต่อมาในประเทศญี่ปุ่นได้มีการพัฒนาน้ำยาเคลือบแก้ว หรือเทคโนโลยีเคลือบแก้วที่จะสามารถตอบโจทย์เรื่องการปกป้องสีรถ และความคงทนหลังจากเคลือบ รวมทั้งให้ความเงางามยาวนานนับปี จึงเกิดเป็นนวัตกรรมการเคลือบแก้ว น้ำยาเคลือบแก้วมีลักษณะเป็นของเหลวและมีส่วนประกอบหลักจากซิลิกอนไดออกไซด์ (sio2) ซึ่งเมื่อทำปฏิกิริยากับอากาศจะทำให้ผิวสีรถมีความแข็งแกร่งและมีความเงางามที่คงอยู่ได้อย่างยาวนาน นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติด้านต่างๆ เช่น การปกป้องคราบสกปรก ป้องกันรอยขีดข่วนขนแมว ทำให้ฝุ่น มลภาวะต่างๆ และน้ำเกาะบนผิวสีรถได้ยากขึ้น ปกป้องรถสีขาวไม่ให้เหลือง พื้นผิวของการเคลือบแก้ว หรือเนื้อแก้วจะมีลักษณะเป็นฟิล์มใสกั้นกลางระหว่างสีรถเดิมกับสภาพแวดล้อมและสารต่างๆที่เป็นอันตรายกับสีรถ เช่น ขี้นก ฝนกรด รังสียูวีและอื่นๆ สารอันตรายเหล่านี้จะสามารถทำความเสียหายได้เฉพาะบนชั้นเคลือบแก้วเท่านั้นไม่สามารถทำลายสีเดิมของรถยนต์ได้และสิ่งเหล่านี้สามารถกำจัดออกได้อย่างง่ายดายโดยการขัดสีจากช่างมืออาชีพ ยิ่งกว่านั้นการเคลือบแก้วยังสามารถติดทนนานได้ยาวนานนับปีหรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษาที่เหมาะสม บทความจาก (Credit) www.nanonix-th.com
น้ำยาเคลือบแก้วที่ดีควรมีคุณสมบัติ หรือคุณลักษณดังต่อไปนี้ (รถที่ใช้ทดสอบคุณภาพของน้ำยาเคลือบแก้ว NISSAN Almera ขอบคุณภาพจาก www.nanonix-th.com)
1. น้ำยาเคลือบแก้วที่ดีจะให้ความเงางามที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ ความสวยของเนื้อแก้วควรเห็นได้ชัดเจน ความเงางามของแต่ละแบรนด์ไม่เหมือนกัน บางชนิดเงาใส บางชนิดเงาฉ่ำ แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล
2. หลังจากเคลือบแก้วต้องสามารถคงความเงางามนั้นๆไว้ให้ได้ยาวนาน สามารถปกป้องสีรถ และให้ความเงางามได้เป็นระยะเวลานาน 1-5 ปี อย่างไรก็ตามการติดทนของน้ำยาขึ้นอยู่กับการดูแล บำรุงรักษารถหลังจากเคลือบแก้วไปแล้วด้วย
3. นอกจากให้ความเงางามแล้ว น้ำยาเคลือบแก้วที่ดีต้องช่วยดึงสีรถให้ฉ่ำขึ้น ชัดขึ้น ต้องเห็นความแตกต่างของสภาพสีรถก่อนเคลือบ และหลังเคลือบ
4. น้ำยาเคลือบแก้วควรมีความหนา และมีความยืดหยุ่น ในสมัยก่อนประเทศญี่ปุ่นมีปัญหาเรื่องความหนาของน้ำยาเคลือบแก้วที่มีความหนามากเกินไปจะทำให้เกิดอาการ Crack หรือแตก อย่างไรก็ตามในปัจจุบันจึงมีการพัฒนาจนได้น้ำยาเคลือบแก้วที่มีความเสถียรซึ่งมีความหนาอยู่ที่ประมาณ 7-9 ไมครอน ก็เพียงพอต่อการปกป้องสีรถ
