.
 สถานะของเว็บ
วันที่สร้างเว็บ :18/9/2012
ปรับปรุงเว็บครั้งล่าสุดเมื่อ :4/4/2014
จำนวนคนเข้าชมเว็บนี้ :497873
เคล็ดลับกินอย่างไรก็ไม่อ้วน
บทความ ณ. วันที่ : 8/10/2012        จำนวนคนเข้าชมเว็บ : 549 ครั้ง   

เคล็ดลับกินอย่างไรก็ไม่อ้วน

ใครที่ชอบกินของว่างระหว่างมื้อ แต่ไม่อยากอ้วน วันนี้เรามีวิธีมาฝาก
กฎของการกินของว่างไม่ให้อ้วน คือ กินไม่เกิน 100 แคลอรี่ ต่อ 1 ชั่วโมงก่อนถึงเวลาอาหาร เช่น ถ้าเป็นเวลาบ่ายสามโมง และกว่าจะถึงเวลาอาหารเย็นต้องรออีก 3 ชั่วโมง ก็ควรกินอาหารว่างได้ไม่เกิน 300 แคลอรี่ แต่ควรเลือกกินคาร์โบไฮเดรตที่มีเส้นใยสูง เช่น ผลไม้ เป็นหลักแล้วค่อยเพิ่มโปรตีนหรือไขมันที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อให้อิ่มได้นานขึ้น ถ้าไม่รู้จะกินอะไรได้บ้าง ยกตัวอย่างเช่น

  ถ้าอาหารมื้อต่อไปจะมาถึงในอีก 1 ชั่วโมง ทานแอปเปิ้ลขนาดกลาง 1 ผล

  ถ้าอาหารมื้อต่อไปจะมาถึงในอีก 2 ชั่วโมง ทานแอปเปิ้ลขนาดกลาง 1 ผล + เนยถั่ว 1 ช้อนโต๊ะ

  ถ้าอาหารมื้อต่อไปจะมาถึงในอีก 3 ชั่วโมง ทานแอปเปิ้ลขนาดกลาง 1 ผล + เนยถั่ว 1 ช้อนโต๊ะ + แคร็กเกอร์ธัญพืช 5 แผ่น

  ถ้าอาหารมื้อต่อไปจะมาถึงในอีก 4 ชั่วโมง ทานแอปเปิ้ลขนาดกลาง 1 ผล + เนยถั่ว 1 ช้อนโต๊ะ + แคร็กเกอร์ธัญพืช 5 แผ่น + นมสดชนิดพร่องไขมัน 1 แก้ว



แต่ถ้ากินมังสวิรัติ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการบริโภคอาหารเสริมธาตุเหล็กด้วย เพราะธาตุเหล็กที่ได้จากผักและผลไม้ ส่วนมากร่างกายจะดูดซึมได้ยาก

ถ้าอยากกินแต่ไม่อยากอ้วน ก็ลองกินตามวิธีที่แนะนำกันดูได้

 

กินให้ไม่อ้วน ได้ไม่ยาก !

เพื่อควบคุมน้ำหนักให้ได้ผลเราไม่แนะนำให้คุณงดมื้ออาหาร แต่ขอแนะนำให้คุณลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารดู

การได้กินของอร่อยๆ เป็นเรื่องสำคัญมากของชีวิต ได้ลิ้มรสอาหารถูกปาก ท่ามกลางบรรยากาศดีๆ ถึงแพงเท่าไหร่ ถ้าอร่อยซะอย่าง ราคาไม่เกี่ยง การหาความสุขด้วยการกินแบบนี้เชื่อว่าคงมีหลายคนเป็นเหมือนกันและปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นความสุขชั้นเยี่ยมของชีวิตเลยทีเดียว ดังนั้นใครก็ตามที่ตามใจปากโดยมิอาจยับยั้งชั่งใจ ก็ไม่ต้องเสียใจภายหลังหากเป็นโรคอ้วน ครั้นจะกลับมาลดน้ำหนักลงก็คงลำบากเพราะความเชยชินกับการกินเท่าไรเท่ากัน

อาจจะไม่คุ้นเคยในเบื้องต้น แต่ถ้าพยายามชั่งใจทุกครั้งที่กินไม่นานคุณก็จะชิน และกลายเป็นนิสัยการกินที่ดีอย่างถาวร ตราบนั้นคุณก็สบายใจได้เรื่องน้ำหนักตัว

