.
ตะกร้า [0]
วันที่สร้างเว็บ :18/6/2009
ปรับปรุงเว็บครั้งล่าสุดเมื่อ :28/7/2015
จำนวนคนเข้าชมเว็บนี้ :893890
ad
การลงโฆษณาบน facebook แบบ “Like Pages”
บทความ ณ. วันที่ : 30/7/2015        จำนวนคนเข้าชมเว็บ : 185 ครั้ง   

การลงโฆษณาบน facebook แบบ “Like Pages

จุดประสงค์: เพิ่มยอดไลค์ให้แฟนเพจ

เหมาะสำหรับ: เพจเพิ่งเปิดใหม่ ยังมีแฟนเพจไม่มาก

ราคาที่เหมาะสม: ควรอยู่ที่ประมาณคลิกละ 2-5 บาท

เคล็ดลับสร้างAds ให้โดน!

1.ใช้รูปขนาด 1200 x 444 pixels รูปต้องเด่น ดูแล้วน่าคลิกเข้าไป

2.Text มีความาวไม่เกิน 90 ตัวอักษร ต้องบอกให้ชัดเจนว่าเรามีสินค้า/บริการอะไร

3.เลือกกลุ่มเป้าหมายอย่างรอบคอบที่สุด

4.สร้างAds หลายๆตัว เพื่อเปรียบเทียบ จนได้รูปแบบAds ที่คนสนใจที่สุด

มาเริ่มสร้าง Ads กันเลย

1. เข้าไปที่ Create Ads ที่อยู่มุมบนขวาของหน้า facebook

fbad1

2. เลือก “Page Likes” และเลือกเพจที่เราจะทำการโปรโมตคะ

Screen Shot 2557-08-20 at 9.32.52 PM

3.เพิ่มรูปสำหรับประกอบโฆษณา สามารถอัพได้มากถึง 6 รูป เพื่อดูความแตกต่างว่าคนชอบแบบไหนมากที่สุด ในที่นี้@แม่ค้า ขอทดลองลง 3 รูปไปก่อนดีกว่า เยอะมากเดี๋ยว งง อิอิ

Screen Shot 2557-08-20 at 9.42.46 PM

4.เมื่อเลือกรูปได้แล้ว คราวนี้เรามาใส่ถ้อยคำโฆษณาประกอบรูป หรือที่เรียกว่า Text ซึ่งควรเป็นข้อความสั้นๆ ขนาด 90 ตัวอักษร ที่ได้ใจความครบถ้วน เชิญชวนให้คนอยากมาช็อปปิ้งกับเรา ^^

Screen Shot 2557-08-20 at 9.53.39 PM

5.หลังจากลองใส่ Text แล้วที่ด้านขวามือก็จะแสดง review โฆษณาที่มีการแสดงผลแบบต่างๆกัน ทั้งบน news feed เครื่อง PC ทั่วไป บน Smart Phone

Tips: เราสามารถเลือกให้แสดงผลได้ทุกที่ หรือเลือกบางที่ก็ได้ เพียงแค่กด “Remove” หรือ “Add” ที่มุมบนขวาของแต่ละแบบแสดงผลค่ะ

-ตัวอย่างแสดงผลบน News Feed บนเครื่อง PC

Screen Shot 2557-08-20 at 10.23.03 PM

-ตัวอย่างแสดงผลบน News Feed มือถือ

Screen Shot 2557-08-20 at 10.26.23 PM

-ตัวอย่างแสดงผลบนแถบด้านขวาบนเครื่อง PC และ Desktop Version บนมือถือ

Screen Shot 2557-08-20 at 10.27.55 PM

6. มาถึงขั้นตอนสำคัญ นั่นก็คือ

“การเลือกกลุ่มเป้าหมาย”

อธิบายศัพท์เฉพาะ

Screen Shot 2557-08-21 at 12.56.58 AM

Location = อยากให้ Ads ของเราแสดงผลกับผู้ใช้ที่เล่นอยู่ที่ประเทศไทย/จังหวัดไหน/เขตไหน

Age = ช่วงอายุของคนเล่นเฟส ที่เราอยากให้เห็น Ads เรา

Gender = เพศของคนที่เราอยากให้เห็น Ads เรา

Language = ภาษาที่ใช้ของคนเล่นเฟส ที่เราอยากให้เห็น Ads เรา

Interests = ความสนใจของคนเล่นเฟส ที่เราอยากให้เห็น Ads เรา <แอบบอกหน่อยว่า facebook นั้น ตามเก็บพฤติกรรมความชอบ/ความสนใจของเรา โดยดูจากรูปแบบเพจที่เราชอบกดไลค์ และอื่นๆที่แสนลึกล้ำ และยังคงเป็นปริศนา>

