ชื่อวิทยาศาสตร์: Garcinia cambogia (Gaertn) (1)
ข้อมูลทั่วไป: พืชตระกูลการ์ซิเนียในโลกนี้มีสายพันธุ์ที่ถูกจดบันทึกไว้หลายชนิด เช่น มังคุด ที่เป็นผลไม้รสเลิศก็เป็นพืชในตระกูลการ์ซิเนียเช่นกัน ส่วนใหญ่ของพืชตระกูลนี้ถูกพบในแถบอินโดจีน (1, 7) สารสกัดจากพืชในตระกูลการ์ซิเนียบางสายพันธุ์ให้ผลดีในการช่วยลดน้ำหนัก สารดังกล่าวคือ กรดไฮดรอกซีซิตริก หรือ เอช ซี เอ (1, 2, 7) แหล่งของเอชซีเอตามธรรมชาติ คือ พืชที่ซื่อว่า การ์ซิเนีย แคมโบเดีย (1, 2, 7) และการ์ซีเนีย อะโทรวิรัดิส (7) หรือส้มแขกซึ่งเป็นพืชพื้นเมืองทางภาคใต้ของประเทศไทยเรา (8) และการ์ซีเนีย อินดิคา (7) พืชในตระกูลการ์ซิเนียที่กล่าวข้างต้นนี้ถือเป็นพืชท้องถิ่นในเขตเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และมักพบเป็นพืชสายพันธุ์จากป่าแต่อย่างไรก็ตามพวกมันก็สามารถเพาะปลูกได้ในบางพื้นที่ เอช ซี เอ เป็นกรดดั้งเดิมที่พบในผลไม้ และเปลือกของผลไม้เหล่านั้น แต่ผลไม้ที่มีสารเอช ซี เอมากที่สุดคือ การ์ซิเนีย แคมโบเดีย (1, 7) เจ้าผลส้มแขกที่ว่านี้มีเปลือกบาง ผลแบ่งเป็นกลีบๆด้วยร่องลึกรอบผลทำให้มีลักษณะคล้ายฟักทอง มีสีตั้งแต่เหลืองไปจนถึงแดง (1, 7) ในประเทศศรีลังกาผลการ์ซิเนียถูกนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์เพื่อเป็นองค์ประกอบในกระบวนหมักปลา จากประวัติอันยาวนานไม่ว่าเป็นการใช้ประโยชน์ตามที่ได้สืบทอดกันมาแต่เก่าก่อนหรือตามหลักพฤษศาสตร์ การ์ซิเนียก็ได้ถูกใช้ให้เกิดประโยชน์มากมาย เช่น ใช้ปรุงแต่งรสชาด ใช้ถนอมอาหารและใช้เป็นสมุนไพรบำรุงสุขภาพ (7)
ส่วนที่ใช้: ผล (1, 2, 7)
ประโยชน์: เอช ซี เอ ทำให้การเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรทไปเป็นไขมันเกิดน้อยลง โดยเข้าไปยับยั้งเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการดังกล่าว (2-7) ความคิดในการนำเอช ซี เอ มาใช้ในการลดน้ำหนักได้เริ่มต้นในศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา โดยเอช ซี เอ จะให้ผลดีต่อการควบคุมน้ำหนัก เพราะคุณสมบัติในการลดความอยากอาหาร การเพิ่มการสะสมพลังงานในรูปไกลโคเจนมากขึ้น (ไกลโคเจน Glycogen : พลังงานสำรองแบบเร่งด่วนที่ร่างกายจะนำมาใช้เป็นอันดับแรกเมื่อต้องการ พบสะสมในตับกล้ามเนื้อ แต่แหล่งใหญ่ที่สุดจะเป็นตับ) และการเพิ่มความไวต่ออินซูลิน (อินซูลินคือ สารที่มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนหลั่งจากตับอ่อนมีหน้าที่จับน้ำตาลในกระแสเลือดเข้าสู่ร่างกาย) เอช ซี เอ จะมีผลเฉพาะป้องกันการเกิดไขมันจากคาร์โบไฮเดรตเท่านั้น แต่จะไม่มีผลใดๆกับการสะสมไขมันเนื่องจากการบริโภคไขมันปริมาณสูงเข้าสู่ร่างกาย (3)
ขนาดรับประทาน: เอช ซี เอ ที่ขายในรูปวัถตุดิบในท้องตลาดจะมีความบริสุทธิ์ที่ 50 -75 % ฉะนั้นขนาดรับประทานในแต่ละผลิตภัณฑ์จะแตกต่างกันไป จากการศึกษาในสัตว์ทดลองชี้ให้เห็นชัดว่าขนาดรับประทานที่ได้ผลคือ 3-6 กรัม เอช ซี เอต่อวัน และแนะนำว่าในมนุษย์ควรแบ่งรับประทานเป็นครั้งละ 1-2 กรัม สามครั้งต่อวันโดยรับประทาน 30-60 นาที ก่อนอาหาร (7) ส่วนการทดลองที่ทำในคนนั้นพบว่าการรับประทานเอชซีเอวันละ 750 มิลลิกรัมจะให้ผลดีอย่างมากโดยเฉพาะถ้ารับประทานร่วมกับสารออกฤทธิ์เสริมที่เหมาะสม(7) แต่มีบางการทดลองแนะนำให้รับประทานถึงครั้งละ 500 มิลลิกรัมสามครั้งต่อวัน (3)
ผลข้างเคียง: กรดไฮดรอกซีซิตริกเป็นสารที่สกัดได้จากธรรมชาติจึงแทบจะไม่พบความเป็นพิษแต่อย่างไรค่าแอลดี 50 (LD50) หรือค่าที่ได้จากการทดลองโดยให้สัตว์ทดลองกินสารที่ต้องการศึกษาเข้าไปในปริมาณสูงมากๆแล้ววัดค่าแอลดี 50จากปริมาณสารขนาดหนึ่งที่ทำให้สัตว์ทดลองตายลงไปครึ่งหนึ่งหรือ 50 %จากทั้งหมด ซึ่งจากการศึกษาทดลองพบว่าค่าแอล ดี 50ของเอช ซี เอคือ 2,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัว (ทดลองโดยฉีดเขาไปในช่องท้อง) และถ้าให้กินเข้าทางปากปริมาณเอช ซี เอ ที่ทำให้สัตว์ทดลองตายลงครึ่งหนึ่ง คือ 4,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัวสัตว์ทดลอง (7) จะเห็นได้ว่าการนำเอช ซี เอ มาบริโภคนั้นมีความปลอดภัยสูง แต่ยังมีข้อห้ามของการใช้ เอช ซี เอในกลุ่มคนบางพวก เช่น ผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมน (ฮอร์โมนเอสโตรเจน โปรเจสเตอโรน เทสโทสเตอโรนและฮอร์โมนหรือสารต่างๆในกลุ่มสเตียรอยด์) สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร และในเด็กเล็ก (3,7)
ปฎิกริยากับสารอื่น: จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่เคยมีรายงานของปฏิกริยาของ เอช ซี เอ ที่ไปมีผลขัดขวางหรือผลเสียกับสารหรือยาอื่นใด มีพบเพียงรายงานของการเพิ่มฤทธิ์ในการป้องกันการสะสมไขมันที่สูงขึ้นอย่างมากหากใช้เอช ซี เอ ร่วมกับสารโครเมี่ยม
Tag : ให้สารเอชซีเอ ช่วยในเร่งการเผาผลาญไขมันและน้ำตาล ลดการสะสมไขมันในร่างกาย
ดูสินค้าอื่น ๆ ในหมวดเดียวกัน