5. หลังจากเคลือบแก้วแล้ว น้ำจะไม่เกาะหรือที่เรียกว่า Hydrophobic หรือ Water Repellent เมื่อฉีดน้ำไปแล้วน้ำไม่สามารถเกาะสีรถได้ ช่วยให้สามารถล้างคราบสิ่งสกปรกออกได้อย่างง่ายดาย วิธีทดสอบคุณภาพของผิวเคลือบแก้วง่ายๆ ด้วยการฉีดน้ำเปล่าด้วย Foggy ลงบนผิวสีรถที่เคลือบแก้ว และผิวสีรถที่ไม่ได้เคลือบแก้ว จะเห็นถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจนของการเรียงตัวของหยดน้ำด้านซ้ายจะเห็นว่าน้ำเกาะกับสีรถ ลักษณะของหยดน้ำแบนเรียบ หมายถึงผิวที่ไม่มีการเคลือบแก้ว ส่วนด้านขวา หยดน้ำนูนกลม เรียงตัวสวยงาม นั้นหมายถึงผิวแก้วที่มีคุณสมบัติ Hydrophobic อย่างชัดเจน (credit ภาพจาก www.nanonix-th.com)
6. น้ำยาเคลือบแก้วมีการคิดค้นพัฒนามาให้ใช้งานง่าย และปลอดภัยต่อสีรถ เพื่อให้เข้าใจว่าการเคลือบแก้วคืออะไร มีขั้นตอนอย่างไร อธิบายดังนี้
การเคลือบแก้วมีขั้นตอนสำคัญอยู่ 2 ขั้นตอนคือ
1. ขั้นตอนการเตรียมผิวสีรถก่อนที่จะเคลือบแก้ว
2. ขั้นตอนการเคลือบแก้ว และน้ำยาเคลือบแก้วที่เลือกใช้
>>ขั้นตอนที่ 1 : การเตรียมผิวก่อนเคลือบแก้ว (ขึ้นอยู่กับสภาพผิวสีรถของแต่ละคัน) ก่อนอื่นต้องประเมินสภาพผิวสีรถก่อนเคลือบแก้วก่อน เพื่อให้เราทราบว่าเราควรจะดำเนินอย่างไรเพื่อให้ผิวสีรถออกมาสวยสมบูรณ์เงางามก่อนเคลือบแก้ว ซึ่งขั้นตอนจะมาก-น้อย ขึ้นอยู่กับสภาพผิวสีรถของแต่ละคัน โดยสามารถแบ่งประเภทผิวสีรถออกได้เป็น 2 ประเภทคือ รถที่ผ่านการใช้งานมา และรถใหม่ป้ายแดง
> ประเภทที่ 1: รถที่ผ่านการใช้งานมาแล้วจะมีรอยขีดข่วน ขนแมว หรือคราบขี้ไคล ฝังแน่น แนะนำให้มีการขัดลบรอย ปรับสภาพผิวสีรถก่อน ขจัดเอาริ้วรอย คราบไคลออกไปก่อน เนื่องจากการเคลือบแก้วนั้นจะไม่ได้ทำให้คราบไคล หรือริ้วรอยหายไป การขัดปรับสภาพผิวสีรถนั้นมีขั้นตอนหลักๆอยู่ 3 ขั้นตอน 1. สภาพผิวสีรถที่มีริ้วรอยหนัก หรือรอยลึก (Heavy Paint) ให้ขัดด้วยน้ำยาขัดหยาบ อาทิเช่น น้ำยาขัด HD CUT หรือ V80 (Shine Mate) 2. สภาพผิวสีรถที่มีริ้วรอยปานกลาง ให้ขัดลบรอยด้วยน้ำยาขัดระดับกลาง (Medium Compound) อาทิเช่น น้ำยาขัด HD UNO หรือ V40 (Shine Mate) 3. สภาพผิวสีรถที่มีริ้วรอยบางๆ หรือเป็นเพียงคราบขี้ไคลฝังแน่น (Finishing Compound) น้ำยาชนิดนี้นอกจากจะขจัดคราบไคลแล้วยังช่วยชัดเงาดึงความเงางามของผิวสีรถออกมาอีกด้วย (Enhance Gloss) อาทิเช่น น้ำยาขัด HD POLISH หรือ V20 (Shine Mate) ***การเลือกใช้น้ำยาขัดที่ดีมีส่วนสำคัญที่จะส่งผลให้ชั้นสีรถออกมาสวยใส และการทำงานที่ง่ายขึ้น ประหยัดเวลาและต้นทุนการทำงาน คุณภาพของน้ำยาขัดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คาร์แคร์คำนึงถึง ดังนั้น น้ำยาขัดที่ดีต้องสามารถขจัดริ้วรอยได้ดี รวดเร็ว พร้อมให้ความวาว สวยใสของชั้นสีรถ เก็บงานง่าย ซึ่งแนะนำน้ำยาขัดของ HD CAR CARE และ SHINE MATE V-series แนะนำให้ทอลองเพื่อให้เห็นประสิทธิภาพจริงของน้ำยา สามารถเข้ามาทดสอบได้ที่ร้าน www.osaka99.com