Behaviour = รูปแบบพฤติกรรม สำหรับมุ่งเน้นโชว์ Ads ไปที่บุคคลที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ เช่น กำลังท่องเที่ยว <Traveling to…> หรือกำลังเล่นเกมออนไลน์ <Playing online game> ฯลฯ

Connection = เราสามารถเลือกได้ว่า คนที่เห็น Ads นี้คือคนที่เคยกด/ไม่เคยกดไลค์เพจเราไว้แล้วเท่านั้น หรือ เลือกทั้งสองอย่างก็ได้

 

ตัวอย่างการเลือกกลุ่มเป้าหมายของร้าน Mooky ขายเสื้อผ้า vintage มือสอง

จะเห็นได้ว่า เราจะพยายามเจาะกลุ่มวัยทำงานทั้งชายหญิงในประเทศไทย ที่ชื่นชอบเสื้อผ้าสไตล์วินเทจ : )

Screen Shot 2557-08-21 at 12.53.30 AM

 

7.เมื่อเลือกกลุ่มเป้าหมายเสร็จแล้ว เลื่อนลงมาข้างล่างก็จะเจอ “วิธีจ่ายเงิน”

Screen Shot 2557-08-20 at 11.49.31 PM

Budget คือ งบที่เราสามารถจ่ายได้ มีให้เลือก 2 แบบ ว่าอยากจ่ายรายวัน (Per Day) หรือ เหมาจ่าย (Lifetime Budget)

ค่าใช้จ่าย ของแต่ละ Ads นั้นไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับการเลือกกลุ่มเป้าหมาย&ช่วงเวลาที่ run ad ยิ่งมีคนเลือกเหมือนเรามาก ราคาก็จะสูงขึ้น เมื่อใดที่ Ad รันตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ (ยอดคนคลิก/ยอดคนเห็น) จนมีค่าใช้จ่ายเท่าวงเงินที่เราเลือกไว้ Ad ก็จะหยุดรันไปเอง และก็จะมีบิลเรียกเก็บเงินผ่านทางบัตรเครดิต หรือ บัญชี PayPal ที่เราผูกไว้กับ facebook ทุกครั้งที่จบแคมเปญโฆษณา ถ้าแคมเปญยาวมากๆ ก็จะเก็บทุกสิ้นเดือนค่ะ

Bidding คือ รูปแบบการหักเงิน มีให้เลือก 3 แบบคือ

1. Optimize for Page Likes เหมาะสำหรับคนไม่ชอบคิดอะไรมาก ทาง facebook จะคำนวณเงินที่แพงที่สุด เพื่อให้ Ads ของเราจะถูกโชว์&ถูกคลิก&ถูกไลค์มากที่สุด

2. Optimize for clicks คิดเงินเมื่อมีคนคลิก Ads ของเรา

3. Optimize for impressions คิดเงินเมื่อ Ads ของเราถูกโชว์ครบ 1,000 ครั้ง ไม่ว่าจะมียอดคลิกกี่ครั้งก็ตาม

เลือก Bidding แบบไหนดี?

เป็นคำถามคาใจหลายๆคน เอาเป็นว่าเราต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า “จุดประสงค์ของการทำ Ads ครั้งนี้ คืออะไร?”บางคนเอาแค่ต้องการยอดไลค์ก็อาจจะใช้แบบ1 หรือ 2 บางคนแค่อยากสร้าง  Brand Awareness(การทำแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก) ก็อาจจะเลือกใช้แบบ3 หรือบางคนเน้นความคุ้มค่า ก็อาจจะลองทำหลายๆแบบเทียบดู แล้วลองดูว่าแบบไหนมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ก็ได้

หวังว่าเรื่องที่เรามาบอกต่อในวันนี้ คงจะเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่หัดทำโฆษณากันนะคะ ถ้ามีข้อมูลส่วนไหนผิดพลาด หรือ อยากแนะนำ พูดคุยกับ “แม่ค้าผู้น่าlike” ก็ FB inbox มาได้เลยค่ะ ติดตามตอนต่อไปกันด้วยนะคะ สำหรับการทำ “Page Post Engagement” รับรองว่า ง่าย และทำตามได้อีกเช่นเคยค่ะ ; )

 

ขอบคุณบทความดีๆ คัดลอกบทความจาก http://blog.sellsuki.com