เพราะการรู้จักเลือกทานอาหารที่ดี มีประโยชน์ ย่อมส่งผลให้สุขภาพเราแข็งแรง วันนี้ N-Bliss เอาสมุนไพรจีน 10 อย่างในไทย หาง่าย ดีต่อสุขภาพมาฝากกันจ้า...
1. เก๋ากี้
มีชื่อเรียกแบบอินเตอร์ว่า "โกจิเบอร์รี่" ซึ่งเต็มไปด้วยสารอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ใยอาหาร แคลเซียม โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก สังกะสี ซีลีเนียม และวิตามินบี 2 ซึ่งมีสรรพคุณที่โดดเด่นในการบำรุงสายตา โดยชื่อกันว่า เก๋ากี้มีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะชั้นเลิศอีกด้วย
2. โสม
หากพูดถึงสมุนไพรจีนคงขาดโสมไม่ได้ เชื่อว่า โสมเป็นยาอายุวัฒนะบำรุงสมองและความแข็งแรงของร่างกาย การศึกษาจาก University of Maryland ก็ชี้ว่าโสมสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้จริง ช่วยลดคอเลสเตอรอลเลว และช่วยให้กระปรี้กระเปร่า อย่างไรก็ดี โสมไม่เหมาะกับคนที่เป็นความดันโลหิตสูง คนที่เป็นเบาหวาน สตรีมีครรภ์ และหญิงสาวที่กำลังให้นมบุตร
3. เก๊กฮวย
มีฤทธิ์เย็น ช่วยขับพิษร้อน ขับลม ขับเหงื่อ แก้ร้อนใน
- เก๊กฮวยดอกเหลืองมีสารแคโรทีนอยด์ จึงช่วยบำรุงสายตา บำรุงตับ แก้ไข้ บรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด
- เก๊กฮวยดอกขาวมีคุณสมบัติ แก้ร้อนใน หากใช้ร่วมกับใบไผ่ขม และสะระแหน่ จะช่วยแก้ไอและบำรุงปอด
- ดอกของเก๊กฮวยมีสารพวกฟลาโวนอยด์ กรดอะมิโน สาไครแซนทีมิน สารอะดีนีน โคลีน สตาไคดรีน และน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยรักษาและป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ช่วยขยายหลอดเลือด ลดการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
4. เม็ดบัว
เป็นแหล่งโปรตีน แมกนีเซียม โพแทสเซียม และฟอสฟอรัส รวมถึงเอนไซม์ชนิดหนึ่งชื่อว่า L-lsoaspartyl Methyltransferase ซึ่งช่วยซ่อมแซมโปรตีนที่ถูกทำลาย นักวิทยาศาสตร์จึงเชื่อกันว่า เม็ดบัวเป็นอาหารที่ช่วยชะลอความแก่ชราได้ ในตำรับจีนเชื่อว่า รสหวานโดยธรรมชาติของเม็ดบัวจะช่วยบรรเทาอาการท้องร่วง และช่วยกล่อมเกลาจิตใจ ทำให้นอนหลับสบาย ส่วนแกนของเมล็ดนั้นมีรสขมและมีฤทธิ์เย็น จึงดีต่อหัวใจ โดยการช่วยขยายหลอดเลือดและลดความดันโลหิต อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยมีสรรพคุณรักษาอาการท้องร่วง คนที่ท้องผูกควรหลีกเลี่ยงเม็ดบัวนะคะ...
5. แปะก๊วย
เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหับสุภาพสตรีที่กำลังเข้าสู่วัยทอง เนื่องจากมันมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อไฟโตเอสโตรเจน ซึ่งอาจช่วยทำหน้าที่แทนฮอร์โมนที่ไม่สมดุลได้ นักวิจัยจึงเชื่อว่า มันมีสรรพคุณบรรเทาอาการของวัยทองหลายอย่าง ได้แก่ โรคกระดูกพรุน โรคนอนไม่หลับ อัลไซเมอร์ และโรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต อย่างไรก็ตาม การกินแปะก๊วยมากเกินไป อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ท้องร่วง ปวดศีรษะ กล้ามเนื้ออ่อนแรง คลื่นไส้อาเจียน หากมีอาการดังกล่าวก็ให้รีบไปพบแพทย์ ที่สำคัญ อาหารทุกอย่างควรทานแต่พอดีนะคะ
6. เห็ดหอม
อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก วิตามินซี โปรตีน และใยอาหาร เห็ดหอมอยู่ในตำหรับยาจีนมานานกว่า 6 พันปี โดยเชื่อว่า สามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันได้เพราะมีสารชนิดหนึ่งชื่อว่า Letinan คอยต่อสู้กับเชื้อไวรัสต่างๆ มันอัดแน่นไปด้วย L-Ergothioneine สารต้านอนุมูลอิสระ และดีต่อหัวใจ เนื่องจากช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลโดยรวมได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในเห็ดหอมมีสาร Purines หากกินมากเกินไปแล้วอาจทำให้มีการสะสมกรดยูริกจนเสี่ยงต่อโรคเกาต์ และนิ่วในไต คนที่มีปัญหาไตหรือเกาต์จึงไม่ควรกินเห็ดหอม
7. กำเช่า หรือก็คือ ชะเอมเทศ
ช่วยระบายความร้อน ขับพิษ ป้องกันและรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยย่อยอาหาร แก้ไอ ขับเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ แก้อาการใจสั่น แก้ลมชัก แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคตับ และโรคไตนะคะ
8. เห็ดหลินจือ
สมุนไพรจีนช่วยบำรุงประสาท ช่วยให้นอนหลับ ลดการอุดตัน ขับไขมัน ขับของเสีย ลดความดันโลหิต ลดน้ำตาลในเลือด ขับพิษในตับ ช่วยให้สดชื่น ให้พลังชีวิตมากขึ้น ใช้บำรุงร่างกาย เป็นยาอายุวัฒนะ บรรเทาอาการข้างเคียงของเคมีบำบัด รังสีบำบัด คีโม มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง
9. เกาลัดจีน
เกาลัดต่างจากถั่วหรือเมล็ดพืชอื่นๆ ตรงที่มีไขมันน้อยมาก แต่กลับเป็นถั่วชนิดเดียวที่มีวิตามินซีเทียบเท่ากับมะนาว เกาลัดจีนมีสารอาหารคล้ายข้าวกล้อง จึงมีคำกล่าวว่า มันคือ "ธัญพืชที่เกิดบนต้นไม้" ด้วยความที่มันมีกรดโฟลิก วิตามินซี และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน จึงเป็นหนึ่งในอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกายได้ดีที่สุด นอกจากนี้ ชาวจีนโบราณยังเชื่อว่า เกาลัดจะช่วยให้ลมหายใจหวานสดชื่นอีกด้วย
10. เฉาก๊วย
ด้วยเหตุที่มันดำ เด้งดึ๋ง นี่หละ คนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยนึกถึงเฉาก๊วยในแง่ของสมุนไพรหรืออาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งจริงๆ แล้ว เฉาก๊วยมีสรรพคุณเป็นยาเย็น ช่วยคลายร้อน ลดไข้ แก้ปวดท้อง คลื่นไส้ อาหารไม่ย่อย และถ้ากินแบบไม่ใส่น้ำตาลมันจะเป็นยาป้องกันโรคเบาหวานกับโรคหัวใจได้อีกด้วย
กด Like ติดตามข่าวสารและข้อมูลดีๆ ในการดูแลสุขภาพได้ที่ www.facebook.com/nbliss.crm
N-Bliss ขอให้ทุกคนสุขภาพแข็งแรงนะคะ ^__^