อย. 10-1-06045-1-0037

บาโคไทด์ ผลิตภัณฑ์เพื่อการ บำรุงสมอง ความจำ ระบบประสาท ลดความเสี่ยงอัลไซเมอร์ เพิ่มสมาธิ ประสิทธิภาพการเรียนรู้ ด้วยสารสกัดจากสมุนไพร พรมมิ ที่อยู่ในคัมภีร์อายุรเวช  มีคุณสมบัติโดดเด่นด้านการดูแลสมอง ความจำมายาวนานกว่า 3,000 ปี  ได้รับการศึกษาค้นคว้าวิจัย จากมหาวิทยาลัย Swinburn และ Wollongon ประเทศออสเตรเลีย มากว่า 40 ปี ถูกพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในรูปแบบสูตรตำรับเฉพาะของ นูทริเจน  ทีมองถึงการทำงานแบบองค์รวม การทำงานที่ดีของสมองจำเป็นต้อนได้รับออกซิเจนที่เพียงพอ จากการไหลเวียนของเลือดที่ดี บาโคไทด์จึงไม่เพียงแต่ดูแลสมองความจำ ระบบประสาท แต่ยังช่วยลดคลอเรส เตอรอล ไตรกลีเซอร์ไรด์  ให้เลือดไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น  ทำให้สมองได้รับออกซิเจนได้มากยิ่งขึ้นไปด้วย

คุณสมบัติส่วนประกอบ
BacopaMonnieri (Brehmi) Extract ถ้าพูดถึงสมุนไพรที่ช่วยฟื้นฟูเสริมสร้างเซลล์สมองแล้ว สมุนไพร พรมมิ (Brahmi)   จะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันมากนักในประเทศไทย เนื่องจาก Bacopamionniera เป็นสมุนไพรที่พบได้เฉพาะในอินเดียเท่านั้น    แต่สมุนไพรดังกล่าวถูกใช้มามากกว่า 3,000 ปี เพื่อช่วยในเรื่องความจำและการเรียนรู้ ในหลักการแพทย์อายุรเวทของอินเดียได้ทำการวิจัยสมุนไพรชนิดนี้ที่ Central Drug Reserch Institute (CSIR/CDRI) และมีผลการวิจัยอีกมากมายที่เป็นเครื่องยืนยันให้เห็นว่า สมุนไพรชนิดนี้สามารถสร้างและฟื้นฟูเซลล์สมองที่เสียหายหรือเสื่อมสภาพ โดยสมุนไพร พรมมิ    จะเข้าไปช่วยฟื้นฟูสมองบริเวณส่วนที่เรียกว่า Hippocampus ซึ่งทำหน้าที่สร้างความจำ การผสมผสานความจำ และรักษาความจำ
 
Soybean PeptideSoybean Peptide
ในสารสกัดจากถั่วเหลืองให้สารตัวหนึ่งที่ชื่อว่า เปปไทด์ถั่วเหลือง คือหนึ่งในสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ช่วยให้สมองและจิตใจได้คลายเครียดลง   เปปไทด์ก็คือ โปรตีนที่ผ่านการย่อยด้วยเอนไซม์จนมีโมเลกุลขนาดเล็กนั่นเอง โปรตีนนั้นเป็นสารอาหารแหล่งเดียวที่ให้ธาตุไนโตรเจนซึ่งร่างกายจะนำมาสร้างเป็นสาร Bioactive ที่ใช้ควบคุมการทำงานต่างๆของร่างกาย นับตั้งแต่ระบบภูมิคุ้มกัน ฮีโมโกลบิน (ส่วนประกอบของเม็ดเลือดแดง) ฮอร์โมนบางชนิด และสารสื่อนำประสาท(Neurotransmitter) ทั้งนี้สารอาหารประเภทโปรตีนนั้นประกอบขึ้นจากหน่วยที่เล็กที่สุดคือ กรดอะมิโนต่อกันเป็นสายยาวๆเรียกว่า พอลิเปปไทด์ (Polypeptide) ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับสารอาหารโปรตีนเข้าไปแล้วก็จะเข้าสู่กระบวนการย่อยด้วยเอนไซม์หรือน้ำย่อย จนโปรตีนมีขนาดโมเลกุลที่เล็กลงขนาดที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้งานได้ผ่านทางลำไส้เล็ก แต่ขบวนการดูดซึมที่ลำไส้เล็กนั้นไม่ได้มีแต่เพียงโปรตีนโมเลกุลที่เล็กที่สุดอย่างกรดอะมิโนเท่านั้นแต่ยังมีกรดอะมิโนที่เกาะตัวกันเป็นกลุ่มนั่นก็คือ เปปไทด์ที่ได้รับการดูดซึมด้วย  จากผลการวิจัยหลายฉบับ ชี้ให้เห็นว่าที่บริเวณลำไส้เล็กนั้น มีช่องทางพิเศษสำหรับให้ร่างกายสามารถดูดซึมเปปไทด์ได้โดยตรง เรียกว่า Peptide Transporter ซึ่งเป็นช่องทางที่แยกจากช่องทางสำหรับกรดอะมิโน และถ้าจำนวนของกรดอะมิโนที่เกาะมีขนาดค่อนข้างเล็ก เปปไทด์จะถูกดูดซึมเพียงครั้งละ 1 โมเลกุลต่อหนึ่งช่องทางเท่านั้น ขณะที่เปปไทด์จำนวนมากสามารถดูดซึมได้ในทันที  ดังนั้น Soy Peptide จึงสามารถถูกดูดซึมได้อย่างรวดเร็วและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อร่างกายมีความจำเป็นต้องใช้โปรตีนทดแทนเนื่องจากผ่านการย่อยมาแล้ว การทาน Soy Peptide ในช่วงเช้าสมองจะมีความตื่นตัวโดยรู้สึกตื่นพร้อมทีจะทำงานต่อไป ในขณะที่การได้รับ Soy Peptide ในช่วงบ่ายหรือค่ำ สมองจะเกิดความรู้สึกผ่อนคลายและช่วยให้ลดความรู้สึกอ่อนล้าของสมองได้
 
