เนื้องอกที่ตับ (liver tumor) มีหลายชนิด ทั้งที่ทำให้เป็น มะเร็งตับ (liver cancer) ซึ่งมีการเสียชีวิตสูง และชนิดเนื้องอกธรรมดาที่ไม่มีอันตรายถึงขั้นมะเร็ง อาจจะเป็นแค่ ซีสต์ ธรรมดา (cyst) ที่ไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด หรือเป็นเนื้องอกชนิดฮีแมงจิโอมา
เนื้องอก หมายถึง ก้อนผิดปกติที่เกิดขึ้นจากการที่เซลล์แบ่งตัวรวดเร็วผิดปกติ และร่างกายไม่สามารถควบคุมได้ เนื้องอกในตับมีหลายชนิด อาจเป็นได้ทั้งชนิดไม่ใช่มะเร็ง หรืออาจเป็นมะเร็ง ชนิดที่เป็นมะเร็ง ที่สำคัญมีสองชนิด คือ ชนิดมะเร็งเซลล์ตับ และมะเร็งของท่อน้ำดี ซึ่งทั้งสองชนิด เป็นมะเร็งที่มีอันตรายสูง กระจายได้รวดเร็วมาก
นอกจากนี้บางครั้งยังพบเนื้องอกที่ตับที่เกิดจากการแพร่กระจายของโรคมะเร็งอวัยวะอื่นๆ ที่พบได้บ่อยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่กระจายมาที่ตับ ส่วนที่เป็นเนื้องอกที่ไม่ใช่เนื้อร้ายนั้น อาจจะเป็นซีสต์ หรืออาจจะเป็นอื่นๆที่พบได้บ่อย เช่น เนื้องอกชนิดฮีแมงจิโอมา (hemangioma)
สาเหตุของเนื้องอกที่ตับ
สาเหตุของโรค เนื้องอกชนิดธรรมดาที่พบในตับ แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
- เนื้องอกชนิดฮีแมงจิโอมา (hemangioma) หรืออาจเรียกว่า "ปานแดงที่ตับ" เนื้องอกชนิดฮีแมงจิโอมา เป็นเนื้องอกชนิดธรรมดาที่ไม่ใช่มะเร็ง ที่พบบ่อยที่สุดในตับ สาเหตุการเกิดไม่ทราบแน่ชัด ลักษณะเป็นกลุ่มของเส้นเลือดที่เจริญเติบโตผิดปกติ ทั้งขนาดของเส้นเลือดและการจัดเรียงตัว มักพบเป็นก้อนเดี่ยวในตับ เซลล์หลักเป็นชนิดมีเซ็นไคมัล พบว่าในผู้ใหญ่จะมีเนื้องอกชนิดฮีแมงจิโอมาได้มากถึงร้อยละ 5 แต่จะเป็นก้อนขนาดเล็ก และไม่ก่อให้เกิดอาการผิดปกติแต่อย่างใด
- เนื้องอกชนิด Focal Nodular Hyperplasia เป็นเนื้องอกชนิดธรรมดาที่ไม่ใช่มะเร็ง ที่พบได้บ่อยเป็นอันดับสองรองจากเนื้องอกชนิดฮีแมงจิโอมา มักพบในผู้หญิงอายุ 20-30 ปี ตรวจพบเป็นก้อนเดี่ยว และไม่เปลี่ยนแปลงไปเป็นมะเร็งแต่อย่างใด สาเหตุเกิดจากการที่เซลล์ตับมีปฏิกิริยาต่อเส้นเลือดแดง-ดำที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งเป็นมาแต่กำเนิด โดยรวมตับของผู้ป่วยจะทำหน้าที่ได้เหมือนปกติทุกอย่าง และการตรวจเลือดจะพบว่าหน้าที่ของตับปกติ
- เนื้องอกชนิดอะดีโนมา (hepatocellular adenoma) เป็นเนื้องอกชนิดธรรมดาที่ไม่ใช่มะเร็ง ที่พบได้ในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ส่วนใหญ่จะตรวจพบโดยบังเอิญ เช่น จากการตรวจอัลตราซาวน์ช่องท้อง หรือจากการตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์/เอ็มอาร์ไอ
นอกจากนี้ ก้อนในตับยังอาจเกิดจากสาเหตุที่เป็นถงน้ำ ที่เรียกว่า "ซีสต์ในตับ" อาจเป็นมาแต่กำเนิดก็มี หรือเกิดจากเซลล์ท่อน้ำดีอุดตันบางส่วนจนทำให้น้ำดีไปขังในตับก็มี ไม่ทราบสาเหตุก็มี โดยจะไม่มีอาการบ่งบอกอะไร และไม่มีอันตรายใดๆ
อาการของเนื้องอกที่ตับ
- โดยทั่วไป เนื้องอกชนิดธรรมดาที่ไม่ใช่มะเร็งทุกชนิดของตับ ไม่ก่อให้เกิดอาการผิดปกติแต่อย่างใด ในกรณีที่มีอาการผิดปกติ จำเป็นต้องวินิจฉัยแยกโรคจากมะเร็งตับ ซึ่งอาการของคนที่เป็นมะเร็งตับ จะคลำก้อนพบใต้ชายโครงด้านขวา น้ำหนักลด เบื่ออาหาร ผอมลง ตัวเหลือง ตาเหลือง และมีไข้