ตามปกติทั่วไปใน 1 วันคนเราวัยต่างๆ มีความต้องการชนิดและปริมาณของอาหาร ดังนี้คือ
1,600 กิโลแคลอรีสำหรับเด็กอายุ 6 - 13 ปี หญิงวัยทำงานอายุ 25 - 60 ปี ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป
2,000 กิโลแคลอรีสำหรับวัยรุ่นหญิง - ชาย อายุ 14 - 25 ปี วัยทำงานอายุ 25 - 60 ปี
2,400 กิโลแคลอรีสำหรับหญิง - ชาย ที่ใช้พลังงานมากๆ เช่น เกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน นักกีฬา

เทียบออกมาเป็นประเภทอาหารให้เห็นได้ชัดขึ้นตามตารางนี้

การควบคุมน้ำหนักให้ได้ดี คือในแต่ละวันต้องควบคุมปริมาณการกินอาหารที่ให้พลังงานสูงแล้วเลือกกินอาหารที่ให้พลังงานต่ำๆ แทน เพื่อไม่ให้ร่างกายได้พลังงานเกินความต้องการ เพราะพลังงานส่วนเกินนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมไว้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย คุณลองมาเลือกลดอาหารประเภทต่างๆ ตามนี้ดู...

ข้าวข้าว 1 จานให้พลังงานประมาณ 250 กิโลแคลอรี (ประมาณ 2 ทัพพีครึ่ง) ถ้าลดข้าวมื้อละ 1 ทัพพีใน 1 วัน จะลดพลังงานได้ถึง 300 กิโลแคลอรี

เนื้อสัตว์เลือกกินปลา เป็ด ไก่ ไม่ติดหนัง ดีกว่าเลือกหมูเนื้อล้วน เพราะเนื้อหมูมีไขมันแทรกแต่มองไม่เห็น

ผลไม้เลือกกินผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำ เช่น ชมพู่ ฝรั่ง แตงโม มะม่วงดิบ พุทรา แคนตาลูป ดีกว่าผลไม้ที่หวานจัดให้พลังงานสูง เช่น ทุเรียน ขนุน ลำไย ลิ้นจี่

ผักควรเลือกกินให้มากเพราะให้พลังงานน้อย แต่ได้คุณค่าสารอาหารมาก มีเส้นใยอาหารมาก ผักบางชนิดทำให้อิ่มนาน การกินผักเยอะๆ ช่วยเพิ่มปริมาณอาหารให้ดูมาก แต่พลังงานนิดเดียว เหมาะมากสำหรับผู้คุมน้ำหนัก

น้ำมัน /กะทิน้ำมันเพียง 1 ช้อนชา ให้พลังงานสูงถึง 45 กิโลแคลอรี ถ้าประกอบอาหารประเภทต้ม นึ่ง ย่าง อบ ตุ๋น ยำ จะช่วยลดพลังงานจากการใช้น้ำมันปรุงได้มากทีเดียว อาหารทอดใช้น้ำมันอย่างน้อย 2 ช้อนโต๊ะ นั่นเกือบ 300 กิโลแคลอรี กะทิ 1 ถ้วยแกง จะมีหัวกะทิ 1 ช้อนโต๊ะ พลังงานเท่ากับไขมัน 2 ช้อนชา ถ้าเลือกกินแกงส้ม ต้มยำ แทนแกงกะทิ ก็ลดพลังงานได้กว่า 100 กิโลแคลอรี

น้ำตาลขนมหวาน 1 ถ้วย หรือ 1 ชิ้น จะให้พลังงานได้ 120 กิโลแคลอรี แต่ถ้าเทียบกับผลไม้ ขนมหวานจะให้พลังงานเป็น 3-4 เท่า ยิ่งถ้ามีส่วนผสมของกะทิอยู่ด้วยก็บวกพลังงานเพิ่มเข้าไปอีก เลือกกินผลไม้แทนดีกว่า

เครื่องดื่มน้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่เรียกน้ำหนักได้โดยไม่รู้ตัว เพราะ 1 แก้วให้พลังงาน 20-60 กิโลแคลอรี

อาหารระหว่างมื้อจริงๆ ไม่ควรกินบ่อยๆ เพราะลำพังอาหารมื้อหลักก็พอเพียง อาหารระหว่างมื้อ ส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของแป้ง น้ำตาล ไขมัน เนย เช่น คุ้กกี้ ถ้ารวมเครื่องดื่มด้วยก็จะได้พลังงานไม่น้อยกว่า 200 กิโลแคลอรี ถ้าอดไม่ได้ให้เลือกผลไม้ชนิดที่ไม่หวานแทน จะได้พลังงานต่ำลง เพิ่มวิตามินและเกลือแร่ด้วย