Fish Oil
กรดไขมัน โอเมก้า-3 (ω-3 หรือ Omega 3 ) เป็นโครงสร้างไขมันสำคัญในสมองและจอประสาทตา มีบทบาทสำคัญต่อโครงสร้างและการทำงานของสมอง ตับ และระบบประสาทเกี่ยวกับการพัฒนาเรียนรู้ รวมทั้งเกี่ยวกับเรตินาในการมองเห็น และยังมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อโภชนาการและสุขภาพของคนเรา เช่น ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอล และไตรเอธิลกลีเซอรอล (triethylglycerol) ในพลาสมา ควบคุมระดับไลโปโปรตีน (lipoprotien) และมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบและหน้าที่ของเกล็ดเลือด จึงมีแนวโน้มก่อให้เกิดผลดีในการลดอันตรายของโรคทางเดินหายใจ โรคไขมันในเส้นเลือด โรคหัวใจและโรคซึมเศร้า กรดไขมันโอเมก้า-3 มี 2 ชนิดคือ Eicosapentaenoic Acid เรียกโดยย่อว่า EPA และ Docosahexaenoic Acid เรียกโดยย่อว่า DHA ,  EPA และ DHA เป็นกรดไขมันชนิดที่ร่างกายต้องการและสร้างไม่ได้ EPA และ DHA มีโครงสร้างจำนวนคาร์บอนไม่เท่ากัน ส่วนประโยชน์ DHA ช่วยบำรุงสมองและสายตา ช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ส่วน EPA ช่วยลดการอักเสบ

Yeast Beta Glucan 85%
เบต้า-กลูแคนจากยีสต์ เป็นเบต้า-กลูแคนที่สกัดบริสุทธิ์มีลักษณะโครงสร้างโมเลกุลจับที่ตำแหน่ง 1,3 และ 1,6 มีผลวิจัยรองรับว่า ช่วยลดอาการอันเกิดจากการติดเชื้อของระบบภูมิคุ้มกันโดยรวมของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบทางเดินหายใจ และมีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย

Lecithin
โครงสร้างของเลซิตินยังมีสารประกอบที่สำคัญคือ โคลีน (Choline) ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างสารสื่อประสาทที่สำคัญของสมอง Acetylcholine หากร่างกายได้รับ เลซิตินในปริมาณที่เพียงพอ ก็จะช่วยรักษาอาการผิดปกติของระบบประสาทบางประเภทได้ บทบาทและหน้าที่สำคัญของเลซิติน คือบำรุงและป้องกันภาวะความผิดปกติของระบบประสาทและสมอง ลดการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี เสริมสร้างการทำงานของตับ ลดภาวะไขมันโคเลสเตอรอลในเลือดสูง

