ดร.ณสพน โพธิวิจิตร นักวิจัยผู้ที่ทำการศึกษาเรื่องมะหาด จากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า งานวิจัยดังกล่าวตนทำมาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ร่วมกับ รศ.พิมพรลีลาพรพิสิษฐ์ จนมีคนไปเจอผลงานวิจัยเรื่องนี้เข้าทางอินเตอร์เนตต่อมาจึงมีผู้นำไปค้นคว้าและทดลองจนมีการต่อยอด เลยทำให้ตอนนี้มีผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ออกมาสู่ตลาดเป็นจำนวนมากและกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ จากการวิจัยและค้นคว้าทดลอง พบว่า สารสกัดจาก “แก่นมะหาด” ชื่อ Oxyresveratrol ซึ่งในสารตัวนี้มีสาร Anti- tyrosinase และ สาร Anti-aging มีผลทำให้หน้าขาวใส หน้าเด้ง ไม่เหี่ยว มีผลทำให้สีผิวอ่อนลง ลดความเข้มของเม็ดสีเมลานินในผิวหนัง ปลอดภัยและไม่ทำให้ระคายเคืองผิว จนมีการนำสารชนิดนี้มาพัฒนา เป็นส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง

จริงๆ แล้วมะหาดเป็นสมุนไพรไทย ตระกูลเดียวกับต้นขนุน มีความสูงประมาณ 30 เมตร ทรงพุ่มแผ่กว้าง ใบเดี่ยว เรียงสลับรูปขอบขนาน หรือรูปวงรี กว้าง 8-10 ซม. ยาว 10-12 ซม. หลังใบเป็นมันสีเขียวเข้ม ท้องใบสาก ดอกช่อ ออกที่ซอกใบ ค่อนข้างกลม ก้านสั้น แยกเพศ อยู่บนต้นเดียวกัน ผล เป็นผลรวม สีเหลือง ผิวขรุขระ มีขนนุ่ม มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Artocarpus lakoocha เป็นไม้ยืนต้นในวงศ์ Moraceae ต้นกำเนิดจากทวีปเอเชียใต้นิยมปลูกเอาไว้ใช้ประโยชน์ทุกส่วนของต้น สามารถเจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิด มีความทนทานต่อความแห้งแล้งได้ดีมาก มักขึ้นกระจายตามป่าดิบทั่วไป

นอกจากสรรพคุณช่วยขาวแล้ว “มะหาด” ยังมีสรรพคุณอีกมากมายในหลายด้าน แก่น-ปวดหลัง ถ่ายพยาธิ แก้อาการท้องผูกท้องอืด ท้องเฟ้อได้หรือนำผงปวกหาดมาละลายกับน้ำ ทาแก้ผื่นคัน ราก-ลดไข้ แก้กระษัยเส้นเอ็น ถ่ายพยาธิ แก้พิษร้อน เปลือก-ลดไข้ ผลไม้-รับประทานได้สารสกัด-ลดผมร่วง กระตุ้นการงอกของเส้นผม แก้เริม ทำให้โรคผิวหนังค่อยๆ หายไป ลดความคล้ำของเม็ดสีผิว

ตอนนี้ก็พอจะรู้แล้วว่ามะหาดนั้นช่วยให้ผิวขาววิ้งนี่เองมนุษย์เราถ้าพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ก็คงไม่ต้องดิ้นรนมากขนาดนี้ถ้านี่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสมุนไพรไทยก็มีดีกว่าที่คิด