การวินิจฉัยโรค
- ส่วนใหญ่จะวินิจฉัยเนื้องอกชนิดธรรมดาที่ไม่ใช่มะเร็งทุกชนิดของตับได้ จากการตรวจ อัลตราซาวน์ ultrasound, เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ CT scan, หรือ MRI ลักษณะของเนื้องอกฮีแมงจิโอมา ที่ตรวจจากการตรวจอัลตราซาวน์ คือ พบเป็น echogenic mass ถือเป็นการตรวจที่มีความไวสูง ประมาณร้อยละ 68 แต่ความจำเพาะค่อนข้างต่ำ เพียงร้อยละ 32 เท่านั้น ปัจจุบันจึงแนะนำให้ทำการตรวจเพิ่มเติมต่อไปด้วย CT scan หรือ MRI
- ในกรณีที่วินิจฉัยแยกโรคจากมะเร็งตับ พบว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้เป็นมะเร็งเซลล์ตับ คือ ตับอักเสบ โดยเฉพาะที่เกิดจากไวรัสตับอักเสบชนิด บี การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากจนทำให้ตับอักเสบและกลายเป็นมะเร็ง หรือการรับสารอัลฟ่าท็อกซิน เช่น เชื้อราในถั่ว พริกแห้ง กระเทียมที่เก็บไว้นาน ก็เป็นสาเหตุสำคัญ
- ส่วนสาเหตุที่ทำให้เป็นมะเร็งท่อน้ำดีนั้น ที่สำคัญคือ พยาธิใบไม้ในตับ โดยพบมากแถวภาคอีสาน คนที่ชอบรับประทานก้อยปลา ปลาดิบ เข้าไป พยาธิที่อยู่ในปลาก็เข้าไปอยู่ในท่อน้ำดีของตับ เมื่อมีสารก่อมะเร็งไปเสริม เช่น ไนโตรซามีนหรือดินประสิว ซึ่งใช้ผสมในอาหารหมักดอง เช่น ปลาเค็ม แหนม กุนเชียง เข้าไปผสมมาก สารไนโตรซามีนจะกระตุ้นทำให้เกิดมะเร็งท่อน้ำดีได้
- สำหรับโรคมะเร็งเซลล์ตับ ถ้าตรวจพบมักจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน การผ่าตัดก็ได้ผลไม่มาก อัตราส่วนหลังผ่าตัดมีชีวิตอยู่ได้เกิน 5 ปี มีแค่ร้อยละ 10 เท่านั้น ในขณะที่มะเร็งท่อน้ำดี แม้จะโตช้า แต่ก็พบว่าอัตราส่วนหลังผ่าตัดมีชีวิตอยู่ได้เกิน 5 ปีเพียงร้อยละ 30
แนวทางในการรักษาเนื้องอกที่ตับ
- สำหรับเนื้องอกชนิดฮีแมงจิโอมา (hemangioma) ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดออกแต่อย่างใด ยกเว้นในรายที่เป็นเด็กเล็ก และก้อนเนื้องอกมีขนาดใหญ่มาก ทั้งนี้เพื่อป้องกันการแข็งตัวของก้อนเลือด และป้องกันไม่ให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว ในผู้ใหญ่ถ้าก้อนมีขนาดใหญ่กว่า 10 เซ็นติเมตร แพทย์อาจพิจารณาผ่าตัด หรือรักษาด้วยวิธีสวนสายเพื่อไปทำให้เส้นเลือดอุดตัน
- สำหรับเนื้องอกชนิด Focal Nodular Hyperplasia Treatment ส่วนใหญ่ไม่ต้องตัดออก
- สำหรับเนื้องอกชนิดอะดีโนมา (hepatocellular adenoma) ส่วนใหญ่ไม่ต้องตัดออกเช่นกัน ยกเว้นในรายที่ก้อนแตก และพบว่ามีเลือดออกในช่องท้อง ซึ่งพบน้อยมาก เนื้องอกชนิดอะดีโนมาจะไม่กลายเป็นมะเร็ง
- ก้อนในตับที่เกิดจากสาเหตุที่เป็นถุงน้ำ ที่เรียกว่า "ซีสต์ในตับ" ไม่จำเป็นต้องตัดออก แต่ถ้ามีชนิดที่โตมากจนเบียดท่อน้ำดี ก็อาจจะต้องเจาะออก ไม่ต้องตัดก็ได้
ที่มา : นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ
ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ
http://www.bangkokhealth.com/sitesearch_detail.asp?number=9718
เครดิต ภาพอัลตราซาวน์ : http://www.ultrasoundcases.info/Slide-View.aspx?cat=131&case=5659
|