การนอนที่ถูกสุขลักษณะ คือ นอนในห้องที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เครื่องใช้ในการนอนทุกชิ้นต้องสะอาด เหมาะสมกับสรีระของผู้นอน หมอนไม่สูงหรือต่ำเกินไป วิธีเลือกหมอน นอนแล้วไม่ปวดคอ
กระดูกสันหลังของคนเรา มีลักษณะคล้ายกับตัว S ช่วงหน้าอกจะงอไปข้างหลัง ช่วงคอจะงอมาด้านหน้า ทำให้เวลานอน จำเป็นต้องมีหมอนหนุนคอ เพื่อให้โค้งงอไปตามธรรมชาติ หมอนที่ดี ควรมีความอ่อนนุ่ม หนุนสบาย ควรจะรองตั้งแต่ต้นคอจรดถึงศีรษะ ความสูงของหมอนประมาณ 4-6 นิ้ว ควรจะนุ่ม เพื่อให้ส่วนที่รองศีรษะยุบลง จนกระทั่งหมอนสามารถรองรับบริเวณคอได้ทั้งหมด
หมอนเตี้ยและนุ่มเกินไป ทำให้แรงดันในหลอดเลือดสูง ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงเมื่อตื่นขึ้นมาจะเกิดอาการมึนศีรษะ หน้าและหนังตาบวม อาจทำให้มีอาการเหมือนคนตกหมอน ปวดเคล็ดต้นคอ และหันลำบาก
หมอนที่สูงและแข็งเกินไป ทำให้ส่วนของศีรษะสัมผัสกับหมอนน้อย คอตั้งมากเกินไป เลือดไปเลี้ยงสมองไม่สะดวก อาจทำให้ข้อต่อกระดูกต้นคอทับหลอดเลือด และเส้นประสาท หรือเกิดอาการเป็นเฉพาะที่ เช่น ปวดต้นแขน และ ผู้ที่อาการหนัก อาจทำให้นอนกรน
ส่วนผู้ที่เป็นโรคหัวใจและปอด ควรนอนหมอนสูง เพื่อให้หัวใจและปอดทำงานเบาขึ้น ถ้าเป็นผู้ป่วยที่มีไข้สูง ควรหาหมอนน้ำให้หนุน เพื่อให้ความเย็นและช่วยลดความร้อนที่ศีรษะให้ดีขึ้นได้
ท่านอน ก็เป็นสิ่งสำคัญ แต่ละคนจะมีท่านอนที่แตกต่างกัน
-นอนคว่ำ ไม่ต้องใช้หมอน หรือหากจะใช้ ต้องแบน หรือมีหมอนใบเล็กๆ หนุนบริเวณท้องเพื่อความสบาย
-นอนหงาย หมอนที่ใช้ต้องนิ่มและไม่สูง ให้มีการรองรับส่วนเว้าของกระดูกคอ หน้าไม่เงยไปข้างหลัง ตำแหน่งที่จะใช้หนุนได้แก่บริเวณศีรษะ คอไหล่ และเข่า นอนตะแคง และมีหมอนข้างอีกใบไว้ระหว่างขา หมอนต้องกว้างพอที่จะไม่ต้องนอนเกร็งคอ กลัวตกหมอน และหลีกเลี่ยงการใช้หมอนเป่าลม หรือหมอนที่บรรจุน้ำ เพราะทำให้ศีรษะกลิ้งไปมา กล้ามเนื้อคอเกร็งไม่เป็นอันหลับนอน ไม่ได้พักผ่อนตลอดคืน
-นอนตะแคง หมอนต้องสูงเท่ากับระดับความสูงจากไหล่มายังศีรษะ ศีรษะต้องอยู่ในแนวเดียวกับกึ่งกลางลำตัว
นอนตกหมอน มีอาการหันคอไม่ค่อยได้ เจ็บปวดกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอ หรือที่เรียกว่า นอนตกหมอน แพทย์อธิบายว่า แท้จริงสาเหตุไม่ได้เกิดจากการนอนตกหมอน แต่เกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อกลุ่มหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างสะบัก อาจอักเสบด้านใดด้านหนึ่ง หรือทั้งสองข้างก็ได้
บางคนเป็นมาก ขนาดทำให้กระดูกสันหลังคดไป เพราะถูกกล้ามเนื้อดึงไว้ตลอดเวลา
การอักเสบ มักจะเริ่มจากกล้ามเนื้อบริเวณนั้นอ่อนแอ เมื่อออกกำลังเกร็งกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวคล้ายเป็นตะคริว เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อไม่ดี ทำให้เกิดอาการคั่งของเลือด ส่งผลให้กล้ามเนื้อระหว่างสะบักอักเสบ จนกล้ามเนื้อสะบักและต้นคอพลอยอักเสบไปด้วย ในที่สุดจะแข็งไปหมดทั้งต้นคอและเลยไปถึงแผ่นหลัง วิธีแก้ไขอย่างง่ายๆ ทำได้ 2 วิธี คือ
1.การนวดโดยใช้นิ้วมือกดแรงๆ บริเวณที่ปวด กดแช่ไว้นานประมาณ 2 อึดใจ เพื่อไล่เลือดและกรดที่คั่งในกล้ามเนื้อออกไป เพื่อให้เลือดได้สะดวก
2.ใช้ความร้อนจากกระเป๋าน้ำร้อน ผ้าชุบน้ำร้อน หรือขวดใส่น้ำร้อนห่อผ้า วางบริเวณที่ปวด และคลึงเบาๆ ช่วยให้กล้ามเนื้อที่อักเสบคลายตัวได้
หากปฏิบัติตามวิธีดังกล่าวแล้วยังไม่หายปวดต้นคอ ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุอื่นๆ ต่อไป