จากข้อแนะนำในการเลือกชนิดอาหารแล้ว ครานี้คุณต้องลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและนิสัยการกินอาหารดูบ้าง

เทคนิคในการควบคุมพฤติกรรมการกินอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนัก



กินอาหารในที่ที่จัดเป็นกิจจะลักษณะเท่านั้น เช่น ในห้องอาหาร ที่โต๊ะอาหาร ไม่เดินกิน หรือซื้อของกินตามทาง ไม่หาของกินมาไว้ที่โต๊ะทำงาน ไม่กินขณะดูโทรทัศน์ ขณะอ่านหนังสือ หรือฟังเพลง ฯลฯ
กินอาหารให้ตรงเวลาและเป็นมื้อ ไม่กินจุบจิบ ไม่กินขนมขบเคี้ยว
เลือกภาชนะใส่อาหารที่มีขนาดเล็กลง
เวลาตักข้าวอย่าให้เป็นก้อน ควรซุยข้าวให้ร่วนก่อนตัก และอย่าตักอัดแน่น หรือพูนเกินไป
ก่อนกินอาหารให้ดื่มน้ำเย็น (ไม่ใช่น้ำอุ่น) ก่อนอาหาร 10 นาที ประมาณ 2 แก้ว
เคี้ยวอาหารช้าๆ และเคี้ยวให้ละเอียดทุกครั้งก่อนกลืน
เมื่อกินอาหารเสร็จให้ลุกจากโต๊ะอาหารทันที หรือเก็บอาหารที่เหลือเข้าที่ทันที
ไม่สำรองอาหารไว้ในที่เห็นได้ง่าย เช่น ไม่เก็บอาหารสำเร็จรูปหรือกึ่งสำเร็จรูปไว้ในห้องทำงาน หรือไม่วางขนมไว้บนโต๊ะหน้าโทรทัศน์ เพื่อป้องกันการเผลอใจ
ห้ามงดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง เพราะจะทำให้ความหิวทวีคูณขึ้น และจะทำให้กินเพิ่มเป็นสองเท่า
ถ้าหิวให้ดื่มน้ำสมุนไพรที่ไม่หวานช่วย
ไม่ควรกินอาหารก่อนนอน เพราะเมื่อไม่ได้ใช้พลังงานจะทำให้สะสมเป็นส่วนเกิน
งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ถ้างดไม่ได้ให้ลดลงมาครึ่งหนึ่งก่อน ถ้าสำเร็จแล้วค่อยลดลงอีกครึ่งหนึ่ง ทีนี้จะลดหรือเลิกดื่มต้องอยู่ที่ใจ
ถ้าต้องการลดน้ำหนักเพื่อลดหุ่น ให้ซื้อชุดสวยที่อยากใส่มาแขวนไว้เป็นแรงบันดาลใจ อาจได้ผลบ้าง

เทคนิคเหล่านี้เป็นเรื่องไม่ยากที่คุณอาจจะมองข้ามไปในชีวิตประจำวัน เพียงเพิ่มความระวังและคิดก่อนเลือกกินอาหารสักหน่อยก็จะช่วยให้คุณคุมน้ำหนักได้ดีขึ้น ที่สำคัญคุณไม่ต้องอดอาหารทรมานตัวเอง แต่ยังได้อิ่มสบายท้องตลอดวันอีกด้วยค่ะ

8 เคล็ดลับลดน้ำหนักแบบไม่ไดเอ็ท

1. เพิ่มปริมาณน้ำ
ทำไมถึงต้องเพิ่มปริมาณน้ำ ก็เพราะว่าน้ำเป็นตัวนำออกซิเจนและอาหารไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย ช่วยปรับความร้อนของร่างกายให้คงที่อยู่เสมอ ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งไม่แห้งตึง แล้วยังช่วยการทำงานของระบบขับถ่ายให้ดีขึ้นอีกด้วย ที่สำคัญคือช่วยให้การทานอาหารลดลงเพราะรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น เราจึงควรดื่มน้ำให้มากๆ แทนการดื่ม ชา กาแฟ หรือน้ำผลไม้ เพราะน้ำเปล่าคือเครื่องดื่มที่ดีที่สุดในโลก

2. ปรับเปลี่ยนอาหาร
ลองปรับเปลี่ยนการเลือกรับประทานอาหารใหม่ เช่น เลือกรับประทานข้าวโอ๊ตแทนการกินซีเรียลเลือกน้ำสลัดไขมันต่ำแทนน้ำสลัดธรรมดา หรือเปลี่ยนมารับประทานข้าวกล้องแทนข้าวสวย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนั้นค่อยๆ ทำไปทีละอย่างก็ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเพียงชั่วข้ามคืนแต่อย่างใด