> ประเภทที่ 2: รถใหม่ป้ายแดง รถใหม่ป้ายแดง ส่วนมากแล้วสภาพสีรถค่อนข้างสมบูรณ์ ปราศจาก ริ้วแสง รอยขนแมว ดังนั้นการเตรียมผิวจึงมีขั้นตอนที่ง่าย และน้อยกว่าสภาภสีรถประเภทที่ 1 การเตรียมผิวสีรถสำหรับรถใหม่ มีขั้นตอนดังนี้
1. สามารถลูบด้วยดินน้ำมันซึ่งจะมีคุณสมบัติในการดูดสิ่งสกปรก โมเลกุลเล็กๆที่ฝังตัวในชั้นสีรถออก วิธีสังเกตคือเมื่อใช้มือลูบไปจะรู้สึกว่าสีรถสาก หลังจากลูบด้วยน้ำมันแล้วมาลูบอีกครั้ง จะสัมผัสได้ว่าผิวสีรถเรียบและลื่นขึ้น
2. ขัดด้วยน้ำยาขัดชักเงา เพื่อเพิ่มความเงางามของชั้นสีให้สวยสมบูรณ์สูงสุด หรือ Finishing Compound (ชนิดไม่มี wax ผสม) จะช่วยดึงความเงาของสีรถให้สวยมากขึ้น และช่วยผลักเม็ดเมธาลิค และดึงความฉ่ำ วาว เงางามก่อนจะเคลือบแก้วออกมาอีกระดับหนึ่ง แต่สำหรับรถใหม่หากลูกค้าพึงพอใจกับสภาพสีรถอยู่แล้วก้อสามารถข้ามขั้นตอนนี้ได้
3. ฉีดน้ำยาล้างผิวก่อนเคลือบแก้ว Pre-Glaze (NANONIX) ซึ่งจะช่วยผลักความใสของสีรถให้สวยขึ้น และขจัดคราบ wax หรือสารเคมีตกค้างก่อนเคลือบแก้ว โดยน้ำยาชนิดนี้ปลอดภัยต่อสีรถ 100% ใช้งานง่ายเพียงฉีดสเปรย์ และเช็ดด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ เหตุผลที่ควรใช้น้ำยาล้างผิวก่อนเนื่อวจาก การเคลือบแก้วนั้น น้ำยาเคลือบแก้วจะผสมเข้ากับชั้นสีรถโดยตรง ไม่ควรมี wax หรือสารเคมีมาขั้นระหว่างชั้นแก้วและชั้นสีรถ หากทาเคลือบแก้วทับบนชั้น wax เมื่อ wax หลุด ชั้นแก้วก็จะมีโอกาสหลุดตามด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นการเตรียมสภาพผิวสีรถเบื้องต้นให้พร้อมก่อนที่จะเคลือบแก้ว จะเห็นว่าขั้นตอนมาก-น้อย ขั้นอยู่กับสภาพผิวสีรถของแต่ละคัน และความพึงพอใจของสภาพสีรถก่อนที่จะเคลือบแก้ว[/color] >>ขั้นตอนที่ 2: ขั้นตอนการเคลือบแก้ว
น้ำยาเคลือบแก้วที่ทางร้าน www.osaka99.com เลือกนำมารีวิวในวันนี้เป็นน้ำยาเคลือบแก้วคริสตัลแท้จากประเทศญี่ปุ่น CRYSTAL ZEAL จากแบรด์ NANONIX (www.nanonix-th.com) ซึ่งเป็นน้ำยาเคลือบแก้วที่คิดค้นพัฒนามาเพื่อให้ผู้ใช้งานทางบ้านสามารถเคลือบเองได้ที่บ้าน ปลอดภัยต่อสีรถ 100% โดยมีคุณลักษณะเด่นทั้งในเรื่องความเงางามที่เป็นเอกลักษณ์ สามารถเห็นได้ชัดเจนถึงความหนาของตัวเนื้อแก้ว ป้องกันน้ำเกาะได้ดีเยี่ยม ที่สำคัญมีระยะการติดทนปกป้องสีรถสูงสุดอยู่ที่ 3 ปี (ขึ้นอยู่กับการดูและรักษา และการใช้งาน) สามารถเคลือบแก้วใช้งานได้ง่าย และปลอดภัยต่อสีรถ สำหรับรถที่นำมาเคลือบแก้วในรีวิวเป็น Lexus IS250 เป็นรถใหม่ป้ายได้ ไม่ได้ขัดปรับสภาพผิวสีรถ มีเพียงการเตรียมผิวเบื้องต้นและเคลือบแก้ว