L-Cysteine HCI Anhydrius
เป็นกรดอะมิโนที่สำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานทางปัญญาของผู้ที่มีสมองเสื่อม ป้องกันการพัฒนาของต้อกระจกและชะลอยีนส์ด้อยค่าใน amyotrophic lateral sclerosis  ปกป้องเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้และช่วยในการดูดซึมของสารอาหารที่จำเป็นจากอาหาร ช่วยป้องกันความเสียหายที่เกิดจากการสูบบุหรี่ในทางเดินหายใจ

L-arginine
แอล-อาร์จินีน คือกรดอะมิโน ที่ถือว่าเป็น “โมเลกุลมหัศจรรย์” มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมหาศาลเพราะ        L-Arginine จะกระตุ้นให้ร่างกายผลิต ไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) เพื่อช่วยในเรื่องการขยายตัวของหลอดเลือด รวมทั้งกระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญในการคงความเป็นหนุ่มเป็นสาว ช่วยชะลอความชรา

Thiamine Hydrochloride 
วิตามิน บี 1 มีความจำเป็นในการสร้างสารสื่อสัญญาณประสาท และมีความจำเป็นต่อสุขภาพของระบบประสาท อาการรู้สึกสับสนเป็นอาการของการขาดวิตามิน บี1 

NiacinamideNiacinamide
วิตามิน บี 3 เป็นวิตามินที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาทางชีวเคมีมากกว่า 50 ปฏิกิริยา ช่วยในการรักษาอาการเครียดและซึมเศร้า ช่วยเสริมการไหลเวียนของเลือด บรรเทาอาการปวดไมเกรน ผู้ที่รับประทานน้ำตาลทรายขาวมาก ๆ จำเป็นต้องได้รับวิตามิน บี 3 มากเป็นพิเศษ

Vitamin B6  
วิตามินบี 6 เป็น Co-Enzyme ในการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ ช่วยในการผลิตกรดอะมิโน เสริมสร้างร่างกายที่สึกหรอ ช่วยรักษาสมดุลของระบบต่างๆ ในร่างกาย มีความจำเป็นในการเผาผลาญสารอาหารประเภท กรดอะมิโน และกรดไขมัน เพื่อนำไปเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และยังจำเป็นในขบวนการสร้างฮอร์โมนและสารสื่อประสาทต่างๆ ในร่างกาย จึงนิยมใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตประสาทเช่น อาการซึมเศร้า เครียด เป็นต้น ช่วยลดระดับ Homocysteine ในร่างกายซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการเกิดอาการอุดตันของคลอเรสเตอรอลในหลอดเลือด สาเหตุการเกิดโรคในระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงอาการสมองเสื่อมด้วย และมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย

Vitamin B12 
ช่วยในการสร้างเซลล์ ช่วยกรดโฟลิกในการสร้างเม็ดเลือดและป้องกันภาวะโลหิตจาง ช่วยให้ระบบประสาททำงานมีประสิทธิภาพดีขึ้น

Vitamin E acetate
50%วิตามินอีกับการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง  กระบวนการออกซิเดชันของไขมันชนิด LDL (low density lipoprotein) ซึ่งเป็นไขมันชนิดเลวในเลือดมีผลทำให้เส้นเลือดเกิดความเสียหายอย่างมาก มีหลักฐานที่แสดงว่าวิตามินอี มีคุณสมบัติช่วยลดการเกิดกระบวนการที่ว่านี้ และช่วยลดการเกาะตัวกันของเกล็ดเลือด (platelet aggregation) ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจดีขึ้น และยังช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคระบบหลอดเลือดหัวใจ รวมถึงหลอดเลือดสมองด้วย โดยได้มีการศึกษาในประเทศอังกฤษพบว่าคนที่ได้รับวิตามินอีอย่างน้อยวันละ 100 IU หลังการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจจะช่วยป้องกันการสะสมของไขมันที่ผนังเลือดได้ และคนที่ได้รับวิตามินอีประมาณวันละ 400-800 IU อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อยปีครึ่งจะช่วยป้องกันอัตราการเกิดโรคหัวใจวายได้ถึง 77%​

ขนาดบรรจุ 30 เม็ด/กล่อง

วิธีรับประทาน 
1. สมาธิสั้น หลงลืมง่าย ป้องกันภาวะความเสี่ยง วันละ 1 เม็ดก่อนนอน
2. ผู้ที่มีภาวะอัลไซเมอร์แล้ว รับประทานวันละครั้งละ 1 เม็ด เช้า และก่อนนอน

การฟื้นฟู สมอง และการทำงานของระบบประสาท จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง ผลิตภัณฑ์บาโคไทด์ สามารถรับประทานอย่างต่อเนื่องโดยไม่เป็นอันตราย