3. ทิ้งอาหารขยะไปซะ
อาหารขยะมีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ มักจะประกอบไปด้วย เกลือ น้ำตาล ไขมัน หรือแคลอรีในปริมาณสูง ซึ่งเป็น ตัวการทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างมาก วิธีที่คุณจะสามารถกำจัดอาหารขยะคือ เก็บกวาดอาหารขยะทั้งหลายในตู้เย็น ตู้อาหาร โยนทิ้งไปซะ แล้วก็ไม่ต้องไปซื้อมาเก็บไว้อีก

4. มังสวิรัติ 1 วัน
เลือกสัก 1 วันในสัปดาห์ มาทานผัก ผลไม้ เพื่อเพิ่มกากใยให้กับร่างกาย และยังช่วยลดปริมาณของไขมันที่คุณทานเข้าไประหว่างสัปดาห์อีกด้วย มากไปกว่านั้น ผัก ผลไม้ยังมีวิตามินและเกลือแร่ ที่จำเป็นต่อรางกายอีกด้วยนะคะ

5. มารับประทานถั่วกันเถอะ
ถั่วเป็นอาหารที่ดีที่สุดอีกชนิดหนึ่งที่เราควรรับประทาน เพราะอุดมไปด้วยไขมันและโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพ แต่ควรจะหลีกเลี่ยงการรับประทานถั่วที่มีเกลือหรือน้ำตาลผสมอยู่นะคะ ไม่อย่างนั้นน้ำตาลที่ผสมอยู่กับถั่ว จะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจเลยทีเดียว

6. อบ นึ่ง ต้ม ย่าง ลด ละ ของผัด ของทอด
ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีวิธีการปรุงแบบไม่ใช้น้ำมันจะดีกว่านะคะ พวกผัดๆ ทอดๆ หลีกเลี่ยงได้จะดีที่สุด ควรจะหันมาเลือกทานอาหารจำพวก อบ นึ่ง ต้ม ย่าง แทน จะได้ลดปริมาณไขมัน ที่ไม่จำเป็นต่อร่างกายออกไป อีกทั้งยังดีต่อสุขภาพในระยะยาวด้วยนะคะ

7. ออกกำลังกายยามว่างหรือไม่ว่าง
การออกกำลังกายนั้นไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องไปเข้าฟิตเนสอย่างเดียว คุณสามารถออกกำลังกายได้ทั้งในขณะที่ทำงานหรืออยู่บ้าน เช่น หากคุณนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ คุณก็สามารถขยับต้นคอ เพื่อคลายกล้ามเนื้อ และลุกขึ้นบิดตัวไป-มา ทุกๆ ครึ่งชั่วโมงเพื่อให้เลือดไหลเวียน หรือทำงานบ้าน
ด้วยตนเอง เช่น เช็ดกระจกหรือล้างรถ ก็เป็นการยืดเส้นยืดสายอย่างดีทีเดียว

8. รู้จักเก็บตุนอาหารว่าง
ในช่วงระหว่างมื้ออาหาร หากคุณรู้สึกหิวก็สามารถเลือกรับประทานอาหารว่างได้นะคะ เพราะเมื่อถึงเวลามื้ออาหารคุณจะได้ไม่รู้สึกโหยอาหารมาก
ซึ่งอาจจะทำให้คุณ รับประทานอาหารที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาหารว่างที่ควรเลือกนั้นอาจจะเป็นผลไม้สด แครกเกอร์ หรือขนมปังโฮลวีตก็ได้ค่ะ

เริ่มทำวันละเล็ก ละน้อย และเริ่มไปทีละอย่าง จนคุณติดเป็นนิสัย เพียงเท่านี้ เจ้าน้ำหนักส่วนเกินที่คุณไม่ต้องการ ก็จะไม่มาเคาะประตูร้องหาคุณอีกต่อไปค่ะ  






เว็บไซต์นี้ เป็นเว็บร้านค้าสมาชิกของ SABUYJAISHOP ผู้ให้บริการทางการตลาดออนไลน์ สำหรับร้านค้าหรือผู้ประกอบการ ที่ต้องการนำเสนอสินค้า โฆษณา ประชาสัมพันธ์ร้านค้า หรือสินค้าในร้าน
©2008-2010 SABUYJAISHOP All Rights Reserved