ผลิตภัณฑ์เคลือบแก้ว Crystal Zeal แบรนด์ NANONIX นำเข้าประเทศญี่ปุ่น ปริมาณ 60ml > อุปกรณ์ภายในกล่อง (อุปกรณ์มีมาให้ครบ) - น้ำยาเคลือบแก้วคริสตัล A - น้ำยาเคลือบแก้วคริสตัล B - หลอดดูดน้ำยาเคลือบแก้ว - กระดาษนาโน - ฟองน้ำทาน้ำยาเคลือบแก้ว - ผ้าไมโครไฟเบอร์ - ผ้านาโนชามัวร์ > ปริมาณการใช้น้ำยา - สามารถเคลือบรถไซต์ใหญ่ เช่น Camry หรือ Accord ได้ 2 รอบหรือ 2 คัน - สามารถเคลือบสีรถ โคมไฟหน้า โครเมี่ยม พลาสติดพ่นแล็กเกอร์ ยกเว้นบริเวณที่เป็นขอบยาง และพลาสติกดำด้าน > สามารถเคลือบได้ด้วยตัวเอง ปลอดภัยต่อสีรถ 100% กรณีที่เป็นรถใหม่ป้ายแดง สภาพสีรถยังดีอยู่ หรือผู้ที่ดูแลรักษารถอยู่เป็นประจำ สภาพสีรถใหม่ สามารถเคลือบแก้วได้ทันที อาจมีการเตรียมผิวเบื้องต้น แต่หากกรณีรถมีการใช้งานมา มีรอยขีดข่วนขนแมวค่อนข้างมากก็แนะนำให้มีการขัดสีรถปรับสภาพผิวสีให้กลับมาใหม่ก่อนเคลือบแก้วเพื่อให้ได้ผลงานที่สวยและสมบูรณ์ ขั้นตอนที่1: ล้างรถด้วยแชมพูเอาคราบสิ่งสกปรกหนักออกจากผิวสีรถ เช็ดรถให้แห้งและเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป
ขั้นตอนที่ 2: ลูบดินน้ำมัน เพื่อดูดสิ่งสกปรกโมเลกุลเล็กๆที่ติดอยู่บนผิวหน้าของสีรถออก ให้ผิวสีรถที่สาก เรียบและลื่นขึ้น
ขั้นตอนที่ 3: สเปรย์น้ำยา Pre Glaze เป็นน้ำยาเตรียมผิวก่อนเคลือบแก้วเพื่อล้างคราบ wax หรือสารเคมีตกค้างออกจากผิวสีรถ ให้สเปรย์น้ำยาตัวนี้ไปที่สีรถ แล้วใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดออก
ขั้นตอนที่ 4: ผสมน้ำยาเคลือบแก้วขวด A และ B เข้าด้วยกัน
ขั้นตอนที่ 5: ดูดน้ำยาลงบนฟองน้ำที่หุ้มกระดาษนาโนและทาไปบนสีรถ แบ่งพื้นที่การเคลือบแก้วเป็นส่วนๆเช่นฝากระโปรงรถ หลังคา ประตูข้าง โดยเคลือบประมาณ 50x50 cm ทาเป็นแนวขึ้นลงซ้ายขวาให้ทั่วทุกพื้นผิว หลังจากนั้นทิ้งไว้ 1-2 นาที แล้วใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ที่แถมมาเช็ดน้ำยาออก นอกจากสามารถเคลือบแก้วที่สีรถแล้วยังสามารถเคลือบแก้วบริเวณที่เป็นโคมไฟ โครเมี่ยม โลโก้รถยนต์เช่น โลโก้ BMW BENZ เคฟล่า ล้อแมกซ์ หรือทุกชั้นส่วนที่เป็นแล็คเกอร์
ขั้นตอนที่ 6: ใช้ผ้านาโนที่แถมมาในกล่องเช็ดเก็บงานซ้ำอีกครั้งเป็นอันเสร็จ หลังจากเคลือบไปแล้วควรหลีกเลี่ยงการโดนน้ำ 24 ชม. เพื่อให้น้ำยาเซตตัวเต็มที่ หลังจากนั้นสามารถใช้งานได้ตามปกติ สามารถเคลือบ wax ได้ตามปกติ
ผลงานหลังเคลือบแก้ว CRYSTAL ZEAL จากแบรนด์ NANONIX [/size] [URL=http://www.osaka99.com]
ท่านสามารถชมรีวิว และผลงานเคลือบแก้วจากลูกค้าทางบ้านได้ที่ www.osaka99.com[/size]